Before Sunrise & Before Sunset , เมื่อความรักเธอเข้ามา ทำให้ดวงตาฉันเห็นความสดใส
ก่อนท้องฟ้าจะสดใส ก่อนความอบอุ่นของไอแดด
(Before sunrise)





“...ผมพบเธอบนรถไฟที่กำลังมุ่งหน้าไปฝรั่งเศส ในโบกี้ที่เรานั่งอยู่ มีคู่รักที่ทะเลาะกันเสียงดังแบบไม่เกรงใจใคร ด้วยความรำคาญเธอจึงย้ายมานั่งตรงข้ามผม และทำให้เราได้รู้จักกัน ผมกำลังจะลงที่เวียนนาเพื่อขึ้นเครื่องต่อ ส่วนเธอกำลังจะกลับบ้านที่ฝรั่งเศส

นั่งคุยไปเรื่อยๆ ความแปลกหน้าของเราสองคน ก็ละลายหายไปไปอย่างรวดเร็ว



ปกติผมเป็นคนขี้อาย แต่ในวันนั้น ไม่รู้ความกล้ามหาศาลมาจากไหน เมื่อถึงสถานีปลายทาง ผมเอ่ยปากชวนเธอแวะลงเที่ยวเวียนนาด้วยกัน ก่อนที่ผมจะขึ้นเครื่องกลับเช้าอีกวัน

ไม่อยากเชื่อว่า เธอจะตอบรับ ทั้งที่ก่อนลงจากรถไฟเรายังไม่รู้จักชื่อกันเสียด้วยซ้ำ

ผมมีโอกาสใช้เวลาร่วมกับเธอในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ก่อนดวงอาทิตย์จะโผล่ขึ้นจากขอบฟ้า จากนั้นผมก็ต้องขึ้นเครื่องกลับบ้านส่วนเธอก็จะเดินทางต่อไป



เราสองคนสำรวจเวียนนายามเย็น พบเจอผู้คนมากมาย เจอหมอดู เจอคนร่อนเร่ขายบทกวี เจอนักแสดงละครเวที ไปสวนสนุก ไปเข้าผับ

เราคุยกันทั้งเรื่องสัพเพเหระ เรื่องวัฒนธรรม เรื่องลิง เรื่องผู้ชาย เรื่องผู้หญิง เรื่องแฟนเก่า ฯลฯ

ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ผมรู้สึกเหมือนกับว่า ผมรู้จักเธอมานานหลายปี



... หนึ่งในเหตุการณ์ประทับใจ คือ เกมโทรศัพท์ ที่เธอคิดขึ้นมาบนโต๊ะอาหาร

วิธีการเล่นคือเธอจะพูดคุยกับผม โดยให้ผมรับสายเสมือนว่าเป็นเพื่อนของเธอ แล้วเธอก็เล่าเรื่องราวที่ลงจากรถไฟวันนี้ เล่าว่าเธอรู้สึกดีๆกับผมอย่างไร ในเวลาเดียวกัน เธอกลัวว่า ผมจะเกลียดเธอ หลังจากที่เธอเปิดเผยความร้ายกาจในตัวเอง

ผมจะเกลียดเธอลงได้อย่างไร ยิ่งเมื่อได้ยินเธอพูดถึงตัวเองว่า

“ฉันไม่ใช่คนที่จะทำร้ายใคร คนที่ฉันจะทำร้ายได้มีแต่ตัวเอง”

ผมรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกของความฝัน ไม่รู้ว่าวันนี้ของเราจะนำไปสู่อนาคตอย่างไร สิ่งที่เราสองคนตกลงกันคือ เราจะสร้างความฝันที่มีตอนนี้ ให้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด



เช้าวันใหม่มาถึง ก่อนแยกจาก ผมไปส่งเธอขึ้นรถไฟ เราตัดสินใจว่า จะไม่โทรหากัน ไม่แลกเบอร์โทรศัพท์กัน เพราะกลัวเหมือนหลายๆคู่ที่พบกัน คุยกัน คบกัน แล้ว สุดท้ายก็เกลียดขี้หน้าหรือเลิกรา

เราตกลงกันมั่นเหมาะว่าจากกันในวันนี้ แล้ว 6 เดือนข้างหน้า เราจะมาเจอกันอีกครั้งที่นี่

แต่ วันที่เราได้พบกันอีกครั้งจริงๆ กลับเป็น 9 ปีถัดมา”



ก่อนดวงดาวจะเต็มฟ้า ก่อนชีวิตจะรู้คุณค่า
(Before sunset)



“... หลายปีจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวียนนา ผมเขียนหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่ง เกี่ยวกับ ค่ำคืนที่ได้พบกับเธอ ผมไม่ค่อยสนใจยอดขายมากเท่าความหวังว่า หนังสือเล่มนี้จะเป็นโอกาสที่พบเธออีกซักครั้งในชีวิต ถ้าเพียงเธอได้อ่านมัน

และแล้วในที่สุด ความหวังนั้นก็กลายเป็นความจริง เมื่อผมมีโอกาสเดินทางมาโปรโมทหนังสือเล่มนี้ที่บ้านเกิดของเธอ



ใบหน้าที่คุ้นเคยยิ้มให้ผมเหมือนวันแรกที่เราได้พบกัน แค่คุยกันไม่กี่ประโยค ทุกอย่างก็เหมือนเพิ่งจากมาไม่นาน

... 9 ปีผ่านไป ผมยังจำได้แทบทุกรายละเอียดของวันนั้น แต่สังเกตจากท่าทีและฟังจากที่เธอเล่าว่าจำได้บ้างไม่ได้บ้าง ดูเหมือน หนึ่งวันนั้น เป็นแค่อดีตที่ไม่ได้พิเศษอะไรสำหรับเธอ

เธอบอกว่าเธอไม่ได้ไปตามนัดเพราะติดงานศพของยาย ผมไม่อยากให้เธอต้องเสียความรู้สึกเลยบอกว่าตัวเองก็ไม่ได้ไป แต่ความจริงผมไปแกร่วอยู่สองวันแล้วไม่พบเธอ ผมก็กลับบ้าน

หลังจากนั้น ชีวิตของผมก็เหมือนแต่จะเห็นภาพลวงตาของเธอเดินสวนไปมาบนท้องถนน

วันก่อนหน้าที่ผมจะแต่งงานหนึ่งวัน ผมยังรู้สึกเหมือนเห็นเงาของเธอเดินในละแวกใกล้เคียง

พอได้พูดคุยเรื่องนี้กับเธอ ไม่น่าเชื่อว่า เธอเองก็เคยมาอาศัยอยู่ในเมืองเดียวกับผมอยู่ช่วงสั้นๆ เงาที่ผมคิดว่าเห็นอาจเป็นตัวเธอจริงๆ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ยิ่งทำให้รู้สึกเสียดายเหลือเกิน ถ้าหาก 9 ปีก่อน ผมขอเบอร์หรือเลขที่บ้านของเธอ ก็คงไม่ลงเอยเช่นนี้



... เราเดินเล่นพูดคุยกันเหมือนตอนอยู่เวียนนา คุยเรื่อง ผู้หญิงฝรั่งเศส เรื่องงานที่เธอทำ เรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อม เรื่องศาสนา ฯลฯ

เรายังคุยกันถูกคอเหมือนเคยภายในเวลาจำกัด จะต่างออกไปตรงที่ว่า ครั้งนี้ เวลาของเราสองคนถูกจำกัดแค่ ก่อนอาทิตย์ตกดิน เพราะ ผมต้องขึ้นเครื่องกลับบ้านตอนหัวค่ำ



... ขณะที่กำลังนั่งรถเพื่อไปส่งเธอกลับที่พัก เธอเปลี่ยนท่าทีไปเป็นอีกคน และ เผยความจริงว่า ภาพที่เห็นภายนอกเหมือนไม่มีอะไร ภายในใจของเธอไม่ได้เป็นอย่างนั้น เธอแกล้งทำเป็นจำหลายๆเรื่องไม่ได้ ทั้งที่จริงเธอจำได้มากกว่าผมเสียด้วยซ้ำ

เธอโกรธที่ผมโผล่มาอีกครั้งพร้อมหนังสือที่ทำให้เธอนึกถึงวันที่เราอยู่ด้วยกันที่เวียนนา เพราะมันย้ำความจริงให้ชัดเจนขึ้นว่า หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ชีวิตเธอก็ไม่เคยพบกับความรู้สึกดีๆเช่นนั้นอีกเลย

ผมอยากตอบเธอว่า ผมเองก็เช่นกัน



... ผมไปส่งเธอถึงที่พัก เพื่อทวงสัญญาที่เธอรับปากว่าจะร้องเพลงที่เธอแต่งไว้ให้ผมฟัง เพลงนั้นชื่อ A Waltz For a Night

เนื้อเพลงพูดถึง ช่วงเวลาหนึ่งคืนที่คนสองคนได้พบกัน และเหลือไว้แค่ความทรงจำที่คนหนึ่งในสองคนนั้นไม่อาจลืมเลือน มีชื่อของผมเป็นตัวละครอยู่ในเนื้อเพลงนั้น ตัวละครที่หญิงสาวในเนื้อเพลงเก็บไว้ในใจตลอดมา

ผมแกล้งถามเธอว่า เธอคงใส่ชื่อผู้ชายทุกคนที่ได้ฟังเพลงของเธอลงไปตรงชื่อผมหรือเปล่า เธอตอบว่า “ใช่” ด้วยท่าทีที่ผมสงสัยว่า เธอจะแสร้งทำ เหมือนตอนแรกที่แกล้งลืมรายละเอียดค่ำคืนของเราสองคนเมื่อเก้าปีก่อนหรือเปล่า

เธอเตือนผมว่า ผมกำลังจะไปขึ้นเครื่องไม่ทัน

ในตอนนั้น ผมตอบว่า “ผมรู้”



ผมรู้ว่าผมจะไปขึ้นเครื่องไม่ทัน ผมรู้ว่าความรู้สึกของเราสองคนยังไม่เปลี่ยนแปลง

ผมรู้ว่าการตัดสินใจครั้งนั้น แม้จะตามมาด้วยความผิดหวังที่เราไม่ได้กลับมาคบกัน

แต่ อย่างน้อยมันก็คุ้มค่ามิใช่หรือ ที่ครั้งหนึ่งในชีวิต เราเคยมีช่วงเวลาดีๆกับใครบางคนอยู่ในความทรงจำ และ ความผูกพันที่เกิดขึ้นยังมีชีวิตอยู่ในใจของเราเสมอมา

ให้เราได้คิดถึง ได้โหยหา ได้ยิ้ม ได้ร้องไห้ และสุดท้ายคือ ความงดงามที่จะอาศัยอยู่ในใจเราตลอดไป”



เมื่อความรักเธอเข้ามา ทำให้ดวงตาฉันเห็นความสดใส




... 'ผม' จากบทความข้างต้น เป็นมุมมองที่ผู้เขียนดัดแปลงและถ่ายทอดมาจากหนังเรื่อง Before Sunrise & Before Sunset

ผลงานกำกับโดย Richard Linklater สองเรื่องนี้ เป็น หนังรักที่ดำเนินเรื่องราวอย่างเป็นธรรมชาติ และ ถ่ายทอดความงดงามจากสถานที่ทั้งฝรั่งเศสและเวียนนา ได้อย่างสุดแสนโรแมนติกชวนฝัน

สำหรับผู้เขียนแล้ว ทั้งสองเรื่องเป็นหนังรักที่งดงาม ทั้งในความคิดและความรู้สึก ดูผาดๆโดยใช้สมองทำงานเป็นหลัก อาจคิดว่า ก็แค่หนังรักที่ตัวละครเดินไปมาแล้วเอาแต่พูด แต่ หากปล่อยใจไปกับตัวละคร เราจะสัมผัส ความรู้สึกของ เจซซี่(ผม) กับ เซลีน(เธอ) ที่ค่อยๆเชื่อมโยงจนผูกพันเป็นหนึ่งเดียว

ความต่อเนื่องอย่างสมจริงของหนังทั้งสองภาค ที่สร้างทิ้งห่างกันเก้าปีจริงๆ ตามเนื้อเรื่อง ทำให้ทั้งคู่เหมือนเป็นหนังชีวิตเรื่องเดียว ที่เล่าแบ่งเป็นสองช่วงเวลา นั่นทำให้ ความคิดหรือมุมมองการใช้ชีวิตของตัวละครทั้งคู่เติบโตต่างไปบ้าง แต่ สิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนไป คือ ความรู้สึกที่คนสองคนมีให้กัน

ตัวอย่างฉากหนึ่งที่ซ้อนทับสองช่วงเวลา ชวนให้คนดูผู้ติดตามชีวิตทั้งคู่อดยิ้มไม่ได้กับความรู้สึกที่ไม่เคยเลือนหาย เช่น ใน Before sunrise เราจะเห็นการสลับแอบมองกันและกันด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยรักและชื่นชมอีกฝ่ายในร้านขายแผ่นเสียง ซึ่งภาพเช่นนั้นก็ยังคงมีอยู่ใน Before sunset ในฉากระหว่างเดินขึ้นบันไดไปห้องพักของเซลีน

เพียงแต่ การเปิดเผยความรู้สึกของแต่ละคนในช่วงต้นของ Before Sunset มีทีท่าที่แตกต่าง เพราะ เจซซี่ พยายามที่จะรื้อฟื้นความทรงจำ ในขณะที่ เซลีน พยายามกลบเกลื่อนเหมือนจำไม่ได้ ซึ่งหากเจซซี่เข้าใจเซลีนสักนิด เขาก็จะเข้าใจว่าเพราะอะไรเธอถึงทำเช่นนั้น

แค่เพียงเข้าใจว่า แท้จริง ตัว เซลีน ต้องเจ็บปวดผิดหวังมากกว่าเขาแค่ไหนในวันที่เธอไม่สามารถไปตามนัด และ การพลาดนัดครั้งนั้นก็ทำให้ หัวใจเธอสูญเสียความรักความโรแมนติกไปตลอดกาล เหมือนที่เธอระบายออกมาบนรถ

ที่ผ่านมาเธอพอจะทำใจได้ว่า อดีตในเวียนนา เป็น ความฝัน แต่ครั้นเขาปรากฏตัวในฝรั่งเศส เหมือนมาตอกย้ำว่าอดีตนั้นคือ ความจริง

และถึงจะได้พบกัน เธอก็ไม่อาจสุขสมหวัง เพราะ วันนี้เขาเป็นชายหนุ่มที่มีครอบครัว คงไม่มีประโยชน์อันใดที่เธอจะแสดงออกให้อีกฝ่ายรู้ว่า เธอคิดหรือรู้สึกอย่างไร


... หาก เจซซี่ เลือกถ่ายทอดความทรงจำของตัวเองมาเป็น หนังสือ หวังให้ เซลีนอ่านสิ่งที่อยู่ในใจ

เจซซี่ก็จะได้ฟังสิ่งที่อยู่ในใจของเซลีน ว่า ค่ำคืนเมื่อเก้าปีก่อน มีความหมายสำหรับเธอมากเพียงใด ผ่าน เพลง ที่เธอเขียน

‘One single night with you little Jesse
Is worth a thousand with anybody

I have no bitterness, my sweet
I'll never forget this one night thing
Even tomorrow, another arms
My heart will stay yours until I die’





... แม้ Before Sunrise จะเปิดเรื่องด้วย การพูดมาก แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงช่วงท้ายของ Before Sunset พวกเขาแทบจะไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกต่อไป

เพราะแค่บทเพลงของเซลีน และ คำตอบสั้นๆก่อนหนังจบของเจซซี่ ก็มากเพียงพอแล้ว สำหรับทั้งสองคน

การปิดฉากลงอย่างง่ายๆแต่กินใจนี้เอง ที่ช่วยส่งให้ Before Sunrise & Before Sunset กลายเป็นหนังรักที่งดงามและโรแมนติกที่สุดในรอบหลายปีของผู้เขียน




บทสรุปแห่งปี 2008

9 หนังดี(วีดี)น่าดู ประจำปี 2008

10 ตัวละครประทับใจ ประจำปี 2008

10 ฉากประทับใจ ประจำปี 2008

50 หนังประทับใจ ประจำปี 2008(ตอน 1)

5 หนังไม่ชอบ + 50 อันดับหนังประทับใจ ประจำปี 2008 (ตอนจบ)






"ผมอยู่ข้างหลังคุณ" ขอฝากหนังสือเล่ม 4 ที่ชวนเพื่อนผู้อ่าน ออกเดินทางสำรวจจิตใจมนุษย์ และ ทำความรู้จัก'คน' ให้มากขึ้น ผ่านโลกภาพยนตร์ ในหนังสือชื่อ มากกว่าที่ตาเห็น - LifeScan วางขายในร้านสือทั่วไป ปลายเมษายนนี้จ้า






พื้นที่แนะนำผลงาน{ตัวเอง}

(คลิกที่รูปหนังสือ เพื่อ อ่าน หรือ แสดงความเห็น ต่อหนังสือแต่ละเล่มได้เลยครับ)

ปีนี้ “ผมอยู่ข้างหลังคุณ” ขอฝากผลงานเล่มล่าสุดที่เพิ่งคลอดจ้า อันว่าด้วย 'ความรักและกำลังใจ' ผ่านแรงบันดาลใจจากชีวิตและภาพยนตร์ ในหนังสือที่ชื่อว่า

เมื่อฉันลืมตา แล้วโลกเปลี่ยนไป



และ ผลงานสองเล่มก่อน จากสองปีที่ผ่านมา



"หนังสือรัก" หนังสือที่หยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม กับ องศาที่ 361 หนังสือที่อาสาช่วยคุณค้นหามุมเล็กๆในตัวเองที่จะมีความสุขในชีวิตได้มากขึ้น โดยอาศัย'หนัง'เป็นสะพานพาไปเข้าใจตัวเอง


มีขายตามร้านหนังสือทั่วไป แต่ เพื่อนๆที่หาซื้อตามร้านไม่ได้ "หนังสือรัก"เข้าไปสั่งได้จากเว็บของสนพ.เลยจ้าที่ //www.bynatureonline.com/store/bookstore.php ส่วน องศาที่ 361 และ เมื่อฉันลืมตา แล้วโลกเปลี่ยนไป สั่งได้จากในเว็บหรือหน้าร้านซีเอ็ดครับผม






ชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิก

พูดคุยกับเจ้าของ Blog คลิก

เปิดหารายชื่อหนังเก่าๆนอกเหนือจากในหน้าสารบัญ คลิก





ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป



Create Date : 22 เมษายน 2552
Last Update : 23 เมษายน 2552 1:56:16 น.
Counter : 8003 Pageviews.

18 comments
  
+ แง้ววววว ยังไม่ได้ดู (และอยากดูคอตรๆ) ทั้ง 2 เรื่องเลยขอรับ ... ไว้ตามล่าหามาดูก่อนน้า แล้วจะมาอ่านใหม่ครับผม
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 22 เมษายน 2552 เวลา:10:37:26 น.
  
เอ่อ ยังไม่เคยดู แต่อ่านแล้วรู้สึกอยากดู

เพราะครั้งนึงในชีวิตเคยอยู่ในเหตุการณ์คล้ายๆ แบบนี้ เพียงแต่ไม่ใช่วันเดียวเท่านั้นเอง
โดย: หัวใจสีชมพู วันที่: 22 เมษายน 2552 เวลา:11:12:26 น.
  

เคยดูแต่ภาคหลัง ชอบมากๆ ค่ะ
โดย: iSIs_OsiRis วันที่: 22 เมษายน 2552 เวลา:13:08:14 น.
  
เหมือนพี่วินเลยครับ อยากดูมากๆๆ
โดย: McMurphy วันที่: 22 เมษายน 2552 เวลา:15:48:17 น.
  
ช่ายเลยๆ
เค้าพูดมากกันจัง
แม้แต่ตอนไม่พูด
ก็รู้สึกว่าเค้าคุยกันอยู่ดี
^^
โดย: am^^ IP: 58.8.126.248 วันที่: 22 เมษายน 2552 เวลา:15:49:35 น.
  
ตอนดูหนังก็ว่าซึ้งแล้ว

อ่านแล้วก็ยิ่งซึ้ง

รออ่านบทความซึ่งๆอีกนะจ้ะ
โดย: ลิซ่า IP: 202.28.179.4 วันที่: 22 เมษายน 2552 เวลา:18:56:16 น.
  
ทำไมผมอ่านแล้วรู้สึกเศร้าจัง
คิดถึงเพลงเพลงนึงของอินคาเลย

หากเพียง

หากเพียงฉันรู้ว่าเธอเจ็บช้ำ
หากเพียงฉันถามว่าเธอโกรธเรื่องใด
หากเพียงฉันเอ่ยให้เราลองปรับความเข้าใจ
หากเพียงทำอะไรที่ควรทำ

หากเพียงฉันรั้ง ยั้งเธอให้รอ
หากเพียงฉันขอ ขอร้องว่าอย่าเพิ่งไป
หากเพียงฉันบอกว่ารักเธอที่สุดในหัวใจ
หากเพียงทำอะไรที่ควรทำ

ห้องนี้คงไม่เดียวดายอ้างว้าง
หมอนใบข้างๆ ก็คงไม่ว่างไป
สายตามองตอบ ซึ้ง ๆ ให้โอบเธอซ้ำ ๆ
ล่องลอยในความฝันด้วยกันไป...

ไม่เหลืออะไรแล้ว...โฮ้...

หากเพียงฉันเห็นน้ำตาหยดนั้น
หากเพียงฉันใช้มือฉันเช็ดให้แห้งไป
หากเพียงฉันปลอบและอ้อนวอนให้เธอได้เห็นใจ
หากเพียงทำอะไรที่ควรทำ

ห้องนี้คงไม่เดียวดายอ้างว้าง
หมอนใบข้างๆ ก็คงไม่ว่างไป
สายตามองตอบ ซึ้ง ๆ ให้โอบเธอซ้ำ ๆ
ล่องลอยในความฝันด้วยกันไป...

หัวใจคงไม่เดียวดายอ้างว้าง
และคนข้างๆ ก็คงไม่ห่างหาย
อยู่กับคำถามทุกค่ำคืน ใจยังค้างคา
แต่จะหาคำตอบได้ที่ใคร

ไม่เหลืออะไรแล้ว...
ไม่เหลืออะไรแล้ว...ฮืม..
โดย: ss IP: 114.128.22.50 วันที่: 22 เมษายน 2552 เวลา:22:31:37 น.
  
sunset นี่ทำผมเสียสติไปหลายวัน
โดย: yatiko วันที่: 25 เมษายน 2552 เวลา:11:20:44 น.
  
คงถึงเวลาแล้วที่ผมต้องกลับไปดูอีกครั้ง..
โดย: Seam - C IP: 58.9.184.195 วันที่: 25 เมษายน 2552 เวลา:11:43:22 น.
  
หนังไรม่ะรุ

1ในดวงใจเลย
โดย: ผู้หญิงนิสัยดี (chinamoon ) วันที่: 27 เมษายน 2552 เวลา:22:59:29 น.
  
หนังในดวงใจเหมือนกันค่ะ รอดู Sunset มา 9 ปีตามในหนังเลย งดงามกว่าที่คิดไว้มากค่ะ
โดย: น้ำแข็งเคลือบน้ำตาล IP: 58.9.141.32 วันที่: 27 เมษายน 2552 เวลา:23:29:05 น.
  
Before sunrise
นานมาแล้วที่ได้ดูเรื่องนี้...ในโรงหนัง เวิลด์เทรด ราชดำริ (ในตอนนั้น) รอบนั้นมีคนดูอยู่ 3 คน...ชอบหนังเรื่องนี้มาก...คือความงดงาม คือชีวิต
Before sunset
หลังจากที่รอมานาน...แต่ความงดงาม ไม่เคยลดน้อยลง...
ความรักนั้นงดงามเสมอ...
โดย: คนสามัญ IP: 58.10.158.127 วันที่: 28 เมษายน 2552 เวลา:11:33:54 น.
  
ฉากบนรถใน Before Sunset ทำผมร้องไห้โดนที่ไม่รู้เลยว่าเธอพูดว่าอะไร
โดย: ThirskUK IP: 58.97.30.18 วันที่: 28 เมษายน 2552 เวลา:12:15:55 น.
  
ทำไมเพิ่งมาครับหนังคู่นี้
โดย: คนขับช้า วันที่: 2 พฤษภาคม 2552 เวลา:23:16:42 น.
  
ส่วนตัวชอบ Before Sunrise มากกว่าค่ะ จะบอกว่า Before Sunset แอบทำลายฝันของเรากลายๆก็ว่าได้ เพราะว่าตอนที่ดู Sunrise จบ เราคิดว่า 2 คนนี้จะไม่มีวันได้เจอกันอีก เป็น 1 คืนที่ดีที่สุด romantic ที่สุด เป็นแค่ความทรงจำ แต่พอมาเจอกันอีกแล้วทั้ง 2 คนก็เปลี่ยนๆไป รู้สึกเหมือนสเน่ห์ของหนังมันตกลงไปหน่อยๆ อ่ะค่ะ

อาจจะเพราะว่า อายุตัวเอง relate กับตัวละครในภาคแรกมากกว่าด้วยมั้งคะ และเคยเจอเหตุการณ์คล้ายๆกับพระเอกนางเอก ในsunrise อีกด้วย setting ไม่ใช่เวียนนาแต่เป็นประเทศอื่น แล้วตอนจบก็ไม่ได้ตัดสินใจจากกันแบบไร้การติดต่อเหมือนในหนัง

ถ้าอายุซัก 30 ขึ้นเหมือนตัวละครในภาค 2 อาจจะเข้าใจอะไรกว่านี้ อาจจะชอบ ภาค 2 มากขึ้นก็ได้ :)

แต่ยังไง Before Sunrise ก็เป็นหนัง romantic อันดับ 1ในดวงใจ ตอนนี้ค่ะ
โดย: nana and hachiko IP: 58.136.94.134 วันที่: 26 พฤษภาคม 2552 เวลา:13:20:49 น.
  
Before Sunrise ได้ดูรอบแรกเมื่อนานมากๆๆแล้วค่ะ ตอนที่ดูจบ รู้สึกเฉยๆ ไม่ได้ประทับใจอะไรเท่ากับที่เคยอ่านเจอคนพูดถึงว่าหนังเรื่องนี้ดีอย่างโน้น-อย่างนี้

เวลาผ่านไป....ได้มาดูอีกครั้งตอนงานอะไรซักอย่างที่จัดที่สวนลุมไนท์ ซึ่งอ่านเจองานที่ว่าจาก Bioscopeค่ะ (จำได้ว่ามีพี่ย้ง ทรงยศมาด้วย) ซึ่งงานวันนั้นฉาย 2 เรื่องต่อกันเลย พอดูจบ อยากบอกว่าประทับใจ Before Sunrise มากมายค่ะ (ชอบฉากในร้านซีดีที่แอบมองกันไป-มองกันมากๆ) และจำได้ว่าหลังจากดูเรื่องนี้ได้โทรเข้าไปในรายการวิทยุหนังหน้าไมค์ ของป๋าเต็ด-พี่จ๋อง-พี่นรา ทาง fat radio ณ ตอนนั้นด้วยค่ะ ป๋าเต็ดยังบอกเลยว่าที่ตอนนี้เราประทับใจ อาจจะเป็นเพราะเราโตขึ้น เราเลยเข้าใจกับหลายๆฉากในหนังมากขึ้นก็ได้

ส่วนสำหรับ Sunset ชอบนะคะแต่ไม่ได้ประทับใจเท่า Sunrise ค่ะ คล้ายๆกับค.ห.15 ค่ะ คือเหมือนมันแอบทำลายความฝัน-จินตนาการของเราไป คือแอบชอบที่จะจบแบบทิ้งๆ และให้เราได้เก็บไปวาดฝันต่อในแบบที่เราอยากให้เป็นมากกว่าอะค่ะ (อาจจะต้องมาดูอีกรอบตอนโตกว่านี้ก็ได้ เพราะอาจจะทำให้เริ่มเข้าใจความเป็นจริงของโลกได้มากขึ้น)

ป.ล. และเพราะได้ดูต่อกัน เลยทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของหน้าตาพระเอก-นางเอกมากเกินไปจนรับไม่ค่อยจะทันด้วยมั้งคะ ^^
โดย: ลิปดา - พิลิปดา IP: 58.9.11.205 วันที่: 21 มิถุนายน 2552 เวลา:0:29:13 น.
  
จริงด้วยคับ
พูดกันทั้งเรื่องเลย
แต่มันทำให้เรานึกถึงประสบการณ์เวลาเจอใครสักคน
ที่คุยกับเราได้ทุกเรื่อง ทันกันหมด เหมือนในเรื่องนี้
โดย: เศร้าจัง IP: 172.29.14.188, 203.170.234.21 วันที่: 9 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:07:37 น.
  
เมื่อวานเพิ่งดูbefore sunriseจบ และวันนี้เพิ่งดูbefore sunsetจบค่ะ ชอบมากๆๆๆ(สั่งซื้อจากอเมซอนทันทีที่อ่านบล็อคนี้ค่ะ) ชอบทั้ง2ภาคเลยค่ะ ดูตอนที่ทั้ง2คนแอบมองกันในร้านแผ่นเสียงก็น้ำตาคลอแล้ว ฟังเพลงที่นางเอกร้องก็น้ำตาไหลอีก โอ๊ย ชอบที่สุดแล้วค่ะ ขอบคุณมากค่ะที่ทำให้เราได้ดูหนังดีๆแบบนี้
โดย: ม่อน IP: 66.194.174.21 วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:7:18:40 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Aorta.BlogGang.com

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]

บทความทั้งหมด