Penelope , จาก 'สวยหน้าหมู' สู่ เกราะสองชั้นที่ปิดกั้น 'คุณค่าในตัวคุณ'





...Penelope เกิดมาในตระกูลต้องคำสาปตั้งแต่รุ่นทวดเก่าแก่ที่ไปทำ หญิงรับใช้ท้องแบบไม่แยแสจนเธอฆ่าตัวตาย ทำให้แม่ของเหยื่อตัณหาสาปส่งตระกูลนี้ว่า เมื่อใดก็ตามที่ให้กำเนิดลูกสาว จะออกมามีใบหน้าเหมือน หมู

คราเคราะห์เป็นของ Penelopeเพราะหลังจากที่หลายต่อหลายรุ่นเป็นลูกชาย เธอเป็นทายาทคนแรกที่เป็นลูกสาว เธอจึงต้องลืมตาดูโลกด้วย ใบหน้าหมู



สวยหน้าหมู กลายเป็นตัวประหลาดที่สังคมจับตา แม่ของ Penelope ประสาทกิน พยายามที่จะหาทางแก้คำสาปหน้าหมูนี้ให้จงได้ เพราะรู้มาว่า ความหน้าหมู จะจากไป เมื่อใดก็ตามที่ได้พบคนที่ทัดเทียม

แม่ จึงพยายามตระเวนหาหนุ่มทายาทตระกูลดังหลายต่อหลายคนให้มาดูตัว และ ยอมแต่งงานกับ โดยต้องยื่นสัญญาให้ทุกคนเซ็นก่อนว่า เมื่อได้พบลูกสาว ห้ามเผยแพร่หรือเอ่ยข้อมูลใดๆออกไปเด็ดขาด



ทุกๆครั้งของการพบปะที่ทายาทหนุ่มตระกูลดังมาเข้าคิวรอพบ ผ่านกระจกที่มองเห็นด้านเดียว ทุกคนพูดคุยกับเธอสนุกสนานเพราะเธอนั้นทั้งฉลาดเฉลียว ทั้งมีความรอบรู้ แต่บทสรุปที่ออกมาเหมือนๆกันคือ การกระเจิดกระเจิงวิ่งหัวซุกหัวซุนออกจากบ้านหรือไม่ก็กระโดดจากหน้าต่างด้วยความตกใจทุกครั้งที่เห็นใบหน้าของ Penelope

และ Penelope เองก็รู้ดีเสมอว่าทุกๆครั้งจะต้องเป็นเช่นนี้ เธอเริ่มเบื่อและรีบรวบรัดตัดความโผล่หน้ามาให้เห็นตั้งแต่เนิ่นๆ จนกระทั่งพบ ชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งอยู่กับเธอได้นานกว่าใครๆ เธอไม่รู้ตัวว่า เขาคือผีพนันที่ถูกจ้างมาเพื่อให้ถ่ายรูป ใบหน้าหมู ของเธอออกไปให้ประชาชนรับรู้

เมื่อ Penelope รู้ความจริง เธอก็ตัดสินใจออกสู่โลกภายนอกด้วยตัวเอง


... จุดที่ทำให้ Penelope ต่างไปจากหนังเรื่องอื่นๆที่เล่นกับธีมของ ความงดงามที่แท้จริงภายในที่อยู่ภายใต้รูปลักษณ์น่าเกลียดน่ากลัว นั่นก็คือ ระดับความภาคภูมิใจหรือการรับรู้ถึงคุณค่าในตัวเอง(self esteem)ของตัวละครเอก

Penelope ไม่ได้รู้สึกต่ำต้อยด้อยค่ามากมาย ไม่ได้คิดปิดกั้นตัวเองหลีกลี้จากสังคม เหมือนตัวละครอื่นๆที่รูปลักษณ์ภายนอกขี้ริ้วขี้เหร่อย่าง Shrek , นางเอก Shallow hal หรือ เจ้าชายอสูรใน Beauty and the beast



...หนังสะท้อนให้เห็นแง่มุมที่น่าสนใจมากไปกว่าหนังในแนว สวยภายใน เรื่องอื่นๆคือ แสดงให้เห็นเกราะสองชั้นที่กั้นไม่ให้มนุษย์เรามองเห็นคุณค่าที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน

เพราะ ไม่ว่าจะ หน้าหมูอย่าง Penelope หรือ รูปร่างหน้าตาจะขี้ริ้วขี้เหร่ จะอ้วนพุงโต จะสิวเต็มหน้า ก็หาใช่เหตุที่ทำให้ คนๆหนึ่งมีคุณค่าในตัวลดด้อยลง

แต่ ความทุกข์มันเกิดจากการรับรู้ถึงคุณค่าต่างหากที่ก่อให้เกิดปัญหา เมื่อใดก็ตามที่เรารับรู้ว่าตัวเองมีค่าน้อยกว่าความเป็นจริง เพราะไปยึดติดกับความงามภายนอก ก็แสดงว่า เกราะสองชั้น กำลังทำหน้าที่อย่างขมีขมันขันแข็ง ซึ่งเกราะที่ว่านั่นคือ

เกราะชั้นแรก คือ เสียงของคนรอบตัว เช่น สังคมที่เชิดชูคุณค่าสาวผิวขาวจนสาวผิวดำชักไม่มั่นใจว่าตัวเองยังสวยอยู่หรือไม่ หรือ ในรั้วมหาวิทยาลัยที่ให้ความสำคัญกับนักศึกษาเสื้อรัดติ้วจนคนใส่ชุดตามกฎเริ่มสับสนว่าตัวเองเชยประหลาดมากไปหรือเปล่า ฯลฯ ห

หากเราให้อิทธิพลของ ค่านิยม ภายนอกมากมาย ก็จะเป็นปัจจัยให้เราเห็นแต่ ภายนอกของตัวเองที่ไม่ดีไม่งามตามบริบทสังคมกำหนด และ ไม่คิดจะหันมามองสิ่งดีๆที่มีในตัวเอง

เกราะชั้นแรกที่หนาที่สุด และ สำคัญกว่าค่านิยมของสังคมคือ พ่อแม่ โดยเฉพาะ การมองลูกจากสายตาของพ่อแม่

ตามทฤษฎีทางจิตวิทยาของ Kohut มีหนึ่งข้อที่กล่าวไว้ว่า พ่อแม่เป็นเหมือนกระจก ที่จะส่องให้ลูกได้มองเห็นตัวเอง ถ้ากระจกบานนั้นสะท้อนแต่ความไม่ดี ความไม่สวย ความไม่น่าชื่นชม ทุกๆครั้งที่คนเป็นลูกส่องกระจกก็จะมองเห็นแต่ ความไม่ดีไม่สวยของตัวเอง

อย่างเช่นในหนัง เราเห็นแม่ที่คอยปิดกั้นลูกสาวจากสังคม กลัวคนอื่นไม่ยอมรับ ทั้งที่จริงแล้วตัวแม่เองนั่นแล ที่ไม่อาจยอมรับลูกของตัวเอง และ กลายเป็นตัวเองที่มองเห็นแต่ ความสวยหน้าหมู ของลูกสาวจนแทบมองไม่เห็นความดีงามด้านอื่นๆเลย

เกราะชั้นสองที่สำคัญไม่แพ้เกราะชั้นแรก คือ ตัวเราเอง

หนังบอกว่าการแก้คำสาปต้องหาคนที่ทัดเทียม แต่หากเจอคนที่ทัดเทียมที่ยอมรับได้ Penelope อาจละลายได้แค่เกราะแรก แต่ไม่มีประโยชน์อันใด หากเจ้าตัวยังคงกลัดกลุ้มครุ่นคิดยึดติดกับ ความไม่ดีพอ ไม่สวยพอ ของตัวเองไปยันแก่เฒ่า แน่นอนว่ามันก็ยากที่จะหาความสุขในชีวิตช่วงที่เหลือ


คุณเจอ เกราะสองชั้น ของตัวเองแล้วหรือยัง

ถ้าเจอแล้ว พร้อมหรือยังที่จะ พังเกราะ นั้นลงไปเสียที เพื่อที่จะสัมผัส คุณค่าในตัวเอง ที่หลงหายไปนาน





... Penelope เป็นหนังที่ผมรู้สึกว่ายังธรรมดาไปหน่อย สำหรับหนังในแนวทางนี้ที่สร้างมาบ่อยเหลือเกินในระยะหลัง ฝีมือการกำกับของมาร์ค โพรแดนสกี้ คือจุดอ่อนที่ยังไม่โดดเด่นเท่าไหร่นัก ทำให้หนังออกแนวเรื่อยๆมาเรียงๆ ทั้งๆที่มีนักแสดงนำที่มีเสน่ห์มาก มีตัวบทมีจุดให้เล่นให้ขยายความอยู่มากมาย และก็มีหลายจุดที่หนังสามารถปลุกเร้าอารมณ์คนดูได้มากกว่านี้

แต่หากไม่จับจ้องที่เทคนิคทางภาพยนตร์มากเกินไปน่าจะพึงพอใจในหนังได้ไม่ยาก โดยเฉพาะ ประเด็นที่หนังต้องการสื่อ กับ วิธีการเล่าเรื่องในสไตล์เทพนิยาย ที่สร้างความประทับใจได้มิใช่น้อย และเชื่อว่า สำหรับคนที่มีปมคิดว่าตัวเองไม่สวยไม่หล่อไม่ดีพอ การดูหนังเรื่องนี้ก็มีอะไรจี๊ดใจให้รู้สึกดีๆ และได้ข้อคิดดีๆ กลับไปอย่างอิ่มใจ อีกทั้งพล็อตรองของความรักก็ทำได้ไม่เลวนัก

การที่หนังสอดใส่ความเป็นนิทานเข้าไปเป็นอีกจุดที่ชอบ เพราะ ทุกๆครั้งที่หนังออกจาก reality ไปสู่บรรยากาศเทพนิยาย งานกำกับศิลป์ทำออกมาได้ไม่เลิศหรูแต่ดูแล้วรู้สึกดี และมีส่วนสนับสนุนเนื้อหาชวนฝันของหนังได้มาก

คริสติน่า ริชชี่ จับคู่กับ เจมส์ แมคอะวอย ได้อย่างกลางๆ ไม่ใช่หนังที่โชว์ฝีไม้ลายมือที่ดีที่สุดของทั้งคู่ แต่พวกเขาก็มีส่วนช่วยให้หนังมีสีสันชวนติดตามมากขึ้นบนตัวบทที่ค่อนข้างเฉื่อยๆไปนิด โดยเฉพาะฉากที่ทั้งคู่ประจันหน้ากันจะๆครั้งแรกที่เปียโน เป็นฉากที่ทั้งคู่ทำเอาคนดูได้ลุ้นเป็นอย่างดี ส่วนนักแสดงที่ชอบจริงๆคือ แคธลีน โอฮาร่า ที่วี๊ดว๊ายมอบความรำคาญได้ถูกใจยิ่งนัก


สรุป ... ดูได้ไม่เสียดายตังค์ ใครชอบหนังบรรยากาศชวนฝัน มีข้อคิดดีๆ เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่น่าพลาด

ในช่วงเวลานี้

เจ้าของบล็อกเชียร์หนังอยู่สองเรื่องที่ดูมาในรอบสองเดือนคือ

หนังซัมเมอร์ตลาดๆที่เหมือนจะเจาะคนดูเด็กๆแต่ทำออกมาได้ลงตัว อย่าง Iron man และ หนังอาร์ตๆของไทย ที่ไปคว้ารางวัลจากเมืองนอก จนอาจนึกว่าจะดูยาก แต่กลับดูง่ายๆ และ สนุกคิดสนุกติดตามอย่าง Wonderful town





สามารถติดตามบทสรุป การให้คะแนน และบทวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มเติม หรือบทวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ พร้อมความเห็นของเพื่อนร่วมบล็อคที่รักการดูหนัง ได้ที่ //vreview.yarisme.com พร้อมลุ้นรับบัตร Major M Cash มูลค่า 500 บาท จำนวน 8 ใบ ทุกเดือน









ขอฝาก พ็อกเก็ตบุ้คสองเล่มที่ไม่ใช่ หนังสือวิจารณ์หนังเพราะ "หนังสือรัก" เป็นการหยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม ส่วน องศาที่ 361 หนังสือเล่มล่าสุดที่จะช่วยให้คุณค้นหามุมเล็กๆในตัวเองที่จะมีความสุขในชีวิตได้มากขึ้น โดยไม่ต้องมองหาจากผู้อื่น


เพื่อนๆที่หาซื้อตามร้านไม่ได้ "หนังสือรัก"เข้าไปสั่งได้จากเว็บของสนพ.เลยจ้าที่ //www.bynatureonline.com/store/bookstore.php ส่วน องศาที่ 361 สั่งได้จากเว็บของซีเอ็ดครับผม




ชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิก >> หน้าสารบัญ

ชวนคลิก ชวนคุยกับเจ้าของ Blog ที่ --> หน้าแรก

รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง





ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป



Create Date : 20 พฤษภาคม 2551
Last Update : 20 พฤษภาคม 2551 16:06:25 น.
Counter : 4744 Pageviews.

9 comments
  
ดูแล้วโดยรวมเป็นหนังที่ไม่สนุกมากเท่าไร แต่องค์ประกอบเล็ก ๆ น้อย ๆ นั้นดีครับ เช่น พวกฉากต่าง ๆ มุกต่าง ๆ แต่ฉากซึ้งกินใจมันไม่ถึง ยังไม่รู้สึกทราบซึ้งตามไปเลยว่าทำไมพระเอกนางเอกจึงรักกัน ตรงจุดนี้อ่อนไปหน่อยครับ หรือว่าหนังเขาไม่ได้เน้นตรงจุดนี้แต่ไปเน้นเรื่องคุณค่าของตนเอง?
โดย: เอ IP: 202.91.23.3 วันที่: 20 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:30:34 น.
  
ทีแรกว่าจะดูเรื่องนี้ แต่คนไปดูด้วยไม่ปลื้ม เลยได้ดู iron man แทน ซึ่งก็สนุก และมันส์ดีค่ะ แอบฮาได้ตลอดเรื่องเลย ชอบๆ
โดย: s.o.s วันที่: 20 พฤษภาคม 2551 เวลา:14:02:09 น.
  
เพื่อนชวนดูหนังเบาสบายสักเรื่องนึง เย็นนี้
แอบมาอ่านเรื่องนี้ซะแล้ว อิอิ
งั้นให้เพื่อนเลือกดีกว่าเนอะ ดูแบบไม่ต้องคาดหวัง บางทีก็ได้อรรถรสไปเต็มๆ
โดย: บัวจ้า ^_____^ IP: 202.47.238.168 วันที่: 20 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:08:06 น.
  
+ ผมชอบหนังแนวแฟนตาซี หรือ magical-realism อยู่แล้ว ก็เลยดูเรื่องนี้ได้เพลินๆ ไปเลยครับ ถึงแม้บทจะค่อนข้างเป็นไปตามสูตรของหนังแนวนี้ก็ตาม ... และก็มีช่วงผิดคาดด้วย ตอนที่นางเอกยอมเปิดเผยตัวตน แล้วปรากฏว่ากลายเป็น 'มิสป๊อปปูล่าร์' แทนที่ผู้คนจะรังเกียจเดียดฉันท์นั่นก็ทำเอาเซอร์ไพรส์ใช่หยอกเลยทีเดียว

+ นอกจากคู่พระนางแล้ว ... แคธลีน โอ'ฮารา ก็ขำๆ ดีในบทแม่ผู้ 'รักลูกไม่(ค่อย)ถูกทาง' ส่วนตัวร้ายประจำเรื่องอย่าง ไซมอน วูดส์ (Pride and prejudice) ก็โอเวอร์แอคติ้งได้แหววแตกมั่กๆ
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 20 พฤษภาคม 2551 เวลา:18:25:09 น.
  
ว่าจะไปดูพรุ่งนี้ครับผม

จะว่าไป ช่วงนี้คุณเจมส์ แมคอะวอย แกเลือกเล่นหนังไปทั่วเลยนะครับ เด๋วก็มี Wanted อีกแหนะ อย่างว่าละฮ่ะ ช่วงโกยๆ
โดย: BloodyMonday วันที่: 20 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:23:23 น.
  
เยี่ยม
โดย: i am saifon วันที่: 20 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:53:22 น.
  
ไม่ค่อยชอบครับ ไม่ใช่แนวของผมเท่าไร
สงสัยผมจะคาดหวังมากไป เรื่องมันเบามาก ๆ ไปหน่อยนะครับ
โดย: maruto IP: 124.120.213.159 วันที่: 25 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:36:35 น.
  
ดูหนังเรื่องนี้แล้ว ก็สนุกดีนะคะ เหมาะสำหรับคนที่ไม่คาดหวังอะไรกับการดูหนังซักเรื่องหนึ่งมากเกินไปกว่าความสุข ความเพลิดเพลินที่ได้รับ เพราะสุดท้ายหนังเรื่องที่ก็ให้ข้อคิดที่ดี ดูแล้วสบายๆ ไม่เครียด ได้ข้อคิด ค่ะ แต่กรุณาอย่าพาคนที่เหนื่อยหรือเพลียเกินไปมาดูด้วยนะคะ เพราะเค้าอาจจะหลับเพื่อคนที่เราพาไปด้วยก็ได้ แต่โดยส่วนตัวสำหรับคนที่มีนิสัยชอบดูหนัง อย่างเราๆ ก็ชอบค่ะ
โดย: zonesgo วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:01:55 น.
  
ดี
โดย: ัีพดร่ใ IP: 202.28.119.230 วันที่: 15 พฤษภาคม 2557 เวลา:0:47:07 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Aorta.BlogGang.com

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]

บทความทั้งหมด