ยินดีด้วยกับการคลอดอย่างเป็นทางการนะจ๊ะ

  

ขอให้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลยนะคะ

อ้อ รอดูรีวิวหนังอสูรกายถล่มโลกอยู่นะคะ

  

ยินดีด้วยนะคะ

แล้วก็หนังสือนี่ ตอนงานหนังสือมีนาจะได้ไปเปิดตัวอีกมั้ยคะ?

จะได้ไปเจอคุณหมออีกรอบน่ะค่ะ

  

ZZZZ zzzzz อืออออ.. บัดดี้มัวแต่หลับอยู่ คงไม่สายที่จะมาแสดงความยินดีกับผลโหวตนะคร๊าบ

  

ติดตามอ่านบล็อกมานานพอสมควร
ขอบคุณที่เขียนรีวิวดีๆและหนังสือดีๆมาให้อ่านนะคะ
วันพฤหัสนี้อาจจะไปฟังค่ะ

  

แวะมาเจิมหน้าแรกอันใหม่ อุอุ

  

  

พาเขรอะหมูมาแสดงความยินดีด้วยค่ะ

  

Eastern Promises - หนังมาเฟียรัสเซียโหดๆ เสียดายแทนที่ตอนท้ายอารมณ์ดร็อปๆลงไปหน่อย (+ ผมไม่เคยดู Godfather ด้วยสิ เลยนึกไม่ออกว่าเค้าเอาไปเทียบกับ Godfather กันยังไง)
แต่อย่างไรก็ตาม หนังเรื่องนี้มีกลิ่นอาย Homo-Erotic สูงปรี๊ด

Cloverfield - เมนท์ในบล๊อกแล้วจ้า

Murder of the Inugami Clan - หนังจากผู้กำกับลายคราม (อายุ 94!!!) ที่รีเมคมาไม่รู้กี่รอบ ฉบับนี้ก็จงใจสร้างบรรยากาศย้อนยุค ทั้งโปรดักชั่นและการถ่ายทำ (เอาไปฉายในงาน Japan Film Festival ที่อีจีวี แล้วบอกว่าหนังอยู่ในยุค 1960 ก็คงมีคนเชื่อน่ะ 55555)

  

  

- ขอเม้นท์เรื่องหนังสือคร่าบ
- ผมอ่านแบบข้ามไปข้ามมาตามอารมณ์พาไปครับ
- แต่โดนกับเรื่องที่คาบเกี่ยวกับ Fountain ครับ มันใช่เลย เรื่องทฤษฎีปฏิกิริยาของคนที่พบการสูญเสีย 5 ข้อ มีในซีรี่ส์ House ด้วยอ่ะ เลยอิน....
- Grey's Anatomy หนุกมากครับ ปี2 ลุ้นระทึกราวกับ 24 ด้วยนะเออ (ไม่บอกว่าตอนไหน) แต่ปี3 ชักจะยังไงซะแล้ว แต่ก็ตามดูกันต่อไป เหอๆ พี่ผมฯว่ามะ ถ้าเรื่องนี้ทำเป็นหนังหรือละครไทยแบบถอดแคแรคเตอร์+ บทมาเหมือนกันเป๊ะๆ มีหวังโดนประท้วงแบนแน่ๆ 555(ลองดูไปเรื่อยๆ แล้วจะรู้มูลเหตุค้าบ อิอิ)
- แต่เป็นซีรี่ส์เรื่องนึงที่จี๊ด หวานแหววและแฝงแง่คิดการดำรงชีวิตของคนรุ่นนี้ได้ดีครับ

  

Grey's anatomy ดูจบไปทั้ง 3ซีซั่นแล้ว สนุกดีครับ

  

เพิ่งทราบข่าวพ่อหนุ่ม เอนนิส เดลมาร์เมื่อเช้า ยังตกใจไม่หาย อนาคตในการเป็นนักแสดงคุณภาพกำลังไปได้สวยแท้ๆ เฮ้อ...

  

+ โทษทีครับ พอดีผมรอดู Cloverfield (ซึ่งเพิ่งจะได้ดูเมื่อวานย่ำค่ำ) แล้วเลยเพิ่งจะได้เข้าไปอ่านข้อที่คุณ จขบ. เว้นไว้เต็มๆ ซะที แล้วก็เลยเพิ่งจะได้มาเขียนเนี่ยแหละครับ ... ส่วนหนังใหม่สัปดาห์นี้ คุณ จขบ. พรีวิวไว้แล้ว ผมคงเลือก Enchanted เรื่องเดียวครับ และรอดูหนังดีชุดใหญ่ที่จะเข้าในสัปดาห์หน้าอย่างใจจดใจจ่อต่อไป

... หนังที่ผมได้ดูมาช่วงนี้
+ Children of men [UBC] - หลังจากเวลาแคล้วคลาดกันไปหลายรอบ ในที่สุดผมก็ได้ดูเต็มๆ ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องซะที ... หนังเจ๋งสมกับที่คุณ จขบ. การันตีไว้ ผมชอบตั้งแต่บรรยากาศโดยรวมของหนัง ที่ดูทึมๆ และมืดหม่นตามสไตล์อัลฟองโซ คัวรอง ภาพของโลกอนาคตปี 2027 (ซึ่งก็แค่ราวๆ 20 ปีถัดจากตอนนี้นี่เอง) ที่ดูน่าเชือถือ ... รวมทั้งสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหนัง อย่างไวรัสมฤตยูล้างโลก หรือสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ ที่ดูมีความเป็นไปได้ ... ก็เลยทำให้หนังเรื่องนี้ดูน่าสะพรึงดีอ่ะครับ
... เสียดายที่จูลี่แอนน์ มัวร์ โผล่มาแค่ไม่กี่ฉากเอง ... แต่ไคลฟ์ โอเวนก็ยังโอบอุ้มหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้ ... ส่วนลุงไมเคิล เคน เปลี่ยนลุคซะจนจำแทบไม่ได้เลยทีเดียว มาสังเกตเห็นตอน End credit แล้วขึ้นชื่อมาโน่นแหละ
... ก็จริงอีกแหละ ตามที่คุณจขบ. ว่าไว้ว่านี่ไม่ใช่หนังไซ-ไฟซะทีเดียว แต่อาศัยไซ-ไฟเป็นฉากหลังต่างหาก ... แค่คิดว่าโลกในอนาคตจะเป็นแบบที่เห็นในหนังเรื่องนี้ ผมก็หลอนซะแล้วอ่ะครับ เหอๆๆ

+ Frozen days [@House] - พอดีจะไปดูตั๋ว รักแห่งสยาม D.C. แต่ดันไม่ได้ (ระบบคอมพ์ขายตั๋วเจ๊ง เลยหยุดขายชั่วคราว) ก็เลยไม่อยากเสียเที่ยว เลยไปดูหนังเรื่องนี้ด้วย ... ซึ่งผมว่าน่าจะเคยมีหนังเก่าๆ ที่สร้างสไตล์นี้มาแล้ว กับการที่ใครซักคนเข้าไปเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง จนสุดท้ายก็ถูกกลืนกินจิตวิญญาณไปจนหมด ... แต่พอดีหนังเรื่องนี้มันมี 'ยา' เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย พอบทสรุปออกมาเป็นแบบในหนัง ผมก็เลยเง็งๆ ไปหน่อยว่านางเอกเมายา หรือตัวผมเองเมาหนังกันแน่ หุๆ ... แต่ก็นับว่าเป็นหนังไซโค-ทริลเลอร์ จากอิสราเอล ที่น่าสนใจอีกเรื่องนึงอ่ะครับ

+ Eastern promises - มืดหม่น เข้ม โหด โฉด ตามสไตล์ ผกก. กับเรื่องราวของแก๊งมาเฟียรัสเซียในกรุงลอนดอน และก็เห็นด้วยเช่นกันว่าตอนจบทำไมมันดูสว่างสดใส (เกินไป) ผิดฟอร์มของ ผกก.เดวิด โครเนนเบิร์กเยี่ยงนั้น ... ฉากติดตา คือฉากต่อสู้ในโรงอาบน้ำ ที่โคตรโหดเลือดสาด และเห็น เอ่อ ... ของเฮียอาร์รากอน แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยเลยทีเดียว (ดูที่ลิโดนะ) แบบไม่มีหมอกศีลธรรมมาปิดกั้นสายตา

+ Cloverfield - ไปเขียนไว้ที่หน้านี้ของคุณ จขบ. แล้วนะครับ สรุปสั้นๆ คือชอบทีเดียว และเวียนหัวน้อยกว่าที่คิดไว้แฮะ

  

+ พอดีเกรงว่าจะยาวเกินไป ก็เลยขอแยกเป็น 2 กรอบจะดีกว่า กรอบบนเป็นเรื่องหนัง ส่วนกรอบนี้ขอเขียนเรื่องข่าวและการบ่นนะครับ

+ รายชื่อผู้เข้าชิงออสการ์ประกาศออกมาแล้ว ตัวเก็งที่คิดว่าเข้าชิงแทบยกแผงเลยทีเดียว รวมทั้งคนที่ผมเชียร์ อย่าง 3 คนจาก Micheal Clayton, เคทท์ แบลนเชตต์จาก Golden age และ I'm not there (ที่โคตะระอยากดู), มาริยง จาก La vie en Rose รวมทั้งที่เพิ่งได้ดูหมาดๆ จากเฮียวิกโก มอร์เตนเซนจาก Eastern Promises ด้วย (เฮ่อ ... แต่ทำไม There will be blood ไม่มีรายชื่อในรายการหนังล่วงหน้าของเหลิมไทยนะ ... ถ้าเป็นหนังเล็กๆ อย่าง Juno นี่พอเข้าใจได้หน่อย)

+ ขอ RIP แก่ดาราฮอลลีวูด ที่เป็นหนุ่มหน้าตาดีฝีมือดี และ(น่าจะ)อนาคตไกล 2 คนที่มาเสียชีวิตในเวลาใกล้ๆ กันด้วยสาเหตุที่อาจเกี่ยวข้องกับ 'ยา' ทั้งคู่ (คนนึงน่ะ ยาเสพติดแน่ แต่อีกคนจะเป็นเพราะยานอนหลับหรือเปล่า คงต้องรอการพิสูจน์ต่อไป)
* Brad Renfro : ถึงแม้คนนี้จะมีประวัติเกี่ยวกับเรื่องยามาโดยตลอด แต่ก็ไม่คิดว่าสุดท้ายเค้าจะจบลงแบบนี้ ตอนเด็กๆ ผมว่าเค้าเล่นหนังเก่งเลยทีเดียว ผมได้ดูไปหลายเรื่องเลยไม่ว่าจะเป็น The client, The cure, Sleepers, Apt pupil

* Heath Ledger : ตอนอ่านเจอข่าวเมื่อวานตอนบ่ายนี่อึ้งสุดๆ เพราะไม่มีวี่แววมาก่อน แล้วยิ่งกำลังรอดู The dark knight อยู่ด้วย ... ผลงานเค้าที่ผมได้ดูก็ชอบทุกเรื่องนะครับ ชอบสุดจาก BBM และ 10 Things I hate about you ส่วนเรื่องอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น A knight's tale, The patriot, Monster's ball ก็ชอบเช่นกัน
... ก็หลับให้สบายนะครับทั้ง 2 คน คนดูอย่างพวกเราจะจดจำภาพของพวกคุณในหนังที่คุณแสดงไว้ตลอดไป

+ อีกเรื่องที่อยากบ่นก็คือ ตอนที่ผมดูไป Eastern Promises ที่ลิโดรอบวันเสาร์ตอนบ่ายอ่อนๆ ... ผมแทบอยากจะให้มีการเร่งรัดการกำหนดเรตติ้งภาพยนตร์ขึ้นมาในทันใด เพราะเก้าอี้ถัดจากผมไปทางซ้ายราวๆ 2 ที่จะเป็นคุณพ่อ (จากนาร็อก) คนนึงที่พาลูก 3 คน ญ.2 ช.1 อายุคนโตน่าจะประมาณ 12 คนเล็กคง 7-8 ขวบ เข้ามาดูเรื่องนี้ด้วย!!! (ไม่ได้ศึกษาข้อมูลมาก่อนเหรอไง หรือไม่รู้จัก ผกก. คนนี้ หรือกรูอยากดู เลยไม่สนใจลูก) ขนาดก่อนฉายยังขึ้นเรตติ้งหนังบนจอมาตัวเบ้อเริ่มเทิ่มเลย!
... พอหนังฉายๆ ไป ก็ปรากฎอาการน่ารำคาญเพิ่มขึ้นเป็นระยะตามเวลาที่ผ่านไป เช่นควักถุงขนมขึ้นมาหยิบกิน (ผมเซ้นสิทีฟต่อเสียงถุงก๊อบแก๊บในโรงมากกว่าเสียงอื่นๆ), มีการหันไปถามลูกว่าดูรู้เรื่องหรือเปล่า แล้วก็อธิบายประมาณ "อ้ายคนเลวคนนั้น มันข่มขืนคนนี้ บลา ... บลา?!?" ให้ลูกฟัง!!! ... แล้วพอถึงฉากโรงอาบน้ำ ความอดทนผมก็ถึงจุดสิ้นสุด เพราะตาพ่อเวงตะไลเกิดอารมณ์อะไรไม่รู้ หัวเราะกับฉากนี้ออกมาด้วยเสียงอันดัง! (ท่าจะเป็นซาดิสม์แฮะ ) ผมกำลังประเมินอยู่ว่าจะหันไปด่าดีมั้ย ... แต่สุดท้ายก็ใช้วิธีตบหน้าอย่างสุภาพ (ไม่อยากราวี เพราะมีเด็กอยู่ด้วยถึง 3 คน) ด้วยการลุกขึ้น แล้วเดินหนีลงมานั่งแถวข้างล่างๆ เลย ให้รู้ไปเลยว่าผมรับพฤติกรรมเค้าไม่ได้ (แต่ไม่รู้เค้าจะรู้ตัวรึเปล่าแฮะ )
... ใจจริงผมอยากจะบอกเค้าหลายอย่างเลยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการให้เค้าแหกตาดูเรตติ้งก่อนหนังฉาย, การซึมซับความรุนแรงจากหนังของเด็กๆ (จริงๆ ปล่อยลูกๆ ไปเดินในสยามรอก็ยังได้นี่นา) และมารยาทการดูหนังโรงร่วมกับผู้อื่น! (นึกไม่ออกเหมือนกันว่าทำไมวันนั้นตัวเองเย็นได้ขนาดนั้น ปกติจะวีนแตกไปก่อนหน้านั้นนานแล้ว)

  

คุณบลูยอชท์ ตกลงลิโด้ไม่ตัดเหรอครับ

ผมกำลังสิ้นหวังเพราะไม่รู้จะดู Eastern Promises ที่ไหนดีแล้ว ลิโด้ก็ไม่ได้ SFW ก็ตัด มีอคติกับพารากอนเป็นการส่วนตัวด้วย ทำใจเข้าไปไม่ได้เลย เหอๆ

ขี้เกียจรอละ ตัดไม่ตัดก็ลิโด้ละกัน

เพิ่งได้ดู Enchanted มา สนุกสมราคาคุยจริงๆ ครึ่งแรกฮากันได้ทุกนาที ครึ่งหลังเป็นสูตรไปหน่อยนะ แต่ยังไงก็กะจะไปดูรอบสองในรอบที่คนเยอะๆ หน่อยเอาฮาอีกทีครับ

ช่วงนี้หยิบซีรีย์ที่ท่านจขบ. เคยเขียนถึงไว้มาดู 24 สนุกมาก แต่ก่อนก็งงว่าโคลอี้นี้มันใคร ทำไมคนชอบกันนัก เออ ผมก็ชอบนะ จบแล้วดู Lost ซึ่งผมว่าไม่ค่อยสนุกเลย ค้างกลาง season แล้วไม่ค่อยอยากดูต่อยังไงไม่รู้

  

น่ารัก





สวย





หล่อ





กระเทยควาย






น่าเกลีด





<

  

คุณ ayres ครับ

ผมว่าอาจจะตัดพวกฉากเลือดๆทั้งหลายน่ะ
หรือไม่ก็อาจไม่ตัดก็ได้ เพราะมาตรฐานของเซ็นเซอร์บ้านเราก็ประหลาดๆ
อย่างใน Lust, Caution ฉาก "แทงร่วมสาบาน" (ที่ก็ไม่ได้รุนแรงเหมือนฉากเชือดคอใน Eastern Promises) ก็ตัดจนเหลือแทงทีเดียวตาย

หรือว่าจริงๆ มันคือกลวิธีทำลายกันของค่ายหนังกันแน่นะ


พี่บลูยอชท์

ตอนผมดู Cloverfield ก็เจอพ่อที่พาลูกสาวอายุไม่เกิน 2 ขวบเข้ามาดูเหมือนกัน - -*
ตอนฉากสัตว์ประหลาดบุกครั้งแรก ลูกก็กรี๊ดๆๆๆๆ
แถมไม่ยอมพาออกจากโรงอีก - -*

จะบ้าตาย ดีนะที่หนังมันเสียงดังกว่าเด็ก



พวกในพันทิปนี่ก็มีประหลาดๆเยอะนะ
พวกที่ชอบบอกว่า "ไม่ใช่หน้าที่คนดูหนังที่ต้องสืบค้นหาข้อมูลเชิงลึก"

เอ่อ.... มันเชิงลึกตรงไหนเหรอ เรื่องเรตหนังเนี่ย
(รวมถึงเรื่อง Cloverfield กล้องสั่นด้วย)

คนไทยถูกเลี้ยงแบบ "ไข่ในหิน" มากเกินไปแล้ว

  

#nanoguy

ตัดฉากเลือดๆ ไม่ว่า แต่ถ้าเป็นฉากที่ใครๆ ลือกันนั่นผมอยากดูนะ ถึงผมจะเป็นผู้ชายก็เหอะ

พ่อแม่พาเด็กดูหนังโหด เอาล่าสุดมั้ยครับ Saw 4 อะ แม่ลูกสอง (ลูกไม่เกินอนุบาลแน่) นั่งดูกันเฮฮาเชียว แต่งานนี้เด็กเก่งครับ ไม่ร้องเลย ท่าจะดูรู้เรื่องซะด้วย นี่ถ้าผมเป็นลุงจิ๊กซอว์ต้องรับเป็นศิษย์แน่นอน ขนาดผมยังปิดตาตั้งแต่ฉากห้องผ่าตัดเลย

  

ที่บอกว่าเวิร์กมอร์ คอื aota

สมกะเป็นคุรหมอเลยนะคะ

เส้นเลือดใหญ่ ของคนดูหนัง

  

\\(*v*O)// ... มองซ้าย

\\(O*v*)// ... มองขวา

\\(O*v*O)// ... เสนอหน้า

หวัดดีก๊าบบบบบบ.....



โทดทีคับ อุตส่าห์เป็น Crashing Mark (อภิสิทธิ์ชน)

ได้ของฟรีทั้งที ดันเข้ามาขอบคุณพี่หมอช้าไปหน่อย



ช่วงนี้ผมไปทำงานอยู่บ้านนอกคอกนามาหลายเดือน

เพิ่งกลับบ้านมาเจอ "องศาที่ 361" (พร้อมลายเซ็น)

กองอยู่บนโต๊ะเมื่อวานนี้เอง

ตอนนี้ยังไม่ได้อ่านเลยคับ

กะว่าจะไปหาซื้อ "หนังสือรัก" มาอ่านคู่กันก่อน

จะได้เห็นพัฒนาการของงานพี่หมอด้วย

ไม่รู้ร้านไหนจะยังมีขายอยู่มั่งป่าว



ไปอยู่ ตจว. แทบไม่ได้ดูหนังเลยคับ

กลับมาถึงเมื่อวานก็รีบไปเก็บ

"อลิษา เบ็ด วัยทอง" กะ "Rainbow Song"

ที่ลิโด้ก่อนเลย

แต่ Feast of Love โดน "อีตาหมูกโต" ไล่ที่ไปซะแระ \\\\(OTvTO)//

ง่ะ !!! ผมหมายถึง โน้ตอุดม นะ ไม่ใช่ท่านว่าที่นายกฯ ..5..5..5..



ยังไงก็ขออวยพรปีใหม่ (ย้อนหลังเกือบเดือน)

ให้พี่หมอและเพื่อนร่วมป่วน blog นี้ทุกท่าน

จงมีแต่ความสุขความเจริญ สุขภาพกายสมบูรณ์แข็งแรง

ส่วนสุขภาพจิตไม่ต้องแข็งแรงกันมาก (เดี๋ยวพี่หมอตกงาน ..5..5..5..)

และขอให้ทุกคนได้ดูหนังที่อยากดู ทุกเรื่อง ทุกเรื่อง ไปนะก๊าบบบ ... สาตุ๊



\\(O*v*O)//

  

^
^
+ โอววว ... ถึงว่าหมู่นี้ไม่ค่อยเห็นหน้าค่าตา ... คุณ I love หมอหญิงฯ หายไปนานมั่กเจงๆ นะครับเนี่ย ... ถึงกับต้องย้อนไปเก็บหนังเก่าซะขนาดนั้น ดีนะครับที่ไม่ออกไปก่อน แล้วก็อย่าลืมไปเก็บหนังดีๆ อีกหลายเรื่องล่ะครับ (ว่าแต่ยังไม่ได้อ่าน 'หนังสือรัก' อีกเหรอครับเนี่ย? ป่านนี้ ผมไม่เคยเห็นตามแผงแล้วอ่า ไม่รู้ว่าต้องสั่งซื้อจาก สนพ. โดยตรงเลยรึเปล่า)

+ ตอบ คุณ ayres : ผมไปอ่านมาเพิ่มเติมแล้วครับ ... รู้สึกลิโดก็จะโดนหั่นเหมือนกันแหละ แต่เค้าเลือกไปหั่นฉาก 'พิสูจน์ความเป็นชาย' กับโสเภณีเด็กในสังกัดของแก๊งมาเฟียของพระเอก ซึ่งผมก็รู้สึกแว้บๆ เหมือนกัน เพราะภาพตัดมาอีกที ก็เห็นตอนที่พระเอกกับคุณน้องเธอ 'เรียบร้อย' กันไปแล้ว (ซึ่งการหั่นฉากนี้ไป ไม่น่าจะมีผลมากมายต่อตัวหนัง) ... ส่วนฉากไคลแม็กซ์ที่เป็นฉากการต่อสู้ในโรงอาบน้ำนั่น ไม่น่าจะถูกหั่นนะครับ (แต่ไม่รู้โรงอื่น นอกเหนือจากลิโด จะเป็นยังไงกันบ้างนะ)

+ ตอบ น้องnanoguy : เห็นด้วยเลยครับทั้งเรื่อง (หลาย)มาตรฐานของการเซ็นเซ่อ และการเลี้ยงดูเด็กแบบสปอยล์ของหลายๆ ครอบครัวในยุคนี้
... เรื่องที่มาบ่นๆ นั่น ถือเป็นคราวซวยของตัวพี่เองอ่ะครับ นานๆ จะเจอเต็มๆ แบบนั้นซะที

+ ดู Enchantedมาแล้วครับ หนังทำได้น่ารักมากมายจริงๆ ดูจบแล้วยิ้มออกมาจากโรงอย่างมีความสุขมากกว่า Hairspray และ Stardust เมื่อปีที่แล้วซะอีก ... เอมี่ อดัมส์ ถึงจะเล่นโอเวอร์แอ๊คติ้งนิดๆ แต่ก็ทำให้เชื่อได้จริงๆ ว่าเธอเป็นเจ้าหญิงที่หลุดจากหนังสือออกมา ... ส่วนเพลงก็เพราะมากมาย (ได้เข้าชิงออสการ์ตั้ง 3 เพลงจากโควต้า 5 ที่นั่งแน่ะ เหมือน Dreamgirls ปีที่แล้วเลยแฮะ ... ซึ่งใน 3 เพลงที่เข้าชิง ผมชอบ So close มากที่สุด ... กลัวแต่จะตัดคะแนนกันเองจนชวดหมดเหมือนปีที่แล้วเนี่ยดิ) ... ก็ไม่รู้คุณ จขบ. จะมีเวลาเขียนถึงรึเปล่า เด๋วผมรอเขียนเต็มๆ กว่านี้ที่หน้านั้นก็แล้วกันนะครับ

+ สัปดาห์นี้หนังน่าดูเพียบเลยวุ้ย ... (อดีต)แรกบิน อาจต้องตัดทิ้งไปหรือฟังเสียงวิจารณ์ก่อน เพราะไม่ค่อยเชื่อมือหนังค่ายนี้เท่าไหร่กับอ้ายโรคเลื่อนแล้วเลื่อนอีกเนี่ยแหละ ... ส่วนที่รอมานาน ไม่พลาดแน่ก็ Sweeney Todd และที่ผมคิดว่าคงจะดูด้วยก็ American gangster กับ Martian child อ่ะครับ

  

Across The Universe สนุกดี...ชอบๆ

  

ตายไปเลยครับกับ Enchanted
หนังมาถูกที่ถูกเวลา ตอนที่กำลังต้องการ refreshment ให้หัวใจพอดี (เน่าซะ!)
แต่ยังไงก็ดี หนังไม่ได้เพ้อจนเลี่ยนเกินเหตุ ยังแอบมีอะไรดาร์กๆ แทรกอยู่เป็นระยะๆเหมือนกัน

ตอนนี้อยากหา Junebug มาดูใจจะขาด!!
(ส่วนเรื่องที่คุณหนูเอมี่ อดัมส์เล่นดูโอเวอร์นิดๆ เพราะบทมันก็เอื้อให้โอเวอร์อยู่แล้วล่ะเนาะ เหมือน เรอเน่ เซลล์เวเกอร์ ใน Cold Mountain)


อนึ่ง.. น้องมอร์แกน น่าร้ากมวากกกก
(กลัวแต่โตแล้วความน่ารักจะหาย เหมือนน้องลูซี่ จากนาร์เนีย เนี่ยสิ)

  

ดู Enchanted ไปสองรอบอะ สนุกดีครับ
ตอนเด็กๆ ดูมาเกือบทุกเรื่องแล้วของดิสนีย์ ยิ่งเป็นเรื่องที่มีเจ้าหญิงทั้งหลาย ผ่านตามาเรื่องละหลายๆ รอบแล้ว รู้เลยว่าเอาฉากไหนจากเรื่องไหนมายำให้กลายเป็นจิเซล ถ้าเขาว่าหนังเรื่องนี้ล้อเลียนเทพนิยาย ผมว่ามุขดีกว่า Shrek เยอะเลย ที่สำคัญ เป็นการล้อเลียนตัวเองซะด้วย

Amy Adams เล่นเวอร์ดีแล้วครับ ก็เน้นให้เด็กดู ผมยังคิดว่าช่วงหลังๆ ของหนัง เธอเล่น underact ไปหน่อยมั้ย จริงอยู่ตัวละครอาจมีประสบการณ์ใหม่ แต่มันเหมือนกลายเป็นคนละคนเลย

แล้วก็ Susan Sarandon ดาราหญิงรุ่นใหญ่คนโปรด (ชอบกว่า Meryl อีก) ออกน้อยจัง วันก่อนก็ลงทุนดู Mr.Woodcock เพื่อดูป้าโดยเฉพาะ แต่หนังไม่สนุกเท่าไหร่

  

แวะมาแสดงความยินดีแล้วก็ขอตั่วแว๊บไปหาหนังสือมาอ่านก่อนเลยนะคะ

  

ขออภัยครับที่หายหน้าไปหลายวันจากหน้าแรก เพราะ ผมหลุดไปอยู่ในโหมด บ้าซีรี่ส์ ชนิดติดหนึบ จากเดิมมีแต่ Lost , 24 , Prison break สองสามอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้โอกาสเปิดโลกใหม่ใน

Grey’s anatomy ... ชีวิตของคุณหมอเฉพาะทางที่แย่งกันเพื่อให้ได้ตำแหน่งเรียนต่อ และ มีชีวิตรักวุ่นๆระหว่างเรียน ถึงแม้พล็อตจะออกมาน้ำเน่าและ soap opera จ๋าๆ แต่ขอบอกได้เลยว่า หนังทำออกมาได้ ซึ้งงงงกินใจ ชวนประทับใจสุดๆ แฝงข้อคิดดีๆมากมาย ปลื้มมาก ตอนนี้กำลังรอแผ่นซีซั่น 2 อย่างใจจดใจจ่อ

Desparate housewives ... ถ้าใครเคยคิดแบบผมว่าเป็น ซีรี่ส์สำหรับคุณแม่บ้าน เนื้อหาก็คงวนเวียนไปกับ กิจวัตรประจำวันซุบซิบนินทาหาสาระมิค่อยได้ บอกได้ว่า คิดผิด!!! นี่เป็น ซีรี่ส์ที่ผมยกนิ้วทุกนิ้วที่มีให้กับทีมเขียนบทที่หยิบยก ชีวิตคุณแม่บ้านเป็นแค่ฉากนอกเคลือบฉาบ แก่นของ ความลับและความรู้สึกผิด / crime and punishment / ปัญหาครอบครัว และเป็นหนังที่ฉายภาพ บุคลิกของคน ได้หลากหลายมากที่สุดเรื่องหนึ่งแสดงให้เห็นถึง การศึกษามาเป็นอย่างดี ซีซั่น 1 ที่ได้ดูนี้ สุดยอดดดด (มีตัวละครตัวหนึ่งเหมือน จขบ. มาก และ จขบ. ก็ปลื้ม บุคลิกนางเอกแบบ ซูซาน มากๆ)

Heroes ... แฟน x-men กับ x – file ห้ามพลาด หนังซูเปอร์ฮีโร่ที่เน้นความเป็นดราม่าเรื่องนี้เด็ดขาด ด้วยการที่เป็นซีรี่ส์ หนังเกี่ยวกับ กลุ่มมนุษย์ผู้ค้นพบพลังวิเศษตามแต่ละตัวเมือง จึงมีโอกาสปูที่มาที่ไปกันแบบเต็มอิ่ม ไม่รีบนำตัวละครมาพบกัน และ สามารถเล่นสนุกกับพลังวิเศษของแต่ละคนได้คุ้มค่าและไม่งงเหมือนโอปปาติกะ สามแผ่นแรกค่อนไปทางน่าเบื่อ แต่พอแผ่นสี่แผ่นห้า สนุกจนหยุดไม่ได้

... ไว้อ่าน โหมด บ้าซีรี่ส์ โดย จขบ. ติดต่อกัน สี่เรื่องแบบเจาะลึก ผ่าน All , Filmax และ ใน Blog นี้ได้เร็วๆนี้ครับ

  

แวะมาทักทายคับ

  

ตามมายืนยัน(จากกระทู้ของชมรมโตแล้วเฟ้ยในเหลิมไทย) และตอกย้ำซ้ำเติม...

Sweeny Todd โดนเซ็นเซอร์ โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง
Sweeny Todd โดนเซนเซอร์

โดยจะมีในบรรดาฉากเชือดคอทั้งหลายแหล่ ซึ่งมีเป็นสิบกว่าครั้งได้ แม้จะเป็นช่วงประเดี๋ยวไม่กี่ลมหายใจเข้าออก (ถ้าคุณเคยเห็นละครไทย มีฉากมีดจ่อคอ ...ภาพในหนังจะเป็นอย่างนั้นแหละครับ) และในฉากที่เด็กกินเหล้า จะมีการเซ็นเซอร์ขวดเหล้า (พอเป็นผู้ใหญ่กิน ไม่ยักกะเซ็นเว้ย)

แต่ทั้งหมดทั้งมวลแล้ว ...แม้ต้องเสียอารมณ์หนังไปพอสมควร แต่ขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งว่า นี่เป็นหนังที่ควรจะดูในโรง ...ผมถือว่านี่เป็นงานของ ทิม เบอร์ตัน ที่ผมชอบมากที่สุด ...อาจยังไม่ใช่หนังเพลงที่ทรงพลังมากนัก (อย่างที่คาดคิด) แต่กับเนื้อในที่ว่าด้วยเรื่องความแค้น ผมว่ามันเสนอได้รุนแรง(เลือดสาด) และโดนจิตใต้สำนึกสุดขีดขั้น ...ผมชอบมาก จนน่าจะติด 1 ใน 10 หนังที่ผมประทับใจมากที่สุดในรอบปีเลยทีเดียว

ไอ้พวกเซ็นเซอร์ทั้งหลายแหล่ ก็คิดซะว่า ...มันมีแมลง มียุงมาบินว่อนบังสายตาก็แล้วกัน ...แล้วมันจะช่วยได้เหรอ???

  

สืบเนื่องมาจากกระทู้

//www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A6285636/A6285636.html


ต้องขออภัยด้วยครับที่เข้าไปตอบในกระทู้นั้นไม่ได้ เพราะอมยิ้มที่พันธ์ทิพย์โดนยึดไปแล้ว จากข้อความที่คุณเขียนในกระทู้นั้นที่ว่า
"หมายเหตุ : เพื่อนสมาชิก ทักมาว่า ประท้วงกันไปก็เท่านั้น เบื้องบนคงไม่สนใจ คงไม่เปลี่ยนแปลง จึงขอย้ำเจตนารมณ์ว่า ทางชมรม มิได้หวังว่าเบื้องบนสนใจ เพราะพูดไปพิมพ์ไป ก็เหนื่อยฟรีมานาน"
ปัญหาก็คือ การประท้วงที่ผ่านมาไม่ได้ทำไปพร้อมกับมาตรการตอบโต้ที่เข้มข้นพอ การประท้วงที่ทำขึ้นนี่ไม่ได้เป็นการเรียกร้องความเห็นใจจากเบื้องบน หรืออ้อนวอนให้คนพวกนั้นหันมาสนใจนะครับ แต่เป็นการตอบโต้การริดรอนเสรีภาพที่ทำกันมานานจนแทบจะกลายเป็นเรื่องปรกติไปแล้ว ไม่ใช่เป็นการขอร้อง เพราะสิ่งที่เราจะเรียกร้อง เป็นสิ่งที่พวกผู้มีอำนาจทั้งหลายให้กับเราไม่ได้ เขาจะให้เสรีภาพกับเราได้ยังไงล่ะครับ เพราะมันควรจะเป็นของเรามาโดยตลอด
สิ่งที่ผมเรียกว่าวิธีการตอบโต้นี้ ควรจะทำควบคู่กันไปกับการประท้วง เพราะมันเป็นสิ่งที่หลายๆคนทำได้โดยอาจจะไม่ต้องมาเข้าร่วมประท้วง เพราะหลายคนอาจจะอยู่ต่างจังหวัด การตอบโต้จึงเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลาอย่างต่อเนื่อง ยืดเยื้อ ผมเคยเขียนวิธีการเท่าที่ผมพอจะนึกออกเอาไว้ในเว็บไบโอสโคป ในกระทู้

//www.bioscopemagazine.com/smf/index.php?topic=694.30

ผมจะขอยกมาเฉพาะบางส่วนนะครับ บางทีท่านอื่นๆอาจจะมีวิธีอื่นที่ดีกว่าผม ก็น่าจะนำมาระดมความคิดกันนะครับ เพราะมันน่าจะเป็นเวลาที่เราควรจะทำอะไรขึ้นมาสักอย่างได้แล้ว ที่จริงควรจะทำมานานแล้ว แทนที่จะปล่อยให้พวกน่าสมเพชพวกนั้นเป็นผู้กระทำอยู่ฝ่ายเดียว แล้วยังได้ดีมีตำแหน่ง กินเงินเดือนจากภาษีที่เก็บจากกระเป๋าเงินของเราทุกคนอย่างนี้

"ลำพังแค่การยื่นหนังสือมันคงจะไม่พอแล้วละครับ เพราะการยื่นหนังสือเพียงอย่างเดียวมันเป็นเหมือนการอ้อนวอนขอร้อง รอรับการหยิบยื่น มันน่าจะมีมาตรการอย่างอื่นที่ควรทำควบคู่กันไปด้วย การประท้วงเป็นสิ่งที่ควรจะทำมานานแล้ว แต่ก็อาจจะดึงคนมาได้ไม่มากพอจะมีน้ำหนักกดดัน เท่าที่ผมพอจะนึกออก การกดดันด้วยการบอยคอตกิจกรรมของกระทรวง บอยคอตทุกอย่างที่กระทรวงให้การสนับสนุน บอยคอตองค์กรธุรกิจที่เป็นสปอนเซอร์ให้กับกิจกรรมของทางกระทรวง น่าจะทำกันในวงกว้างได้มากกว่า เพราะทุกคนสามารถทำได้ทั่วประเทศ ไม่จำกัดแค่เฉพาะคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพเท่านั้น

การประท้วงยังเป็นสิ่งที่ควรทำครับ แต่ในเวลาเดียวกันก็เปิดโอกาสให้พวกฝ่ายรัฐบาลได้ทราบว่า นอกจากคนที่มาประท้วงกันแล้ว กลุ่มผู้ต่อต้านการเซ็นเซอร์ยังมีเครือข่ายอยู่ทั่วประเทศ ที่พร้อมจะบอยคอตทุกกิจกรรมของกระทรวงวัฒนธรรม จะมีการแชร์ข้อมูลระหว่างสมาชิกว่ากระทรวงมีกิจกรรมใดบ้าง มีใครเป็นสปอนเซอร์บ้าง บริษัทที่เป็นสปอนเซอร์มีธุรกิจอะไรบ้าง และจะมีการหาสมาชิกเพิ่มเพื่อให้เครือข่ายขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ และทุกๆคนพร้อมที่จะทำให้ทุกอย่างที่กระทรวงวัฒนธรรมเข้าไปจับกลายเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ ทุกอย่างที่กระทรวงให้การสนับสนุน ไม่ว่าสิ่งที่เป็นรูปธรรมอย่างผ้าพื้นบ้าน หรือสิ่งที่เป็นนามธรรมอย่างค่านิยมที่กระทรวงต้องการส่งเสริม ทุกอย่างที่กระทรวงนี้เข้าไปจับต้อง จะต้องกลายเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจโดยไม่มีข้อยกเว้น จนกระทั่งไม่มีใครต้องการการสนับสนุนจากหน่วยงานนี้ การบอยคอตยังตัองรวมถึงการแสดงความรังเกียจต่อใครก็ตามที่เป็นสมาชิกของเครือข่ายเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม แสดงให้คนอื่นๆได้เห็นว่าคนเหล่านี้แหละที่เป็นพวกเจ้ากี้เจ้าการ คอยรายงานความเป็นไปในชุมชน เอาเรื่องภายในของชุมชนไปขายให้กับหน่วงงานรัฐ

หรือถ้าจะให้การตอบโต้ได้รับความสนใจจากสื่อกระแสหลักมากยิ่งขึ้น เราลองมาพิจารณาการมอบรางวัลศิลปาธรที่กระทรวงวัฒนธรรมจัดขึ้นทุกปีดูบ้าง ผมไม่แน่ใจนะครับว่ารางวัลนี้ เป็นรางวัลที่มอบให้กับศิลปินที่ส่งผลงานเข้าประกวด หรือศิลปินไม่ได้เป็นผู้ส่งผลงาน แต่ทางกระทรวงเป็๋นฝ่ายคัดเลือกเอง แต่ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆ ผมว่าน่าจะมีการชักชวนศิลปินที่จะได้รับรางวัลนี้ให้บอยคอตรางวัลนี้ไปด้วยเลย ถ้าจะให้ดี ก็น่าจะมีการอ่านแถลงการณ์ที่แสดงถึงการไม่ยอมรับรางวัลจากหน่วยงานนี้ อย่างน้อยก็เป็นการฉีกหน้าพวกนั้นในงานที่พวกเขาจัดขึ้นเองเลยครับ

ผมเข้าใจดีครับว่า หน่วยงานในกระทรวงที่ทำหน้าที่มอบรางวัล เป็นหน่วยงานทางด้านวัฒนธรรมร่วมสมัย บุคลากรในหน่วยงานนี้ค่อนข้างจะมีแนวความคิดที่เปิดกว้าง แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาต้องตระหนักก็คือ พวกเขามีความชอบธรรมมากพอในการตัดสินคุณค่าของงานศิลปะหรือไม่ ในขณะที่อีกหน่วยงานหนึ่งในองค์กรเดียวกันกำลังสร้างความเสียหายต่อวงการศิลปะร่วมสมัยอยู่ในเวลาเดียวกัน นั่นมันก็แย่พอแล้วใช่ไหมครับ แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเสรีภาพของประชาชนทั่วไปที่อยู่นอกเหนือพื้นที่ของแวดวงศิลปะ มันเป็นความเสียหายที่ร้ายแรงกว่าหลายเท่า

ถ้าพวกเขาต้องการจะสร้างความชอบธรรม อย่างแรกที่ต้องทำก็คือ ต้องปัดกวาดบ้านของตัวเองให้สะอาดเสียก่อน อย่างน้อยก็ควรจะลองพยายามโต้แย้งหรือสร้างแรงกดดันภายในองค์ดูบาง แต่ถ้าทำไม่ได้เพราะพวกเขายังต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มเฝ้าระวัง หรือตัวเจ้ากระทรวงที่เป็นเจ้านายของพวกเขาอีกทีหนึ่งละก็ พวกเขาก็ไม่ควรจะเสนอหน้าไปแจกรางวัลให้ใครทั้งสิ้น เพราะศิลปินที่ได้รับรางวัลเหล่านั้น ผลงานของพวกเขามีคุณค่ามากพอที่ไม่จำเป็นต้องได้รับการพิสูจน์หรือประเมินคุณค่าจากหน่วยงานของพวกเขาเลย

ผมพอเข้าใจครับว่า ตัวศิลปินเองก็ย่อมต้องการรางวัล เพราะศิลปินต้องการเวทีที่จะเปิดพื้นที่ให้ผลงานของพวกเขาได้เป็นที่รับรู้ต่อสาธารณชน แต่เวทีของกระทรวงวัฒนธรรมไม่ใช่เป็นแค่เวทีเดียวเท่านั้นที่ให้โอกาสแก่พวกเขา มันยังมีเวทีอื่นๆอีกถมเถ ถ้าไม่ใช่ในประเทศนี้ เวทีในต่างประเทศอีกหลายแห่งก็ยังสามารถเสนอโอกาสให้พวกเขาได้แสดงผลงานให้เป็นที่รับรู้ได้กว้างไกลกว่าหลายเท่า ถ้าสังคมนี้ยังไม่ศิวิไลซ์พอจะมีพื้นที่สำหรับความคิดสร้างสรรค์ทางศิลปะ เพราะผู้คนในสังคมนี้ยังไม่ตระหนักถึงคุณค่าของศิลปะมากไปกว่าจารีตละก็ ผลงานเหล่านั้นก็ควรจะได้รับการตอบรับจากสังคมอื่นๆที่เขาเห็นคุณค่า อย่าลืมนะครับว่าโลกนี้ไม่ได้มีแค่ประเทศไทยเพียงประเทศเดียว

ทั้งหมดนั้นเป็นการตอบโต้ภายใต้กรอบของกฏหมายและการเคารพสิทธิเท่าที่ผมพอจะนึกออกนะครับ ผมเชื่อว่าหลายๆท่านคงต้องมีความคิดที่ดีกว่าผมหลายเท่า ถ้ายังไม่มี ตอนนี้คงจะเป็นเวลาที่ทุกท่านควรจะเริ่มคิดเพื่อตัวเองกันได้แล้วครับ เริ่มมีความรู้สึกที่ไวมากขึ้นต่อทุกสิ่งที่อาจจะมากระทบต่อเสรีภาพ ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับว่า เราได้ปล่อยให้ฝ่ายที่กุมอำนาจ "รุกคืบ" เข้ามาได้เรื่อยๆ และเมื่อเราปล่อยให้มีการริดรอนเกิดขึ้น นานๆไป เราก็จะเริ่มคุ้นเคยกับการอยู่โดยไม่มีเสรีภาพ และเริ่มจะยอมรับการถูกควบคุม เหมือนอย่างที่คุณ "นาย ก" ยอมรับอย่างสนิทใจนี่แหละครับ เมื่อถึงตอนนั้น เราทุกคนอาจจะต้องกลายเป็นอย่างเขา

ถ้าต้องลดตัวลงให้ต่ำได้ถึงระดับนั้นแล้วละก็ ผมว่าสิ่งที่เราทุกคนควรทำเพื่อตัวเองเป็นอันดับแรกก็คือ รีบหาทางออกจากประเทศนี้ให้ได้เร็วที่สุด"
หวังว่าจะได้เห็นความคิดดีๆที่จะใช้ในการตอบโต้จากท่านอื่นๆมาร่วมแบ่งปันกันนะครับ มันควรจะถึงเวลาที่เราต้องทำอะไรเพื่อเสรีภาพของตัวเองกันได้แล้วครับ


ผมยังติดตามอ่านความเห็นดีๆของคุณ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" เสมอครับ

  

คุณน้องวันซ์ครับ

พี่ทำใจดูในโรงไม่ได้จริงๆ
15 - 20 ฉาก
แถมยังเป็น โมเสก มิใช่ ยาหม่อง

นี่คือการเซ็นเซอร์ที่ ลวก ชุ่ย อนาถ และต่ำช้ามากๆ
พี่คงทนดูในโรงไม่ได้ ไม่จริงๆ อารมณ์เสีย หมดอารมณ์อยากดูไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม ต่อให้ตัดเนียนแค่ไหน ก็ไม่เห็นด้วยอยู่ดี

  

เมื่อเบื้องบนไม่ฟังเหตุผล

เห็นทีศาลเตี้ยควรจะต้องเกิดขึ้นแล้วล่ะครับ

เฮ้อ คิดแล้วอยากให้มี death note เกิดขึ้นจริงๆ

  

สวัสดีค่ะคุณเจ้าของบล๊อค
ดิฉันนางสาวดารุณี จากบริษัท นิภา เทคโนโลยี จำกัด มีความสนใจที่จะลงโฆษณาในเวปบล๊อคของคุณ
ตัวอย่าง เวปบล๊อคที่ลงโฆษณากับเรา //bignose.exteen.com/ และ //bignose.exteen.com
หากคุณสนใจลงโฆษณากับเราหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อกลับมาที่ บริษัท นิภา เทคโนโลยี
โทร 02-6351100 ต่อ 111 หรือทาง E:mail darunee@nipa.co.th
www.nipa.co.th

ต้องขออภัยหากข้อความนี้เป็นการรบกวน..

  

โครงการมาเยี่ยมปีละครั้ง อิอิ

Happy Chinese New Year 2008
Wishing You Good Luck Good Fortune And Good Times!

  

สวัสดีค่ะ ดิฉันนางสาวดารุณี จากบริษัท นิภา เทคโนโลยี จำกัด มีความสนใจที่จะลงโฆษณาในเวปบล๊อคของคุณ
ตัวอย่าง เวปบล๊อคที่ลงโฆษณากับเรา //bignose.exteen.com/ และ //bignose.exteen.com
หากคุณสนใจลงโฆษณากับเราหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อกลับมาที่ บริษัท นิภา เทคโนโลยี
โทร 02-6351100 ต่อ 111 หรือทาง E:mail darunee@nipa.co.th
www.nipa.co.th

ต้องขออภัยหากข้อความนี้เป็นการรบกวน..

  

  

น่าสนใจมากเลยนะคะ ไว้กลับเมืองไทยแล้วต้องไปหาดูคะ
คงไม่สายไปนะคะ
มาทักทายคะ

  

  

+ โอ๊ยโย๊ยโหย ... ผมก็นึกว่าคุณ จขบ. หายไปประชุมที่ต่างประเทศ หรือไปเที่ยวทะเล อะไรอยู่ซะอีกอ่ะครับ เงียบจ้อยสนิทเลยทีเดียว ที่แต๊ก็อยู่ในโหมด 'คลั่งซีรีส์' ยังไม่สร่างซานั่นเองอ่า
+ สัปดาห์หน้า ช่วงกลางๆ อาทิตย์ ผมไม่อยู่ จะไปเวียดนามกับที่บ้าน ... ดังนั้น ผมก็คงจะหายหูไปซักพักเหมือนกันนะครับ

+ หนังสัปดาห์นี้ ผมเล็งไว้แค่ Atonement กับ L: change the world อ่ะครับ เพราะ CJ7 กับ ช็อคโกแล็ต มันไม่ใช่หนังแนวผมแต่อย่างใด เลยตัดช้อยส์ไปได้ ... ส่วน My blueberry nights ต้องรอลุ้นโปรแกรมสัปดาห์หน้าอีกเฮือก ว่าจะเข้าฉาย หรือว่าจะหล่นหายไปเฉยๆ อ่า

... หนังที่ได้ดูมา
+ [UBC] Taxi driver - ทุกทีเคยดูแบบแหว่งๆ วิ่นๆ มีวันก่อนได้ดูตั้งแต่ต้นจนจบซะที ... โรเบิร์ต เดอ นีโร ดูดี และเล่นเป็นอ้ายคลั่ง (& ทัศนคติแบบ 'เหยียด') ได้ดีทีเดียว ส่วนโจดี ฟอสเตอร์ เธอแรงตั้งแต่เด็กแล้วแฮะ ... ผมติดอยู่แค่นิดเดียว ตอนจบ ว่ามันคือภาพในมโนคติ 'ยูโทเปีย' ของพระเอก ใช่รึเปล่าไม่รู้อ่ะครับ?!?

+ [UBC] Infamous - ถ้า Capote เป็นเรื่องของนักเขียนคนนี้ในโหมดจริงจัง ... Infamous ก็คงเป็นอีกขั้วนึงไปเลย (แต่ผมชอบอารมณ์แบบ Capote มากกว่าเยอะแฮะ) ... โทบี้ โจนส์ เล่นได้แต๋วแตกสุดๆ (แบบ ฟิลิป ซีมัวร์ ฮอฟแมน ผู้ได้รางวัลออสการ์จากบทเดียวกันนี้ อาจอายได้ ที่กรีดกรายได้ไม่เท่า ) ทั้งกิริยาและการจีบปากจีบคอ, ซานดรา บูลล็อค ในบทเนลล์ ฮาร์เปอร์ ลี เพื่อนสนิท กับ เดเนียล เคร็ก ในบทฆาตกร ก็ให้การแสดงที่ใช้ได้ทีเดียว

+ Sweeney Todd : ไม่รู้ผมฉุน 'ยาหม่อง' รึเปล่านะครับ เลยรู้สึกว่าดูเรื่องนี้แล้วมันไม่หฤหรรษ์เท่าที่คาดไว้ (หรือคงเพราะตั้งความหวังไว้สูงมากก็ไม่รู้) , หนังทำได้เลือดสาดทีเดียว , บทเฮียเด็ปป์ อยากให้มีด้านที่ไม่ใช่คิดแก้แค้นเพียงอย่างเดียว ... ก็เลยชอบใจบทของเฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์ มากกว่า ที่ทั้งน่าสะพรึงและน่าสงสาร ไปพร้อมๆ กัน (เธอน่าจะได้เข้าชิงออสการ์ประกอบหญิงนะเนี่ย) อีกทั้งเสียงร้องเพลงของเธอก็จัดว่าเข้าขั้นดีทีเดียวด้วย

+ American gangster - หนังก็ดีนะ แต่อย่างว่า ไม่ใช่แนวที่ผมชอบเท่าไหร่ ... สิ่งที่ดีคงเป็นการเผยให้เห็นชีวิตส่วนตัวของตำรวจตงฉิน กับเอเย่นต์ใหญ่ผู้ค้ายา ที่ตรงข้ามกับอาชีพราวฟ้ากับเหว ... คุณป้ารูบี้ ดี ที่ได้เข้าชิงออสการ์ ดูเหมือนจะมีซีนอารมณ์ให้โชว์น้อยไปหน่อย
... แล้วก็ตอนที่แดนเซล พูดเหยียดถึงเมืองไทย ที่ว่า "เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน กินแต่ตัวแมงอะไรก็ไม่รู้" ซึ่งถ้าเป็นหนังไทยเนี่ย คงโดนแบนประโยคนี้ หรือหนังอาจโดนพิจารณาทบทวนแล้วมั้งครับเนี่ย เหอๆๆ

+ เดือนนี้ตื่นเต้นตรงที่ UBC จะมีหนังดีที่ไม่ได้เข้าฉายในโรงเมืองไทยมาให้ยลหลายเรื่องเลยครับ ที่ผมเล็งไว้ว่าจะดู ก็ได้แก่ The illusionist, A scanner darkly (ซึ่งคุณ จขบ. ดูแล้ว) แล้วก็ Thank you for smoking (ไม่รู้ดูรึยัง?) อ่ะครับ เด๋วได้ดูแล้วจะมาเขียนความเห็นเน้อ

  

อ่าน คห.38 แล้ว

ผมว่าจะไม่ดูช็อกโก้ แล้วล่ะ เพราะเฉยๆกับหนังแนวนี้อยู่แล้ว แหะๆ

กะว่าจะรอดู atonement แทน

ป.ล. พี่หมอ เห็นตรงกับผม ทั้ง สวินนี่ และ อเมริกัน แก็งสเตอร์ (อีกแล้ว)

... ทางหนังไปกันได้จริงๆ

  

ผมคว่ำบาตร Sweeney กับ AG ครับ เฮ้อ...
รอดูเถื่อน สถานเดียว

ส่วน Thank You for Smoking หนังกระแทกแดกดันเสียดสีได้ดีมากๆ... ผมซื้อดีวีดีมา แต่แม่ผมเอาไปไว้ไหนแล้วก็ไม่รู้ ฮ่วย!!!

+ หนังที่ยืมพี่กุ้ง (ลิปดา) มาก็ไม่ค่อยจะได้เคลียร์เลย ฮือๆ..
+ พี่บลูฯ จะยืม Irreversible ต่อเลยมั้ยอะครับ ว่าจะถามนานแล้วแล้วก็ลืม

  

^
^
+ อย่าว่าแต่น้องนาโนฯ จะดองแผ่น (ชาวบ้าน) เลยครับ นี่พี่เองก็ดอง (ยิ่งกว่า) ทั้งแผ่นที่ตัวเองซื้อมา และแผ่นที่ชาวบ้านให้มา อีกต่างหาก ... ก็เด๋วไว้เจอกันคราวหน้า (เมื่อไหร่ไม่รู้) แล้วกันครับ ค่อยว่ากันก็แล้วกันนะคร้าบผม (น้องกุ้งจะด่ามั้ยเนี่ย แหะๆ)

... เมื่อวานลืมเขียนไปอีกเรื่องนึงแฮะ
+ Martian child - ไอเดียของหนังอาจดูประหลาดโลกไปหน่อย ... พล็อตเกี่ยวกับการรับเด็กมาเลี้ยง (ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ฮิตของเหล่าดาราฮอลลีวูด) ก็ไม่ค่อยมีหนังเรื่องไหนกล่าวถึงมากนัก, จุดที่น่าจะดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือของหนังก็คือ 'ความเป็นเด็กจากดาวอังคาร' ซึ่งมีเรื่องบังเอิญ เหลือเชื่อต่างๆ เข้ามาเป็นประเด็นนั่นแหละครับ
... แต่ถ้ามองหนังเรื่องนี้ในแง่หนัง ดราม่า - ครอบครัว (ที่ไม่มีปาฏิหาริย์มาเกี่ยวข้อง) ... หนังเรื่องนี้จัดว่าเป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่ผมชอบ เพราะอบอุ่นและนุ่มนวล โดยพูดถึงเด็ก (ที่อาจจะไอคิวสูงเกินไป) คนหนึ่งที่ไม่สามารถเข้ากับครอบครัวอุปถัมภ์ไหนได้ จนกระทั่งได้มาอยู่กับพระเอก และได้รับความรักมากเพียงพอ จนกระทั่งเค้ายอมละทิ้ง 'ดาวอังคาร' (ความแปลกประหลาดในพฤติกรรม) มาใช้ชีวิตอย่างมนุษย์โลกจริงๆ ... อีกทั้งบทสนทนาคมๆ ซึ้งๆ หลายตอน ก็ชวนให้ดูไป น้ำตาซึมๆ ไป อีกต่างหาก
... คู่ดาราที่ต้องใช้พลังรับส่งกันอย่างสูง ... จอห์น คูแซ็ค ผ่านอยู่แล้วกับบทคุณพ่ออุปถัมภ์ที่เต็มไปด้วยอารมณ์มนุษย์ปุถุชนแบบนี้ ฉาก 'ซัมแวร์', ฉาก 'เล่นซอส' และฉาก 'บนหอดูดาว' ซึ้งมั่กๆ เค้าสามารถเล่นให้คนดูเชื่อได้จริงๆ ว่า เค้าก็เคยเป็นเด็กมีปัญหาเหมือนกัน ก็เลยเข้าใจในตัวเด็กคนนี้ และพยายามทุกอย่างที่จะทำให้เค้ากลับมาสู่สังคม 'โลก' ได้อย่างเดิม
... เจ้าหนู บ๊อบบี้ โคลแมน ก็เล่นได้น่ารัก & เพี้ยนๆ หลุดโลกดี, ตัวประกอบอื่นๆ ทั้งโจน คูแซ็ค (ในเรื่อง น่าจะเป็นพี่สาวมากกว่านะ), อแมนด้า พีต, โซฟี โอโคเนโด, โอลิเวอร์ แพล็ตต์ ก็เล่นดีตามอัตภาพ
... แหะๆ จากหนังโรง 3 เรื่องที่ได้ดูไปสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมดันชอบเรื่องนี้มากกว่า 2 เรื่องข้างบนอ่ะครับ

  

  

CJ7 คนชมเยอะเหมือนกันนะนี่
อย่างไรก็ตาม ยังอยากกลับไปเก็บ Enchanted (เพื่อความสุข) และ Atonement (เพื่อรายละเอียด) อีกเช่นกัน

  

  

ซื้อ องศา 361 มาอ่านแล้วครับ

เป็นหนังสือที่อ่านตอนอยู่เวร ER วันเดียวจบเลยครับ
เป็นตัวหนังสือที่กลมกล่อม อ่านเพลินครับ

ชอบที่สุดคงเป็นเรื่องการเปรียบ ปัญหาชีวิตกับรูบิค ครับ
ผมดูหนังเรื่องนี้ แต่ไม่ได้คิดถึงเลยครับ

คมครับ บาดซิบๆ

ด้วยรักและเคารพ

:->m'26

  

แจ้งข่าวครับ

1.สำหรับคนเบื่อการเซ็นเซ่อร์ประเภท เบลอ ตัด ทั้งหนังโรงหนังแผ่น ชวนไปสมัครเข้าชมรมที่กระทู้นี้นะครับ ของเค้าดีจริงๆ

//www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A6301225/A6301225.html

2.เจอเจ้าของบล็อกผ่านการสัมภาษณ์ผ่านหน้ากระดาษได้ที่ นสพ.มติชนรายวัน ฉบับวันเสาร์นี้จ้า ที่ หน้าวรรณกรรม เพิ่งไปสัมภาษณ์มาเมื่อวานซืนนี้เอง

  

ผมดู L แล้วออกจะรู้สึกเฉยๆแฮะ แต่หนังก็พอดูได้ท้วมๆ สนุกสนาน
แต่ตอนท้ายมักง่ายไปหรือเปล่านั่น 555+

(อนึ่ง ชอบทั้งน้องสาวขาโหด และ น้องมากิจัง
ส่วนหมอคุโจ เธอคือคนเดียวกับ Pumpkin ใน Memoirs of a Geisha... ไม่ยักกะจำได้)

  

อ๊าๆๆๆๆ..........ไปอ่านกระทู้ preview มา อยากดู Charlie Wilson's War ค่ะ เพราะชอบ Closer สุดๆ

อยากดู Atonement ด้วยค่ะ อ่าน review ของพี่แล้วน่าดูมากมาย

American Ganster ก็อยากดู แนวหนังเข้าทาง+ชอบ Danzel Washington ค่ะ

แต่ว่าตอนนี้เรายังอยู่โคราชอยู่เลยค่ะ และ...... ไม่มีหนัง soundtrack ให้ดูง่ะ ฮือๆๆ
จะได้กลับบ้านปลายเดือนนี้ล่ะค่ะ หวังว่ายังคงเหลือรอบให้ดูอยู่น้า

  

  

วันนี้ ตระเตรียมคำพูดไว้มากมาย
เขียนความในใจลงในกระดาษเยอะแยะไปหมด
ตั้งใจไว้ว่า เจอหน้าเธอจะพูดทุกความรู้สึกที่ตัวเองมี
เอาเข้าจริง
ตอนเจอหน้าเธอ
คำพูดเหล่านั้นหายไป
แต่มีอยู่คำหนึ่งที่ไม่หนีไปไหน
มันผุดขึ้นในใจตลอดเวลา
คำๆ นั้น ออกเสียงว่า “รัก

...รักเธอ

ดู American Ganster แล้วครับ Danzel Washington ยังโดนใจอยู่เหมือนเดิม
ระคายเคืองเมื่อหนังถูกเบลอ
และเครียดกับนักดูหนังชาวต่างชาติ ที่คุยเสียงดัง

หนังของโจวซิงฉือ
เป็นหนังเรื่องต่อไปที่จะดู

มีความรักด้วยรอยยิ้มนะครับ