หน้าแรก (Re-Re - thanks)

แจ้งข่าวจ้า : องศาที่ 361 คลอดอย่างเป็นทางการแล้ววววว

อ่านเบื้องหลัง ที่มาที่ไป ไขเบื้องหลังของหนังสือ คลิกได้ที่นี่เลยครับ

เบื้องหลัง 'องศาที่ 361' - พ็อกเก็ตบุ้คเล่มที่ 2 ของ “ผมอยู่ข้างหลังคุณ”

อ่านจบเมื่อใด ขอเชิญชวนมาพูดคุยแสดงความเห็นเกี่ยวกับหนังสือ คลิกที่ลิงค์ข้างล่างนี้เลยครับ

อ่านแล้วมาคุยกัน ... "องศาที่ 361



สวัสดีครับ

ขอแนะนำรูปแบบ blog ใหม่ที่ทำมาพักใหญ่แล้วครับ เผื่อใครจะพลาดไปไม่ทันเห็น นั่นคือ จะมีกรอบเมนูอยู่ทางขวาที่เขียนว่า เพื่อนๆสามารถคลิก 10 บทความล่าสุดที่เกี่ยวกับหนัง เพียงคลิกตรงชื่อเรื่องอ่านได้เลย ไม่ต้องผ่าน ‘หน้าสารบัญ’ แต่ถ้าเก่ากว่านั้นก็เลือกอ่านได้จาก ’หน้าสารบัญ’ หรือ ’ห้องเก็บหนัง’ เช่นเคยครับ


ล่าสุดต้องแจ้งข่าวว่านิตยสารวัยรุ่น Cream ปิดตัวลงแล้วครับ ผมเองได้รับเกียรติไปเขียนหนึ่งคอลัมน์ในนั้นด้วย หนึ่งปีกว่าๆที่ได้โอกาสร่วมงานรู้สึกว่าตัวเองก็ได้อะไรขึ้นมามาก และถึงแม้ว่า ตัวเองไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย แต่เปิดอ่านก็รู้สึกดีๆที่มีนิตยสารที่สร้างด้วยความตั้งใจไม่ได้เน้นแต่แฟชั่นหรือบันเทิงเพียงอย่างเดียว เสียดายที่นิตยสารดีๆเล่มนี้ต้องจากแผงไป แต่ก็ต้องขอบคุณที่นิตยสารเล่มนี้ให้โอกาสผมได้มีส่วนร่วมทั้งงานวิทยากรและงานเขียน และทำให้ผมเองก็ได้เรียนรู้เติบโตมากขึ้นกว่าเดิม


บางครั้งสิ่งที่เราคิดว่า ดี เช่น ชีวิตที่ดี ความรักที่ดี การงานที่ดี ฯลฯ อาจจะไม่ได้อยู่กับเรานานเท่าที่หวัง แต่การสูญเสียก็คงไม่ได้แปลว่าเราจะหมดสิ้น สิ่งดีๆ ไปจากชีวิต

บางครั้งการที่เราได้มีโอกาสพบกับ สิ่งดีๆ แม้จะสูญเสียมันไปในที่สุด แต่สุดท้ายอย่างน้อยเราก็เคยได้เรียนรู้ว่า สิ่งดีๆ นั้นเป็นเช่นไร และ ในวันข้างหน้า เราเองอาจเป็นคนเริ่มต้นสร้างโอกาส และ เริ่มต้นสร้าง สิ่งดีๆ นั้นได้ใหม่ด้วยตัวเอง

สุขสันต์เดือนแห่งความรักครับ


ขอบคุณทุกท่าน ที่เป็นแขกทั้งแบบพลังเงียบ แบบแอบหยอด(ความเห็น) แบบขาจร และ แบบขาประจำ

ขอบคุณทุกๆเสียงโหวต ที่เลือกให้ blog นี้ได้เป็น ‘Bloggang popular vote สาขาภาพยนตร์’ อีกครั้ง



หมายเหตุ : ถ้าจะเซฟบล็อกนี้ไว้ที่ favorites หรือจดเก็บไว้ แนะนำให้เซฟจากชื่อ //aorta.bloggang.com จะเวิร์คมอร์กว่าครับ




ขอบคุณครับ...สำหรับทุกๆครั้งที่ท่านแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชม

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
i_behind_you@yahoo.com







เลือกอ่านบทความใน blog นี้ เริ่มต้นได้ที่นี่ครับ --> คลิก
ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป


Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2551 2:24:52 น.
Counter : 943 Pageviews.

62 comments
  
โปรแกรมอาทิตย์นี้เยอะแยะเลยแฮะ ทำให้ผมต้องตัด CJ7 ออกไปก่อน แต่ที่อยากดูมากๆก็มี Silk (ที่ฉายแต่ที่พารากอน) รวมไปถึง No Country for Old Men ที่เข้ารอบพิเศษแล้ว (แต่ไม่รู้เซ็นเซอร์หรือเปล่า) และ Charlie Wilson's War แถมยังว่าจะไปเก็บ Atonement อีกรอบซะด้วย (ส่วน Enchanted นี่ไม่มีโอกาสไปเก็บอีกรอบเสียที แต่ไม่ได้เก็บก็คงไม่เสียหายอะไรมาก)

ส่วนหนังแผ่นที่คาอยู่ก็มี Sweeney Todd กับ American Gangster และ หนักแผ่นดิน (หนังสมัย 2520 ที่โปรฝ่ายขวาแบบสุดๆ เหมาะกับสถานการณ์ที่นายกรัฐมนตรีประเทศไหนไม่รู้บอกว่าเหตุการณ์สังหารหมู่นั้นมีคนตายแค่คนเดียว เสียจริงๆ)
โดย: nanoguy IP: 125.24.78.107 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:5:37:22 น.
  
ยินดีอีกครั้งนะคะ

จขบ.ได้ดูรักแห่งสยามเวอร์ชั่นไดฯคัทยังอะคะ?

เรายังจองตั๋วไม่ได้เลยอ้ะ
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:13:02:21 น.
  
สวัสดีครับ ติดตามผลงานของพี่มานาน แอบอ่านมานาน ว่างั้นเถอะ

ขอเจิมโพสต์แรกละกันนะครับ หุๆๆ

ปล. ไม่ค่อยได้ดูหนังเลย

ได้แต่อ่านที่พี่เขียนเนี่ยแหละครับ
โดย: prezcot วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:15:47 น.
  
หวัดดีค่ะ ^^

ชอบชื่อลิ้งค์คุณหมอจังค่ะ Aorta เส้นเลือดแดงใหญ่ที่วิ่งขนานไปกับลำตัว

เพิ่งเคยเข้ามาเยี่ยมที่นี่ครั้งแรก ตอนนี้ไม่มีเวลาอ่านBlogเท่ไหร่ เพราะสอบ

ไว้สอบเสร็จจะแวะมาทักทายอีกนะค่ะ

ปล...อยากดูหนังเรื่อง P.S. I Love You ปล.ผมจะรักคุณตลอดไปจังค่ะ น่าสนุก ^^
โดย: H2O IP: 124.120.64.217 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:0:30:09 น.
  
ขอสารภาพบาป เห็นพี่ที่ทำงาน เดินถือหนังสือ "องศาที่ 361 " ไปมาหลายรอบ ตอนแรกก็เฉยๆ ไปๆมาๆ ดันอ่านของเขาซะจบก่อนเจ้าของอีก เพราะเขาถือมาทุกวัน ( แล้วยังมายุให้เราอ่าน) เลยต้องซื้อเก็บไว้เป็นอนุสรณ์ ว่า ถ้าไม่อยากเสียตังค์ อย่าไปอ่านหนังสือของคนอื่น ???
โดย: แวะทักทายค่ะ IP: 58.10.207.187 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:2:00:38 น.
  
คุณหมอคะ ได้ส่งที่เราคุยกันมาให้ลองอ่านดูนะ คะ ยินดีมากเลยที่ได้คุยกับคุณหมอ หวังว่าวันหลังคงจะมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนกันอีกนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ //www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01ent01160251&day=2008-02-16§ionid=0105
โดย: แป้งร่ำ IP: 58.8.107.228 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:3:14:30 น.
  
เมื่อวานแอบเห็นคุณหมอในหนังสือพิมพ์
แถมวันนี้เพิ่งซื้อ
หนังสือรัก
มาสดๆร้อนๆ

ปลื้มมากมาย


โดย: แตงไทยใส่น้ำแข็ง วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:23:50:46 น.
  
ตอบคุณ สาวไกด์ใจซื่อ ... ผมรอแผ่นครับ เพราะเวลามิค่อยจะมี เจอรักแห่งสยามฉายที่เดียวกับคิวยาวแบบนี้ คงบอกผ่านไป

ขอบคุณกับทุกๆความเห็นที่มาคุยกันนะครับผม

หนังที่ได้ดู

Sky of love ... สงสัยว่าต่อมโรแมนติกฝั่งหนังเอเชียของผมจะตายด้าน เพราะเรื่องนี้อุตส่าห์แบกปี๊บไปรองน้ำตา ตามที่ได้ยินมาว่า น้ำตาท่วมโรง แต่กลับได้แค่ปริ่มๆนิดหน่อย แต่ยังรู้สึกดีใจที่อินได้มากกว่าตอนดู Nada sousou

พล็อตของหนังเรื่องนี้เก่าดึกดำบรรพ์ แต่ข้อดีคือ การดัดแปลงวิธีการเล่าเรื่องเล็กน้อย และ ชะตากรรมตัวละครที่ไม่หน่อมแน้มแต่กลับต้องประสบปัญหาหนักๆสาหัสในชีวิต ดูแล้วอดคิดถึง Crying out love in the center of the world ไม่ได้ อินกับเรื่องนั้นมากกว่า (บางฉากใน Rainbow song ทลายทำนบน้ำตาผมได้มากกว่าเรื่องนี้)


P.S. I love you ... ซึ้ง น้ำตาซึม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เครดิตต้องยกให้ ตัวพล็อตจากนิยายและรายละเอียดดั้งเดิมมันดีมากๆและแข็งแรงๆมากอยู่แล้ว ตัวหนังทำได้เสมอตัวไม่ได้ทำได้ดีกว่าแต่ก็ใช่ว่าจะด้อยหรือแย่ มีเพียงแค่ ฮิลารี่ สแวงค์ เท่านั้นที่ผมรับไมได้กับบทนี้ในฐานะแฟนหนังสือที่มีภาพของสาวคนอื่นฝังหัวมาก่อน เพราะ แสวงค์ ดูแกร่งเกินภาพหญิงสาวที่อ่อนแอหลังการสูญเสีย ยิ่งหนังแฟลชแบ็คตอนวัยรุ่นยิ่งไม่อินอย่างแรง


27 dresses ... เป็นหนังที่ผู้ยิ๊งผู้หญิงมาก ดูได้เพลินๆ แต่พลาดก็ไม่น่าเสียดาย หนังผสมกลิ่นอายเรื่องโน้นเรื่องนี้มาเต็มไปหมด แต่ยังดูสนุกอยู่ จุดเด่นอยู่ตรงตัวนางเอกของเรื่องที่เล่นหนังดีมาตั้งแต่ซีรี่ส์ Grey’s แล้ว


Charlie Wilson's War... เป็นหนังเพลิดเพลินแต่ไม่บันเทิงสำหรับทุกคน ผมดันไปดูตอนง่วงๆเลยเกือบหลับไปบางตอน ฟิลิป ซีมัวร์ ฮอฟแมนน์เล่นได้เก๋ามาก และ ไดอะล็อกในหนังเรื่องนี้ก็คมกริบและคมคาย ผมชอบบทสรุปของหนังเรื่องนี้ในการวิพากษ์การเมืองและการวางตัวเป็นมหาอำนาจประเทศตัวเอง ดูมันจริงใจและตรงๆกว่า The Kingdom ที่ยัดประโยคดีๆมาแค่ตอนท้าย แต่หนังทั้งเรื่องแฝงการเชิดชูความเก่งกาจของตัวเองแบบไม่เกรงใจชาวบ้าน


No Country for Old Men ... ตัวเก็งเต็งหนึ่งออสการ์ที่ผมเชื่อว่าตอน หนังเข้าจริง จะมีประเด็นให้คุยอีกมาก ถึงแม้ว่า พล็อตดูจะแสนเส้นตรงธรรมด๊า ธรรมดา ไล่ล่ากันก็ตามที เพราะมันมีประเด็นแฝงในหนังที่เล่าคู่ขนานกัน ตัวหนังดีมากโดยเฉพาะทุกๆลีลาการกำกับและการคุมทุกองค์ประกอบให้ออกมาในระดับห้าดาวเต็ม เป็นหนังที่ใช้ภาษาหนังไม่หวือหวาเท่า Atonement แต่ความเจ๋งและความเก๋าฟุ้งกระจายออกมาตลอดเวลา ( ถึงสายตาและสมองผมจะกลั่นกรองแล้วว่า NCOM เจ๋งโคตร แต่ต้องขอโทษที่หัวใจผมยกรางวัลให้ Atonement ไปแล้ว)

หนึ่งในประเด็นถกเถียงนั้นเชื่อว่า ต้องมีคำถามเกิดขึ้นประมาณ "แค่นี้เองหรอ หนังมันดีถึงขนาดชิงออสการ์ได้ยังไง" และคำถามเด็ดคือ "ตกลงตอน...มันแปลว่าอะไร"

เรื่องนี้กำลังจะเขียนถึงครับ ตอนนี้ไล่ล่าออสการ์ครบแล้ว เพราะไปคว้าแผ่น Juno มาครองหลังจากเก็งว่าไม่เข้าโรงแน่ๆ และ สุดสัปดาห์นี้จะ There will be blood ที่ลิโด้
โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:19:39:44 น.
  
ก๊ก เดี๋ยวเราขอ add blog หน่อยนะ ทำงานที่เดี๋ยวกันยังไม่ได้คุยกันเลย ทำไมหมอมันงานยุ่งอย่างนี้ ฝากไปติบลอกเราด้วย เดิมอยู่กับ thaisinging.com แต่มีปัญหาบางประการเลยมาเปิด blog เอง คนเข้าน้อยมาก แต่ก็จะยืนหยัดวิชาการร้องเพลงตราบบล็อกจะหาไม่
โดย: kimanatomy วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:49:26 น.
  
กังขา No Country For Old Man อยู่เช่นกันค่ะ ดูเป็นหนังไม่ใช่ฟอร์มยักษ์ แต่เข้าตากรรมการหลายสถาบันจริงๆ ทีแรกนึกว่าจะเป็นแนวเดียวกะ Once Upon A Time in Mexico ซะอีก
โดย: Kitsunegari IP: 124.120.161.200 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:04:50 น.
  
Juno ได้ยินมาว่าเตรียมตัวเข้าโรงหลังออสการ์นะครับ
ส่วนตอนนี้แทบจะวิ่งไปกราบเท้า PT Anderson
ชอบ There Will Be Blood อย่างบ้าคลั่ง

โดยเฉพาะดนตรีประกอบ และ แดเนียล เดย์-ลูอิส
โดย: nanoguy IP: 125.24.91.207 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:0:52:33 น.
  
^
^
+ เจ๊ยยยย ... หนังเข้าพรุ่งนี้มะใช่เหรอครับ น้องนาโนดู There will be blood จากไหนเนี่ย จากแผ่นรึครับ?

+ ช่วงนี้ผมดูหนังไม่ทันเอาซะเลย เวลาว่างหายไปหมด ... ตอนนี้หนังเก่า+หนังสัปดาห์นี้ที่รอเข้าคิวดูก็ได้แก่ There will be blood, No country for old men (2 เรื่องนี้คาดว่าคงจะได้ดูพรุ่งนี้), Charlie Wilson's war ... และคาดว่าอาจดู Silk, Jumper, P.S. I love you ถ้าดูทันอ่ะครับผม

+ หนังอื่นๆ ที่ได้ดูช่วงนี้
* Atonement - ทำออกมาได้ดีทีเดียว เขียนไว้ที่หน้าเรื่องนี้ของคุณ จขบ. แล้ว

* L : change the world - ภาค spin-off นี้ทำให้ L ดูเท่ห์ และดูมีอารมณ์เป็นมนุษย์มนา มีเลือดเนื้อเหมือนคนปกติขึ้นมาอีกหน่อย ... แต่เนื้อเรื่องที่ซับซ้อนน้อยลง กับช่วงไคลแม็กซ์บนเครื่องบินที่ดูเป็นการ์ตู๊น การ์ตูน ซะเหลือเกิน ... ก็เลยทำให้ผมรู้สึกกลางๆ กับเรื่องนี้

* The illusionist [UBC] - เพิ่งได้ดูไปเมื่อวันจันทร์อ่ะครับ ... ซึ่งถ้าเทียบกับ The prestige ที่เป็นหนังเกี่ยวกับนักมายากลเหมือนกันแล้ว ถึงแม้เรื่องนี้จะทำได้ไม่ลึกเท่า และไม่ได้นำเสนอในเชิงจิตวิทยาเพื่อสำรวจลึกลงไปในจิตใจของตัวละคร ... แต่ถ้ามองในแง่ความบันเทิง ผมดู The illusionist แล้วรู้สึกสนุกมากกว่าอ่ะครับ เพราะดำเนินเรื่องได้เหมือนการอ่านนิยายสนุกๆ ซักเรื่องนึง, งานกำกับศิลป์และภาพก็อยู่ในระดับยอดเยี่ยม, การแสดงของตัวเอกทั้ง 4 ตัว โดยเฉพาะเอ็ดเวิร์ด นอร์ตันนั้นก็สุดยอดและดูทรงพลังน่าเชื่อถือทีเดียว (ผมชอบตอนฉาก 'กลดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์' กับ กลเรียกวิญญาณ), นางเอกอย่างเจสสิก้า บีล และตัวร้ายอย่างรูฟัส ซีเวลล์ ก็เล่นได้ตามเนื้อผ้า, ส่วนนายตำรวจผู้กลับใจ ใช้พอล จิอาแมตติ มาเล่นได้อย่างคุ้มค่าแล้ว
... ช่วงเฉลยของเรื่อง อาจดูเป็นนิยายไปหน่อย กับอาจคาดเดาได้ สำหรับคนดูหนังแนวนี้มาเยอะๆ แต่สำหรับผมก็ต้องตามลุ้นอยู่ดีอ่ะครับ ว่าพระเอกจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะเสียเปรียบนั้นได้อย่างไร ... ก็จัดว่าเป็นหนังอีกเรื่องที่ผมรู้สึกหฤหรรษ์มากๆ ทีเดียวอ่ะครับหลังจากดูจบ

+ A scanner darkly [UBC] - เพิ่งดูไปเมื่อคืนอ่ะครับ ... แต่สงสัยผมคงจะนอนน้อยไปหน่อยแฮะเมื่อคืนก่อน กอร์ปกับนอนดูด้วย ก็เลยรู้สึกวูบไปเป็นพักๆ ตามรายทาง ... จนพอหนังมาขมวดปมสรุปในช่วงท้าย ก็เลยทำเอาผมมึนๆ งงๆ เหมือนเมายา ปะติดปะต่อเรื่องราวเกือบไม่ติด (แต่ก็คิดว่าพอจะเข้าใจอยู่นะ) ... เลยต้องมาอ่านเพิ่มเติมที่หน้าที่คุณ จขบ. เคยเขียนถึงหนังเรื่องนี้เอาไว้ ก็เลยทำให้เข้าใจเรื่องราวมากขึ้น ขอบคุณครับผม
... เทคนิค โรโทสโคป ทำให้ภาพในเรื่องดูออกมาเซอร์ๆ เท่ๆ หลอนเอาเรื่องทีเดียว ... ถ้าผมไม่มึนไปกับเรื่องราวช่วงต้นๆ กลางๆ เรื่อง ก็คงสนุกกับเรื่องนี้ได้มากกว่านี้อ่ะครับ
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:13:39:15 น.
  
^
^
ไปดูรอบ press มาครับพี่บลู อิอิ

หนังแทบเป็นคนละฟากกับ No Country for Old Men เลย แม้ตัวอย่างจะทำออกมาในแนวคล้ายๆกัน คือThere Will Be Blood ดูโฉ่งฉ่างกว่า และอาจไม่ได้ลุ่มลึกเหมือน No Country

แต่สิ่งที่ผมชอบคือหนังเรื่องนี้มีอะไรบ้าๆ รุนแรงๆ เยอะมาก จนไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถเข้าชิงหนังยอดเยี่ยมออสการ์ได้ 5555555
(อีกประการก็คือ ตัวละครนำเป็นการฟาดฟันของ "ความเลวทราม" ในแต่ละรูปแบบที่ไม่ยอมลดราวาศอกให้แก่กัน)

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมยังชอบ No Country for Old Men ไม่สุด ก็เพราะอารมณ์หนังที่ยังไม่พีคมากเท่า Atonement และ There Will Be Blood นี่แหละครับ ที่มันพีคในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะพอดีเสียเหลือเกิน

เรียงลำดับหนังที่เข้าชิง ณ ตอนนี้
1. There Will Be Blood
2. Atonement
3. No Country for Old Men
4. Michael Clayton
(สองเรื่องหลังมีปัญหาที่ "ความพีค" ทางอารมณ์)

แต่อย่างไรก็ดี ทั้งสี่เรื่องล้วนมีฉากจบที่เข้าขั้น "คลาสสิค"
โดย: nanoguy IP: 125.24.80.181 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:20:15:42 น.
  
วันนี้กลับจากบ้านนอกถึงเมืองหลวงปั๊บก็กวาด 2 เรื่องรวดเลย


Charlie Wilson's War

หนังมีเสน่ห์มากๆ ครับ ยิ่งถ้าบังเอิญมีความรู้เกี่ยวกับ
ประวัติศาสตร์ช่วงสงครามเย็น และ Representative Democracy แบบอเมริกา
ติดหัวไปบ้างก่อนเข้าโรง รับรองได้ว่า "ฮาขี้แตกขี้แตน" ขึ้นอีกเป็นกอง
หนังหยอดมุขดูเหมือนเบาๆ สบายๆ เอาแค่ แสบๆ คันๆ แต่ "กัดแบบถึงราก" ตลอดทั้งเรื่อง
ส่วนคนที่ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ หรือ ไม่ฝักใฝ่อาเฮีย ทอม แฮงค์ ก็ไม่เป็นไร
แค่เข้าไปดู ฟิลิป ซีมัวร์ ฮอฟแมนน์ แกโชว์พาว เป็นของแถม ก็คุ้มแล้วครับ
แต่ถ้าหวังจะเข้าไปดู ลุงทอม เชือดเฉือนบทบาทกับ ป้าจูเลีย อันนี้สงสัยจะไม่ใช่ feel นั้นนะครับ


Atonement

พูดถึง อารมณ์หนัง โดยส่วนตัวแล้ว ผมดันชอบ A Very Long Engagement มากกว่า
แต่สำหรับ Atonement คงต้องสรุปสั้นๆ ว่า ... ขึ้นหิ้งบูชา ครับ
"หนังทารุณอย่างร้ายกาจ แต่งดงามหาที่เปรียบมิได้"
อาจไม่ใช่หนังในดวงใจ แต่ถ้าไม่ได้ดู เสียใจตายเลยครับเรื่องนี้
เอาแค่ ลองเทคฉากนั้นฉากเดียว ก็คุ้มค่าตั๋วแล้วครับ เนียนทั้งบทและภาพตลอดเรื่อง
ยิ่งตอนป้าแกมานั่งสัมภาษณ์เนี่ยนะ โห! มันขึ้นมาจุกอยู่ที่คอหอยเลย
เพราะงั้น ใครยังไม่ได้ดู แนะนำว่าอย่าให้หลุด
ถามที่ลิโด้ให้แล้ว สัปดาห์หน้ายังฉายอยู่ รอบสุดท้ายรู้สึกว่าจะ 6 โมงเย็นนะก๊าบบบ....


\\(O*v*O)//
โดย: I love หมอหญิงซินปี วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:4:39:33 น.
  
เอ่อ ! คุณ บลูยอชท์ ครับ

The Illusionist มันหนังอะไร สร้างปีไหน เข้าเมืองไทยตั้งแต่เมื่อไหร่
และผมมัวไปทำอะไรอยู่ที่ไหน ทำไมถึงได้พลาดหนัง เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน

วันนี้ เห็นหน้า เคท ฮัดสัน บนโปสเตอร์ ยังบ่นถึง Keeping the Faith อยู่เลยง่ะ

\\(O*v*O)//
โดย: I love หมอหญิงซินปี วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:4:53:56 น.
  
ได้ไปดู Sky of love มาค่ะรอบวันเสาร์ที่ผ่านมา ดูแล้วก็ชอบนะคะ ถึงน้ำตาไม่ไหลพรากเท่าที่ตัวเองคาดคะเนไว้ แต่ก็หยดแหมะเป็นพักๆ และถึงบางตอนจะคาดเดาได้ แต่ก็มีหลายๆตอนเลยที่ "โดน" กับตัวเอง และอีก 2 ตอนที่ "ไม่คิดว่า" หนังจะทำออกมาแบบนี้ ก็อึ้งๆเหมือนกัน

โดยส่วนตัวกุ้งเป็นคนแพ้ทางหนังแนวที่ผู้ชายอ่อนไหวน่ะค่ะ คืออะไรที่ผู้ชายทำให้ผู้หญิงเยอะๆ หรือผู้ชายแสดงความรู้สึกออกมามาก(มากกว่าผู้ชายปกติ) กุ้งจะ "อิน" เป็นพิเศษ (อาจเพราะหาผู้ชายได้ยากในชีวิตจริงมั้งคะ หรือกุ้งไม่เคยเจอก็ไม่รู้) และเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องนึงที่อยู่ในหมวดนั้นของกุ้ง แม้จะไม่ได้อินมากเท่ากับบางเรื่องที่เคยดูก็ตาม (หนังที่กุ้งแพ้ทางที่ผ่านมาก็เช่น Wanee&Junah ค่ะ) ตอนที่นั่งดู กุ้งก็มีคิดถึง Crying out love เป็นระยะๆเหมือนกันนะคะ (แต่กุ้งชอบเรื่องนี้มากกว่าเรื่องนั้นแฮะ - แต่ทั้ง 2 เรื่อง กุ้งว่านางเอกน่ารักทั้งคู่เลย)

เรื่องที่อยากดูตอนนี้และจะพยายามหาเวลาไปดู
- P.S. I love you : กุ้งซื้อหนังสือเล่มนี้มาตั้งแต่ตอนที่พี่เขียนไว้ในบล้อคแล้วอะค่ะ (ซื้อตอนลดราคา เหลือเล่มนึงไม่ถึง 100 คุ้มมั่กๆค่ะ) แต่จนป่านนี้ก็ อืม...อ่านไปได้ 20หน้าเองมั้งคะ ก็คิดว่าคงไปดูหนังก่อนแล้วค่อยกลับมาอ่าน เพราะโดยส่วนตัวคิดว่าน่าจะชอบหนังสือมากกว่าหนัง กลัวว่าถ้าอ่านหนังสือไปก่อนแล้วจะคาดหวังสูงหรือผิดไปจากที่เราคิดไว้ตอนอ่านอะค่ะ (เหมือนกับหลายๆเรื่องที่ผ่านมา) จากที่อ่านไปได้ไม่กี่หน้านั้น ก็คิดเหมือนกันว่าฮิลลารี่ไม่น่าจะเหมาะกับบทนางเอกเลย เพราะเห็นหน้าแกทีไร หน้าสาวแกร่งจะลอยมาก่อนทุกที (แต่ที่จริง กุ้งชอบการแสดงของเค้านะคะ ย้อนหลังกลับไปตอนโน้นที่รู้จักเค้าครั้งแรกจาก Boy don't cry ดูจบแล้วก็มี "อึ้ง" ไปเหมือนกัน)
- Atonement กับ There will be blood : อันนี้ไม่เขียนอะไรมาก เพระหลายๆคนเขียนบอกเหตุผลไปเยอะแล้ว แล้วกุ้งจะไม่อยากดูได้ไงเนอะ

ฝากข้อความก่อนไป
- พี่จขบ. : กุ้งยัง still รอ 10 Things อยู่นะคะพี่ขา คิดดูจิรอตั้งแต่ฮีทสุดที่รักของหนูมีชีวิตอยู่ (เริ่มรู้จักและรักพี่แกจากเรื่องนี้แหล่ะ) จนตอนนี้พี่แกไปสวรรค์แย้ว หนูยังไม่ได้เลยง่ะ ยิ่งพี่แกไปแล้วหนูยิ่งคิดถึงเค้าอะ

- น้องนาโน : ลัดคิวดูดีวีดีเซทเฮียหว่องให้พี่ก่อนได้มั้ยเจ๊ะ เพราะน้องสาวพี่อยู่ๆแกก็อยากดูหนังของเฮียขึ้นมา แกก็ไปโหลดบิตเอาทั้งๆที่พี่สาวตัวเองก็มี (แต่แกไม่รู้) อะนะ พี่ก็เลยบอกว่าไม่ต้องโหลด เด๋วเอามาให้ ตี้ก็ลัดคิวให้พี่หน่อยนะ ว่าแต่ตอนนี้พี่บลูได้ดู "Irreverseฯ" ยังง่า

ป.ล. เสาร์-อาทิตย์นี้กุ้งจะไปเที่ยวสวนผึ้ง ราชบุรีค่ะ แล้วจะสูดอ๊อกซิเจนมาเผื่อนะคะ
โดย: ลิปดา-พิลิปดา IP: 58.9.7.231 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:16:46:45 น.
  
มาอธิบายข้อความด้านบนเพิ่มหน่อยค่ะ เพราะเขียนเอง-อ่านเองแล้วยังรู้สึกงงเองเลย

- โดยส่วนตัวกุ้งเป็นคนแพ้ทางหนังแนวที่ผู้ชายอ่อนไหวน่ะค่ะ คืออะไรที่ผู้ชายทำให้ผู้หญิงเยอะๆ หรือผู้ชายแสดงความรู้สึกออกมามาก(มากกว่าผู้ชายปกติ) กุ้งจะ "อิน" เป็นพิเศษ (อาจเพราะหาผู้ชายแบบนี้ได้ยากในชีวิตจริงมั้งคะ หรือกุ้งไม่เคยเจอก็ไม่รู้) --> ตกคำว่า "แบบนี้" ไปค่ะ เด๋วคนจะคิดว่าผู้ชายรอบตัวกุ้งมีแต่ผู้ฉิงไปหมดหรือไม่งั้นก็คิดว่ากุ้งอกหัก(อีกแล้ว)หรือเปล่า

- เขียนถึงฮิลลารี่แล้วนึกถึงหน้าฮิลลารี่ คลินตันขึ้นมาเฉยเลย ยิ่งเห็นหน้าปร้าแกในทีวีบ่อยด้วยพักนี้ เรียกแสวงค์อย่างพี่พี่เรียก น่าจะโอกว่าเนอะ

แค่เนี้ยล่ะค่า
โดย: ลิปดา-พิลิปดา IP: 58.9.7.231 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:16:59:37 น.
  
ทั้งเซ็ตเลยเหรอครับพี่กุ้ง ได้ครับเดี๋ยวจัดให้
เพราะก็กะจะหยิบ In the Mood for Love มาดูหลายทีแล้วเหมือนกัน (เห็นแผ่นแท้ออก ถ้าดูแล้วชอบจะได้ซื้อแผ่นแท้มาเก็บเลย อิอิ)

แต่ขอเป็นหลังสอบนะพี่กุ้ง ฮือๆๆ เทอมนี้ไม่เอ็นจอยกับการเรียนเลยอะ เหนื่อยมากๆ
โดย: nanoguy IP: 125.24.84.164 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:05:39 น.
  
ชอบอ่านหนังสือของคุณค่ะ เหมือนมองกระจกสะท้อนความคิดอะไรดีๆให้กับชีวิต จะติดตามตอนต่อไป หนังสือสวยดี แต่ราคาค่อนข้างสูงจัง ลดหน่อยไม่ได้เหรอคร๊าบ อิๆ
โดย: จิดาญา IP: 203.113.76.11 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:48:10 น.
  
หนังอาทิตย์นี้ 3 เรื่องที่อยู่ในความสนใจ ซัดมาหมดแล้วเรียบร้อย (ตอนแรก Jumper ก็อยู่ในลิสต์นั้นด้วย...แต่พอเสียงวิจารณ์เข้าขั้นชอบกล ก็เลยขอJumpก่อนละกัน อาจจะตามดูตอนออกแผ่น)

เรียงตามลำดับความชอบมากไปหาน้อยนะครับ...

"There Will Be Blood" ...แดเนียล เดย์ ลูอิส อาจเป็นที่สุดของหนังเรื่องนี้ก็จริง แต่นอกเหนือไปกว่านั้น ก็ล้วนแต่เป็นส่วนเติมเต็มให้หนังเรื่องนี้สุดยอดได้โดยบริบูรณ์

อย่างที่พี่ตี้ นาโนว่าไว้... หนังว่ากันด้วยเรื่อง บาป
(หาดี...ไม่มี) ของคนที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ...ตัวละคร "แดเนียล เพลนวิว" (ของ เดย์ลูอิส) อาจจะดูเลวทรามสุดขั้ว ชั่วสุดขีด แต่ถ้ามองในอีกแง่หนึ่ง เขาก็น่าเห็นใจในชะตากรรมที่เขาเลือกจะมา หากเพียงเพราะความอยากที่ไม่มีสิ้นสุดนี่เอง ที่เป็นคำตอบของทุกอย่างในชีวิต

หนังในช่วง 30 นาทีแรกจะหนักไปทางเนิบมากกกกกกก ผมเกือบจะหลับมิหลับแหล่...แต่หลังจากฉากระเบิดตูมตามเกิดขึ้น ผมก็ตาสว่างโพล่ง และยิ่งตื่นตัวตื่นตานานไป หนังก็ยิ่งเข้าซึมลึกมันไปเรื่อย โดยไม่สนว่า 2 ชั่วโมง เกือบ 40 นาที มันอาจมากไปหรือเปล่า กับฉากบางฉากที่ดูไม่จำเป็น... หากแต่ทุกฉากมันล้วนมีเหตุผล และใส่เข้ามาก็เพื่อเป็นการโยนอารมณ์ไปยังฉากจบที่ทำได้ถึงสุดๆ เลย

สรุป : ปลาบปลื้มมาก ถ้าได้ออสการ์หนังยอดเยี่ยมก็ดีใจยิ่งๆ (หากโดยความรู้สึกบนความเป็นไปได้ยาก...ก็อยากให้ Atonement ได้เป็นผู้ชนะอยู่ดี)

"กอด" ... อาจจะเป็นได้แค่หนังดรามาดีๆธรรมดาๆก็ได้ ถ้าหนังเรื่องนี้ดำเนินเรื่องโรดมูฟวี่ไปแบบชิลๆ เช่นที่ผู้กำกับคงเดช พามันไป ...หากแต่ เนื้อหนังและอารมณ์ กลับไม่ยักชิลไปตามนั้น เพราะในขณะเดียวกัน ผู้เขียนบทคงเดช ก็แฝงรายละเอียดอะไรเอาไว้เยอะมาก (ขนาดที่ดูรอบเดียวก็ยังเก็บได้ไม่หมด)

ผมประทับใจมาก ตรงที่หนังสอดใส่ สัญลักษณ์ เรี่ยไรไปตามทาง และก็ยังคงพูดถึงสังคมในวันนี้ที่โยงเข้าไปเป็นมุขในเรื่องได้ล้ำลึก (ถ้าดูผ่านๆอาจว่าขำๆฮาๆ ...หากถ้าคิดจริงจัง มันก็กัดจิกแสบๆคันๆแรงใช้ได้เลย) ...ช่วงท้ายๆอาจจะยังดูว่ามันหนืดเนือยเกินไป(ไม่)หน่อย แต่ในแง่ความรู้สึก ผมว่าช่วงเวลานี้ ก็สามารถให้อะไรในสิ่งที่หนังอยากสื่อกับผมกันสุดๆเลยทีเดียว

ตุ้ย เอเอฟ 3 บนจอหนังครั้งแรก ก็แหล่มเลยนะ กับภาพที่ต้องซีเรียสจริงจังกับชีวิตตลอดเวลา (ขัดกับภาพฮาๆที่เห็นบ่อยๆในจอทีวี) ...กระแต ชีน่ารักมากมาย มีเสน่ห์ล้นๆ เป็นธรรมชาติสุดๆ (ขัดกับภาพเซ็กซี่อันเคยคุ้น ... อย่างรุนแรง) ถ้าบรรดาคุณผู้ชายไม่ตกหลุมรักชี
ก็พึงสงสัยได้ว่าคุณอาจจะเป็นเก้งหรือกวางซะละมั้ง อิอิ

สรุป : ในผลงานกำกับและเขียนบท ของคุณคงเดช ทั้งหมด ..ผมว่าเรื่องนี้คืองานมาสเตอร์พีซของเขาครับผม ...และเป็นอีกหนึ่งหนัง GTH ดีๆ ที่ทำให้ผมรักคุณเข้าอีกแล้ว

"No Country For Old Men" ...พี่น้องโคเอน เท่ห์โค่ดๆ กับหนังทริลเลอร์เก๋ๆ ที่มีดีมากไปกว่าการไล่ล่า

แต่ในความคิดของผม ...ผมว่าหนังยังไม่ถึงขั้นสุดดยอด แบบที่นักวิจารณ์มะกันว่าไว้ ...มันจริงที่หนังเยี่ยมในทุกองค์ประกอบ แต่ที่ผมเคยประเมินไว้น่าจะมากกว่านี้ได้อีก ในแง่อารมณ์ ซึ่งบิวต์ยังไม่ทันถึงจุดสูงสุด ...แล้วเมื่อบทหนังมันจะให้จบ ก็จบฉากสุดท้ายลงแบบงงๆ ซะงั้น (คาดว่าเครดิตจบ อาจจะมีอะไรต่อ เลยรอดู ..หากสุดท้ายกลับไม่มีซะนี่)

สรุป : ถ้าหนังเรื่องนี้ได้ออสการ์ไป (อย่างที่บรรดาเซียนกะเก็งกันไว้) ก็น่าดีใจ...แต่อาจไม่มากมายอะไรนัก เมื่อเทียบกับ Atone หรือ There Will ...จะมีที่เชียร์แน่ๆ ก็อยากให้ "ฮาเวียร์ บาเด็ม"
ได้ เนื่องด้วยพี่แกแสดงได้จิตโค่ดๆ โหดสยองอย่างบ้าคลั่งและรุนแรง ...อาจจะมองว่าคลาสสิคเข้าขั้นเทียบเท่า "ฮันนิบาล เลคเตอร์" ของลุงฮอปกิ้นส์ (ในความรู้สึกผม) ก็ยังได้เลยทีเดียว
โดย: OncE UPoN'-'a MaN วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:3:15:50 น.
  
สรุปเรียงตามลำดับการเชียร์... 4 หนังเข้าชิงออสการ์ยอดเยี่ยม

1. Atonement ...เทพสุดยอด ซะอย่างงี้ จะน่าเสียดายถ้ากรรมการมองข้ามความเทพของมันไป
2. There Will Be Blood ...ตามข้างบนครับ
3. No Country For Old Men ...ตามข้างบนเช่นกัน
4. Micheal Clayton ...ผมมองว่า เป็นหนังทริลเลอร์ แอบดรามา ที่เจ๋งและดีอีกเรื่อง ...แต่ถ้ามองในแง่ของความที่ได้อะไรหลังออกจากโรง ผมรู้สึกได้คืนไม่สมศักดิ์ศรีเข้าชิง
ส่วน Juno ...คงต้องรอกันต่อไป ว่าจะเข้าฉายเมื่อไหร่ (แต่ในความรู้สึก หนังเรื่องนี้มีโอกาสน้อยที่สุด ที่จะได้รางวัลนี้...ประเมินจากปีก่อนที่คนดูชอบ Little Miss Sunshine กันมากมาย จนเป็นหนังฮิต หากแต่กรรมการไม่ยักกะอยากฮิตไปด้วย)

หลังจากออสการ์ประกาศแล้ว... จะกลับมาคุยกันครับผม
โดย: OncE UPoN'-'a MaN วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:3:36:04 น.
  
มาเยี่ยมคร้าบ
ไม่ได้เล่น blog ซะนานเลย

เจอกันแต่ในกระทู้ pantip

ไม่แน่ใจอวยพรปีใหม่ปีนี้ไปหรือยัง
ขอให้ปีนี้มีหนังดีๆ มีความสุขตลอดปี และตลอดไปนะคร้าบบบ

ปล. ผมมีข่าวดีด้วยแหละ

โดย: Lionia วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:9:53:08 น.
  
เพิ่งได้หนังสือจากเพื่อนเป็นของขวัญวันเกิดมาก็เลยตามมาดูที่webชอบค่ะรู้สึกว่าหนังและหนังสือเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ กำลังเสียใจจากปัญหาเรื่องรักๆก็จะได้ดูหนังได้อารมย์มากขึ้นไม่ดูแค่ผ่านๆไปขอบคุณเพื่อนและ"หนังสือรัก"ของคุณหมอมากค่ะการมองต่างมุมช่วยเปลี่ยนความคิดไปในทางที่ดีได้จริงค่ะ การสูญเสียบางอย่างก็จะได้รับบางอย่างที่ดี ทุกอย่างอยู่ที่วิธีการคิด
โดย: wanacono IP: 61.19.88.226 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:33:46 น.
  
... ตอบคำถามครับ
* คุณ I love หมอหญิงซินปี : The illusionist ก็เป็นหนังฮอลลีวูดอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งสร้างออกมาและฉายก่อน The prestige ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับนักมายากลเหมือนกัน ได้ไม่นานนัก (ก็ฮอลลีวูดชอบสร้างหนังแพ็คคู่อยู่เรื่อย ) ... แต่กับหนังทั้ง 2 เรื่องนี้ ผมว่าถึงพร้อมด้วยความบันเทิงและคุณภาพหนังทั้งคู่เลยนะครับ ถึงแม้การดำเนินเรื่องอาจไม่เป็นแนวเดียวกันก็ตามที
... ข้อมูลหนังเรื่องนี้ เป็นหนังปี 2006 กำกับโดย นีล เบอร์เกอร์ นำแสดงโดย เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน, เจสซิกา บีล, พอล จิอาแมตติ, รูฟัส ซีเวลล์ ... และ เอ่อ ไม่ได้เข้าฉายในโรงเมืองไทย!!! ครับ ดังนั้นคงต้องหาดูตามช่องเคเบิลทีวี หรือแผ่นดีวีดี (น่าจะมีขายนะ)

* น้องกุ้ง - ยังไม่ได้ดูจ้า วันก่อนน้องนาโนก็โทรมาถามเหมือนกัน แต่ต่างคนก็ต่างยุ่งๆ กันอยู่ เลยยังไม่ได้ไปเจอน้องเค้าเลยอ่ะครับ เด๋วว่างๆ พี่เคลียร์ให้ แล้วจะเอาไปคืนจ้า

+ วันก่อน ได้ดู The hills have eyes ใน UBC มาอีกเรื่อง (หนังเชือดๆ ในจอเล็ก ผมไม่ยั่นอยู่แล้วครับ ) ก็โหดเลือดสาดใช้ได้ทีเดียว ... และถ้าไม่เห็นชื่อ แทบจะจำไม่ได้เลยว่าตัวพระเอกของเรื่อง ก็คือ ไพโรจาก X-Men แอรอน สแตนฟอร์ด ดูจากเรื่องนี้แล้วหน้าเค้าช่างคล้าย โทบี้ แม็คไกวร์ ตอนเป็นสไปดี้เลยอ่ะครับ

+ ส่วน There will be blood กับ No country for old men ผมก็เก็บเรียบมาเมื่อวาน (เลยกลายเป็นวันออสการ์เดย์ สุดเครียด สุดระทึก อะดรีนาลินแตก และสำลักฝุ่นแดงๆ จากทะเลทรายของผมไปเลย ) ... ก็หนังดีถึงดีมากทั้งคู่ อย่างที่หลายๆ ท่านข้างบนเขียนไป (แต่ผมชอบ Fargo มากกว่า No country แฮะ) และดันมีธีมที่เป็นเรื่องราวของคนโฉด, คนกักขฬะ, ชั่วช้าสามานย์, เต็มไปด้วยความโลภ โกรธ หลง เหมือนกันทั้ง 2 เรื่องเลย ก็เด๋วผมรออ่าน & เขียนรายละเอียดที่หน้านั้นของคุณ จขบ. แล้วกันนะครับ (เดาว่าน่าจะเขียนออกมา)

+ เห็นเรียงๆ ลำดับการเชียร์กัน ... สำหรับผม ลำดับการเชียร์ของตัวผมเองคงเป็น
* Atonement - ถึงแม้จะมี 'นางมารร้าย' เป็นตัวหลักที่ดำเนินเรื่อง แต่ก็ยังมีความหวานซ่อนอยู่ ประกอบกับความเจ๋งหลายๆ อย่างในตัวหนัง
* There will be blood - หนังสเกลกว้างที่พูดถึงทั้งสังคม, ธุรกิจ, ศาสนา, เรื่อยไปจนถึงกิเลสตัณหาในใจมนุษย์ เวลาดูรู้สึกอึดอัดพอสมควร, แดเนียล เดย์ ลูอิส เปิดเปลือยความหยาบช้าสามานย์ของตัวละครจนไม่น่าพลาดออสการ์นำชายไปได้
* No country for old men - เหมือนเป็นอีกขั้วหนึ่งของ Fargo ที่ทั้งร้อน แห้งแล้ง หดหู่ สิ้นหวัง แต่ก็มันส์สะใจเหลือแสน, ฆาเวียร์ บาเด็ม โรคจิตหน้าตายด้วยทรงผมตลกๆ ได้ถึงขั้นจริงๆ ไม่น่าพลาดออสการ์ประกอบชายยอดเยี่ยมเช่นกัน
* Micheal Clayton - ใน 4 เริ่องที่เข้าชิงที่ผมได้ดูมา มีเรื่องนี้แหละมั้งที่ 'ตามขนบ' มากที่สุดแล้ว ... แต่ด้วยวิธีการนำเสนอของหนัง และการแสดงขั้นเทพของตัวละครหลักทั้งหลาย ทำให้ติด 1 ใน 5 เรื่องสุดท้ายด้วย
* Juno - อยากดูมากมาย แต่คงเป็นแจ๊คที่ไม่อาจล้มยักษ์เหมือน Little Miss Sunshine ปีที่แล้วอ่ะครับ ... เข้าโรงฉาย (ตามที่น้องนาโนให้ข่าวไว้) ทีเหอะ หลังประกาศผลออสการ์ก็ยังดี

+ ผมยังเหลือต้องไปตามเก็บ Charlie Wilson's war, P.S. I love you, Dead in 3 days (@House) ... ส่วน Jumper ชะงักนิดนึง จากรีวิวคุณ จขบ. และ กอด เจ๋งเหรอครับน้อง Onceฯ เด๋วพี่เก็บเข้าเวทติ้งลิสต์ไว้ก่อนเน้อ
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:13:48 น.
  
The Mist - สนุกและดีกว่าที่คิดมาก ตอนแรกก็คิดๆ ไว้ว่าจะบอกว่าดียังไง แต่ถ้าไม่เล่าเนื้อหาตรงๆ ก็คงบอกไม่ได้ว่าดียังไง = spoil เต็มๆ นั่นเอง ดังนั้น ใครสนใจเรื่องนี้ พยายามอย่าโดนสปอยล์เนื้อหาเด็ดขาดครับ

เห็นชื่อคนแต่งก็คิดไว้แล้วว่าตอนจบมันอาจจะอำมหิต แต่ก็รับไม่ได้จริงๆ ที่กลุ่มคนดีดี ที่ยังหลงเหลือความเป็นมนุษย์และสู้อุตส่าห์เอาตัวรอดขนาดนั้น ต้องมามีจุดจบแบบนี้ อึ้งมากกับฉากสุดท้ายที่แม่ลูกสามคนตอนต้นเรื่องรอดชีวิต นี่ถ้ารถถังขนพวกคนที่เหลือในซูเปอร์มาร์เก็ตออกมาแทน สงสัยคนดูจะใบ้กินลุกจากที่นั่งไม่ขึ้นแน่ๆ

ส่วนตัวหนังโดยรวม สนุกตลอดเรื่อง มีทั้งอารมณ์ลุ้นระทึก เศร้า ขบขันนี่ก็เล่นเอาฮาทั้งโรงเลยทีเดียว (Marcia Gay Harden เยี่ยมมาก)

ทำเอาลืมไปเลยว่าก่อนหน้านั้นสองชม. ผมเพิ่งดูหนังอีกเรื่องมา ชื่ออะไรหว่า แว้บๆ โดดๆ กันทั้งเรื่อง
โดย: ayres IP: 58.64.101.167 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:0:23:39 น.
  
ลืมบอกว่าสีเหลืองข้างบนคือ spoil ยังไม่ดูอย่าเพิ่งอ่านนะครับ (edit ข้อความไม่ได้ด้วยแฮะ)
โดย: ayres IP: 58.64.101.167 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:0:25:05 น.
  
ขอบคุณ คุณ บลูยอชท์ มากครับ

ไว้จะไปควานหาแผ่นมาดูครับ ไม่ได้ดูหนังเฮียนอร์ตันแกเล่นนานแล้วคับ คิดถึง

\\(O*v*O)//
โดย: I love หมอหญิงซินปี วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:0:29:37 น.
  
ได้ไปดู Atonement แล้วค่ะ ค่อนข้างชอบทีเดียว แม้จะยังไม่โดนซักเท่าไหร่ (ไปเขียนตอบในหน้า Atonement แล้วค่ะ)

พี่ได้ดู There will be blood รึยังคะ ระหว่างเรื่อง
นี้กับ No Country for Old Men พี่เชียร์เรื่องไหนเอ่ย (ไม่แน่ใจว่าจะได้ดูทั้งคู่มั้ย เลยอยากขอทางเลือกไว้ก่อนค่ะ เพราะยังมี Charlie Wilson's War ที่เราตั้งใจว่าจะไม่พลาด เดาว่าตัวเองน่าจะถูกใจเรื่องนี้ค่ะ)
โดย: azzurrini IP: 202.28.181.7 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:23:34:58 น.
  
ตอบลิปดา-พิลิปดา ... เหะๆ ช่วงนี้วุ่นวายย้ายบ้าน แผ่นกองๆเก็บๆไว้รวมกัน ไว้อีกซักพักเคลียร์เสร็จจะหาให้อีกทีเน้อ

ตอบน้อง azzurrini ... ถ้าให้เลือกจากหนังออสการ์ อันตัวพี่คิดว่าน้องน่าจะชอบ Atonement แต่กลับเป็นชอบไม่มาก สองเรื่องนี้ไม่กล้าเสนอเพราะไม่รู้ว่าจะเข้าทางหรือไม่ แต่ขอเดาว่า ถ้าคุณน้องจะชอบ น่าจะชอบ There will be blood นะ

... ขอบคุณทุกๆความเห็นที่มาคุยกันนะค้าบ

หนังที่ได้ดู

Jumper ... ตามที่เขียนลง blog สรุปได้สั้นๆว่าหนังดูได้เพลินๆไม่ห่วย แต่ ‘ช่วงเวลาที่สนุกที่สุดของหนังเรื่องนี้คือ หนังตัวอย่าง’

กอด ... เป็นหนังแนวโร้ดมูวี่ที่ดี(ซึ่งหนังไทยไม่ค่อยมี) ผมชอบการที่หนังพูดถึง ปมด้อยในตัวแต่ละคน + self-esttem + การเติมเต็ม ซึ่งผมมองว่า ดีกว่าการจะเล่นกับเรื่องรักโรแมนติกล้วนๆ ผกก.คงเดช ยังคงสอดใส่สัญลักษณ์มากมาย เต็มไปด้วยรายละเอียดและเก็บตกทุกๆเม็ดที่หยอดไว้ตอนต้นมาใช้ เสียก็ตรงผมชอบไม่มากเท่าไหร่ เพราะครึ่งหลังมันค่อนข้างเอื่อยจนถึงขั้นน่าเบื่อไปหน่อย และ ตุ้ยถึงจะเล่นดี แต่เขาก็ยังขาดอะไรบางอย่างเหมือนกับที่ หม่ำมีให้ใน เฉิ่ม ผมชอบเรื่องนี้น้อยกว่า เฉิ่ม แต่ก็จัดเป็นหนังดีน่าดู(ตั้งใจว่าจะเขียนถึงนะครับ ถ้ายังมีเวลา)

There will be blood ... เขียนใกล้เสร็จแล้ว บอกได้คำเดียวว่า หนังทรงพลังสุดๆ (ทรงพลัง เป็นอย่างไร นึกถึงตอนโกคู ใน dragonball ยืนเฉยๆแล้วรอบตัวเหมือนมีออร่าพร้อมระเบิดออกมา โดยที่ว่ายังไม่ต้องออกท่าปล่อยแสงหรือโชว์ลีลาให้มากมาย) ผมชอบดนตรีประกอบในหนังเรื่องนี้มากกกกกๆๆๆๆ มันไม่ได้เพราะ แต่มันชั่วร้ายและถ่ายทอดทุกๆอารมณ์ตัวละครในตอนที่หนังต้องการนำเสนอ


The Mist ... ห้ามพลาดนะครับ ห้ามพลาด ถ้า Cloverfield เป็นหนังสัตว์ประหลาดที่ถ่ายทอดความเป็นคนและน่าสะพรึงได้ดี เรื่องนี้ก็มีความคล้ายคลึงกัน คือ เน้นไปที่ ‘ความเป็นคน’ + สัตว์ประหลาดโผล่ไม่มากมาย(แต่มากกว่า Cloverfield สบายใจได้) + น่าสะพรึง

ส่วนที่ดีกว่า คือผมมองว่า Cloverfield เจ๋งจริงๆแค่ตรง สไตล์สมัยใหม่กับลูกเล่นฉาบฉวย กับ side story แต่ The mist มาแบบหนังสัตว์ประหลาดสไตล์โบราณดูไม่เวียนหัว แต่แน่นในตัวบทและจบแบบ อื้อหือ
โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:27:37 น.
  
ขอเป็นหน้าม้าให้ "กอด" อย่างรุนแรงชั่วคราวครับ
โดย: nanoguy IP: 125.24.68.3 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:8:35:26 น.
  
โอ้ว ผลปีนี้ แหล่มดีทุกรางวัลเลย ...ไม่ขัดใจซะเท่าไหร่

No Country for Old Men ...เจ๋ง จ๊าบ สมแล้วที่ได้หนังยอดเยี่ยม (หากใจจริงก็เชียร์ Atonement กับ There Will ให้ได้มากกว่า) ที่ได้มาคิดว่า ความเป็นอเมริกันมันสูงมาก เลยโดนใจคนมะกันโดยง่ายๆ ส่วนสาขาอื่นๆ ก็โอหมดเลย โดยเฉพาะ ฆาเวียร์ บาร์เด็ม ...คู่ควรกับคำว่า คลาสสิค มากกว่า ออสการ์เลยด้วยซ้ำ

There Will Be Blood ... ขอขอบคุณคณะกรรมการที่มอบรางวัลให้ น้าเดย์-ลูอิส ซักกะที ...ใครอยากรู้ว่าแกเทพขนาดไหน ต้องไปดูให้ได้ (ส่วนตัวหนังก็สุดยอดเหมือนกันนะ ...อาจเนิบเกินไป แต่มีพลังยิ่งๆ)

Atonement ...อุตส่าห์ชิง 7 ได้กลับบ้านเพียง 1 เองอ่ะ เสียดายโค่ดๆ (แต่เอาเหอะ อย่างน้อยก็มีกลับบ้าน ...แล้วยังเป็นสาขาที่สร้างความหลอนใจให้สุดๆอีกต่างหาก อิอิ)

The Bourne Ultimatum ...นี่ก็หนังในดวงใจปีก่อน โปรดักชั่นสุดยอดถ้วนทั่วจริงๆ

La Vie En Rose ...ยังไม่ได้ดูเลย อย่างงี้ ต้องรีบไปหาแผ่นเถื่อนซะแว้ว อิอิ (อ้าว ก็ของจริงมันไม่มีใครเอามาขายนี่)

Juno ...มาแนวเดียวกะ Little Miss Sunshine (ได้รางวัลบทหนัง) รอเข้าฉายโรงอย่างใจจดจ่อ (ถ้ากลัวเจ๊ง...ขอแค่ APEX ก็พอแล้ว)

Ratatouille ...ไม่พลิกโผ และสมควร ปลาบปลื้มด้วยประการทั้งปวง

Sweeney Todd ...บรรยากาศโกธิกยุควิคตอเรียน มันช่างสวย ดิบๆ แฝงความป่าเถื่อน ...แม้เป็นแค่ฉากหลัง ก็มีพลังกับตัวหนังไม่น้อย

ทิลด้า สวินตัน แห่ง Micheal Clayton ...ตอนดูหนัง ชอบบทของเธอ เป็นรองจาก ทอม วิลคินสัน กะ จอร์จ คลูนีย์ ...แต่พอได้รางวัลแล้ว มาคิดๆอีกที การแสดงของเธอก็ใช้ความสามารถหนักๆไม่แพ้ สองตัวเอกไปเลยแหะ

The Golden Compass ...เอฟเฟกต์สวยตะลึงพรึงเพริดจริงๆ ช่วยหนังที่แสนจะอ่อนยวบทั้งเรื่องให้มีอะไรน่าสนใจได้ ...ถือว่า สมควร (แต่ส่วนตัว อยากจะให้ Transformers มากกว่า)

Elizabeth : The Golden Age ...เครื่องแต่งกายเขาสวยจริงๆ แต่ไม่ช่วยให้ผมอยากดูหนังที่คำวิจารณ์ทุกเสียงบอกว่า มันไม่ดีอะไรนอกจาก เคท แบล็นเช็ตต์ (ที่แห้วไม่ได้นำหญิงอีกสักที...คงเป็นเพราะอิทธิพลจากหนังตรงๆเลยนะนั่น)

Once ...ได้เพลงประกอบอย่างที่แอบคิดไว้เลย (ก็เข้าข้าง Enchanted อยู่นะ ...แต่ลางสังหรณ์มันบอกว่าคงแป่วทั้งหมดแหละ อย่าง Dreamgirls) ...ส่วนตัวหนัง ก็อาจจะดูในโรง (แต่ตัวอย่างมันไม่ค่อยโดนซะเท่าไหร่เลยอ่ะ)
โดย: OncE UPoN'-'a MaN วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:15:41:28 น.
  
^
^
เคท ก็เล่นไม่ได้แย่หรอกนะในอลิซาเบธ
เพียงแต่ว่า ถ้าเทียบกับมาตรฐาน "ปกติ" ของเธอ เรื่องนี้เธอเล่นได้ Over-Acting มากกกกกกกกกก

ชุดที่ทิลด้าใส่มางาน เซอร์เรียลมากๆ (แหม นี่ยังดีนะเธอไม่ใส่ชุดแบบที่เคยใส่ไปตามงานเทศกาลแถวยุโรปมา ไม่งั้นคงจะเหวอกว่านี้)
โดย: nanoguy IP: 125.24.68.3 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:52:56 น.
  
- ถึงพี่จขบ, น้องนาโน และพี่บลู : คำตอบเหมือนกันทั้ง 3 คนเรย คือ "ได้ค่า รอได้"

- สำหรับเรื่องผลออสการ์ ขอไม่คอมเมนท์ล่ะกันค่ะ เพราะ....แหะๆ ยังไม่ได้ดูซักกะเรื่องเลย
โดย: ลิปดา-พิลิปดา IP: 58.9.2.103 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:59:20 น.
  
รออ่านวิจารณ์เรื่อง กอด อยู่นะคะ
เราชอบมาก ประทับใจมาก ดีใจที่ได้ดู
โดย: :) IP: 58.8.3.34 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:3:44:28 น.
  
+ ว่ากันถึงผลออสการ์เมื่อวาน ... เกือบทุกรางวัลก็โดนใจทีเดียวนะครับ ไม่มีค้านสายตาเท่าไหร่ อย่าง หนัง, ผกก., นำชาย, ประกอบชาย นั่น ก็คู่ควรแล้ว (พี่น้องโคเอ็น สมควรได้รับการยกย่องซะที ส่วน P.T. Anderson ยังหนุ่มแน่น คงมีแรงสร้างหนังเจ๋งๆ อย่าง Blood หรือ Magnolia ต่อไปได้อีกนานแหละน่า )

... นำหญิง เนื่องจากผมยังไม่มีโอกาสได้ดู Away from her แต่จากการได้ดู La vie en rose ไปแล้ว ผมก็เชียร์ มาริยง เธอมาตั้งแต่ตอนนั้นนะครับ เธอแปลงโฉมได้น่าขนลุกดี ไม่ว่าจะเป็นตอนอีดิธ เพียฟ ที่ยังสาวสวย ตอนอารมณ์เพี้ยน หรือตอนโทรมจนแทบเหมือนซากศพ ในช่วงบั้นปลายของชีวิตก็ตาม รวมทั้งมีฉากเจ๋งโชว์การระเบิดอารมณ์แบบลองเทคอีกด้วย

... ส่วนประกอบหญิง เคทท์เธออาจพลาดไปเพราะเคยได้รับรางวัลนี้ไปแล้ว (หรือเปล่า?) ส่วนตัวเก็งอีกคนอย่างเอมี่ ไรอัน ผมก็ยังไม่ได้ดู Gone baby gone เลยบอกไม่ได้ว่าเจ๋งแค่ไหน ... แต่ที่ทิลด้า สวินตันได้รางวัล ก็ไม่ถือว่าน่าเกลียดนะครับ ผมว่าเธอ กับ ซาแมนธา มอร์ตันเนี่ย ดูจะเป็น 2 นักแสดงหญิงจากเกาะอังกฤษ ที่ชอบใช้วิธี 'เล่นน้อยๆ แต่ขโมยซีน' (อย่างซาแมนธาเนี่ย ถ้าไม่ได้เธอมาเป็นพระนาง Mary Queen of Scot ใน Golden age เนี่ย คงดูไม่จืดแน่ๆ ถ้าใช้คนอื่นที่มือไม่ถึงเล่น แล้วให้ประชันกับ เคท ในบทอลิซาเบธ) ... อย่างในไมเคิล เคลย์ตัน นี่ก็เช่นกัน ถึงแม้ว่า จอร์จ คลูนีย์ จะเป็นตัวหลักของเรื่อง ที่ยืนอยู่บนความคาบเกี่ยวของเส้นจริยธรรม (แล้วก็ทำได้ดีซะด้วย) กับลุงทอม วิลคินสัน ที่สติแตกได้ดี ... แต่กับทิลด้า เธอก็ดูเป็น 'นางมารร้าย' ที่น่ากลัวและอาจน่าสงสาร ในเวลาเดียวกัน ... ฉากที่เจ๋งที่สุด ผมชอบฉากสุดท้ายที่พระเอกบุกไปกระชากหน้ากากเธอที่ห้องประชุม อารมณ์ที่เธอแสดงออกมามันเจ๋งและดู 'จริง' มากๆ อ่ะครับ

... มีข้อสังเกตอยู่อย่างว่า 3 ใน 4 คาแรคเตอร์ที่ได้รับรางวัลออสการ์ปีนี้ เป็นตัวร้ายระดับเลวทรามเหมือนกันหมด ...
* ทิลด้า (ไมเคิล เคลย์ตัน) - บกพร่องทางจริยธรรม และทำทุกอย่างโดยเหยียบคนอื่นให้ตัวเองขึ้นไปในจุดสูงสุด
* แอนทอน ชิเกอร์ (ฆาเวียร์ บาร์เด็ม : No country) - ฆาตกรโรคจิตขวัญใจเด็กแนว ตลกหน้าตายได้อย่างแสบสันต์และน่าสะพรึง
* แดเนียล เพลนวิว (แดเนียล เดย์ ลูอิส : Blood) - เหมือนปอกเปลือกหัวหอม ... ยิ่งคนดูได้เห็น 'ก้นบึ้ง' ในจิตใจของชายคนนี้มากเท่าไหร่ ความน่ารังเกียจของคาแรคเตอร์นี้ ก็ยิ่งมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ

+ หนังที่ได้ดูช่วงนี้ (2 เรื่องแรก ไปเขียนไว้ที่หน้า 'ดูแล้วมาคุยกัน' ของคุณ จขบ. แล้ว)
* Jumper - 'ผิดหวัง' สำหรับผมครับ (คุณ จขบ. อุตส่าห์เตือนไว้แล้วแท้ๆ

* Cahrlie Wilson's war - หนังการเมืองที่ผมชอบมากกว่า Lion for lambs ตรงมุกตลกเสียดสี กับบทสนทนาอันคมคายในหนังอ่ะครับ

* Thank you for smoking [UBC] - หนังเรื่องก่อนหน้าที่จะเข้าชิงรางวัลจาก Juno ของผกก. เจสัน ไรท์แมน ... ซึ่งก็เป็นตัวบ่งชี้ได้เป็นอย่างดีว่าความสำเร็จของ Juno นั้นไม่ใช่ความฟลุกแต่อย่างใด ... ผมชอบตรงหนังค่อนข้าง make sense, มีบทสนทนาอันชาญฉลาดและเป็นธรรมชาติ (ทั้งๆ ที่ดูจากชื่อเรื่องและพล็อตแล้ว ไม่น่าเป็นเช่นนั้นได้) ... แต่ละคาแรคเตอร์ที่ cast มาก็ทำหน้าที่ตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม อย่าง แอรอน แอ็คฮาร์ต ตัวเดินเรื่อง ก็ดูดี ฉลาด และอบอุ่น และตัวประกอบอื่นๆ ทุกตัวด้วย

+ โปรแกรมหน้าสำหรับผม ... ดูแน่ๆ คือ The mist กับ Once (เออ ... แต่ The 8th days มันเข้าสัปดาห์นี้ด้วยรึเปล่าหวา? ) ... และถ้ามีเวลาก็ตามไปเก็บตก กอด, P.S. I love you และ Dead in 3 days อ่ะครับ
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:12:00:54 น.
  
blog สวยมากเลยค่ะ
โดย: pok IP: 124.120.177.188 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:10:05:08 น.
  
ได้ไปดู The Mist ตามคำเชียร์ของพี่หมอมาแล้วเน้อ...

ผมก็ชอบมากมายเหมือนกันเลยครับ... เกินกว่าที่คาดเอาไว้เยอะเลย ทั้งๆที่รู้ว่า สตีเฟ่น คิงส์ ชอบเล่นกับความรู้สึกของคนมากกว่า ก็ยังคิดว่าหนังคงจะดูให้บันเทิงไปด้วย

แต่ผิดถนัด มันแสนจะไม่บันเทิงเลย (มีบ้าง...ก็ช่วงที่สัตว์ประหลาดทั้งหลายแหล่บุกรุมทึ้ง...เสมือนหนังเกรดบีก็ไม่ปาน) ...หนังวิพากษ์วิเคราะห์จิตใจมนุษย์ได้ล้ำลึกมาก โดยเฉพาะเรื่องของความกลัว และความงี่เง่าของคนในช่วงเวลาที่ความตายใกล้คืบคลาน ...ตอนจบในความคิดแรกยังคิดว่าดูมันเสี่ยวๆชอบกล (ในความคิดผมนะ) แต่กลับสรุปเรื่องราวทุกอย่างได้แบบเป๊ะๆ และยังทรงพลัง ทั้งอึ้ง ทั้งกดดัน และ ...(ต้องไปดูเองละกัน)

พวกสัตว์ประหลาด ออกโรงกินคน ค่อนข้างจะพอๆกับ Cloverfield เลยแหละนะ แล้วส่วนของความตื่นเต้นลุ้นระทึกก็ดูน้อยกว่าด้วย ...แต่ถ้าให้เทียบในแง่ของความรู้สึกที่ได้ออกมาหลังหนังจบ หมอกกินคน ยังให้มากกว่า

แถมความรู้สึกที่ว่า ...ยังเป็นความสลดหดหู่ ชนิดที่หวนย้อนคิดถึงไปทีไร จิตใจก็ห่อเหี่ยว

และอีกอย่าง ...น้ำตาผมตกหลายฉากมาก ...มันอาจจะเป็นเพราะความหดหู่นั่นแหละ ที่หนังทำได้รันทดถึงเหลือเกิน

ถ้าเทียบกับ 1408 เมื่อปีก่อนที่ชอบมากมายแล้ว ...ยังพ่ายแพ้ให้กับ The Mist อย่างราบคาบ ...ทั้งๆที่ดูแล้วไม่ค่อยจะให้ความบันเทิง หนุกหนาน เท่าไหร่เลยนะนั่น

ส่วนหนังอีกเรื่องในรอบอาทิตย์นี้ที่สนใจอยากดู ก็เหลือ Once (เจ้าของเพลงยอดเยี่ยมออสการ์) ...ซึ่งคงจะไปตามเก็บอาทิตย์หน้าหลังสอบเสร็จน่ะครับ อาจจะไม่ถึงรีบร้อนด้วยซ้ำเพราะเอเพ็กซ์ต้องพยายามเก็บไว้นานอยู่แล้ว
โดย: OncE UPoN'-'a MaN วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:23:08:47 น.
  
เมื่อวานเป็นอีก 1 วันที่ยุ่งเหยิงในชีวิตกุ้งค่ะ ยุ่งเหยิงกับการจองรอบหนังเนี่ยล่ะค่ะ ใช้เวลาไปหลายชั่วโมงมาก และก็เกลียดไอ้ระบบเช็ครอบ major line สุดๆๆๆๆๆๆ ขอบ่นหน่อยนะคะ

...ตอนแรกกุ้งตั้งใจจะไปดู P.S. I Love You ค่ะ คุณแฟนก็ตามใจ เพราะเห็นว่าก่อนหน้านี้ที่กุ้งอยากดู Enchanted กุ้งแห้วมาแล้วทีนึง เพราะออกจากบ้านไปแล้วรถติดมากกก ไปดูไม่ทัน คราวนี้คุณแฟนเลยชดเชยให้ ทั้งๆที่ปกติแกจะชอบดูแนวแอ๊คชั่นระเบิดท่วมจออะไรประมาณนั้นค่ะ กุ้งก็เช็ครอบจาก movieseer ปรากฏโรงที่มีก็ไกลบ้านเราโพ้นทะเลเลย (อยากดูแถวๆพระราม 3 /2อะค่ะ) ที่ใกล้สุดของกุ้งตามโรงที่มันฉายก็พารากอน กุ้งก็อยากรู้ว่าโรงไหน (เพราะพวกเหลือรอบน้อยๆของเมเจอร์ ชอบเอาไปฉายโรงแพง) ก็เลยเข้าไปดูในเว็บพารากอน เค้าเขียนไว้ว่าโรง 2 โนเกียอะไรซักอย่างซึ่งเคยได้ข่าวมาว่าราคาไม่ปกติ แต่อยากเอาชัวร์ก็เลยโทรเข้าเมเจอร์ไลน์ละกัน โทรอยู่ 5 รอบอะค่ะกว่าจะได้ข้อมูลที่เราต้องการ เพราะ
1. กดเลขตามหนังที่เราอยากดูเสร็จ มันเงียบไปเลย เป็นอย่างนี้ไป 2 รอบ เสียเงินฟรีเลยชั้น
2. พอกดเรื่องได้ มันบอกรอบมา ก็ไม่ตรงกับที่เราดูมาในเนททั้ง 2 เว็บก็เลยกดใหม่ ปรากฏรอบไม่ตรงกันจริงๆ ก็เลยวางหูแบบงงๆ เพราะถ้าไปดูรอบนั้น จะอดไปกินข้าวเย็นกันก่อน
3. โทรแล้วเลือกกด 0 เพื่อติดต่อโอเปอเรเตอร์ รอประมาณชาตินึง ก็ยังไม่มีวี่แววสิ่งมีชีวิตมารับเลยตัดใจวางค่ะ เสียตังค์ไปอีกเกือบสิบนาที
4. ท้ายสุด คุณแฟนโทรติดต่อโอเปอเรอเตอร์ได้ คุณโอเปอร์เรเตอร์บอกว่ารอบที่ถูกต้องคือรอบที่ฟังทางโทรศัพท์นะคะ (รอบใน movieseer, เว็บmajor, paragon และน.ส.พ.ที่บอกตรงกันนั่นน่ะ ผิดหมด ฮ่วย) แต่ปรากฏราคาที่นั่งไอ้โรงโนเกียเนี่ยที่ละ 600 ค่ะ / 2คนก็พันสองเข้าไปแล้ว (สงสัยดูจบจะแจกโนเกียให้คนละเครื่อง) ก็เลยโบกมือบ๊ายบายค่ะ

คราวนี้ที่พารากอนก็เลยอด คุณแฟนเห็นกุ้งทำเสียงละห้อยจะร้องไห้ เสนอให้เปลี่ยนไปดูโรงเมเจอร์สุขุมวิทแทน เค้ายอมขับรถไปไกลหน่อย กุ้งก็เลยเข้าไปเช็ครอบทางเนท มีรอบ 14.20 กับ 19.20 แต่ทีนี้มันฉายโรง 1 ซึ่งคิดว่าแพงอีกแน่ๆ อยากรู้ราคาและรอบที่ชัวร์ๆ ก็เลยโทรเข้าเมเจอร์ไลน์อีกรอบ (ไม่เข็ดค่ะ) คราวนี้โทรไปสะดวกราบรื่นไม่มีปัญหา แต่พอเลือกโรงเลือกเรื่องได้แล้ว....
กรุณากดสี่เหลี่ยมหลังรอบที่ท่านต้องการชมค่ะ –> 18 นาฬิกา แล้วก็...เงียบ1อึดใจ
ท่านกดหมายเลขไม่ถูกต้องค่ะ กรุณากดสี่เหลี่ยมหลังรอบที่ท่านต้องการชมค่ะ –> 18 นาฬิกา/ เงียบ
ท่านกดหมายเลขไม่ถูกต้องค่ะ เฮ้ย! ก็ชั้นไม่ได้อยากดูรอบนี้หนิฟระ 18 นาฬิกาเนี่ยคุณแฟนเพิ่งเลิกงานเองนะแล้วจะให้กดไปทำแม้วเหรอ ว่าแต่แล้วรอบ 19.20 ไปไหนล่ะ
แล้วมันก็ขอบคุณค่ะที่ใช้บริการ แล้วก็ ตู๊ดๆๆๆๆๆๆ
ฮ่วยยยยย....

((มีต่อค่ะ))
โดย: ลิปดา-พิลิปดา IP: 58.9.9.62 วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:52:46 น.
  
((ต่อจากข้างบนค่ะ))

แล้วก็เลยทำให้กุ้งทะเลาะกะคุณแฟนเลย ประมาณว่าเพราะเค้าไม่ค่อยมีเวลาให้เรา ทำให้เราไม่ได้ดูหนังเรื่องที่อยากดูเลย อารมณ์แบบน้อยใจอะค่ะ (เพราะเมเจอร์แท้ๆ - เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย)

แล้วกุ้งก็เล็ง Atonement เป็นเรื่องต่อไปค่ะ แต่ไม่อยากจะเชื่อรอบที่เห็นในเนทแล้ว ครั้นจะให้โทรไป ไม่เอาดีกว่า เพราะจำได้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หงุดหงิดกะเมเจอร์ไลน์ ท้ายสุดก็เลยไปตายเอาดาบหน้าละกัน แล้วท้ายสุดก็ได้ดู "กอด" ค่ะ เป็นอีกเรื่องนึงที่ตั้งใจว่าจะดูอยู่แล้ว เพียงแต่จะรอดูตามลำดับหนังที่คิดว่าออกก่อนก่อน แล้วก็เกรงใจคุณแฟนด้วยเพราะดูท่าทางแล้วเค้าไม่น่าจะชอบหนังสไตล์นี้เท่าไหร่

แต่พอดูจบ อยากบอกว่ากุ้ง "ชอบหนังเรื่องนี้มากกก" ค่ะ คุณแฟนก็ชอบเรื่องนี้นะคะ และเค้าก็ชมใหญ่ว่านางเอกน่ารัก (เค้าไม่รู้จักกระแตมาก่อนค่ะ เพิ่งรู้จักจากเรื่องนี้ - แต่กุ้งว่าคนควรรู้จักกระแตมาก่อนดูเรื่องนี้นะคะ เพราะมันมีผลต่อความคิดของคนดูที่มีต่อ 'นา'ในเรื่องด้วย) ก็ขนาดกุ้งเป็นผู้หญิงยังว่ากระแตน่ารักเลยอะค่ะ ยิ่งเคยเจอเค้าตัวเป็นๆ 2 ครั้งแล้วที่สยาม อยากบอกว่าตัวจริงยิ่งน่ารักมากๆเลยค่ะ / สำหรับตุ้ย ตุ้ยก็เล่นดีนะคะ แต่กุ้งมีอะไรอยากถามพี่หรือคนที่เคยดูมาหน่อยค่ะ อยากรู้ว่าคิดตรงกันหรือเปล่า

**ถัดจากบรรทัดนี้ อาจมี spoil หนังเรื่องกอดนะคะ ใครยังไม่ดู ให้ข้ามไปเลยน้า**
1. ฉากมือของขวานกับเครื่องมือจากอิตาลี ตั้งใจจะสื่ออะไรคะ ไม่เก๊ทเลยอะ
2. ฉากที่พระเอกมากินผัดไทยที่กรุงเทพฯ ร้านนั้นคือร้านพ่อพระเอกใช่มั้ยคะ และเค้าเอากระดูกแม่ขึ้นมาวางบนโต๊ะ เพื่อต้องการให้แม่เค้าที่รบเร้าให้เค้ามากรุงเทพฯเพื่อมาหาพ่อตลอดนั้นได้เห็นพ่อหรือเปล่าคะ - คือกุ้งดูฉากนี้แล้วเก๊ทอย่างนี้ ก็น้ำตาหยดแหมะเลย / แต่คุณแฟนงง บอกว่าทำไมต้องมาถ่ายฉากตอนกินผัดไทยด้วย
3. ลูกใหม่กับภรรยาใหม่พ่อพระเอก มีบทบาทในเรื่องด้วยเหรอคะ เพราะเห็นตอนจบมีขึ้นชื่อนักแสดงเอาไว้ แต่กุ้งนึกไม่ออกแฮะว่าโผล่มาตอนไหน
4. ฝรั่งคนที่โดนจับตอนท้ายเรื่องเคยโผล่มาแล้วตอนต้นเรื่องเหรอคะ กุ้งลืมไปแล้วอะ
5. เค้าเขียนบทมาแล้วเลือกกระแตมาเล่น หรือเขียนบทเพื่อให้กระแตมาเล่นโดยเฉพาะคะ เพราะบทนี้เหมาะกับกระแตมากๆ
แค่นี้ล่ะค่ะ

กลับเข้าสู่เรื่องปกติ
- เห็นพี่จขบ.ไปมีส่วนร่วมบนพรมแดงเฉลิมไทยอวอร์ดด้วยน้าค้า ว่าแต่จะขาดพี่ได้ไงล่ะเนอะ
- เสาร์นี้ กุ้งจะไปดูละครเวที "กว่าจะถึงบางรักซอย 9" รอบทุ่มครึ่ง ใครไปดู คงได้เจอกันน้าค้า

ไปแล้วล่ะค่ะ วันนี้พิมพ์ซะยาวเหยียดเลย หวังว่าคงยังไม่ขึ้นหน้าใหม่ในเร็ววันนะคะ
โดย: ลิปดา-พิลิปดา IP: 58.9.9.62 วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:18:23:44 น.
  
ผมเลิกเช็ครอบกับเมเจอร์ไลน์ไปแล้วล่ะครับ
อาจจะเพราะว่าผมอยู่ใกล้โรงหนังมากๆด้วยแหละ ก็เลยไม่ได้เห็นความจำเป็นของการเช็ครอบทางโทรศัพท์ + ปกติเช็คทางอินเตอร์เน็ตก็จะไม่เจอความผิดพลาดอะไร

(ผมเกลียดมากๆ เวลาที่โทรไปเช็คแล้วมันชอบมากระแดะบอกว่า "โปรดกดเวลาที่ท่านต้องการชม" - เมริงก็บอกรอบกรูมาสิฟระ ตรูจะไปตรัสรู้ได้ยังไงว่าเมริงจะฉายรอบกี่โมง เพราะกดไปแมร่งก็ไม่เคยจะตรงรอบที่คุณเมริงฉายซะที แสรด)

ตอนนี้ SF ก็เปลี่ยนมาใช้สิ่งมีชีวิตตอบรับโทรศัพท์แล้ว... เมื่อไหร่เมเจอร์จะสำเหนียก?

******************************************

สปอยล์เรื่อง "กอด" ให้พี่กุ้งนะครับ

1. เครื่องมือจาก "อิตาลี" ดีกว่ามือของ "ขวาน" (แล้ว "ขวาน" เป็นรูปร่างของประเทศอะไรเอ่ย อิอิ) - ไม่รู้เหมือนกันว่า "เครื่องมือ" นั่นคืออะไร มันอาจจะเป็นเฟอร์รารี่ก็ได้นะ 555+
2-3. ใช่ครับ ร้านพ่อพระเอก ส่วนฉากลูกกับเมียใหม่ของพ่อพระเอก น่าจะถูกตัดออกไปจากหนังที่ฉายในโรงนะ (ได้ยินมาอย่างนี้)
4. โผล่มาในข่าวทีวีตอนต้นเรื่องที่ลุงทวีนั่งดูก่อนถั่วติดคอตายไงครับ ที่เป็นโจรขโมยเศียรพระ-วัตถุโบราณ
5. เขียนบทไว้แล้วเลือกกระแตมามั้งครับ อันนี้ผมไม่แน่ใจ แต่เห็นด้วยว่าบทนี้ "เพื่อกระแต" จริงๆ

**********************************************

วันนี้ไปดู "กอด" รอบสองมาครับ ยังชอบเหมือนเดิม
คนดูก็น้อยอย่างน่าใจหาย เฮ้อ.... เป็นหนังที่มาก่อนกาลจริงๆ

ขอให้อย่าเจ๊งไปมากกว่านี้เลย สาธุ
โดย: nanoguy IP: 125.24.86.179 วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:29:55 น.
  
อยากให้คุณหมอช่วย review เรื่อง The Mist หน่อยครับ
ส่วนตัวชอบมากก และคิดว่าเรื่องนี้สะท้อนแง่คิดเรื่องความเชื่อ ความกลัว และสันดานดิบของมนุษย์ได้ดีน่ะครับ

แต่เพื่ิิอนๆ(มัธยม4) นี่บอกว่าหนังแย่กันทุกคน - -

อยากทราบมุมมองของคุณหมอ ต่อหนังเรื่องนี้หน่อยครับ
โดย: Bank IP: 58.9.236.19 วันที่: 1 มีนาคม 2551 เวลา:20:56:12 น.
  
เห็นพี่ที่ทำงานทุกคนไปดู the Mist มาก็บอกว่า หนังแร๊งงง (ขอใช้ศัพท์ของอดีตเจ๊๊ปานพุ่มหน่อยนะครับ) แต่เผอิญ ถนัดอะไรที่เกี่ยวกับเพลง เลยขอเลือก Once ซึ่งโดน โ๊ด๊น โดน ถึงขั้นตอนเดินออกมาจากโรง พยายามสงบจิตสงบใจ เพราะเพลงในเรื่องไพเราะเหลือเกิน วิ่งหาซีดี Ost. แทบไม่ทัน

ถ้า จขบ. เขียนถึงเรื่อง Once ผมคนนึงจะเข้ามาปูเสื่อรออ่านนะครับ
โดย: เข็มขัดสั้น IP: 124.121.207.132 วันที่: 2 มีนาคม 2551 เวลา:1:06:29 น.
  
... ช่วงนี้มีหนังชวนให้เขียนถึงมากมาย แต่ดันเป็นช่วงชนกับต้องส่งต้นฉบับและรับงานใหม่ๆทั้งนอกและในมาอีก จนทำให้ แปดวัน กับ The Mist กับ Once ที่ตั้งใจจะเขียนอาจไม่ได้เขียนถึงนะครับหรือก็คงเขียนไม่ครบ

... จากตัวอย่างหนัง ตอนนี้อยากดู Spiderwick chronicleมากๆ

ป.ล. ... เบอร์โทรพาราก้อน ในกรณีไม่อยากเจอระบบตอบรับห่วยๆ ที่ 02-129-4635-36

หนังที่ได้ดู

แปดวันแปลกคน ... เชียร์ให้ไปดูนะครับ หนังไม่ได้ดีมากมาย แต่ดีควรค่าการสนับสนุน ยิ่งพิจารณาจากทุนกับความกล้าก็ยิ่งชื่นชม เป็นหนังขาวดำที่เล่นแง่มุมของ ผู้ป่วยทางจิต ได้อย่างแหลมคมมากๆ

เรื่องล่อหลอกไม่เท่าไหร่ แต่ประเด็นใหญ่ๆในตอนท้ายถือว่าน่าประทับใจ บวกฝีมือการแสดงของนักแสดงนำก็ทำให้คนป่วยทางจิต ไม่ใช่ คนปัญญาอ่อน เหมือนละครหรือหนังไทยหลายๆเรื่อง

Once ... แปลกมากที่ผมไม่ได้ชอบเพลงในหนังเรื่องนี้มากมายทั้งที่น่าจะเข้าทาง ยังชอบเพลงที่เข้าชิงจาก Enchanted มากกว่าเสียด้วยซ้ำ น้ำตาก็ไม่ได้ท่วมจอ แต่กลับรู้สึกว่า

ทุกอย่างในหนังเรื่องนี้ช่างให้ความรู้สึกจริงและ ‘พอดี’ สุขพอดี เศร้าพอดี ปรุงแต่งบิวท์พอดี น้ำตาซึมกำลังดี พอหนังจบ ไม่ได้ โอ้วว้าววว ชอบสุดๆ แต่ก็ชอบแบบพอดีๆ และทำให้ รู้สึกดีๆมากขึ้นเรื่อย ไม่ใช่หนังรักที่จะเข้าถึงคนดูส่วนใหญ่

Waitress(DVD) ... อันนี้เป็น เซอร์ไพรส์จากหนังแผ่นเรื่องแรกของปี เป็นหนังฝรั่งที่ให้อารมณ์นุ่มเนิบละมุนเหมือนอารมณ์หนังเกาหลี แล้วก็สอดแทรกอารมณ์ชวนฝันเหนือจริงนิดๆ เกี่ยวกับ ชีวิตพนักงานเสิร์ฟที่อยู่กับสามีจอมบงการ เธอวางแผนจะหนีแต่ดันตั้งท้องเสียก่อน แล้วก็ไปชุลมุนวุ่นวายกับคุณหมอที่ฝากท้อง /

พล็อตธรรมดา แต่ การเล่าเรื่องมีเสน่ห์และนักแสดงนำเล่นได้ดีมากๆ

โครงการใหม่

... แอบเล่าว่า มีโครงการลับที่ผมไปผนึกเป็นพันธมิตรกับสินค้าหนึ่งแล้วแอบไปซุ่มทำเงียบๆกับเพื่อนๆใน blog นี้ ตอนนี้ยังไม่ค่อยเป็นรูปเป็นร่างดี ถ้าเข้าที่เข้าทางเมื่อไหร่ จะมาแนะนำอีกครั้ง เร็วๆนี้แน่นอนคับ
โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 2 มีนาคม 2551 เวลา:12:10:21 น.
  
แปดวันแปลกคนเป็นหนังที่น่าสนับสนุนจริงๆครับ ประเด็นคมคายและเหมาะอย่างยิ่งกับคนที่เบื่ออะไรเดิมๆ เสียดายอย่างเดียว ตอนจบไม่น่าอธิบายซะจนเคลียขนาดนั้น (ด้วยอักษรสามประโยค) ทิ้งความเป็นหนังขาวดำให้คิดกันเล่นๆคงเท่ห์กว่านี้เยอะ อีกจุดหนึ่งที่ชอบ คือชื่อน้องแพร ช่างเหมาะเจาะจริงๆกับคนที่มีอาชีพรับจ้างซักผ้า
โดย: beerled IP: 58.10.24.86 วันที่: 2 มีนาคม 2551 เวลา:19:24:50 น.
  
อยากดู Waitress มากขึ้นเยอะเลยแฮะ (หลังจากที่มีคนชมมาเยอะแล้ว) น่าเสียดายที่ผู้กำกับโดนฆ่าตายไปเสียก่อน ทั้งที่เพิ่งทำหนังเรื่องแรก

ส่วน The 8th Day ผมชอบประเด็นเรื่องอาการทางจิต และการหาประโยชน์ส่วนตนของคนที่เรียกตัวเองว่า "ผู้มีการศึกษา" แต่น่าเสียดายที่เนื้อเรื่องยังทำให้ผมเชื่อไม่ได้เท่าไหร่นัก (โดยเฉพาะการที่เรื่องดูจงใจ "ยืดยาว" ให้มาถึง 8 วันได้)

อย่างไรก็ตาม การแสดงของ "วาสนา ชลากร" ช่วยหนังไว้ได้เยอะมากจริงๆ
โดย: nanoguy IP: 125.24.95.185 วันที่: 2 มีนาคม 2551 เวลา:20:29:45 น.
  
อย่าลืมไปดู เรื่อง THE MIST นะคะ รออ่าน review อยู่ค่ะ
โดย: ไอติมวนิลา IP: 203.125.64.226 วันที่: 3 มีนาคม 2551 เวลา:7:56:39 น.
  
+ ถึงน้องกุ้ง : พี่เลิกใช้บริการที่ว่าไปนานแล้วจ้ะ ใช้วิธีเช็คเวลาฉายเอาจากเว็บอย่างเดียว (บางโรง ขนาดเวลาในเว็บ ก็ยังเพี้ยนอยู่ดีอ่า) เพราะ นสพ. น่ะ ถ้าไม่ใช่เครือ Apex กับเฮาส์เนี่ย เชื่อถือแทบไม่ได้เลยอ่า

+ เริ่มมีคนเขียนแนะนำ 'องศาที่ 361' ตามนิตยสารต่างๆ บ้างแล้วนะครับ ... ล่าสุดที่เห็น ก็ที่ LIPS (ถ้าจำไม่ผิด) เล่มที่แล้ว กับ มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับอาทิตย์ที่แล้ว คอลัมน์ 'รักคนอ่าน' ของคุณทราย เจริญปุระ

+ เดือนมีนานี้ ไปไล่ดูลิสต์รายชื่อหนังอยากดูใน UBC แล้วตกใจเล็กน้อย เพราะที่เวลาดูได้สำหรับผมมีถึง 11 เรื่อง! (เดือนที่แล้วมีแค่ 3 เรื่องเอง) แต่ก็ไม่รู้จะเก็บได้หมดหรือเปล่า เด๋วได้ดูเรื่องไหนแล้วจะค่อยๆ ทยอยเขียนถึงนะขอรับ

+ หนังสัปดาห์ที่จะถึง ที่ผมจะดูแน่ๆ คงเป็น The Kite runner, Perseppolis (@House), Dan in real life ... ส่วน 10,000 B.C. นี่ ขำหนังตัวอย่างอ่ะครับ ถ้าคะแนนไม่สูงจริงๆ คงจะบาย

+ หนังที่ได้ดูสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
* Once - เพลงเพราะมากมาย โดยเฉพาะฉากที่คู่พระนางเล่นเพลง Falling slowly ด้วยกันในร้านขายเครื่องดนตรี (สมแล้วที่ได้ออสการ์), สถานการณ์ในหนังก็ดู 'จริง' มากมาย (คู่นี้เค้าถึงได้ปิ๊งปั๊งกันต่อ จนได้เป็นคู่ชีวิตจริงๆ กันไปแล้ว ), มุกที่หนังใช้หยอดตามรายทางก็เวิร์ค ... แต่เล่นจบแบบนั้นนี่ .........

* The Mist - ถ้า Shawshank เป็นหนังที่สามารถสร้าง 'กำลังใจ' ให้คนดูอย่างมหาศาล, ถ้า The green mile พูดถึงศรัทธาและปาฏิหาริย์ได้อย่างเห็นภาพพจน์, The Mist ก็คงเป็น 'ด้านมืด' ขั้วตรงข้ามของหนังทั้ง 2 เรื่องนั้น ... หนังใช้หมอกเป็นตัวแทนของความชั่วร้ายภายนอก ที่ทำให้มองเห็น 'ความชั่วร้ายภายใน' อีกที
... โทมัส เจน, โทบี้ โจนส์ เล่นใช้ได้ แต่คนขโมยซีน (ได้น่า ตบ-ต่อย เอามั่กๆ) คือป้ามาเซีย เกย์ ฮาร์เดน (สมแล้วที่เคยได้ออสการ์) ... ฉากที่ป้าโดน [...] แทบจะทำเอาคนดูลุกขึ้นมาปรบมือกันทั้งโรงเลยทีเดียว, ส่วนฉากระทึกขวัญและตัวประหลาดต่างๆ ก็ทำได้ดี ไม่ดูเหมือนหนังเกรดบี ตลาดๆ ทั่วไปเท่าไหร่, แต่ฉากจบนี่สิ แทบจะทำเอาผมคลั่งไปเลย ไม่นึกว่าแฟรงค์ ดาราบอนต์จะเป็นไปได้ถึงเพียงนี้ เหอๆๆ ช่างมืดหม่นซะไม่มีอ่ะ

* แปดวัน แปลกคน (The 8th day) - สงสัยหนังคงจะมีอายุแค่สัปดาห์เดียว แล้วคงต้องถอดไปฉายโชว์ต่างประเทศซะละมัง (ก็อ่อนประชาสัมพันธ์ขนาดที่เพื่อนที่รักหนังของผม ก็ยังไม่รู้เลยว่าเข้าฉายแล้ว) เพราะขนาดผมดูที่ MJ รัชโยธิน รอบบ่ายวันเสาร์ ทั้งโรงยังมีคนดูแค่ 6 คนเอง!!!
... ถึงแม้ผมแทบจะรู้พล็อตล่วงหน้าอยู่แล้ว (ดันไปอ่านสปอยล์เจอที่ไหนซักแห่งก่อนดู) และช่วงระหว่างที่หนังดำเนินเรื่องไป มันอาจเอื่อยๆ หรือไม่สมเหตุผล (แบบที่น้องนาโนว่า) ไปบ้าง, แต่สิ่งที่ผมชอบก็คือความเท่ห์ของหนัง (ปัจจุบันเป็นภาพขาวดำ - ย้อนอดีตเป็นภาพสี), เพลงประกอบหนัง, และฉากจบที่กระแทกจิตใจเอามากๆ ความรู้สึกแทบจะฉีกเป็นริ้วๆ อึ้งไปเลยทีเดียว (คือมันรุนแรงในความรู้สึกมากๆ ) เหมือนโดนตบหน้าอย่างแรง ... ก็สำหรับคนที่นิยมเสพย์หนังอินดี้ของต่างประเทศเป็นประจำอยู่แล้ว ... แนะนำให้ช่วยกันอุดหนุนหนังไทยเรื่องนี้ด้วยครับ ก่อนจะโดนถอดจากโรง
... อ้อ! เกือบลืมชม คุณวาสนา ชลากร เล่นได้โดดเด่นมากๆ (จะถือเป็นการคืนจอที่ยิ่งใหญ่ได้มั้ยเนี่ย) เป็นคาแรคเตอร์ที่น่าจับตาสำหรับการแจกรางวัล (ถ้าคกก. ปีหน้ายังจำได้ และได้ดูหนังเรื่องนี้) อ่ะครับผม
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 3 มีนาคม 2551 เวลา:12:07:33 น.
  
เมื่อวันเสาร์ไปดู once มา โอ๊ยชอบคะ
เพลงเพราะสุดๆ ทุกเพลงเลย ทั้งเพลง Falling Slowly อันนี้อินดี หรือเพลงที่นางเอกร้อง อย่าง if you want me หรือ the hill มันจบแบบไม่เพ้อฝันดีนะคะ ไม่ให้ความหวังกันเลย
โดย: bluealert IP: 58.8.212.102 วันที่: 3 มีนาคม 2551 เวลา:14:05:42 น.
  
ใครดูเรื่อง the mist แล้ว เชิญเสวนาได้ที่บล๊อกค่ะ
เหอะๆ

The mist :: ม่านหมอกในใจคน


คำเตือน :
1. หากท่านต้องการความบันเทิง อยากดูสัตว์ประหลาดไล่ล่าผู้คน อยากดูพระเอก นางเอกที่หาทางออกให้ตัวเอง และพวกพ้องโดยการkill สัตว์ประหลาดด้วยวิธีการเท่ๆแบบเหนือความคาดหมาย อย่าไปดูหนังเรื่องนี้
2. หากท่านอยู่ช่วงเวลาของจิตตก จิตใจไม่เข้มแข็ง อย่าไปดูหนังเรื่องนี้เช่นกัน เพราะมันจะทำให้ท่านคิดมากเข้าไปอีก

โดย: vodca วันที่: 3 มีนาคม 2551 เวลา:18:46:27 น.
  
น่าจะทำหนังคลาสสิกพวก คาซาบองกา หรือ กอนวิทเดอะวิน ด้วยครับ ผมชอบดูช่องซินีแมกตอนตี2ตี3มันเอาหนังเก่าๆมาฉายคลาสสิกมากเลยครับ ตอนนี้ตามหาหนังของ เกรกอรี่ เปกมาดูอยู่ เพราะติดใจจากเรื่อง โรมันฮอลลิเด อย่าลืมนะครับ รีวิวหนังคลาสสิกด้วย
โดย: ผมอยู่ข้างหน้าคุณ IP: 125.26.52.58 วันที่: 3 มีนาคม 2551 เวลา:22:31:56 น.
  
ไม่ได้มาซะนาน
ครั้งนี้ทนไม่ไหวจริงๆกับ "The mist"
ออกจากโรงพร้อมกับความเหวอ เฮ้ย! ทำไมทำกันแบบนี้อะ เล่นแรงมากๆ ช่วงที่ดูก็สุดๆนะ แบบว่า ไปกับหนังเลยอะ แล้วพี่จบแบบนี้ลบหมดทุก
ทฤษฏี เลย อึ้งไปเลย ยิ่งกว่าตัวแสดงอีก ช๊อคความรู้สึกมั่กมาก โอ้พระเจ้าๆๆๆ( คนทำเป็นพวก เอฟ บีไอ ปะ เนี้ยะ แบบเคยเห็นมะ ว่าให้ยิง สัตว์ ชายหนุ่ม แต่คนที่อันตรายสุดกลับเป็นเด็กผู้หญิงถือตุ๊กตาอะ สรุปอย่าไว้ใจทุกอย่าง โดยเฉพาะคนเขียนบทเรื่องนี้ 55555)

จริงๆ คิดถึง คำสอนของพระพุทธเจ้าเลยนะ ที่ว่าอย่าเชื่ออะไรง่ายๆอะ และต้องอยู่กับปัจจุบัน อย่าคาดเดาจากประสบการณ์อะ
โดย: sunontinee IP: 125.24.30.61 วันที่: 4 มีนาคม 2551 เวลา:12:49:16 น.
  
ชอบ CJ7ไปดูกับลูกๆ สนุกดีค่ะ
หนังอื่นไม่ได้ดูเลย เฮ่อ....
ไว้ตามดูจากแผ่นอีกที เฮ่อ..(อีกรอบ)
โดย: แฟนไท วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:1:36:55 น.
  
หนังโรงตอนนี้...เหลืออยู่เรื่องเดียวที่อยากดูจริงๆ แค่ Once เอง (ว่าจะไปดูพรุ่งนี้)
ส่วนหนังเข้าใหม่ อย่าง 10000B.C. ...ตัวอย่างมันก็น่าหนุกนะ แต่ไม่รู้เป็นไง ทำใจกับภาษาอังกฤษในหนังไม่ได้จริงๆ คือ มันไม่เชื่อเลยไง ว่าคนสมัยนั้นจะมีภาษาเนี้ยใช้แล้ว...ถ้าใช้ภาษาอะไรไม่รู้แล้วมีซับแบบ Apocalypto ผมว่าผมจะไปดูแน่ๆล่ะครับ , เด็กเล่นว่าว ...เรื่องนี้ถึงจะเป็นดรามาน่าสะเทือนอารมณ์ แต่ดูตัวอย่างแล้ว มันรู้สึกเฉยๆน่ะ คงรอเสียงวิจารณ์จากพี่ๆละกัน , สลัดตาเดียว ...เรื่องเนี้ย เป็นตายร้ายดี ยังไงก็ไม่ดู ...เกินจะทนซีจีหอยปูกุ้งหมึก ของเสี่ยท่านได้ (พี่ตั้ว ไม่น่าพลีชีพด้วยหนังอย่างนี้เลย)

อาทิตย์นี้ ไม่มีอะไรให้ดู แต่อาทิตย์หน้า มีแน่...ที่แน่ๆเนี่ย Spiderwick กะลุงโบ้ เข้าลิสต์รอดู ...ส่วนหนังเต้นภาคสองก็เข้าข่ายท่าจะมันส์ หวังเอาเพลินน่าจะได้
โดย: OncE UPoN'-'a MaN วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:9:07:28 น.
  
หลังๆเริ่มเฉยๆกับหนังประเภทใช้ภาษาไม่ตรงหลักความเป็นจริงแล้วล่ะ แค่มีเสียอารมณ์บ้างนิดๆหน่อยๆ
(อย่าง Persepolis ตัวละครอยู่ในอิหร่าน ก็พูดภาษาฝรั่งเศสกันไฟแลบเลย)

ส่วน Once คงได้ดูวันจันทร์
โดย: nanoguy IP: 125.24.77.177 วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:12:44:03 น.
  
แจ้งข่าวครับ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" ได้รับคำชวนจาก www.yarisme.com มาเป็นพันธมิตรร่วมกัน ซึ่งว่ากันง่ายๆว่า ต่อไปนี้ จะมีรางวี่รางวัลแจกตั๋วหนังฯลฯ ให้เพื่อนผู้อ่าน นอกจากอ่านฟรี อาจมีของติดไม้ติดมือกลับไปบ้าง

แต่ ผมเองคนเดียวคงไม่สามารถจะมีเวลาให้มากพอ ผมจึงเกิดไอเดียชวนเพื่อนร่วม blog อีกห้าท่านที่เป็นคนรักหนังและสนุกกับการเขียนเหมือนๆกัน อันได้แก่ คุณบลูยอชต์ + Nanoguy + renton_renton + OncE UPoN'-'a MaN + เทพบุตรตบะแตก มาเปิด blog ร่วมกันที่ใช้ชื่อว่า

//vreview.yarisme.com


Vreview = We review = การรวมบทความรีวิวเกี่ยวกับหนังของแต่ละคน อาทิเช่น อัพเดตรีวิวสั้นๆถึงหนังโรงที่ได้ดูพร้อมคะแนนเพื่อช่วยตัดสินใจ พร้อม link ไปอ่านฉบับเต็มของแต่ละคน หรือ รีวิวเต็มๆตามสไตล์ใครสไตล์มัน

ซึ่งนั่นจะทำให้เพื่อนผู้อ่าน มีตัวช่วยในการเลือกดูหนังมากขึ้น เพราะด้วยตัวเองแล้วไม่มีเวลาสามารถพอที่จะเขียนถึงหนังได้ครบทุกเรื่อง

ด้วยความหลากหลายของแต่ละคน คาดว่า ถ้าเว็บไม่บอกลาเราไปเสียก่อน น่าจะเป็น blog ที่รวบรวมรีวิวหนังไว้ได้มากพอสมควร จึงเชิญชวนแวะมาเยี่ยมเยือนพร้อมติดตามเรื่องรางวัลได้ที่ blog นั้นคู่กันไปครับ
โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:14:52:12 น.
  
ไม่ได้มาเยี่ยมนานเลยค่ะ พี่หมอ แต่ว่าก้อติดตามแบบแอบๆตลอดเวลาเลยนะ(จะแอบทำไมเนี่ยเรา) เพราะชอบแนวนี้ด้วยมั้งคะ ทั้งหนัง ทั้งหนังสือ เพิ่งสอบเสร็จค่ะ ก้อเลยมาทักซะหน่อย ไม่งั้นพี่หมองอน(รึเปล่าเอ่ย) ขอให้งานราบรื่นนะคะ สู้ๆต่อไปค่ะ พี่หมอสู้ๆบ้านเมืองสู้ตาย คิกๆ
โดย: ฉันอยู่รอบตัวคุณเมื่อคุณสัมผัสด้วยใจ IP: 125.24.41.57 วันที่: 8 มีนาคม 2551 เวลา:12:47:20 น.
  
วันนี้ไปเดินหาหนังสือองศาฯมาอ่านค่ะ ไปร้านซีเอดส์บุ๊คมาแต่ไม่มีขาย เอาไว้พรุ่งนี้จะออกไปดูร้านอื่นอีกรอบนะคะ

ปล.ช่วงนี้ห่างหายไปนานเลย เพราะไม่ค่อยได้ดูหนังเลยไม่ได้เข้ามาอ่านรีวิวในบล็อกเท่าไหร่ แต่เดี๋ยวพรุ่งนี้ว่าจะไปดู the mist คลายเครียดหลังสอบเสร็จ(เหอๆจะช่วยให้หายเครียดมั๊ยเนี่ย) แล้วจะเข้ามาทักทายอีกรอบค่ะ
โดย: พุดดิ้งสีชมพู IP: 58.8.143.126 วันที่: 9 มีนาคม 2551 เวลา:1:00:19 น.
  
ผมชอบอ่านงานของคุณในออลแมกกาซีน แวะบ้านผมบ้างนะ
โดย: ต้นฝันแห่งความอยากเป็นนักเขียน วันที่: 9 มีนาคม 2551 เวลา:10:37:05 น.
  
+ หนังที่ผมได้ดู สัปดาห์ที่ผ่านมา ...
* Syriana [UBC] - เนื่องจากตัวละครที่มีหลากกลุ่มหลายฝ่าย กับสถานการณ์อันซับซ้อน (จอร์จ คลูนีย์ ในเรื่อง ก็เน้นประโยคนี้ไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง) ทำให้ผมต้องใช้สมาธิในการดูหนังเรื่องนี้ค่อนข้างสูง เพื่อจดจำข้างและพฤติกรรมของตัวละครให้ได้หมด ... เมื่อดูจบ ถึงแม้พอจับใจความและประเด็นได้ ก็เลยทำเอามึนๆ ไปเหมือนกัน
... ถ้า There will be blood คือการฉายภาพย้อนกลับไปให้เห็น 'ธุรกิจน้ำมัน' ในยุคแรกเริ่ม ที่อาจเป็นอุตสาหกรรมในครอบครัวด้วยแรงงานของคนไม่กี่คนและผลประโยชน์ก็ถูกแบ่งอย่างง่ายๆ ไม่ซับซ้อน (เลยไปกระเทาะถึง 'สันดอนภายใน' ของนักขุดเจาะน้ำมันแทน) ... Syriana ก็คงเป็นภาพจำลองอันยุ่งเหยิง วุ่นวาย และมีผลประโยชน์ที่โยงใยไปทั่วอย่างน่ากลัวและคาดไม่ถึงของธุรกิจน้ำมันในยุคปัจจุบัน ที่ตัวละครที่เข้ามาเกี่ยวข้องอาจเป็นถึงบุคคลในระดับการเมืองระหว่างประเทศหรือประมุขของประเทศเลยทีเดียว ... โดดเด่นที่สุดในเรื่อง ได้แก่ จอร์จ คลูนีย์ ผู้ทำน้ำหนักตัวเองเพิ่มซะจนทำเอาผมแทบจำไม่ได้แน่ะ

* กอด - ไปดูเพราะเสียงเชียร์จากทุกคนแถวบล็อกเลยนะเนี่ยเรื่องนี้ ... ก็อบอุ่น น่ารักและให้แง่คิดดีครับ (เขียนไว้ในหน้า 'กอด' ของคุณ จขบ. แล้ว

* The kite runner - จากหนังสือขายดีระดับ Best seller ถูกแปลงเป็นภาพยนตร์ด้วยฝีมือของ ผกก. Finding Neverland อย่าง มาร์ค ฟอร์สเตอร์ (ที่น่าจะการันตีถึงความอบอุ่นได้เป็นอย่างดี ) ... ก็นับว่าทำออกมาได้ไม่เลวเลยทีเดียว (ผมไม่เคยอ่านหนังสือเรื่องนี้ เลยไม่รู้ว่า หนังดีหรือแย่กว่าหนังสือ มากหรือน้อยเพียงใด)
... หนังเผยให้เห็นถึงสภาพดินแดนมิคสัญญีอย่างประเทศอัฟกานิสถาน (ที่ตอนถ่ายทำจริง ต้องยกกองไปถ่ายแถวๆ ชายแดนจีนแทน เพราะกองถ่ายก็คงกลัวตกเป็นข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์เช่นกัน ) ทั้งช่วงก่อนที่จะถูกกองทัพแดงของโซเวียตบุก (ฉากช่วง 'แข่งว่าว' และการปาดว่าว ทำได้อลังการดี) และช่วงเสื่อมโทรมหลังจากประเทศล่มสลายไปแล้ว
... สำหรับผมจุดที่ทำให้รู้สึกว่าเป็นจุดอ่อนของหนังเรื่องนี้ (แต่คนอื่นอาจไม่เป็นก็ได้นะ) ก็คือรู้สึกว่าพล็อตเรื่องมันเป็นเมโลดราม่าภาคบังคับไปหน่อย ... ประมาณว่าพอดูไปเรื่อยๆ ก็แทบจะรู้เลยว่าสถานการณ์ข้างหน้าคืออะไร ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น ไปจนแทบจะถึงตอนจบเลยทีเดียว กับอีกอย่างคือไม่มีฉากหรือเรื่องราวที่เป็น 'เซอร์ไพรซ์' (แม้แต่ฉากที่แรงที่สุดของเรื่อง ที่เป็นต้นเหตุของ 'การไถ่บาป' ที่จะตามมา ผมก็ดันรู้ล่วงหน้าจากการไปอ่านสปอยล์ที่ไหนสักแห่งไปเรียบร้อยแล้ว ) ... ก็เลยแค่ดูได้เรื่อยๆ เพลินๆ ซึ้งๆ อ่ะครับ

+ สัปดาห์ที่จะถึง ... อย่างรอคอยสำหรับผมก็คือ ตำนานสไปเดอร์วิค เรื่องเดียว และตามเก็บ Persepolis กับ Dan in real life ครับผม
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:14:12:51 น.
  
สวัสดีค่ะ เพิ่งเข้ามาครั้งแรก เพราะแฟนเข้ามา
อ่านบทวิจารณ์หนังของ ผมอยู่ข้างหลังคุณ อยู่บ่อยๆ วันนี้เลยได้เข้ามาอ่าน ได้แลกเปลี่ยนความรู้เรื่องหนังเยอะจังเลย
หนังเรื่อง ONCE จะเป็นอีกเรื่องที่จะหามาดูให้ได้ ตอนแรกอ่านในหนังสือที่เค้าวิจารณ์แล้วว่าดีจิงๆ ก้อยังเฉยๆแต่พออ่านบล๊อคนี้แล้วก้อ มั่นใจได้ว่าดีจิงๆ จะติดตามอ่านไปตลอดค่ะ
โดย: touch the sky วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:16:38:50 น.
  
อ่านcomment แล้วน่าภูมิใจจัง ดังใหญ่แล้วนะจ้ะ
โดย: i am saifon วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:21:06:15 น.
  
ชอบอ่านบล็อคของคุณหมอมากค่ะ
โดย: pUMpkinSz IP: 58.9.167.143 วันที่: 12 มีนาคม 2551 เวลา:14:02:16 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Aorta.BlogGang.com

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]

บทความทั้งหมด