Say hello to Black Jack เล่ม8 , คุณรู้จักชีวิตและความตายมากแค่ไหน


……การ์ตูนคุณหมอที่เคยออกมาหลายเล่มมีจุดเด่นแตกต่างกันทั้งDoctor-Kที่สนุกแต่ค่อนข้างเหนือจริงในแง่การรักษา หรือ หมอโนงูจิการ์ตูนดราม่า
ชีวประวัติที่อ่านแล้วต้องบีบหัวใจไปด้วยกับชะตากรรมของเค้า ในหลายเล่มนั้นเล่มที่ผมชอบมากที่สุดคือ คุณหมอกะโปโลที่เล่าถึงหมอที่ไปใช้ชีวิตสถานีอนามัยบนเกาะและต้องเจอกับการเจ็บป่วยและเรื่องราวชีวิตความผูกพันที่เกิดขึ้นกับชาวบ้าน ใ ที่น่าชื่นชมคือในแง่เนื้อหาการแพทย์ก็ไม่ได้โอเวอร์เกินจริงเลยแม้แต่น้อย

.......... ผมอ่านSay hello to Black Jack 7 เล่มที่ผ่านมาไม่แปลกใจที่หลายคนชอบและชื่นชม เพราะเล่มนี้เล่าเรื่องของหมอใช้ทุนที่ต้องฝึกงานในรพ.ใหญ่ผ่านระบบและองค์กร ในสายตาที่ผ่านตัวเอก ไม่ใช่สายตาที่หมอมองคนไข้แต่เป็นสายตาของมนุษย์คนหนึ่งมองเพื่อนมนุษย์คนหนึ่งที่เจ็บป่วยเหมือนกันและเนื้อเรื่องก็จะวนเข้าไปสู่เนื้อหาในแง่ของMoral dilemma การตัดสินใจที่ต้องคาบเกี่ยวกันระหว่างมนุษยธรรมและความจริงของชีวิต สำหรับผมเองต้องยอมรับว่าประทับใจแต่ไม่มากนักเพราะแง่มุมของตัวเอกที่มองโลกเป็นมุมที่ดีและถูกต้องแต่ค่อนข้างจะไม่อยู่ในกรอบความเป็นจริงที่เป็นอยู่ในสังคมและออกจากอยู่สุดขั้วเกินไป

.......แต่เล่ม8นี้เป็นตอนล่าสุดที่พูดถึงความตาย เป็นตอนที่สนุกและน่าสนใจอย่างมากและเป็นเล่มที่ผมคิดว่าดีที่สุดตั้งแต่เล่ม1เป็นต้นมา

ถ้าเราลองคิดตามว่าเราจะเลือกทางไหน

...........เล่าถึงตัวเอกคือ ป้า ที่ป่วยเป็นมะเร็งตับอ่อนซึ่งรู้ว่ารักษาไม่หายอย่างแน่นอน กับหมอสองคนที่มีแนวทางการรักษาที่แตกต่างกันกับพระเอกของเราหมอไซโต้ที่อยู่ตรงกลาง

การพูดความจริงเกี่ยวกับความตาย

.....ถ้าคุณเป็นหมอคุณจะพูดคุยกับเรื่องความตายกับคนไข้อย่างไร จะบอกกับคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างไรว่าโรคที่เป็นอยู่รักษาไม่หาย

.....ถ้าคุณเป็นคนไข้ที่รู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็ง คุณจะพูดเรื่องนี้กับคนใกล้ตัวอย่างไร จะบอกพ่อ บอกแม่ บอกลูกตัวเองอย่างไร

ทางเลือกให้กับการรักษา

......1.ลองใช้ยาที่ยังไม่ได้รับอนุมัติและต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการข้างเคียงไปตลอดการรักษาโดยไม่รู้ว่าจะหายหรือไม่ สู้จนถึงที่สุด

......2. ยอมรับว่ารักษาไม่หาย ไม่ใช้ยาแต่กลับไปใช้ชีวิตให้ดีที่สุด คุ้มค่าที่สุด

ถ้าตัวคุณเองเป็นคนไข้คุณอยากเลือกทางไหน?

ถ้าคุณเป็นญาติหรือคนสนิทของคนไข้คุณอยากให้เค้าเลือกทางไหน?

ถ้าคุณเป็นหมอคุณอยากเลือกทางไหนให้กับคนไข้?


.....หลายครั้งหมอ พยายามที่จะสู้กับโรคจนเกินไปจนลืมไปว่ากำลังรักษาคน อย่างที่ในหนังสือเขียนไว้ว่า "ไม่มีใครที่สนใจผู้ป่วยที่ต้องตายอย่างแน่นอน เพราะมีหมอที่คิดว่า”งานของหมอคือการรักษาผู้ป่วยให้หาย” มากเกินไป" เป้าหมายของหมอคือรักษาโรคให้หายแต่เมื่อรู้ว่ารักษาไม่หายก็ไม่อยากที่จะเผชิญหน้ากับความจริง และอาจรู้สึกเหมือนกับแพ้สู้ต่อไปก็มีประโยชน์สู้เอาเวลาไปรักษาคนไข้ที่รักษาได้ดีกว่า

.......หลายครั้งคนไข้ ไม่ยอมรับกับความจริงตามที่ ELIZABETH KUBLER-ROSSจิตแพทย์ที่ศึกษาในเรื่องความตายกล่าวไว้ว่าคนที่ต้องเผชิญหน้ากับความตายมีทั้งหมด5ระยะ(Denial /Anger/Bargaining/Depression/Acceptance)การที่จะยอมรับนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หลายคนใช้เวลาช่วงสุดท้ายของชีวิตไปกับการเดินทาง การเข้าออกรพ. การหาการรักษาจากทุกระบบเท่าที่มี(และนี่เองที่ปัจจุบันมักมีผลิตภัณฑ์หรือวิธีการมาหลอกลวง มาขายเพื่อหวังเอากำไรจากความอยากมีชีวิตต่อของคนไข้เป็นจำนวนมาก) จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตก็ยังดิ้นรนที่จะมีชีวิตอยู่ ไม่มีเวลาแม้แต่น้อยที่จะได้อยู่กับครอบครัว ได้อยู่กับคนที่ตัวเองรัก ได้ทำในสิ่งที่อยากจะทำ

"แม่ไม่เคยรู้สึกเสียใจเลย แม่คิดว่าการตายไปหลังจากได้ใช้ชีวิตอยู่กับพวกลูกแล้วถือว่าเป็นโชคดีแล้ว เพราะฉะนั้นแม่ไม่เสียใจเลยที่ตัวเองกำลังจะตาย"

..........หลายครั้งคนเราทุกคนลืมว่าเรามีชีวิตไปเพื่ออะไร แต่เมื่อเราใกล้ตายเราพยายามดิ้นรนที่จะมีชีวิตอยู่ แต่เราตอบได้หรือไม่ว่าแล้วทุกวันนี้เราอยู่เพื่ออะไร เราได้ทำอะไรที่อยากจะทำเท่าที่เราอยากจะอยู่แล้วหรือยัง หรือว่าต้องรอให้ความตายแวะเวียนเข้ามาก่อนเราจึงตอบได้

"ชั้นคิดมาตลอดว่าทำไมถึงอยากจะมีชีวิตอยู่ ลูกของชั้นกำลังจะปิดเทอมหน้าร้อน ชั้นรู้ว่าชั้นเอาแต่ใจชั้นอยากจะไปเที่ยวแต่ชั้นอยากจะอยู่กับครอบครัว"

........ สิ่งที่หมอทำได้และควรจะทำกับคนไข้ใกล้ตายสิ่งหนึ่งคือการได้อยู่เคียงข้างคนไข้พร้อมที่จะช่วยให้คนไข้เจ็บปวดน้อยที่สุด ให้คนไข้รู้สึกว่าเค้ามีใครสักคนที่จะอยู่ดูแลจนช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตและไม่ถูกทอดทิ้ง ในขณะเดียวกันความตายที่ต้องมาถึงก็น่าจะเป็นความตายที่มีศักดิ์ศรี(Dignity) ไม่ใช่ตายทั้งๆที่ยังไม่รู้อะไร ยังไม่ได้ทำอะไรในสิ่งที่อยากจะทำหรือสิ่งที่คั่งค้างไว้ และ ไม่ได้ใช้เวลาช่วงสุดท้ายของชีวิตกับคนที่เรารัก

...... ดังที่หมอไซโต้พูดในตอนท้ายว่า

"สิ่งที่สำคัญไม่ใช่แค่การยืดชีวิตผู้ป่วยเท่านั้น การรักษาในปัจจุบันเน้นการรักษาเพื่อให้ผู้ป่วยมีชีวิตรอด แต่กลับไม่ให้การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายซึ่งไม่มีโอกาสหายอย่างเพียงพอ"

"ถ้าผู้ป่วยได้รับการดูแลในระยะสุดท้ายเป็นอย่างดี ความตายจะไม่ใช่ความทุกข์อย่างแน่นอน ถ้ามีแพทย์ที่คอยเคียงข้างอยู่จนวินาทีสุดท้ายของชีวิต ผมก็อยากจะตายด้วยโรคมะเร็ง"

......Say hello to Black Jack เล่ม8ให้มุมมองและแง่คิดในเรื่องDeath and Dyingได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่เพียงแต่เหมาะกับหมอที่จะอ่านแต่เหมาะกับเราทุกคนที่จะหันกลับมามอง”ชีวิต"ของตัวเรามากขึ้น และเชื่อว่าคุณอาจต้องหลั่งน้ำตาให้กับเล่มนี้









Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2548
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2548 20:10:31 น.
Counter : 1635 Pageviews.

12 comments
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๗ มาช้ายังดีกว่าไม่มา
(2 ม.ค. 2567 07:30:30 น.)
ทนายอ้วนจัดดอกไม้ - จัดดอกไม้ง่ายๆ – แจกันสวัสดีปีใหม่ 2567 - กุหลาบพวงสีชมพู - ขาว ทนายอ้วน
(2 ม.ค. 2567 15:16:32 น.)
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)
ประสบการณ์ ทำพาสปอร์ตที่สายใต้ใหม่ newyorknurse
(2 ม.ค. 2567 17:45:17 น.)
  
เราไม่รู้เหมือนกัน แต่ไม่นานเราจะอยู่ในสภาวะอันนี้นะ เราทำได้แค่เพียงรอคอยมันอย่างสงบ
โดย: ตุ๊กตารอยทราย วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:6:24:17 น.
  
การ์ตูนที่เจ้าของกระทู้พูดถึง เราไม่ได้อ่าน อาจเป็นเพราะเลยวัยมามากแล้ว

แต่เรื่องที่เจ้าของกระทู้พูดถึง เป็นสิ่งที่อยู่ในใจเรามานานแล้ว ทุกวันนี้ก็ยังคิดถึงเรื่องนี้อยู่เสมอ แต่ไม่ใช่ในส่วนของหมอ แต่เป็นในส่วนของคนไข้ ที่ยังมีชีวิตอยู่ และถ้าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นกับเรา

คิดอยู่บ่อยๆ ว่า จะทำอย่างไรกับชีวิตที่เหลืออยู่
จะทำอย่างไรต่อไปเมื่อรู้ถึงวันตาย
มีความอยากที่จะต่อสู้กับความตายที่จะเข้ามาถึงเราในอนาคตอันใกล้มั๊ย

เคยคิดอยู่เสมอว่า ถ้ารู้ว่าจะตายเมื่อไหร่ จะพยายามทำทุกสิ่ง ทุกอย่างให้สำเร็จ จะได้ไม่ต้องทิ้งเป็นภาระให้ใครต้องมาสะสาง

เคยคิดอยู่เสมอว่า ถ้ารู้ว่าจะต้องตาย ก็ขอตายอย่างสงบ ไม่ต้องเดือดร้อนใคร

เคยคิดอยู่เสมอว่า ถ้าต้องเผชิญหน้ากับความตายจริงๆ จะรู้สึกอย่างไร จะยินดีต้อนรับมั๊ย

เคยคิดอยู่เสมอว่า คนที่ตายไปแล้ว น่าจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุด หมดห่วง หมดทุกข์ รวมทั้งหมดความสุขด้วย (เอ๊ะ ยังไงแน่)

และเคยคิดอยู่เสมอว่า พร้อมที่จะตายแล้ว
แล้วเมื่อไหร่ ความตายจะเดินทางมาหาเราซักที

*ชีวิตยังไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นกันต่อไป*

ขอให้ทุกคนมีความสุข
โดย: กรุณาอย่ารบกวน วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:15:08:33 น.
  
ผมไม่ได้อ่าน แต่ก็พอเข้าใจครับ ผมเองก็อ่านเรื่องแนวนี้อย่างDr.Kกับหัตถ์เทวดาเทรุ เหมือนกัน
แต่ในหัตถ์เทวดา เทรุ เนี่ยมีแต่คนไข้ที่ยังไม่ถึงที่ตายทั้งนั้นเลยครับ มาให้เทรุรักษาจนหายได้อย่างเหลือเชื่อจากการวินิจฉัยโรคและผ่าตัดของเขาเอง
ทั้งๆที่มนุษย์จริงๆก็มีอายุขัยว่าจะตายตอนนั้นตอนนี้แล้วแต่บุญกรรมที่ทำมา การดูแลรักษาสุขภาพของเขา และกรรมพันธ์(ความตายจากโรคชรา)
โดย: วัฏสีร์ ธรรมจารี (spiralhead ) วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:17:29:48 น.
  
แต่เราอ่านค่ะ
อ่านตั้งแต่เล่มแรก
อ่านเล่มแปดแล้วร้องไห้เลย
รู้สึกรักแม่มากขึ้น
มุมมองต่อการมีชีวิตอยู่และความตายแตกต่างไปจากเดิม
จะว่าไปก็คล้ายๆกับ ตอนที่ Jack พูดกับ Rose ในเรื่อง Titanic ก่อนที่จะจมน้ำ ที่บอกให้ Rose ใช้ชีวิตให้คุ้มค่า อย่ามาตายตรงนี้ ให้มีชีวิตที่เต็มที่สมกับที่ได้เกิดมา

รักพ่อกับแม่จังค่ะ
โดย: แป้ง IP: 203.152.17.35 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:22:51:21 น.
  
วันนี้ที่บ้านก็มีคนที่เป็นโรคที่รักษาไม่หายค่ะ คุณตาคุณยายค่ะ (อาการไม่ดี และคุณหมอรักษาให้หายไม่ได้แล้ว)

ถ้าคุณเป็นญาติหรือคนสนิทของคนไข้คุณอยากให้เค้าเลือกทางไหน?

ให้เค้าเลือกทางที่เค้าอยากทำค่ะ คุณตาบอกว่าจะไม่รักษาแล้ว ขอกลับมาอยู่บ้านดีกว่า ส่วนเราและครอบครัวก็ดูแลท่านอย่างเต็มที่ค่ะ ถ้ามีเวลา และสุขภาพท่านดีพอ ก็พาท่านไปเที่ยวพักผ่อน

ทุกคนในครอบครัวทำใจไม่ได้หรอกค่ะ ที่รู้สึกว่าคน ๆ นี้ ที่เรารักกำลังจากเราไปทุก ๆ ลมหายใจ ทั้ง ๆ ที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิด

แต่ก็รู้ว่าความตายมันไม่แน่นอน แต่ทุกคนต้องตายแน่นอน ความจริงแล้ว มีคนอีกมากมายที่ไม่รู้ล่วงหน้าว่าจะตายด้วยซ้ำ รู้ล่วงหน้าก็ดีค่ะ ทำให้ได้ใช้ทุก ๆ วันอย่างดี มีค่ามากที่สุด
โดย: BeHappier วันที่: 20 กันยายน 2548 เวลา:14:24:36 น.
  

I Love you
โดย: phatchariya IP: 124.120.81.166 วันที่: 1 ตุลาคม 2550 เวลา:13:58:49 น.
  
ghhhhghgh
โดย: u6u IP: 124.120.81.166 วันที่: 1 ตุลาคม 2550 เวลา:14:00:27 น.
  
ghhhhghgh
โดย: u6u IP: 124.120.81.166 วันที่: 1 ตุลาคม 2550 เวลา:14:00:49 น.
  
I Love you
โดย: phatchariya IP: 124.120.81.166 วันที่: 1 ตุลาคม 2550 เวลา:14:02:36 น.
  
โดย: 6899999999999999999 IP: 124.120.81.166 วันที่: 1 ตุลาคม 2550 เวลา:14:03:13 น.
  
โดย: ส้าดัร่าเกดเ IP: 61.19.65.199 วันที่: 19 มีนาคม 2551 เวลา:15:54:39 น.
  
นานจังเลยนะค่ะคุณเจ้าของกระทู้คุณได้ลองเข้ามาดูบ้างรึป่าวค่ะเราลองเข้ามาที่นี่หลายครั้งแต่ก็ไม่เคยเม้นท์เลยครั้งนี้ครั้งแรกค่ะ
สำหรับเราหมอมักคิดว่าต้องรักษาชีวิตของคนไข้ทั้งๆที่คนไข้ทรมานมากด้วยเหตุผลที่ว่ามันคือจรรยาบรรณของแพทย์ ถึงจะมีหลายวิธีที่จะยื้อชีวิตเอาไว้บางครั้งอาจอันตรายมากๆแต่คนที่จะเลือกวิธีที่รักษาน่าจะเป็นคนไข้มากกว่านะค่ะเพราะมันเป็นทางเดินที่เค้าเลือกเอาเอง
โดย: เรเวน IP: 202.149.24.129 วันที่: 10 พฤษภาคม 2551 เวลา:19:19:46 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Aorta.BlogGang.com

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]

บทความทั้งหมด