"ผมอยู่ข้างหลังคุณ" ขอฝากหนังสือเล่ม 4 ที่ชวนเพื่อนผู้อ่าน ออกเดินทางสำรวจจิตใจมนุษย์ และ ทำความรู้จัก'คน' ให้มากขึ้น ผ่านโลกภาพยนตร์ ในหนังสือชื่อ มากกว่าที่ตาเห็น - LifeScan เปิดตัวในงานหนังสือครั้งนี้ และ จะวางขายในร้านสือทั่วไป ปลายเมษายนนี้





... ต้องออกตัวไว้ตั้งแต่แรกว่า ผมไม่ใช่ขาซิ่ง(แถมยังเคยขับแค่ 140 แล้วยังทะลึ่ง พารถคว่ำยับเยินบนมอเตอร์เวย์มาแล้วอีกต่างหาก) ผมไม่เชี่ยวชาญเรื่องเครื่องยนต์ หรือ การดริ๊ฟท์ดร๊าฟท์อะไรทั้งสิ้น

ดังนั้น ผมจึงไม่ใช่แฟนประจำหนังชุด Fast and Furious ยกเว้นภาคแรกที่ชอบเพราะดูแล้วรู้สึกสนุกดี จัดได้ว่าหนังแอคชั่นที่ดีมีฉากแข่งรถเจ๋งๆ

ส่วนภาคสองภาคสาม เหมือนหนังซิ่งที่มีฉากแข่งรถเจ๋งๆ แต่ตัวหนังโดยรวมเป็นหนังแอคชั่นที่ไม่ได้ดีนัก และ ผมไม่ได้สนุกไปด้วยเท่าไหร่

แต่เพราะ ช่วงนี้ไม่มีหนังแอคชั่นมันส์มาสูบฉีดหัวใจ ดูตัวอย่างภาคสี่นี้ก็พอใช้ได้ ก็เลยคิดว่า เอาฟระ ไปซิ่งกับเฮียวิน อีกซักที



... ก่อนจะดูภาคนี้ น่าหวั่นใจเล็กน้อย ตรงได้ผู้กำกับคนเดิมจากภาคสาม ที่ฉากซิ่งปรู๊ดปร๊าดทำได้ดี แต่ เนื้อหาโดยรวมไม่ค่อยน่าจดจำ แต่ภาคนี้ปรากฏว่าค่อนข้างเซอไพรส์เพราะตัวหนังมีบทที่ดีพอตัว และ ฝีไม้ลายมือการกำกับก็มีพัฒนาการดีขึ้นกว่าภาคที่แล้วอยู่มาก

เนื้อหาของหนังภาคนี้ คนดูไม่จำเป็นต้องดูภาคสอง ก็น่าจะพอจับความต่อในภาคนี้ได้ และ ภาคนี้ก็เป็นภาคที่ถือว่าเนื้อหาเป็นรอยต่อ ระหว่างภาคสองกับภาคสาม

แต่จะให้ดี อย่างน้อย ก็จำเป็นต้องอาศัยรู้แบคกราวนด์ของคนดูภาคแรกมาก่อนประมาณหนึ่ง จึงจะรู้เรื่องไปตามเร็วขึ้น

นั่นคือ เฮียวิน เป็น แก๊งซ่า พี่พอล เป็นตำรวจ พี่พอลแฝงกายเข้าไปเป็นแก๊งซ่า ทำเป็นหลอกว่ามารักน้องสาวเฮียวิน เพื่อไล่จับตัวร้าย ไล่ๆล่าๆ บรื๊นๆไปมา ความจริงเปิดเผยก็ขัดใจกัน แต่ สุดท้ายคุณธรรมน้ำมิตร ทำให้ พี่พอลปล่อยตัวเฮียวินไป



... เนื้อหาของภาคนี้ เริ่มต้นจากห้าปีหลังจากนั้น

พี่พอล เป็นเอฟบีไอ มีเป้าหมายตามจับ หัวโจกพ่อค้ายาชื่อ อุ่มบาราก้า ซึ่งตา อุ่มบาราก้า ก็ดันไปฝากรอยเท้าไว้ในใจของ เฮียวิน ทำให้ ทั้งพี่พอลและเฮียวิน ต้องหวนคืนมาจับมือกันไล่ล่า อุ่มบาราก้า โดยไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าหน้าตาเขาเป็นอย่างไร และ ในเวลาเดียวกัน เฮียวินต้องหนีการตามจับกุมโดยเอฟบีไอ ไปพร้อมๆกัน




... เนื้อเรื่องภาคนี้ก็ดูงั้นๆ ซึ่งก็เหมาะสมดีแล้วกับหนังแอคชั่นเพียวๆแบบนี้ เพียงแต่ บทง่ายๆเรื่องนี้มีข้อดีประมาณหนึ่ง นั่นคือ ไม่ดูถูกคนดูจนเกินไป หนังมีการออกแบบฉากแอคชั่นขับรถที่เจ๋งมากเกือบทุกฉาก เอาแค่ฉากเปิดก็ชนะใจคนดูไปได้อย่างเต็มสิบ และ การนำฉากในหนังตัวอย่างมาขยายให้เห็นฉบับเต็มให้รู้ว่าที่ดูจากตัวอย่างเป็นแค่น้ำจิ้ม

และเมื่อฉากแอคชั่นในหนังตัวอย่างถูกปล่อยในช่วงต้นจนเกือบหมด แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจว่า 'ของจริง' ยังมีดีมากกว่านั้น ซึ่งนั่นทำให้คนดูพึงพอใจที่หนังไม่ได้มีดีแค่ตัวอย่าง



อีกทั้ง หนังยังรู้จักวางจังหวะชวนลุ้นเป็นระยะๆทั้งจากสถานการณ์ขับรถแข่ง หรือ การซ่อนตัวจริงของหัวโจกตัวร้ายให้คนดูต้องลุ้นตามว่าเป็นใคร บวกกับตอนต้นก็มีการปล่อยเซอร์ไพรส์เป็นระยะๆ และ ประการสำคัญ สาวคนเก่าสวยขึ้น ส่วนสาวคนใหม่สวยคมเซ็กซี่เป็นที่ยิ่ง




สรุป ... รถในหนังเป็นยังไงผมไม่รู้ การขับรถเป็นอย่างไรตอบไม่ได้ เพราะไร้ความรู้เรื่องการแข่งรถโดยสิ้นเชิง แต่ถ้าให้ตอบในฐานะคนชอบหนังแอคชั่น ถึงจะไม่ได้สุดยอดแบบแอคชั่นระดับ พี่บอร์น หรือ เฮียบอนด์ แต่ก็เป็นหนังแอคชั่นที่สนุกดี เชียร์ให้ไปดู

ยกเว้น สำหรับคนรักหนังซิ่งรถแข่งอาจผิดหวังเล็กน้อย เพราะหนังมีฉากแข่งรถไม่มากเท่าภาคก่อน แต่ สิ่งที่หนังมีมากกว่า คือ ความเป็นหนังแอคชั่นที่ดีใกล้เคียงกับภาคแรก

พื้นที่แนะนำผลงาน{ตัวเอง}

(คลิกที่รูปหนังสือ เพื่อ อ่าน หรือ แสดงความเห็น ต่อหนังสือแต่ละเล่มได้เลยครับ)

ปีนี้ “ผมอยู่ข้างหลังคุณ” ขอฝากผลงานเล่มล่าสุดที่เพิ่งคลอดจ้า อันว่าด้วย 'ความรักและกำลังใจ' ผ่านแรงบันดาลใจจากชีวิตและภาพยนตร์ ในหนังสือที่ชื่อว่า

เมื่อฉันลืมตา แล้วโลกเปลี่ยนไป



และ ผลงานสองเล่มก่อน จากสองปีที่ผ่านมา



"หนังสือรัก" หนังสือที่หยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม กับ องศาที่ 361 หนังสือที่อาสาช่วยคุณค้นหามุมเล็กๆในตัวเองที่จะมีความสุขในชีวิตได้มากขึ้น โดยอาศัย'หนัง'เป็นสะพานพาไปเข้าใจตัวเอง


มีขายตามร้านหนังสือทั่วไป แต่ เพื่อนๆที่หาซื้อตามร้านไม่ได้ "หนังสือรัก"เข้าไปสั่งได้จากเว็บของสนพ.เลยจ้าที่ //www.bynatureonline.com/store/bookstore.php ส่วน องศาที่ 361 และ เมื่อฉันลืมตา แล้วโลกเปลี่ยนไป สั่งได้จากในเว็บหรือหน้าร้านซีเอ็ดครับผม

ชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิก

พูดคุยกับเจ้าของ Blog คลิก

เปิดหารายชื่อหนังเก่าๆนอกเหนือจากในหน้าสารบัญ คลิก