'เมื่อฉันลืมตา แล้วโลกเปลี่ยนไป' หนังสือเล่มล่าสุดของ ผมฯ + วันที่จะพบเพื่อนผู้อ่านเพื่อแจกลายเซ็น
... จาก Blog นี้ ที่เล่าถึงที่มาของชื่อหนังสือเล่มใหม่ --> คลิก

Blog นี้ ผมขอส่งเทียบเชิญผ่าน Blog ให้เพื่อนๆทุกท่าน ชวนมาพบปะพูดคุยพร้อมรับลายเซ็น ในงานมหกรรมหนังสือ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์


วันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม

เวลา บ่าย 3 ถึง 4 โมงเย็น

ที่ บูธ D12 สำนักพิมพ์ 4 Letter word ในโซน Plenary Hall


(และ ถ้าหนังสือออกจากโรงพิมพ์ทัน วันเสาร์ที่ 11 ตุลาคม เวลาเดียวกัน ผมก็จะไปอยู่ที่บู้ธเช่นกันครับ)



ส่วนผลงานสองเล่มก่อน รอเพื่อนๆอยู่ที่บูธตามนี้ครับ



C1,N07 alternative writer
C1,P29 23book
C1,O51 นวนิตา
C2,Q26 คมบาง
C1 , O34 greenbook zone
V08 ซีเอ็ด Zone Plaza



... ว่ากันตามจริง ถ้าให้ผมนั่งไทม์แมชีนคู่กับโดเรมอนย้อนเวลาไปบอกตัวเอง เมื่อสี่ห้าปีก่อนว่า จะมีหนังสือเป็นของตัวเอง ผมในตอนนั้นคงไม่เชื่อ เพราะ ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีโอกาสได้เป็น นักเขียน

ยังจำแรงฮึดหรือแรงบันดาลใจแรกสุดที่จะเขียนหนังสือได้ว่า มาจาก ความเห็นของเพื่อนผู้อ่านใน blog ที่โพสต์ว่าน่าจะรวมเล่มเป็นพ็อกเก็ตบุ้ค บวกกับมี e-mail ที่เพื่อนผู้อ่านส่งมาบอกว่าอ่าน blog แล้วรู้สึกดี มีมุมมองต่อชีวิตเปลี่ยนไป ซึ่งนั่นทำสมองของผมเกิดปฎิกิริยาเคมี ผสมผสานกันเป็นแรงฮึด มองหาสำนักพิมพ์เพื่อทำหนังสือออกมาซักเล่ม

ยังจำได้เลยว่า การเป็นหน้าใหม่ที่ไม่มีใครรู้จักไปหาสำนักพิมพ์เพื่อส่งต้นฉบับขอทำหนังสือ ไม่ใช่เรื่องง่าย แถม ถ้าจะทำหนังสือเกี่ยวกับหนัง ผมยังเคยได้ยินจาก คนในวงการเล่าว่า สนพ.ไม่ค่อยอยากพิมพ์ เพราะ ไม่ค่อยคุ้มทุน การจะหาสำนักพิมพ์จึงเป็นเรื่องยากแสนสาหัส

โชคดีที่ผมได้รับโอกาสจากสำนักพิมพ์ Bynature จึงออกมาเป็น



หนังสือรัก - หนังสือที่ผมนำเสนอ ความรักความสัมพันธ์จากภาพยนตร์ ผ่านมุมมองทางจิตวิทยา หวังให้ผู้อ่านเข้าใจตัวเองกับคนรอบข้างได้มากขึ้น


และ ตามมาด้วย



องศาที่ 361 - หนังสือที่ผมอยากชวนผู้อ่าน ได้กลับไปสำรวจความหมายและคุณค่าในตัวเอง ผ่านมุมสมมติที่ตั้งขึ้น มุมที่เราไม่ใคร่ได้มอง โดยขออาศัยหนังเป็นสื่อกลาง



...จากนั้น ก็ตามมาด้วยการมีงานเขียนประจำในนิตยสาร All , Cream และ Filmax

ในตอนที่ร่วมงานกับนิตยสาร Cream ก่อนจะปิดตัวไป หนึ่งในทีมบก.ได้ชวนผมมาทำหนังสือด้วยกัน และ คำมั่นสัญญาปากเปล่าในวันนั้น ผ่านการแลกเปลี่ยนไอเดียครั้งแล้วครั้งเล่า จนออกมาเป็น หนังสือเล่มนี้



เมื่อฉันลืมตา แล้วโลกเปลี่ยนไป



(เปิดตัวและวางขายในงานมหกรรมหนังสือ เฉพาะที่ บูธ D12 สำนักพิมพ์ 4 Letter word โซน Plenary hall เท่านั้น)



...หนังสือเล่มนี้ มาจาก แรงบันดาลใจดีๆ ที่ผมได้รับ ทั้งจากชีวิตจริงผ่านงานที่ทำ และ จากชีวิตในจอผ่านหนังที่ผมรัก มานำเสนอเป็นเรื่องราวของ คนๆหนึ่งที่ลืมตาขึ้นมาแล้วพบว่า ชีวิตไม่เหมือนเดิม โดยไม่ลืมที่จะทอดแทรกมุมมองทางจิตวิทยาผสมผสานเข้าไปในเนื้อหา

ผมในฐานะผู้เขียนไม่หวังอะไรมาก นอกจาก ขอให้ สนพ.ไม่เจ๊งไปกับหนังสือเล่มนี้ และหวังว่า เพื่อนผู้อ่านที่ร่วมเดินทางไปกับ ‘ฉัน’ ในหนังสือเล่มนี้ จะได้รับอะไรดีๆกลับไป ซึ่งนั่นเป็น ความสุขที่สุดของคนเขียนหนังสือ เมื่อรู้ว่า ผู้อ่านได้อะไรดีๆจากหนังสือที่เราเขียน


... ต้องสารภาพว่า ตื่นเต้นครับ

ถึงจะออกมาสามเล่มแล้ว แต่ความตื่นเต้นไม่ได้น้อยลงเลย มีแต่จะมากขึ้นทุกที ตื่นเต้นว่าเพื่อนๆผู้อ่านจะพอใจหรือไม่ ตื่นเต้นว่าเมื่อออกมาเป็นรูปเล่มมันจะเป็นอย่างไร ตื่นเต้นกับรูปแบบใหม่ๆในงานเขียนที่ตัวเองต้องการนำเสนอ และ ตื่นเต้นสุดๆ ที่จะต้องไปนั่งประจำการอยู่ที่บูธเพื่อแจกลายเซ็น

ผมยังจำความรู้สึกครั้งแรกเมื่อต้องไปแจกลายเซ็นตอน หนังสือรัก เปิดตัว มีทั้งความรู้สึกเขินอาย(เวลาคนเดินผ่านมามอง) หวาดกลัวล่วงหน้าว่าจะไม่มีคนแวะมา กลัวหน้าแตกที่ไปนั่งทำหน้าเด๋อด๋าอยู่หน้าบูธหนังสือ แต่ พอมีเพื่อนผู้อ่านคนแรกเข้ามาทักทาย ความรู้สึกนั้นก็หายไปในทันที

ตอน หนังสือรัก ดีใจที่ได้เจอเพื่อนๆหลายคนที่เคยแค่พูดคุยผ่านตัวหนังสือใน blog มาเป็นปีๆ ยังจำได้ว่ามีคุณแม่ท่านหนึ่ง เดินมาซื้อหนังสือพร้อมขอลายเซ็น บอกว่า ลูกที่อยู่ที่เกาะสมุยกำชับมาว่าให้มาเจอและซื้อหนังสือเพื่อขอลายเซ็นไปให้ได้ รวมทั้งเอาไปฝากเพื่อนด้วย (ความรู้สึกในใจคือ ว้าววว มีคนรออ่านหนังสือเราด้วย)

ตอน องศาที่ 361 ได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณแม่และคุณลูกที่ชอบดูหนัง แถมเซอร์ไพรส์คือ ไม่ใช่ลูกที่แนะนำแม่ แต่เป็น คุณแม่ที่ชวนลูกให้รู้จักblogแห่งนี้ และ ก็มีเพื่อนผู้อ่านบางท่านหยิบ หนังสือรัก มาให้เซ็น บอกคราวก่อนพลาดไป


... มีคนมักจะแซวว่า ไปแจกลายเซ็นแล้วไม่มีคนมา ต้องนั่งหัวเดียวกระเทียมลีบ รู้สึกแปลกๆบ้างหรือเปล่า ซึ่งยอมรับว่า แรกๆกังวลอยู่เหมือนกัน แต่ การไปแจกลายเซ็น ทั้งสองครั้งทำให้ผมคิดได้ว่า

ถ้ามัวแต่กังวลว่าจะไม่มีคนมา มัวแต่กระด๊ากอายที่นั่งหง่าว ก็คงไม่ได้ใส่ใจกับคนที่อยู่ตรงหน้าที่มาเพื่อขอลายเซ็น ผมเลยเปลี่ยนจากความกังวลเป็นความตื่นเต้นเสียมากกว่า ตื่นเต้นที่จะได้เจอผู้อ่าน

ไม่ต้องกลัวที่จะต้องเข้ามาทักนะครับ เพราะ ผมเองก็กลัวไม่แพ้กัน แต่ในความกลัวนั้น มีความดีใจที่จะได้พบปะเพื่อนๆผู้อ่าน ในงานนี้ เพื่อนๆ จะมารับ หนังสือเล่มใหม่กลับไปไว้ในครอบครอง หรือจะนำ หนังสือรัก หรือ องศาที่ 361มาเพิ่มลายเซ็นใส่หนังสือ หรือ แค่แวะเข้ามาพูดคุยทักทายกันเฉยๆ ก็ทำให้ผู้เขียน แฮปปี้ สุดๆในทุกๆกรณีครับ

ถึงจะพูดไม่ค่อยเก่ง แต่เซ็นหมดใจแน่นอนครับ


หวังว่า คงได้เจอกันนะครับ

“ผมอยู่ข้างหลังคุณ”
i_behind_you@yahoo.com






ป.ล. ผม ขอฝาก 1 ใน คำนิยม เป็นคำเชื้อเชิญให้มาพบกับ หนังสือเล่มใหม่นี้ เป็นคำนิยมจากผู้ที่ได้อ่านต้นฉบับครบทั้งเล่มแล้ว

คำนิยม แด่ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"

เมื่อเราบอกว่าการสร้างหนังนั้นมีความสัมพันธ์อยู่กับจิตวิทยาอยู่อย่างแน่นแฟ้น บางคนทำอาจจะสงสัยว่าทำไม ในฐานะผู้สร้างหนังข้าพเจ้าตอบได้เต็มปากว่าแท้จริงแล้วสองสิ่งนี้ เปนเรื่องเดียวกัน

หนังถูกสร้างเพื่อเร้าอารมณ์ ผู้สร้างต้องเรียนรู้ระบบการสร้างอารมณ์ความรู้สึก แล้วใช้กลวิธีทางภาพยนตร์มา เร้า บีบ ปลอบโยน ข่มขู่ เพื่อให้เกิดความตื่นเต้น หวาดกลัว รักชอบ หรือเกลียดชัง ใดใด ให้เกิดขึ้น หากขาดความเข้าใจในทางจิตวิทยา การสร้างภาพยนตร์อาจจะไม่เกิดผล

ย่อหน้าข้างต้น ว่าด้วยทางเทคนิค และหากจะว่าด้วยในทางของเนื้อหา บทภาพยนตร์ที่ดี และตัวละครที่มีความเปนมนุษย์ที่น่าเห็นอกเห็นใจ ก็ย่อมมาจากความเข้าใจในทางจิตวิทยาเช่นกัน เพราะจิตวิทยานั้นว่าด้วยความเข้าใจในมนุษย์และการค้นหาถึงที่มาที่ไปของสภาวะทางจิตใจของบุคคล

และมีไม่กี่ครั้งที่จะมีใครนำสองศาสตร์นี้มาอธิบายซึ่งกันและกันและข้าพเจ้าเชื่อว่าผู้ที่เปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับงานวิจารณ์ภาพยนตร์ในสาขานี้คงจะเปน "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" ผู้ที่เขียนหนังสือเล่มที่ท่านกำลังถืออยู่นี้ นั่นแล

ข้าพเจ้าอ่านงานของ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" ในเว็บบอร์ดพันทิป แทบทุกกระทู้และติดใจในงานวิพากษ์ภาพยนตร์ในมุมที่แตกต่างและกล้าหาญ

ในมุมที่แตกต่างก็คงเปนมุมของการนำจิตวิทยามาวิเคราะห์บุคคล และเหตุการณ์ของหนังได้ในมุมที่ไม่ค่อยได้เห็นมาก่อน ส่วนความกล้าหาญคือการนำเสนอความคิดผ่านทางชุมชนออนไลน์ที่พร้อมจะมีกระแสตอบรับได้อย่างทันทีซึ่ง"ผมอยู่ข้างหลังคุณ" ได้ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าเปนงานเขียนที่ผ่านการกลั่นกรอง มีมุมมองที่เปิดกว้าง ข้าพเจ้าแนะนำให้ผู้อื่นเข้ามาอ่านเสมอ ๆ

ดังนั้นข้าพเจ้าก็จะขอนิยมและแนะนำให้ท่านรีบ ๆ เปิดอ่านเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้โดยพลัน เพราะนี่ไม่ใช่เพียงงานเขียนวิจารณ์ และเปนงานวิพากษ์ภาพยนตร์ชั้นดี ที่นอกจากจะพูดถึงหนังและตัวละครแล้ว อ่านไปอ่านมาก็จะรู้สึกได้ว่าจริง ๆ ก็พูดถึงเรานั่นแหละ ตัวเราที่มี รักโลภโกรธหลัง โหยหา อาทร

ลองอ่านแล้วข้าพเจ้ารู้สึกได้ถึงคำว่า "ดูหนังดูละครแล้วย้อนดูตัว" โดยแท้

แต่ครั้งนี้มี มีใครบางคนที่อยู่ข้างหลังมาช่วยสะกิดให้มอง

ขอขอบคุณแง่คิดดี ๆ จากหนังสือเล่มนี้ครับ
และขอแสดงความนับถือ

มะเดี่ยว แมวโพง แสนดี



Create Date : 03 ตุลาคม 2551
Last Update : 10 ตุลาคม 2551 22:34:11 น.
Counter : 1535 Pageviews.

13 comments
  
หวัดดีค่ะพี่ บ๊วยไปงานมหกรรมหนังสือเหมือนกัน แต่ว่าไปทำงานค่ะ ขายหนังสือที่บูธแจ่มใส C15/Plenary Hall เหมือนกันค่ะ ทำทุกครั้งที่มีงานหนังสือเลย

ถ้าหากว่าวันที่ 18 บ๊วยได้หยุด จะแวะไปเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจพี่ที่บูธนะคะ หวังว่าจะจำกันได้
โดย: อันติกา วันที่: 3 ตุลาคม 2551 เวลา:1:29:57 น.
  
ไม่ได้ไปงานหนังสือค่ะ....
แต่จะติดตามหนังสือเล่มนี้ของพี่อีกค่ะ...
เล่มที่แล้วก็ยังอ่านไม่จบเลยอะ...ไม่ค่อยมีเวลาอ่านเท่าไหร่(แอบเขินเล็กน้อย)

คราวนี้ก็จะซื้อเก็บไว้อ่านต่อเช่นเคยค่ะ...
ขอบคุณที่เขียนหนังสือดีๆให้อ่าน ให้ขวัญได้มองโลกในมุมที่ต่างไปจากเดิม
โดย: NuHring วันที่: 3 ตุลาคม 2551 เวลา:4:26:09 น.
  
ติดใจทั้งสองเล่มที่แล้ว ไม่พลาดเล่มที่สามแน่นอนค่ะ ว่าจะไปกรี๊ด(ไม่ใช่ละ) ไปสอยหนังสือ+ขอลายเซ็นที่งานมหกรรมหนังสือด้วยค่ะ

อยากลืมตามองโลกในเช้าวันที่ 18 เร็วๆจัง
โดย: Ordinary Girl IP: 203.170.231.232 วันที่: 3 ตุลาคม 2551 เวลา:10:52:28 น.
  
อยากขอไปกรี๊ด เอ้ยทักทายบ้างค่ะ
จะซื้อให้ตัวเองและเก็บไว้ห่อเป็นของขวัญปีใหม่
เหมือนเล่มก่อนๆ
และจะซื้อหนังสือรักสักสองเล่มเก็บไว้ให้วันวาเลนไทน์เช่นกันค่ะ เพราะหนังสือสื่อรักดีกว่าไม่เหี่ยวโรยรา
โดย: สาวใต้ใจงาม IP: 124.120.74.47 วันที่: 3 ตุลาคม 2551 เวลา:13:31:35 น.
  
ตั้งใจจะไปวันที่ 18 อยู่พอดีค่ะ คงได้พบกันที่งานนะคะ
โดย: kenmania วันที่: 3 ตุลาคม 2551 เวลา:16:27:32 น.
  
เย้ เย้ เล่มใหม่จะออกแล้ว
ขอให้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่านะคะ
โดย: หัวใจสีชมพู วันที่: 3 ตุลาคม 2551 เวลา:18:07:05 น.
  
ว้าวๆๆ ..คุณมะเดี่ยว รักแห่งสยาม นี่หนา ...มีใครมาเขียนให้ผมสะใภ้อีกหรือเปล่าเนี่ย

แล้ววันที่ 18 จะพยายามทำตัวให้ว่าง ..แล้วจะแวะไปเยี่ยมเยียน และซื้อหนังสือครับ
โดย: OncE UPoN'-'a MaN วันที่: 5 ตุลาคม 2551 เวลา:7:07:18 น.
  

ยินดีด้วยนะขอรับ หน้าปกสดใสดี
โดย: merveillesxx วันที่: 6 ตุลาคม 2551 เวลา:10:24:19 น.
  
+ อิๆ เด๋ววันที่ 18 จะเป็นเต้นลีด ให้กำลังใจอยู่ข้างหลังคุณ จขบ. ที่บูธนะคร้าบ (กร๊ากกกก! ล้อเล่นเน้อ )
... เด๋วจะไปช่วยเป็นยืนหน้าม้าให้แล้วกันนะครับ กับไปอุดหนุนหนังสือ & ขอลายเซ็นด้วย
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 6 ตุลาคม 2551 เวลา:20:04:57 น.
  
เดียวจาไปอุดหนุนค่ะ
โดย: renton_renton วันที่: 7 ตุลาคม 2551 เวลา:7:27:00 น.
  
11 ไปไม่ได้แน่ๆ เพราะติดไป ตจว 18 ตค มีงานแต่งเพื่อนถ้าต้องรีบไปแต่งหน้า ก็คงไปแบบหน้าแปลกๆหน่อยนะคะ คงไม่ว่ากัน ฮา
โดย: vodca IP: 124.121.139.211 วันที่: 7 ตุลาคม 2551 เวลา:7:58:26 น.
  
ชอบปกมั่กๆ
และคำนิยมก็เซอร์ไพรส์ค่อดๆ นะเฮีย

เดี๋ยวตามไปสอย หุหุ
โดย: ืnanoguy IP: 125.24.130.117 วันที่: 10 ตุลาคม 2551 เวลา:2:39:25 น.
  
เมื่อฉันลืมตา แล้วโลกเปลี่ยนไป...อีกครั้ง ^^

เพลินมากค่ะ ^^
โดย: unnamedminor IP: 124.122.21.221 วันที่: 4 กันยายน 2553 เวลา:10:00:48 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Aorta.BlogGang.com

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]

บทความทั้งหมด