“เพชรบุรี” จังหวัดเล็ก ๆ มีทะเลเลื่องชื่ออย่างชะอำ และของฝากเป็นขนมหม้อแกงรสชาติอร่อยถูกใจผู้รับ
หรือบางคนบอกว่าเมืองเพชรยังมีโบราณสถานสำคัญที่ควรมาเยี่ยมเยียนสักครั้งหนึ่งในชีวิต นั่นคือ
พระนครคีรี หรือที่เรียกกันติดปากว่า
เขาวัง ภูเขาขนาดย่อมอยู่ใจกลางเมือง
เป็นที่ตั้งของพระราชวังบนยอดเขาแห่งแรกของเมืองไทย โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.4)
นอกจากนี้ ยังมีวัดประจำพระราชวังคือ
วัดพระแก้วน้อย มีพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
พระราชทานนามว่า
พระธาตุจอมเพชร อีกด้วย

แต่ใครเล่า จะรู้ว่า เมืองเพชร ยังเป็นดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ ความเป็นมาของชาติไทย จนอาจกล่าวได้ว่า
เป็น “เมืองอยุธยาที่ยังมีชีวิต” เพราะมองไปทางใดก็จะเห็นวัดวาอารามเรียงราย จนไม่อาจนับได้ด้วยสายตา
เพียงเท่านี้ก็ประเมินได้ว่า ชาวเมืองส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้มีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนามาตั้งแต่
ครั้งอดีตกาล สมกับคำขวัญว่า
“เขาวังคู่บ้าน ขนมหวาน เมืองพระ เลิศล้ำศิลปะ แดนธรรมะ ทะเลงาม”ดังนั้น วัดแรกที่เราจะแนะนำให้รู้จัก ทางไปไม่ไกล อยู่ใจกลางเมืองพอดี ชื่อว่า
“วัดมหาธาตุวรวิหาร” วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองแต่โบราณ มีพระปรางค์สีขาว 5 ยอด ทำด้วยศิลาแลง ตั้งเด่นเป็นสง่า
คาดว่าแต่เดิมเป็นเทวาลัยในสมัยขอม ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
มีวิหารหลวงประดิษฐานพระประธานทรงเครื่องใหญ่เต็มยศสมัยอยุธยา
ส่วนผนังทั้ง 4 ด้าน เป็นภาพจิตรกรรมวรรณคดีเรื่องทศชาติ บรรเลงด้วยสีฝุ่น ฝีมือของศิลปินเอกเมืองเพชร

ห่างไปไม่ไกลนัก มีวัดอีกแห่งที่ควรไปเยือนเพื่อสักการะ สร้างสิริมงคลแก่ชีวิต คือ
“วัดเพชรพลี” สันนิษฐานว่าเป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา สิ่งสำคัญ ได้แก่ บุษบกที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
สามารถขึ้น-ลงได้ด้วยลิฟต์ ภายในยังมีลายสือไทย และพระพุทธรูปเก่าแก่ ที่ไม่อาจประเมินมูลค่าได้อีก
นับร้อยองค์ ล้วนหาชมได้ยาก เพราะเหตุนี้เอง ผู้ที่ต้องการไปสักการะจึงต้องติดต่อขออนุญาติกับทางวัดก่อน
ไม่ได้เปิดให้ชมปกติเป็นทั่วไป เนื่องจากเกรงของสูญหาย

หากใครยังไม่เหนื่อย อยากให้ไปแวะชม
“ถ้ำวิมานจักรี” หรือ
ถ้ำเขาหลวง ความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสรรค์สร้างขึ้น จนสุนทรภู่กวีเอกนำไปเขียนพรรณาความงามในนิราศเมืองเพชร
ตอนหนึ่งว่า
“ดูว้างเวิ้งเชิงพนมน่าชมเชย ต่างแหงนเงยชมชะง่อนก้อนศิลา
เป็นลดหลั่นชั้นช่องมีห้องหับ แลสลับเลื่อมลายคล้ายเลขา
กลางคีรินหินห้อยย้อยระย้า ดาษดาดูดูดังพู่พวง…”ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยตระการตา ด้านบนหากแหงนคอมองไปลักษณะคล้ายปล่องรูปหัวใจขนาดใหญ่
ยามที่แสงอาทิตย์ส่องลอดลงมายังพื้นถ้ำ เกิดแสงเงากระทบกับพระประธานภายใน ดูสวยงามน่าชม

สุดท้าย ที่อยากแนะนำให้รู้จัก แม้ต้องเดินทางออกนอกเมืองเพชรมายัง อ.บ้านลาด จึงจะได้เห็น คือ
“ถ้ำหลวงพ่อดำ” ถ้ำขนาดเล็ก ภายในมีพระพุทธรูปหลวงพ่อดำ ปางห้ามญาติอันศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่
แต่บัดนี้ทรุดโทรมไปมาก เนื่องจากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย อายุเกือบ 1,000 ปี
บริเวณข้อเท้ามีโซ่ล่ามอยู่ ตามตำนานเล่าว่า หลวงพ่อดำเป็นพระเจ้าชู้ เวลาพลบค่ำมักจะออกมาเกี้ยวพาราสี
สาว ๆ ในหมู่บ้าน ชาวบ้านอดรนทนไม่ไหวจึงนำโซ่มาล่ามขาไม่ให้ท่านไปไหน อีกตำนานกลับเล่าว่า
หลวงพ่อดำเป็นผู้รักความยุติธรรม หากพบเห็นโจรจะนำโซ่มาล่าม ขังไว้ในถ้ำจนเสียชีวิต
ทำให้เรื่องนี้ความจริงเป็นเช่นใด ยังไม่มีผู้ใดทราบได้
ที่กล่าวมาเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์ ความทรงจำของผู้คนเมืองเพชรเท่านั้น
หากท่านใดต้องการศึกษาอย่างลึกซึ้ง พร้อมเพลิดเพลินตาไปกับภาพความเป็นจริงในปัจจุบัน
เชิญได้ที่จ.เพชรบุรี แล้วท่านจะรู้ว่า
“คนเมืองเพชรไม่ดุอย่างที่เขาลือกัน”.ที่มา : เดลินิวส์