พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน สัมผัสวรรณคดี มีชีวิต ![]() เรือนไม้โปร่งๆ สีเหลืองนวลๆ แซมด้วยสีฟ้าอมเขียว ชั้นเดียวใต้ถุนสูงทั้งหลัง หลังคาปั้นหยา ตัวระเบียงทางเดินมีหลังคาคลุมทอดยาวลงสู่ทะเล ปลายสุดเป็นศาลารับลม สถาปัตยกรรมทรงไทยที่ได้อิทธิพลมาจากยุโรปตรงหน้า ดูคุ้นตาใครหลายๆ คน เพราะใช้ถ่ายทำละครพีเรียดหลายต่อหลายเรื่อง ตั้งอยู่ภายในค่ายพระราม 6 อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี สถานที่แห่งนี้ก็คือ "พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน" พระตำหนักริมทะเลที่สร้างขึ้นใน สมัยรัชกาลที่ 6 เพื่อใช้เป็นที่เสด็จแปรพระราชฐานและประทับแรมในฤดูร้อน ซึ่งล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 โปรดเกล้าฯร่างแบบผนังด้วยพระองค์เอง ไปเพชรบุรี จึงอดไม่ได้ที่จะแวะเข้าไปสัมผัสความงดงามพระราชนิเวศน์มฤคทายวันให้เห็นกับตา เพราะไม่ว่าจะเป็นบทพระราชนิพนธ์ เรื่องเวนิสวานิช ศกุนตลา หรือมัทนะพาธา ที่หลายคนได้เคยผ่านตาหรือผ่านหูมา การจินตนาการถึงสถานที่เหล่านั้น ย่อมแตกต่างกันไปตามพื้นฐานความคิดความรู้ของแต่ละคน ![]() "แต่สถานที่ที่รังสรรค์ตัวอักษรจากบทพระราชนิพนธ์เป็นภาพที่เห็นได้จริง มีชีวิต จับต้องได้ขึ้นมาอยู่ที่นี่" เพียงแค่ขับรถมาตามถนนชะอำ-หัวหิน ก่อนถึงหัวหินราว 10 กิโลเมตร ฝั่งซ้ายมือจะเห็นป้ายใหญ่เบ้อเริ่มเขียนว่า "ค่ายพระราม 6" ตรงเข้ามาได้เลย พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน เปิดให้เข้าชมทุกวัน เว้นวันพุธ ตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น.อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 15 บาท โดยรายได้จะนำไปบำรุงรักษาและอนุรักษ์พระราชนิเวศน์มฤทายวัน เขตพระราชฐานที่ประทับ "...ซื้อบัตรแล้วตามเข้ามาเลย" พระราชวังแห่งนี้ประกอบด้วย พระที่นั่งใหญ่ 3 องค์เชื่อมต่อถึงกันโดยมีชื่อคล้องจองกันว่า "พระที่นั่งสมุทพิมาน พระที่นั่งพิศาลสาคร และพระที่นั่งสโมสรเสวกามาตย์" ประกอบด้วย อาคาร 16 หลังที่ใช้หลักสำคัญในการจัดวางอาคารคือ ต้องให้ทุกห้องหันหน้าเพื่อชมวิวทะเล ![]() แรกก้าวเข้าสู่เขตพระราชฐาน น้ำพุกลางสวนร่มรื่น รูปแบบการจัดสวนที่แปลกตา พร้อมกับม้านั่งสีขาวที่จัดวางไว้อย่างลงตัวก็ทำให้รู้สึกว่ากำลังดูหนังย้อนยุค สวนแห่งแรกที่ปรากฏต่อสายตาคือ "สวนเวนิสวานิช" สวนที่ได้รับแรงบันดาลใจในการสร้าง จากบทพระราชนิพนธ์เรื่องเวนิสวานิช ที่แปลมาจากเรื่อง The Merchant of Venice ของวิลเลี่ยม เช็กสเปียร์ นักประพันธ์ชื่อก้องโลกชาวอังกฤษ ที่พระองค์ท่านทรงคงลีลาและ ฉันทลักษณ์การแปลไว้คำต่อคำใกล้เคียงกับต้นฉบับจริงมากที่สุด สวนแห่งนี้ออกแบบในสไตล์เรอเนสซองและที่กำหนดสร้างไว้ ณ จุดหน้าสุดของเขตพระราชฐาน ก็เพื่อเป็นจุดนัดพบ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เฉกเช่นเดียวกับเมืองเวนิส ที่เป็นสถานที่พบปะของผู้คน และเป็นแหล่งการค้า ในบทประพันธ์ของเช็กสเปียร์ ![]() ถัดมาเป็น "สวนศกุนตลา" ลานกว้างที่ใช้ต้นเข็มนานาพันธุ์ทำเป็นกำแพงล้อมรอบสวน พื้นที่ภายในสวนแห่งนี้ใช้เป็นเหมือนเวทีจัดการแสดง อาทิ การแสดงโขน การแสดงละครในฤดูหนาว รวมถึงการจัดเลี้ยงรับรองต่างๆ จากสวนศกุนตลา พื้นอิฐหกเหลี่ยมสีแดงอ่อนตัดกับสนามหญ้าสีเขียว ทอดยาวพาเราไปด้าน หน้าทางขึ้นพระราชวังที่รายล้อมด้วยความร่มรื่นของไม้ยืนต้นนานาพันธุ์ และพุ่มไม้ดอกที่แข่ง กันชูช่อประชันสี ราวกับภาพเขียนสีน้ำมันที่จิตรกรเอกบรรจงวาดอย่างไว้อย่างสุดฝีมือ ![]() ขึ้นบันไดวนไปชั้นบนเป็นส่วนของ"พระที่นั่งสโมสรเสวกามาตย์" ที่สำหรับเสด็จออกว่าราชการ ประกอบราชพิธีต่างๆ ปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปส่วน "พระเจ้า"(แปลว่า ศีรษะของ พระราชา)ของรัชกาลที่ 6 ผลงานของศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี ทำให้ผมรำลึกได้ว่า วันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เป็น "วันมหาธีรราชเจ้า" วันคล้ายเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 "องค์กษัตราธิราช" ผู้ทรงพระอัจฉริยภาพทั้งทางด้านศาสตร์และศิลป์ เป็นวันที่พสกนิกรชาวไทยจะได้ร่วมกัน น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่มีแก่ปวงชนชาวไทย ![]() พื้นทางเดินไม้ขัดมันและรั้วสีครีมพาเราเดินต่อไป ผ่านส่วนที่เป็นเรือนพักผู้สำเร็จราชการ มหาดเล็ก รวมทั้งห้องสรงของรัชกาลที่ 6 พื้นของห้องนี้ทั้งหมดเป็นหินอ่อนสีน้ำตาลปนทอง จากอิตาลีที่มีแร่ทองผสมอยู่ พร้อมกับสุขภัณฑ์ที่สั่งมาจากต่างประเทศทั้งหมด แล้วก็ถึง"หมู่พระที่นั่งสมุทพิมาน" องค์ที่ 2 ที่ประทับของพระบาทสมเด็จมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นส่วนของข้าราชบริพารฝ่ายหน้าหรือฝ่ายชาย คำว่า"สมุทพิมาน" นั้นมีความหมายว่า วิมานที่อยู่ในมหาสมุทรประกอบด้วย หอเสวยฝ่ายหน้า ที่ใช้เสวยพระกระยาหารมื้อค่ำแบบตะวันตก โต๊ะเสวยเป็นโต๊ะที่นั่ง 12 เครื่องเรือนชิปเปนเดล เป็นเครื่องเรือนที่ได้รับความนิยมเกือบหนึ่งศตวรรษในลอนดอน ห้องแต่งพระองค์ ห้องพระบรรทม เป็นพระแท่นบรรทมแบบสี่เสา มีหลังคาทรงตะวันตก และห้องทรงพระอักษร ![]() ส่วนหมู่พระที่นั่งสมุทพิมานองค์แรก เดิมเป็นที่ประทับของล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ต่อมาทรงโปรด เกล้าฯให้เป็นที่ประทับของ พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ขณะมีครรภ์ได้ 5 เดือน เพื่อจะได้ทรงดูแลอย่างใกล้ชิด ปัจจุบันส่วนหนึ่งใช้เป็นที่จัดแสดงนิทรรศการบทพระราชนิพนธ์ เช่น ภาพการแสดงละครเรื่อง "กลแตก","เจ้าข้า สารวัด!" สำหรับ "ศาลาลงสรงฝ่ายหน้า" เป็นระเบียงทางเดินมีหลังคาคลุมทอดยาวลงสู่ทะเล และมีเฉลียงสำหรับที่ประทับรับลม และสำหรับเปลี่ยนเครื่องทรง ปัจจุบันโครงสร้างบริเวณนี้ ทรุดโทรมมาก จึงไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยมชมศาลาทั้งสองฝั่งเพื่อให้คงสภาพเดิมไว้มากที่สุด ![]() ถัดมาเป็นเขตพระราชฐานฝ่ายในซึ่งเป็นที่ประทับของพระมเหสี เจ้าจอม พระราชธิดา และพระราชโอรสที่ไม่ได้โสกันต์ และห้ามไม่ให้บุรุษเข้านอกจากพระเจ้าอยู่หัว โดยภายในประกอบด้วย ศาลาลงสรงฝ่ายใน ท้องพระโรงฝ่ายในและท้ายสุดเป็น "พระที่นั่งพิศาลสาคร" ประกอบด้วย ห้องบรรทม ห้องแต่งพระองค์ ห้องสรงและเฉลียงรับลม เป็นที่ประทับของสมเด็จพระนางเจ้าอิทรศักดิศจี พระบรมราชินี และข้าราชบริพารฝ่ายใน ![]() มาถึงสวนสุดท้ายคือ "สวนมัทนะพาธา" อยู่ใจล้อมรอบด้วยระเบียงทั้งสามด้าน ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากพระราชนิพนธ์เรื่องมัทนะพาธา หรือตำนานดอกกุหลาบ อันเป็นบทละครพูดคำฉันท์ที่มีการใช้สัมผัสและฉันทลักษณ์ได้ถูกต้อง มีความไพเราะยิ่งและได้รับการยกย่องว่าเป็นยอดบทละครพูดคำฉันท์ ![]() "สวนมัทนะพาธา ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามด้วยแนวไม้พุ่มลายอ่อนช้อย โดยเลือกใช้ต้นข่อย ซึ่งมีพุ่มหนาแน่น ทนต่อแดด และไอทะเลได้ดีนั่นเอง" ไม่เพียงทั้งสามสวนจะแสดงให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพด้านศิลป์ของท่านแล้ว พระราชนิพนธ์ใน พระองค์ที่มีมากกว่า 200 เรื่องทั้งที่เป็นบทละคร บทความ ปาฐกถา วรรณกรรม รวมทั้งพระราชนิพนธ์ที่เป็นภาษาอังกฤษอีกมากมาย เรื่องทุกเรื่องได้สอดแทรกและ ปลูกฝังเรื่องของความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ สอนให้เป็นคนดีผ่านวรรณคดีอย่างกลมกลืน ![]() อีกทั้งวรรณคดีที่พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์มีจำนวนมาก และมีเนื้อหาที่ครอบคลุมหลายแขนง จึงเป็นสื่อที่ประชาชนเข้าใจได้ง่าย และถึงอย่างกว้างขวาง ดังสมญานามของพระองค์ท่าน "พระมหาธีรราชเจ้า" หรือ พระมหากษัตริย์ผู้เป็นนักปราชญ์ ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่แสดงถึงพระอัจฉริยภาพทางด้านศิลป์ของพระองค์ท่าน "อย่างที่ใครยากที่จะปฏิเสธได้นั่นเอง" โดย จิรพงศ์ เกิดเรณู |
บทความทั้งหมด
|



















ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [
สุดยอด