เที่ยวลาดพร้าว เข้าวัดไหว้พระ ชมทุ่งทานตะวัน ![]() ทุ่งทานตะวันสีเหลืองอร่ามทั่วพื้นที่ ยังสบายดีกันอยู่หรือป่าว? กับสภาพสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ในปัจจุบันที่ดูจะตึงเครียด จนทำให้หลายๆคนอยากจะปิดหูปิดตาไม่รับรู้ข่าวสารใดๆ แต่ฉันมีวิธีที่ดีกว่านั้น หากนั่งติดขอบทีวี หรือหูติดวิทยุ ตาติดอินเตอร์เน็ตล่ะก็ ลองหาเวลาว่างสักหนึ่งวัน มาทำให้ใจเบิกบานสำราญจิตกันดีกว่า วันนี้จะชวนไปแถวเส้นถนนเกษตร-นวมินทร์ ซึ่งบางครั้งบางช่วงจะเห็นต้นทานตะวันยิ้มแฉ่งเริงร่าชูดอกสีเหลือง สว่างสดใสท้าทายดวงอาทิตย์อยู่มากมายริมถนนหลังโรงเรียนสตรีวิทยา 2 ก็ไม่ต้องแปลกใจไป เพราะทางฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะเขตลาดพร้าว เขาได้จัดโครงการเพิ่มพื้นที่สีเขียวโดยเอาพื้นที่ รกร้างว่างเปล่าของเอกชนมาปรับภูมิทัศน์เป็นทุ่งทานตะวันอันสวยงามสดใสอย่างที่เราเคยได้เห็นๆกันมาแล้ว ดอกทานตะวันชูช่อสีสันสดใสริมถนนเกษตร-นวมินทร์ โดยทางสำนักงานเขตลาดพร้าวได้ทำโครงการเพิ่มพื้นที่สีเขียวโดยทำเป็นทุ่งทานตะวันมาแล้วประมาณ 2 ปี โดยในแต่ละปีจะปลูกเจ้าทานตะวันให้ออกดอกสวยงามบานสะพรั่งใน 2 ช่วง คือในช่วงปีใหม่สากล หรือวันที่ 1 มกราคม และวันปีใหม่ไทย หรือวันสงกรานต์ นั่นเอง ถือเป็นการต้อนรับวันปีใหม่ที่สดชื่นสวยงามจริงๆ สำหรับ "ทุ่งทานตะวัน" ที่ถนนเกษตร-นวมินทร์แห่งนี้ มีพื้นที่ประมาณ 15 ไร่ ใกล้ๆกันเป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่พอสมควรสามารถส่งน้ำมาหล่อเลี้ยงเจ้าต้นทานตะวันเหล่านี้ให้เบ่งบาน และจากที่ผ่านมาก็ประสบผลสำเร็จอย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กรุงเทพมหานครแล้ว ยังสร้างแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจที่สดชื่นสวยงามให้กับชาวกรุง ผู้คนในละแวกลาดพร้าว รวมถึงผู้ที่ผ่านมาผ่านไปมักจะแวะเวียนมาชมความสวยงามสดชื่น และสีสันอันสดใสของ ทุ่งทานตะวัน พร้อมทั้งพกกล้องมาถ่ายรูปกันอย่างหนาตาจนทางสน.ลาดพร้าวได้จัดเจ้าหน้าที่มาอำนวยความ สะดวกในเรื่องของที่จอดรถและการจราจรอย่างเต็มที่ และในช่วงที่ 2 ของปีนี้ ทางฝ่ายรักษาความสะอาดฯ สำนักงานเขตลาดพร้าว คาดว่าดอกทานตะวันจะชูช่อเหลืองบานอร่ามเต็มพื้นที่อย่างสวยงามเหมือนอย่างที่ผ่านมา ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงนี้ เพื่อให้ชาวกรุงหรือผู้ที่ผ่านไปมาได้แวะเวียนมาชมโฉมดอกไม้สวยๆ หรือจะพาครอบครัวเพื่อนฝูงมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกก็น่าสนใจเป็นที่ยิ่ง ฉันเองก็คาดว่าช่วงสงกรานต์นี้จะหาโอกาสแวะเวียนไปยลโฉมเจ้าดอกสีเหลืองบานสะพรั่งนี้เช่นกัน ถ้าพลาดช่วง สงกรานต์นี้ก็ไม่ต้องเสียใจ เพราะช่วงปีใหม่ต้อนรับพ.ศ.ใหม่แบบสากล รับรองว่ามีให้ยลกันอีกแน่ อาจจะรอนานหน่อยแต่สวยชัวร์ๆ ![]() ที่ประกอบศาสนกิจอันสวยงามในวัดลาดปลาเค้า จากดอกไม้แสนสวยสดใส ที่อยากจะแนะนำก่อนเพราะอายุอันเบ่งบานของเจ้าดอกทานตะวันนี้จะบานแฉ่งสวยงาม อยู่ได้ประมาณ 2 อาทิตย์เท่านั้น ขอบอกไว้ก่อนนะว่า ถ้าใจร้อนไปตอนนี้เจ้าดอกทานตะวันยังไม่บานหรอก เขาคำนวณไว้แล้วว่าจะบานช่วงเทศกาลพอดิบพอดี จากทุ่งแสนสวย เลี้ยวขวาเข้าไปทางถนนลาดปลาเค้า ตรงมาจะเจอะเจอกับ “วัดลาดปลาเค้า” อายุประมาณ 140 กว่าปี เป็นวัดเก่าแก่คู่ชาวลาดปลาเค้า ก่อตั้งมาเมื่อประมาณก่อนปี พ.ศ.2409 แต่เดิมอำแดงด้วง และอำแดงไหม ต้นตระกูล เกตุสุวรรณ ได้ถวายที่ดินตั้งเป็นสำนักสงฆ์ มีชื่อเรียกว่า “สำนักสงฆ์ราบปลาเค้า” ![]() ภายในวัดลาดปลาเค้า มีพระเกจิอาจารย์ชื่นดังมากมายให้กราบไหว้ โดยชุมชนลาดปลาเค้าเป็นชุมชนเล็กๆ ภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่มเหมาะแก่การอยู่อาศัยของสัตว์น้ำโดยเฉพาะ “ปลาเค้า” ซึ่งมีอยู่มากมาย ชุมชนนี้จึงได้ชื่อว่าราบปลาเค้า ซึ่งหมายถึง เป็นที่ราบซึ่งมีปลาเค้าอาศัยอยู่มาก ต่อมาก็ได้เรียกเพี้ยนมาเป็น ลาดปลาเค้า และในปี พ.ศ.2435 ทางราชการก็ได้ประกาศตั้งสำนักสงฆ์แห่งนี้ เป็น “วัดลาดปลาเค้า” ซึ่งวัดนี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านกล่าวถึงคือ อภินิหารและความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อน้อย พุทธสรณ์ ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสองค์ที่สาม ในเรื่องของการอยู่ยงคงกระพัน ความร่มเย็นเป็นสุขศัตรูทั้งหลายจะพ่ายแพ้ อุปสรรคทั้งปวงทั้งหลายมลายสุญไป เป็นสุขใจแก่ผู้บูชาด้วย ![]() อุโบสถของวัดใหม่เสนานิคม ดูร่มรื่นและสงบเงียบ จากวัดลาดปลาเค้า ตรงผ่านแยกวังหินไปจะเจอกับ “วัดสิริกมลาวาส” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า “วัดใหม่เสนานิคม” ซึ่งเป็นชื่อดั่งเดิมของวัดแห่งนี้ มีพระครูปราโมทย์ธรรมธาดา หรือหลวงปู่หลอด ปโมทิโต ศิษย์องค์สุดท้ายของพระอาจารย์มั่นภูริทัตโต เป็นเจ้าอาวาส หลวงปู่เป็นพระกรรมฐานที่มีชื่อเสียง ใช้เวลาศึกษา กรรมฐาน และออกธุดงค์เป็นเวลาร่วมถึง 26 ปี เมื่อเข้าไปภายในวัด รู้สึกได้ทันทีถึงความสงบเงียบร่มเย็น ด้วยลานต้นไม้ด้านหน้าวัดที่ให้ร่มเงา มองเบื้องหน้าจะ เจอกับอุโบสถอันสวยงาม ด้านข้างเป็นที่ประดิษฐานของพระแม่ธรณี และองค์หลวงพ่อดำ นอกจากนี้ยังมีของดีคือ ขอนไม้พญางิ้วดำ ซึ่งเป็นไม้มงคลศักดิ์สิทธิ์มีอายุหลายพันปี ผู้คนให้ความเลื่อมใสศรัทธามากอีกด้วย ![]() หลวงพ่อดำ ภายในวัดสิริกมลาวาส เมื่อกราบไหว้พร้อมขอพรแล้ว ก็ออกจากวัดใหม่เสนาฯ มุ่งตรงต่อไปจนถึง “วัดลาดพร้าว” เป็นวัดเก่าแก่อายุ มากกว่า 100 ปี ซึ่งแต่เดิมเป็นสำนักสงฆ์เล็กๆ ต่อมาในปี พ.ศ.2417 ชาวบ้านลาดพร้าวมีความเห็น พ้องต้องกับคณะสงฆ์ว่าสมควรย้ายวัดมาอยู่ที่วังลาดพร้าว ซึ่งคำว่าวัง หมายถึง แอ่งน้ำขังที่กว้างใหญ่กว่าบึง และเนื่องจากสถานที่เดิมนั้นเป็นที่ดอนไม่สะดวกต่อการที่พระสงฆ์สามเณรจะใช้น้ำ จึงได้ย้ายวัดมาสร้างใหม่ที่ วัดลาดพร้าวแห่งนี้ เพราะที่แห่งใหม่นี้อยู่ใกล้แหล่งน้ำกว่าและเป็นทางแยกคลองทรงกระเทียมกับคลองลาดพร้าว ทั้งเป็นที่ลุ่ม เป็นวังกว้าง สะดวกต่อการใช้น้ำ ![]() ความสวยงามของวัดลาดพร้าว เมื่อย้ายมาอยู่ที่แห่งใหม่ ได้มีการสร้างกุฏิ ศาลาการเปรียณล้วนเป็นไม้ทั้งสิ้น ปัจจุบันวัดลาดพร้าวมีเนื้อที่ทั้งหมด 24 ไร่เศษ เป็นวัดที่มีความสวยงาม เมื่อเข้าไปภายในจะเห็นถึงความอลังการทั้งจากภายนอกและภายในอุโบสถ สิ่งสำคัญที่สุดของวัดคือ ปราสาทซึ่งภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ได้อัญเชิญมา จากเมืองแคนดี้ ประเทศศรีลังกา มาประดิษฐานไว้ที่พระเจดีย์ดาวดึงส์เหนือเศียรพระเจ้าเปิดโลก ภายในวิหารหลังใหม่นี้ทางวัดได้สร้างพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์จำลองที่มีอยู่ทั่วประเทศ อาทิ หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อ เพชร หลวงพ่อวัดบ้านแหลม นำมาประดิษฐานไว้ในวิหาร กล่าวได้ว่ามาวัดลาดพร้าวเพียงวัดเดียว สามารถไหว้พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ได้เกือบทั้งประเทศเลยทีเดียว ![]() ภายในวิหารวัดลาดพร้าวมีพระพุทธรูปมากมายจำลองมาจากทั่วประเทศ ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือศาลาการเปรียญที่สร้างด้วยไม้สักทั้งหลังยังคงอยู่ถาวร ซึ่งหาดูได้ยากมากตามวัดต่างๆ ทั่ว ประเทศไทยและน้อยคนจะรู้ หรือสังเกตว่าที่วัดลาดพร้าวยังมีศาลาหลังนี้อยู่ และพระพรหมวัดลาดพร้าว ที่ประดิษฐานอยู่ในซุ้มด้านหน้าก็เป็นที่กล่าวขวัญถึงความศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย ฉันเองก็ไม่พลาดเช่นกัน มาถึงแล้วก็ขอไหว้ขอพรให้ครบทุกองค์ก่อนที่จะจากวัดลาดพร้าวไปต่อยังสถานที่ต่อไป อีกหนึ่งศาสนสถานชาวพุทธในย่านนี้ก็คือ “ตำหนักพระแม่กวนอิม” ที่ฉันได้เคยพาไปสัญจรกันมาแล้ว ที่พระตำหนักนี้มีจุดเด่นคือ พระมหาเจดีย์พระพุทธเจ้าหมื่นพระองค์ เป็นพระมหาเจดีย์ที่สูงที่สุดในเอเชียอาคเนย์ ภายในยังเป็นที่ประดิษฐานพระแม่กวนอิมพันเนตรพันกรขนาดใหญ่ แกะสลักจากไม้จันทน์หอมจากประเทศจีน ปิดทองเหลืองอร่ามสวยงาม และบริเวณลานด้านนอกยังมีรูปปั้นรูปแกะพระแม่กวนอิมปางต่างๆหลายร้อยรูป สำหรับวัดสุดท้ายที่ฉันได้ไป ก็คือ “วัดเซนต์จอห์น” หรือในอดีตเรียกว่า “วัดห้องเรียน” หรือ “วัดน้อย” เพราะแต่ก่อนเคยใช้ห้องเรียนเป็นที่ประกอบศาสนกิจ ต่อมาสมาชิกเพิ่มมากขึ้น จึงได้ซื้อบ้านหลังหนึ่งดัดแปลงให้เป็นวัดน้อยชั่วคราว ![]() พระมหาเจดีย์พระพุทธเจ้าหมื่นพระองค์ ภายในตำหนักพระแม่กวนอิม เวลาต่อมาเนื่องจากมีสัตบุรุษมาร่วมพิธีมิสซากันมากขึ้น ทำให้วัดคับแคบ ไม่สะดวกต่อการประกอบศาสนกิจ จึงได้สร้างวัดใหม่อย่างถาวร โดยแบ่งเนื้อที่ของโรงเรียนประมาณ 200 ตารางวาเพื่อใช้เป็นสถานที่ก่อสร้าง โครงสร้างออกแบบเป็นรูปทรงอาคารหกเหลี่ยม พร้อมกับหอระฆังสูง 43 เมตร สามารถบรรจุคนได้ประมาณ 200 คน ชั้นใต้ดินใช้เป็นห้องประชุมเยาวชน ส่วนบนเป็นบาลโคนีสำหรับนักขับร้องประมาณ 80 คน ด้านหลังเป็นบ้านพักพระสงฆ์ เมื่อสร้างเสร็จแล้วได้ถวายให้แก่อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ และพระคาร์ดินัลได้ตั้งชื่ออย่างเป็นทางการว่า “วัดเซนต์จอห์น” ดังปัจจุบัน เป็นอย่างไรบ้าง ทั้งชมดอกทานตะวันแสนสวยให้สดชื่น แล้วก็ตะเวนไหว้พระในหลายๆวัดในย่านลาดพร้าวให้สบาย จิตเบิกบานใจแล้ว ก็เหมือนเป็นการชาร์ตแบตเตอรี่ให้ร่างกายและจิตใจให้พร้อมสู้กับทุกสถานการณ์ต่อไป * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * การเดินทางสามารถเข้าได้จากทางจากถนนเกษตร-นวมินทร์ เลี้ยวเข้าทางลาดปลาเค้าจะเจอกับวัดลาดปลาเค้า สอบถามโทร.0-2570-6853 หากเลี้ยวเข้าทางวังหิน เลยแยกวังหินไปจะเจอกับวัดสิริกมลาวาสก่อน สอบถามโทร.0-2570-8193 ถัดไปจะเป็นวัดลาดพร้าว สอบถามโทร.0-2513-2386 เลยเข้าไปทางโชคชัย 4 เข้าซอย 39 จะเจอกับตำหนักพระแม่กวนอิม สอบถามโทร.02514-0715 หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สำนักงานเขตลาดพร้าว โทร.0-2530-6641-50 ![]() แผนที่การเดินทางเที่ยวเขตลาดพร้าว โดย ผู้จัดการ แสดงว่าน้องอยู่แถวนี้เหรอคะ พี่ก็อยู่แถวนี้ค่ะ
โดย: แม่น้องแปงแปง
วันที่: 13 เมษายน 2552 เวลา:13:16:29 น. |
บทความทั้งหมด
|














วันที่: 13 เมษายน 2552 เวลา:13:16:29 น.
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [