เที่ยวไต้หวันด้วยตนเอง 3วัน 2คืน
ใครอยากกินชามุกในตำนานบ้างเอ่ย ไม่ยากเลย let 's go

🤤🤤🤤ยั่วๆจร้า  เอาของกินมาล่อก่อน55😅 เมื่อเราพูดถึงชามุก ทุกคนก็เป็นที่ทราบดีว่า ชามุกที่อร่อยที่สุด คือ ชามุกไต้หวัน ร้านชามุกในไทยมีเยอะแยะไม่เห็นจะต้องบินไปไกลถึงไต้หวันเลย   พูดอีกก็ถูกอีกแหล่ะ แต่ถ้าไม่มาชิมเองถึงที่จะรู้ได้ไงนุ๊ ต้องมาลองกัน 
   สำหรับตัวเอง ทำงาน ในสถานที่ราชการวันลาพักผ่อนน้อยแค่ ปีละ 10 วัน คืออยากจิบอกว่า เดี้ยนใช้หมดทุกปีไม่มีเหลือนะเคอะ 😅 ปีนี้ก็เช่นกัน หมดกับการไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้ว 8 วัน ก็เลยต้องหาทริปใกล้ๆ ไปไม่กี่วันก็ได้  ไต้หวันจึงเป็น 1 ใน แพลน ติ๊กต๊อกๆๆๆ🤔🤔🤔🤔
ไม่คิดมากละ   ไปเลยดีกว่า  ทริปไต้หวั่น 🇹🇼
สำหรับทริปนี้ ตอนแรก เราแพลนไว้คือ 3 คืน 3 วันนะคะ แต่เนื่องจากประเทศไต้หวันเป็นประเทศที่มีพายุไต้ฝุ่นเข้าบ่อยๆ เราจึงพบกับปัญหาก่อนเดินทาง คือ การแจ้งยกเลิกเที่ยวบิน😭😭😭😭ไปไม่ถูกเลยทีนี้ เลื่อนวันเดินทางเป็น เช้าอีกวันหนึ่ง(ขอบคุณและชื่นชม travel ที่ดำเนินการเลื่อนวันเช็คอินน์ที่พักให้กับเรา แถมยังได้คืนเงินค่าที่พักด้วย ) สรุปคือ เหลือทริปแค่ 2คืน 3 วัน  ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเรา 
เริ่ม day 1 ด้วยการออกเดินทางแต่เช้า ออกจากสนามบินเชียงใหม่  เราได้ราคาตั๋วเครื่องบิน ไป - กลับ ที่ราคา 4,3xxบาทของสายการบินแอร์เอเซีย ใช้เวลาเดินทาง 3ชั่วโมงจากจังหวัดเชียงใหม่

เดินทาง 2 คนพี่น้อง เที่ยวเองไม่พึ่งทัวร์ตลอดทริปจร้า
 
        เมื่อเดินทางถึงไทเป  เราก็มุ่งตรงไปที่เครือข่ายมือถือก่อน ซึ่งเราได้จองผ่าน klook มาถึงก็ยื่นเอกสารที่จองติดต่อรับ sim ได้เลย  sim ราคาไม่ถึง 200 บาท ความเร็วไวกว่าของเราแน่นอนค่ะ 


 เมื่อได้simแล้ว  ก็เดินทางเข้าที่พักกัน (เงินเราแลกมาจากไทยแล้ว จึงไม่ต้องเสียเวลา ค่าเงินที่นี่พอๆกับบ้านเราไม่ต้องคิดมาก แถมยังมีตังค์เหลือมากินชามุกอีกสัก 2 แก้วจร้า👍 go ค่ะ)

       ที่นี่ เที่ยวง่ายค่ะ ไม่ต้องพึ่งทัวร์ เนื่องจากการเดินทางคมนาคมค่อนข้างสะดวก มีรถไฟฟ้าครอบคลุมเกือบทุกเส้นทางท่องเที่ยว

จะมีไม่กี่ที่ ที่ ต้องนั่งบัสไป แต่ก็ไม่ถือว่าลำบากค่ะ  รถบัสเกรดเอ แอร์เย็นฉ่ำ มีแผ่นที่นี้เที่ยวได้ทั่วไทเปค่ะ  เอ้า มัวแต่ขายของ
        ต่อคร่าา  😅😅 เราเดินทางจากสนามบินไปที่พัก โดยรถไฟฟ้า 2 ต่อ ราคาประมาณ คนละ 170 บาทค่ะ

ที่พัก อยู่ย่านMRT ximen ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเลยแหล่ะ   เราเลือก tomorrow hotel  ซึ่ง หาง่ายมาก ข้างล่างโรงแรมเป็น 7-11กับwatson

เวลาเช็คอินท์ของที่นี่คือ เวลา 15.00น.ถ้าเราไปถึงโรงแรมก่อนเวลา สามารถฝากกระเป๋าได้นะคะ สำหรับราคาที่พัก คือ 756บาท/คน/คืนค่ะ เราพัก 2 คืน ก็ 1512บาท/คน ค่ะ     ภายในห้องพัก ลักษณะคือห้องสำหรับพักจริงๆไม่กว้างมากมายแต่มีทุกอย่างครบ   ย่านนี้ เดินไป 30วินาทีถึง red house   

เดิน 10 วินาที ถึงถนนคนเดินย่าน ximen   เห็นมีผู้คนเยอะแยะมากมายมาเดินกันถึง 23.00-24.00 เลยทีเดียว

มีทั้งชามุกต้นตำหรับ   ชามุกtigerขึ้นชื่อ  ชาบูมาล่า  ของแบรนด์เนมต่างๆ หรือเสื้อผ้าตลาดนัดคือยกมาไว้รวมกันที่นี่   เอาจริง ถ้าไม่คิดอะไรมากนะ  มาที่นี่ที่เดียวจบเลย 😅😅😅 

   เมื่อเราฝากกระเป๋าเรียบร้อยก็นั่ง MRT จาก ximen ไปลง MRT Zhongxiao fuxingเพื่อขึ้นรถบัส สาย 1062 ไปจิ๋วเฟิ่น  ราคา อยู่ที่ 90 บาทค่ะ (ระหว่างรอรถบัสมีแท๊กซี่มาถามไปส่งจิ๋วเฟิ่น ขาไปอย่างเดียวคิดคนละ 400บาท ไม่ได้แอ้มเราหรอก อิอิ จะนั่งบัสไปจร้า😁)
จิ๋วเฟิ่นเป็นหมู่บ้านโบราณ

  มีทั้งของขายที่รวมแหล่งของฝาก  ของกินเยอะมาก



เดินไป กินไป เพลิดเพลินอุรา มีโรงน้ำชาจุดที่ทุกคนต้องไปถ่ายรูป

ที่จิ๋วเฟิ่นจะประดับด้วยโคมสีแดง

มีจุดชมวิวทะเล

ก็ดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน😍
เรามีโอกาสอยู่ตรงนั้นถึงพระอาทิตย์ตกดิน แล้วนั่งรถบัสกลับ โดยใช้เส้นทางเหมือนเดิมตอนขามา  ราคาเท่าเดิม (ที่นี่สามารถซื้อ easy card เพื่อเติมเงินเข้าไว้ใช้สำหรับนั่งรถบัส และซื้อตั๋วรถไฟฟ้าได้นะคะ ส่วนจะเติมเงินเข้า cardยังไง สามารถเติมที่ตู้จำหน่ายตั๋วทุกตู้ค่ะและ 7-11 ที่สำคัญไม่ต้องกลัวปัญหาในการใช้งานตู้จำหน่ายตั๋วรถไฟฟ้า  มีปุ่มเลือก ภาษาไทยค่ะ   สบายเลยเรางานนี้ )

         เมื่ออิ่มเอมกับการชมและชิม บรรยากาศและของกินเมืองจิ๋วเฟิ่น ปิดท้ายด้วยพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า   เราก็กลับมาถึงที่พัก  สูดลมหายใจสัก 10 ฟอด  ก็ออกมาเดินเล่นที่ย่าน ximenกัน

ตามหาร้านชาบูมาล่า ในตำนาน กัน เดินจากที่พักไม่ไกลค่ะ แต่คิวยาวมาก เราจึงเลือกไปร้านชาบูอีกร้านหนึ่งฝั่งตรงข้าม มีของเยอะ และสดมากค่ะ 

ในบุฟเฟ่รวมเบียรด้วยนะคะ ใครดื่มก็ถือว่าคุ้ม  ที่นี่พนักงานจะขอเก็บเงินเราก่อน เพราะการกินบุฟเฟ่เป็นการกินที่ค่อนข้างนานจะได้นั่งกัน ยาวๆไปค่ะ
   
เมื่อหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน   แต่จะนอนยังไม่ได้ ออกไปเดินสำรวจย่าน ximen กันต่อ คนเยอะมากเหมือนถนนคนเดินท่าแพเชียงใหม่ แบบนั้นเลย แต่เยอะกว่า ร้านชามุก ร้านชาบู ไม่ต้องพูดถึงเลย  ต่อแถวกันยาวมาก  ร้านค้าที่นี่เกือบทุกร้าน เขาจะถามเรานะคะว่ารับถุงมั้ย ถ้ารับจ่ายเพิ่มอีก 2 บาทนะคะ   (รักษ์โลก😊)   เดินกันไป ไม่เที่ยงคืนก็ไม่กลับ หึหึหึ

GN😴😴😴😴😴😴😴😴night1   bye day1

มาต่อ day 2 กันค่ะ  สำหรับวันนี้ ถ้าดูตามแผนที่รถไฟฟ้า คือ คนบ้าเที่ยวเลยก็ว่าได้  555😅😅 เพราะอะไรเหรอ  ก็ไปจนสุดสายสถานีหนึ่งแล้วไปโผล่สุดสายอีกสถานีหนึ่งซึ่งอยู่คนละทิศเลย    แฮร่   เวลาคนเรามีเท่ากันขึ้นอยู่กับว่าเราจะจัดสรรเวลากันยังไงนุ๊😚
day2  เรา นั่ง MRT ไปลงสุดสายน้ำตาลที่MRT  Zoo station เพื่อไปนั่งกระเช้าเมาคงMoakong  เราจองผ่าน klookมาแล้ว พอมาถึง MRT เดินเท้าต่ออีก 100 เมตร ก็ถึงละ  ยืนต่อแถวยื่นเอกสารได้เลย รับตั๋ว   รอขึ้นกระเช้า (ถ้ามีพายุกระเข้าก็จะหยุดทำการนะคะ) ที่นี่มีจุดจอดทั้งหมด 4 สถานี แล้วแต่ว่าเราจะเลือกนะคะ   แต่ไหนๆก็มาละเราก็เลือก ไกลที่สุดเลยคร่า


กระเช้าเมาคง  เส้นทางเดินของกระเช้าจะมีทั้งขึ้นเขา ลงเขา   ทางตรง   ปรับไปตามภูมิประเทศ  มองเห็นวิวเมืองไทเปที่เป็นเอกลักษณ์ที่น่าทึ่งคือ การผสมผสานต้นไม้ ภูเขา ทะเล ตึกใหญ่โต เทคโนโลยี ต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัวโดยที่ไม่ต้อง ระเบิดภูเขา   ตัดต้นไม้ ฯลฯ



แอบหวาดเสียวและเวียนศีรษะกันพอสมควร ขากลับได้ถ่ายรูปเต็มที่เลยเพราะทั้งกระเช้านั่งกันอยู่ 2 คน
       พอชมวิวเมืองไทเปบนกระเช้าเมาคงเสร็จ เราก็มุ่งตรงไปเก็บภาพตึกไทเป101กันแต่ด้วยอากาศค่อนข้างร้อนมาก จึงเก็บแค่มุมเดียว และเดินในห้างภายในตึกสักพักก็ go สถานีต่อไปเลย


ผ่านไปแล้วครึ่งวัน พักทานมื้อเที่ยงที่ไทเป101แล้วเราก็มุ่งหน้าไปที่สุดสายMRT สีแดง Tumsui station  เป็นส่วนเหนือของไทเป ที่ติดทะเล  มีวิวท่าเรือ tumsui ที่สวยงามมากเหมือนกึ่งทวีปยุโรป  มีผู้คนเยอะแยะมากมาก มาทำกิจกรรมที่สวนสาธารณะริมทะเลแห่งนี้  ทั้งออกกำลังกาย  ร้องเพลง เต้นรำ  มีถนนคนเดิน   และมีจุดขายอีกจุดหนึ่งที่พลาดไม่ได้  คือ  สะพานแห่งความรัก the lover bridge ซึ่งต้องนั่งรถบัสไปอีก  ประมาณ  10 นาที   สะพานแห่งนี้มีความโรแมนติคในตัว  ออกแแบบสวยงามคล้ายสะพานพระรามเก้าบ้านเรา  แต่ว่าเป็นสะพานที่คนเดินข้ามนะคะ ไม่ให้รถข้ามค่ะ  สามารถชมพระอาทิตย์ตกได้สุดโรแมนติก 




เมื่อชมบรรยากาศส่งแสงสุดท้ายของวันลับขอบฟ้าแล้วก็เดินทางกลับที่พัก   😅😅ขามาเดินทางไปข้างหน้าเรื่อยๆ พอขากลับถึงรู้ตัวว่า  เห้ย  นี่เรามาไกลขนาดนี้เลยเหรอเนี้ยะ    
           พอถึงที่พัก เราก็พากันตะลุยช๊อปปิ้งต่อ  เดินไป กินไป บอกเลยของน่ากินเยอะมาก เราต้องลองคร่า  นี่ยังชิมไม่หมดเลย   คำเตือน เราต้องลดน้ำหนักก่อนมาสักนิดนึงนะคะ   55555



GN😴night2   day2
       สำหรับ day 3   เราเริ่มจาก สถานีแรกคือวัดหลงซาน ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักของเราแค่ 1 MRT เองค่ะ ค่าโดยสาร 20บาท /คน  ใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 10 นาที วัดหลงซานเป็นวัดที่ คนโสดหลายคนใฝ่ฝันอยากจะมาขอพรเรื่องความรักกลับไปพร้อมกับด้ายแดงนำโชค


มีคนโสดหลายคนมุ่งตรงเข้าไปยังจุดขอพร ดังกล่าว พร้อมกับหยิบด้ายแดงกลับไปบูชาฟรี 

เราก็หยิบมาฝากเพื่อนเล็กน้อยไม่กล้าหยิบมาเยอะ เกรงใจ แฮร่😅😅
แต่วัดหลงซานไม่ได้มีแค่เครื่องรางสำหรับความรักนะคะ มีครบหมดทุกด้านค่ะ ทั้งการงาน การเงิน โชคลาภ สุขภาพ บุตร ฯลฯ ไม่ต้องกังวลว่าเราจะซื้อมาถูกได้ไงเพราะมีภาษาไทยกำกับจร้า



เราก็จัดมาพอสมควรจร้า แล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคลอีกทีนะคะ
          เมื่อได้เครื่องรางนำโชคแล้ว  เราก็ไปต่อกันที่สถานีต่อไป คือ อนุสรณ์สถานเจียง ไค เชค   เป็นสถานที่รำลึกเทิดทูนถึงประธานาธิบดี เจียง ไค เชค  มีทหารเฝ้าเวรยามตลอดและมีพิธีเปลี่ยนเวรทหารทุกต้นชั่วโมง (แต่เราไม่ได้ไปถึงเวลาต้นชั่วโมงก็เลยไม่ได้เก็บภาพตรงนั้นมาฝาก) ถ้าใครเคยเห็นภาพสถานที่แห่งนี้ บอกได้เลยว่า มันยิ่งใหญ่และกว้างมาก สามารถมองได้ถึง 360 องศาเลยทีเดียวค่ะ



คนเหลือตัวเท่าหมด กว้างขวางมาก ยืนตรงไหนก็สามารถถ่ายรูปได้หมดเลย  
         เมื่อได้เวลาเราก็กลับที่พักจัดการเช็คเอ้าท์ และฝากกระเป๋าให้เรียบร้อย แต่ว่า เวลายังได้อยู่จึงขอเดินเก็บย่าน ximen ตอนกลางวันอีกซัก 1-2 ชั่วโมง ซื้อของฝากกันจร้า


สำหรับชาไต้หวันหลากรสชาติโหลดในกระเป๋าได้จร้า แล้วแต่ความสามารถนะคะ😄😄แต่ขนมที่นี่อร่อยทุกอย่างจริงๆ

ได้ของจนเงินที่แลกมาจะหมดแล้ว ก็ไปรับกระเป๋าที่ฝากไว้เดินทางสู่สนามบิน   (มาทางไหน ก็ให้กลับทางนั้นนะจ๊ะ อิอิ😍😍)
ขากลับเราซื้อน้ำหนักกระเป๋าสำหรับโหลดที่ 25 kg โหลดด้วยกัน 2 คน  ก็พอดีเป๊ะ จ่ายเพิ่มอีก คนละ 200 กว่าบาท
เก็บภาพสนามบินที่นี่มาฝากค่ะ



แต่ละ zone ตกแต่งได้สวยงามมากค่ะ อ้อ ถ้าเข้าใช้บริการห้องน้ำในสนามบินเสร็จ อย่าลืม กดปุ่ม แสดงความพึงพอใจให้กับสถานที่ด้วยนะคะ

สรุปทริปนี้ค่าใช้จ่าย  ไต้หวัน 3 วัน 2 คืน 
ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ  4,3xx บาท/คน
ค่าที่พัก 15xx บาท/คน
ค่าเดินรถไฟฟ้า รถบัส ค่าอาหารทุกมื้อ 3,000 บาท/คน
ค่าจิปาถะ เช่นเพิ่ม น้ำหนักกระเป๋าขากลับ ค่ากระเช้าเมาคง ค่า sim     ประมาณ 1,000 บาท 
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว   (แล้วแต่ความอยากของแต่ละคนนะ 😅😅😅) แต่ของเรา หมดไปที่ 5,xxx บาท 
สรุปทริปนี้ เราหมดค่าใช้จ่ายที่ 15,xxx บาท โดยประมาณ 😅😅มันหนักที่ ความอยากส่วนตัวนี่แหล่ะจร้า อดใจให้ได้ก็จะประหยัดลงอีกนิดหนึ่งนะคะ
จบแล้วค่ะ ทริปไต้หวัน ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะคะ กลับไปทำงานต่อก่อน จะได้มีกะตังค์จัดทริปต่อไปอีก  บ๊าย 😍😍😎😎

ปล.ขออภัยนะคะภาพอาจจะไม่คมชัดเพราะใช้มือถือถ่ายทั้งหมดค่ะ😅


 



Create Date : 22 สิงหาคม 2562
Last Update : 11 กันยายน 2562 20:45:07 น.
Counter : 3085 Pageviews.

1 comments
ตลาดเช้า, สถานีรถไฟพินอูลวิน สายหมอกและก้อนเมฆ
(18 เม.ย. 2567 17:06:42 น.)
วัดพุทไธศวรรย์ ดาวริมทะเล
(18 เม.ย. 2567 17:54:51 น.)
พาเที่ยววัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ขอพรวัดเก่าใจกลางเมืองรับปีใหม่ไทย นายแว่นขยันเที่ยว
(15 เม.ย. 2567 13:57:04 น.)
Bangsaen 21 The Finest Running Event Ever 2023 บางแสน แมวเซาผู้น่าสงสาร
(12 เม.ย. 2567 10:20:55 น.)
  
I could not resist commenting. Very well written! Hey!
Someone in my Facebook group shared this website with us so
I came to take a look. I'm definitely enjoying the information. I'm book-marking and will be
tweeting this to my followers! Superb blog and great design. I am sure
this paragraph has touched all the internet people, its really really fastidious post on building up new blog.
http:cars.com
โดย: Hung IP: 212.47.252.101 วันที่: 14 กันยายน 2562 เวลา:21:09:15 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Annyjung.BlogGang.com

สมาชิกหมายเลข 5388459
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]