กว่าจะได้ดูหนังเรื่องนี้ก็หลังจากหนังเข้าฉายไปได้2 อาทิตย์แล้วเพราะไม่มีเวลาซักที หนังคัดเลือกตัวแสดงมาได้ดีมาก โดยเฉพาะพระเอก 555 ไปดูเพราะพระเอกเลยนะเนี่ย 

หลังจากดูหนังจบก็มีความรู้สึกว่า เห้ย พลอตเรื่องมันน่าสนใจนะ แต่ทำไมหนังมันทำออกมาได้ไม่สุด

แต่หนังเรื่องนี้ soundtrack เพราะดี โดยเฉพาะตอนนางเอกโหนสลิงตึกแฮนคอก

พอหลังจากหนังทำได้ไม่ฟินตรงใจเราเท่าไหร่เลยรีบตรงดิ่งไปร้านหนังสือเลย... 3วัน อ่านจบทีเดียวรวด  

เล่ม 1 -2 ทำได้ฟินมาก เรียกว่าวางไม่ลงทีเดียว เป็นนิยายประเภท Young Adult แนวๆ ดิสโทเปียน ที่ีเราต้องเก็บเข้ากรุเลยว่าสนุก แต่เล่ม 3 เครียดมากๆ

ต่อไปนี้เป็นสปอยค่ะ

จะข้ามส่วนที่มีในหนังแล้วนะคะ คล้ายๆกันแต่ในหนังเราว่าผู้กำกับเค้าคงปรับแต่งส่วนที่มันจะทำให้สนุกขึ้น แต่เราว่าในหนังสือสนุกกว่ามากๆ ต้องอ่านจริงๆ ทริซก็เป็นนางเอกสไตล์ที่นิยายประเภท Young Adult ชอบแต่ง เรียกว่าเป็นพิมพ์นิยมว่างั้น ถอดแบบมาจาก เบลล่า และ แคตนิส คือคิดว่าตัวเองเห็นแก่ตัว แต่จริงๆแล้วกล้าหาญ เป็นคนดีอ่ะ ว่างั้น แต่ไม่รู้ตัว อืมมม  ส่วนพระเอกก็หล่อ เก่ง แต่ลึกลับ มีอดีตอันเจ็บปวดแสนสาหัส เป็นช่วงแรกที่ความรักกำลังสุกงอม ตอนสุดท้ายนางเอกก็ช่วยโลกไว้อะ เป็น Heroine เลย เล่มนี้เราว่าสนุกที่สุด คือมันไม่ค่อยเครียดมาก อ่านง่าย

เป็นภาคต่อมา หลังจากทริซ โทไบอัส เคเล็บ ปีเตอร์ และมาร์คัสหนีออกมาจากเผ่า หลบหนีชุลมุน

รวบรวมหาสมัครพรรคพวก ตอนแรกโดนใส่ร้ายว่าทริซและโฟร์เป็นคนวางแผนเมื่อภาค1แต่เมื่อเจอ Truth serum ของแคนเดอร์ ก็ทำให้ทราบว่าความจริงแล้ว นางเอกสาวน้อยตัวเล็กๆนี่แหละเป็นผู้ Safe the world คือหยุดการฆ่าล้างเผ่า Abnegation นางเอกของเราก็มีแต่คนชื่นชม ขณะเดียวกัน โฟร์ก็ถูกเปิดเผยว่าชื่อจริงคือไทไบอัส และ หลบหนีมาอีกเผ่าเพราะต้องการหนีความรุนแรงของพ่อตัวเอง เรื่องที่เหลือเป็นเรื่องที่ต้องจัดการปัญหาว่าตัวร้ายของเรื่อง เจอนีน ที่โคตรจะเก่งและลูกสมุนเพียบ ฉลาด แกมโกงคล้ายๆลุคของโวลเดอร์มอร์  ต้องการจะฆ่าล้างพันธุ์ Divergent ที่ทำได้ทุกอย่างแม้แต่ใช้ Simulationทำให้เพื่อนรักของทริซ คือ มาร์ลีน กระโดดตึกฆ่าตัวตาย สุดท้าย ทริซของเราก็เสียสละจ้า เดินหน้าไปเผชิญความตายเออรูไดต์ (พระเอกสุดหล่อก็ตามไปด้วย หนังสอดแทรกความรักของทั้งสองไว้เป็นระยะๆ)

เล่มนี้มีคนตายมากขึ้น ทั้งเรื่องนางเอกของเราก็จมปลักกับความสูญเสียพ่อและแม่ และยังยืดเยื้อกับความรู้สึกผิดกับการฆ่าวิล เพื่อนสนิทตอนเล่ม 1 ถึงแม้ทุกคนรวมทั้งคริสติน่าจะเข้าใจแต่ทริซเองก็ยังทำใจไม่ได้

ตอนจบของเล่มนี้ทริซต้องยอมทรยศโฟร์ -- ที่ร่วมมือกับ Factionless หรือผู้ไร้กลุ่มที่โดนขับออกมาจากแต่ละเผ่า ซึ่งมีแม่ของโฟร์เป็นหัวโจก --  เพราะสัญชาตญาณตัวทริซเองบอกว่าต้องมีอะไรมากกว่าที่เห็นแน่นอน (สัญชาตญาณ Divergent ว่างั้น) สุดท้ายตอนจบของเรื่อง ก็เป็นอย่างที่นางเอกสุดเก่งของเราคิดมันมีอะไรมากกว่านี้  สุดท้าย โลกที่นางเอกอยู่ ที่ทุกคนเข้าใจว่าคือสิ่งสุดท้ายของจักรวาล มันมีอะไรอยู่นอกรั้ว แต่เหตุผลที่โดน พา มาไว้ในรั้วเพราะก่อนหน้านี้โลกถึงขั้นวิกฤต มีคนล้มตาย โศกนาฏกรรม ไม่มีศีลธรรม เค้าเลยแก้ปัญหาให้เอาคนที่เหลืออยู่มาไว้ในรั้ว ซึ่งในเรื่องก็คือ ชิคาโก นั่นเอง  รอวันที่มี Divergent เกิดมามากพอ ให้ออกไปช่วยโลกข้างนอก 

ต่อมาหลังจากที่ทุกคนต่างก็รู้แล้วว่ามีบางอย่างถูกปิดบังไว้นอกรั้ว (อ่านแรกๆอารมณ์ Wall E ผสมกะ The Island เลย) และหลังจากเจนีน ตัวร้ายเล่ม1/2ตายไป  หัวโจกของผู้ไร้กลุ่มหรือ Factionless ก็สถาปนา ตั้งตัวเองเป็นผู้นำ อันนี้เราว่าแปลกๆนะคือจริงๆ ถ้าคิดจะล้มนางจะทำไม่ได้เลยเหรอในเมื่อพวก Dauntless หรือผู้กล้าหาญ ฝึกซะโหดขนาดนั้นย่อมมีพลังและความสามารถเหนือกว่านางอยู่แล้ว (ที่ไม่ได้ฝึกฝนมา) นางก็ล้มเลิกระบบเผ่าอ่ะ คือทุกคนเป็นผู้ไร้เผ่า เสื้อผ้า ยูนิฟอร์มอะไรเปลี่ยนหมด คือใส่ผสมๆกัน เรียกว่าปรับระบบเลยทีเดียว ก็มีคนทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย พวกไม่เห็นด้วยก็แอบๆตั้งกลุ่มที่เรียกว่า Allegiant ที่มีทริซ(แน่อยู่แล้ว) เพื่อนๆของเธอ และพระเอก โฟร์ก็สับสนอะในเล่มนี้ฮีสับสนในชีวิตมาก  สุดท้าย ก็แอบลักลอบหนีไปจนได้ เพื่อไปหาสิ่งที่เรียกว่าโลกใหม่ นอกรั้ว พร้อมความหวังเต็มเปี่ยม

แต่พอออกมาข้างนอก ปรากฎว่า OMG สิ่งต่างๆกลายเป็นของไม่คุ้นเคย เช่น เครื่องบิน แบบไม่รู้จัก 

ทริซก็ค้นพบความจริงว่า จริงๆแล้วโลกที่เธออยู่เป็นโลกจำลอง ที่นักวิทยาศาสตร์สร้างขึ้น มีอีกหลายโลกจำลองแต่โลกของนางเอกแบบ work สุดคือมีระบบเผ่า มีพัฒนาการที่ดี และมี divergent (โลกจำลองของที่อื่นบางแห่งได้ล่มสลายไปแล้วด้วย)

ทั้งเล่ม ไม่ใช่หนัง Sci-Fi อีกต่อไป มันคือ Science Fiction ชัดๆ คืออ่านไปก็งงไป สุดท้ายกลุ่มคนที่เรียกว่า Divergent นี่ไม่ใช่คนพิเศษอะไรเลย มันแค่คนที่มียีนที่ดี หรือ Genetically Pure (GP) นักวิทยาศาสตร์สร้างโลกจำลองเพราะคนฆ่ากันตายเยอะ เรียกง่ายๆว่าโลกมีแต่คนชั่ว ว่างั้น หรือที่เรียกคนกลุ่มนี้ว่า Geneticaly Damaged (GD) เค้าเลยอยากจะพัฒนาคนที่มี GP มากๆเพื่อสังคมที่น่าอยู่

แต่เราว่ามันก็ขำดีตรงที่ตัดสินคนแค่ GP หรือ GD นะ

และที่ตลกก็คือโทไบอัส พระเอกสุดเท่ของเรื่องกลับค้นพบว่าตัวเองไม่ใช่ GPแต่เป็น GD (ไม่ใช่ Divergent แค่มีบางอย่างที่เหมือนกัน) ฮีก็จะหมกมุ่นแต่กับเรื่อง GD ของตัวเองว่าตัวเอง Damaged ขนาดไหน แม้นางเอกยืนยันแล้วว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องยีน แต่ก็ยังเป็นคนๆเดิม แต่ฮีก็ยังตอกย้ำตัวเอง และพยายามหาทางพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ Damaged คือเราเข้าใจนะว่าคนที่อีโก้สูงๆพอเจอความจริงจะรับไม่ค่อยได้แต่ฮีเป็นเอามากๆเลย แล้วเรื่องที่จมปลักกับอดีตอันแสนเลวร้ายอีก อ่านไปอ่านมารู้สึกจากที่ชอบพระเอกเมื่อเล่ม 1-2 นั้นค่อยๆหายไปทีละนิด แต่บุคลิกของทริซโดดเด่นมาก เรียกว่าตัดสินใจถูกเสมออ่ะ (พระเอกก็โยนไปว่าเป็นเพราะเรื่อง GP หรือ GDอีก) สุดท้ายพระเอกทำผิดพลาดเพราะไปเรื่องย้ำคิดย้ำทำนี่แหละ (ภาษาหมอเค้าเรียก Obsessive Compulsive) ทำให้ยูไรอาห์ เพื่อนรักของนางเอกตาย ทริซกับไทไบอัสก็ถึงจุดแตกหัก ต่อมาก็เป็นนางเอกเองที่ไปง้อพระเอก พระเอกเราทิฐิเยอะอ่ะ เรื่องนี้ตอนจบ จบเศร้ามากค่ะ แต่มันประทับใจเรามากเลย เพราะ Veronica ใช้คำที่กินใจมาก (ย้ำว่าต้องอ่านเป็นภาคภาษาอังกฤษนะคะ) เราไม่เคยอ่านนิยายเล่มไหนแล้วร้องไห้เลย แต่เรื่องนี้ทำให้เราร้องไห้ได้ ตอนสุดท้ายเป็นบทบรรยายความรู้สึกของโฟร์เมื่อสูญเสียทริซไปตลอดกาล  เราชอบมากโดยเฉพาะฉากที่พระเอก Face The fear ต่อความสูงโดยการไปโหนสลิง ทั้งๆที่กลัว แต่เมื่อนึกว่ามันเป็นสิ่งที่คนที่เรารักชอบทำ มันทำให้เค้ากล้ามากขึ้น

เล่ม 3 นี้ถึงแม้จะเครียด แต่เราประทับใจตอนจบมากค่ะ ถึงแม้ว่าเราไม่อยากให้นางเอกต้องตายก็เถอะ