เปลี่ยนความเชื่อ เพิ่มศักยภาพ
คุณชาย เจ้าของบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มแห่งหนึ่ง กำลังคิดจะโปรโมต คุณวิลาสินี หัวหน้างานฝ่ายการผลิตขึ้นมาเป็นผู้จัดการทั่วไป เพราะ คุณวิลาสินี เป็นคนเก่ง มีความตั้งใจทำงาน และสร้างผลงานออกมาได้ดีเป็นที่น่าพอใจในทุกๆครั้งที่ได้รับมอบหมายงาน
เมื่อคุณวิลาสินี ทราบข่าวว่าจะได้เลื่อนตำแหน่ง แม้ว่าเธอจะดีใจที่หัวหน้าของเธอเห็นศักยภาพในตัวเธอ แต่ก็มีความอึดอัดใจบางประการที่เกรงว่า การเลื่อนตำแหน่งครั้งนี้จะสร้างความเครียดและความกดดันให้เธอมากขึ้น เธอจึงได้เลือกที่จะปรึกษาคุณมณี ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่ทำงานโค้ชผู้บริหารระดับสูง
คุณวิลาสินี : พี่มณีค่ะ วิมีความกังวลใจเกี่ยวกับการเลื่อนตำแหน่งในครั้งนี้
คุณมณี : ทำไมหล่ะคะ การเลื่อนตำแหน่งเป็นสิ่งที่ดี และเป็นเครื่องชี้วัดความสำเร็จในหน้าที่การงานอย่างหนึ่งไม่ใช่หรือ
คุณวิลาสินี : มันก็ใช่ค่ะ แต่ทุกวันนี้ในตำแหน่งหัวหน้างานฝ่ายผลิตที่วิทำอยู่ หลายๆครั้ง วิ ก็รู้สึกว่าตัวเองกดดัน โดยเฉพาะเวลาที่มีใครในที่ทำงานทำให้ วิ รู้สึกว่า เขาไม่ happy กับผลงานของวิ แล้วถ้าวิต้องเลื่อนตำแหน่งไปอยู่ในระดับสูงกว่านี้ ก็ต้องมีคนมาคาดหวังกับวิแยะขึ้น วิกลัวว่าจะรับความกดดันไม่ไหว
คุณวิลาสินี มีสีหน้าที่แสดงความกังวลอย่างชัดเจน
คุณมณี : ใจเย็นๆนะคะ พี่ขอถามอะไรสักหน่อยนะคะ ปกติแล้ว พี่ได้ยินมาว่า ผลงานของวิ ก็ได้รับการยอมรับจากเจ้าของบริษัทเสมอๆไม่ใช่เหรอค่ะ
คุณวิลาสินี : ก็ใช่ค่ะ แต่วิทนไม่ได้ รู้สึก fail ทันที หากมีใครรู้สึกไม่ดี หรือ ไม่ happy กับงานที่วิทำ
คุณมณี เริ่มตระหนักได้ว่า คุณวิสาสินีเอง มีความเชื่อบางอย่างในใจที่ปิดกั้นศักยภาพของเธออยู่ จึงเลือกตัดสินใจที่จะใช้วิธีการโค้ชด้วยคำถามเพื่อปรับเปลี่ยนความเชื่อที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจ ซึ่งคุณมณีเองก็ทราบดีว่า ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะความเชื่อบางอย่างอาจจะถูกหล่อหลอมมาเป็นระยะเวลาหลายสิบปี
คุณมณี : น้องวิ ค่ะ น้องวิ เข้ามาปรึกษาพี่ เพราะอยากให้พี่ช่วยโค้ชด้วยคำถามเพื่อช่วยน้องวิ หาคำตอบกับความรู้สึกกับความเชื่อนี้ ใช่หรือเปล่าจ้ะ
คุณวิลาสินี : (ยิ้มกว้าง เธอรู้สึกปิติยินดีที่คุณมณีเข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังต้องการสื่อสาร และร้องขอ) ใช่ค่ะพี่ วิ คิดว่า.... วิต้องติดกับดักอะไรสักอย่างที่ทำให้วิมีความคิดแบบนี้ ทั้งๆที่ก็รู้ว่า มันไม่ดี และอยากเปลี่ยนแปลงมัน เลยอยากขอคำปรึกษาให้พี่มณีช่วยโค้ชให้
คุณมณี : (ยิ้มตอบรับกลับ) ยินดีค่ะ แต่การโค้ชครั้งนี้อาจจะไม่ง่ายนัก เนื่องจากสิ่งที่วิกำลังเผชิญอยู่เป็นความเชื่อที่อาจจะหล่อหลอมน้องวิมาหลายสิบปี น้องวิต้องเปิดใจ ยอมรับว่าความเชื่อเดิมๆของน้องวิเป็นความเชื่อที่ไม่สมเหตุสมผล และพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่นำไปสู่ความเชื่อใหม่นะคะ
คุณวิลาสินี : ยินดีมากๆค่ะ แล้ว วิจะต้องทำยังไงให้ ความเชื่อที่ว่า อยากให้ทุกๆคน happy กับเรา หายไปค่ะ วิจะได้หายอึดอัดซะที เวลาเจอใครมาต่อว่าวิ ทั้งๆที่ผลงานของวิ ก็ไม่ได้มีอะไรผิดพลาด
คุณมณี : น้องวิ รู้ว่า ความเชื่อนี้เป็นความเชื่อที่ไม่ดี แต่ยังคงเชื่อมาตลอด ก็อาจจะเกิดจากประสบการณ์บางอย่างในวัยเด็กก็เป็นไปได้นะคะ แต่เราจะไม่พูดถึงเรื่องในอดีตกันเพราะไม่มีประโยชน์อะไรกับการเปลี่ยนแปลงมากนัก เรามาเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นที่เป็นข้อเท็จจริงกันดีกว่า ... น้องวิ คิดว่า เป็นไปได้ไหมคะ ที่ทุกๆคนจะ happy กับเราได้ตลอดเวลา
คุณวิลาสินี : อืมมมม จริงๆ ก็เป็นไปไม่ได้เลยค่ะ แม้กระทั่งตัววิเอง หลายๆครั้ง วิก็ไม่ happy กับงานของเพื่อนร่วมงาน ทั้งๆที่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิด
คุณมณี : น้องวิว่าเป็นเพราะอะไรค่ะ คนบางคนถึงไม่ happy กับเรา
คุณวิลาสินี : ...... วิ คิดว่า เพราะคนแต่ละคนมีทัศนคติความชอบ และมุมมองที่แตกต่างกัน ระดับความรู้สึกชอบไม่ชอบก็แตกต่างกันค่ะ ... จริงด้วย แล้ว วิจะคาดหวังให้คนอื่นๆมา happy กับสิ่งที่วิทำได้ยังไง
คุณมณี : (ยิ้มตอบกลับ เพื่อแสดงความชื่นชมในสิ่งที่คุณวิ เริ่มคิดบางอย่างออก) พี่คิดว่า ตอนนี้ วิ น่าจะเริ่มรู้และเข้าใจแล้ว ว่าความเชื่อที่วิมีอยู่ เป็นความเชื่อที่ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย และเป็นเครื่องขัดขวางทำให้วิใช้ศักยภาพของตัวเองได้ไม่เต็มที่ เพราะต้องมากังวลกับความเชื่อที่ผิดๆ ... ตอนนี้ เพื่อช่วยกันลบล้างความเชื่อเดิม วิจะสร้างความเชื่อใหม่อะไรขึ้นมาทดแทน
คุณวิลาสินี : ความเชื่อใหม่ที่วิอยากได้ คือ เรามีความสุขได้ แม้ว่าทุกคนไม่ได้ Happy กับเรา
คุณมณี : ดีมากๆเลยค่ะ จุดเริ่มต้นที่ดีของการเปลี่ยนแปลงความเชื่อ คือ วิ ต้องยอมรับว่า ความเชื่อเดิมเป็นความเชื่อที่ผิด และสร้างความเชื่อใหม่ขึ้นมาทดแทน ทีนี้ เราต้องช่วยกันนึกแล้วหล่ะคะ ว่าวิจะฝึกฝนตนเองยังไงให้ความเชื่อใหม่นี้ถูกสร้างขึ้นมาได้จริงๆ เชื่อไหมจ้ะ บางครั้งการที่เราพูดกับตัวเองบ่อยๆ ว่าเราเชื่ออะไร มันจะทำให้เราเชื่อแบบนั้นจริงๆ
คุณวิลาสินี : เหรอค่ะ งั้นวิจะพูดกับตัวเองบ่อยๆ ว่า เรามีความสุขได้ แม้ว่าทุกคนไม่ได้ Happy กับเรา
คุณมณี : ดีค่ะ แล้ว วิคิดว่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้อีกไหมค่ะ
คุณวิลาสินี : วิจะชื่นชมและภูมิใจงานของตัวเอง สร้างความสุขให้กับตัวเอง โดยไม่ได้เอาความคิดของคนอื่นมาชี้วัดเรา
คุณมณี : ดีมากค่ะ แล้วถ้าหากเกิดเหตุการณ์ที่มีคนไม่ happy กับงานของวิ อีกหล่ะคะ
คุณวิลาสินี : วิก็จะยอมรับความจริง ว่าเป็นเรื่องปกติที่เราไม่สามารถบังคับให้ใครมารู้สึกดีกับเราได้ตลอดเวลาหรอกค่ะ
คุณมณี : ดีมากๆค่ะ แล้ว น้องวิ คิดว่าจะทำยังไงให้น้องวิ ตระหนัก สังเกต จดจำความเชื่อใหม่ๆนี้ได้ และรู้ว่าความเชื่อเดิมเป็นสิ่งที่ผิดค่ะ
คุณวิลาสินี : ปกติวิเป็นคนชอบแปะโน้ตข้อความโดนใจไว้ในที่ต่างๆของบ้าน วิจะกลับไปพิมพ์โน้ตความเชื่อใหม่ และแนวทางที่สร้างความเชื่อใหม่ แปะไว้ให้เห็นทุกวันค่ะ
คุณมณี : เยี่ยมเลยจ้า แล้ว ยังมีอะไรที่วิคิดว่าจะช่วยให้วิลบล้างความเชื่อเดิมๆ อีกไหมค่ะ
คุณวิลาสินี : วิจะบันทึกการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง สังเกตว่า เรายอมรับความจริงว่า เป็นไปไม่ได้ที่ทุกๆคนจะ happy กับเราค่ะ
คุณมณี : ดีใจด้วยนะคะ ในที่สุดน้องวิก็สามารถหาคำตอบได้ด้วยตัวเอง พี่ขอให้น้องวิฝึกฝน จริงจังกับการเปลี่ยนแปลงความเชื่อนี้ นะคะ ขอให้น้องวิประสบความสำเร็จกับตำแหน่งหน้าที่การงานในระดับที่สูงขึ้นค่ะ
ณ วันนี้ แม้ว่าคุณวิลาสินี อาจจะยังเปลี่ยนความเชื่อไม่ได้ในทันที แต่การโค้ชครั้งนี้ก็ทำให้เธอทราบแนวทางการแก้ไขปัญหาซึ่งเป็นทางเลือกที่เธอได้เลือกขึ้นเอง
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [