จากหนองคาย ไปวังเวียง





สวัสดีค่ะ

วันนี้มาเล่าเรื่องการไปเที่ยวหลวงพระบางด้วยภาพค่ะ

ป้าแอ๊ดไปทัวร์หลวงพระบางครั้งนี้ โดยการซื้อทัวร์
ไปกับเพื่อนร่วมคณะรวมทั้งหมด 9 คน ผู้หญิง 7 คน ผู้ชาย 2 คน
และมีคนขับรถตู้(ช) 1 คน ไกด์ไทย(ญ) 1 คน ไกด์ลาว(ญ) 1 คนค่ะ

คณะของเราไปตั้งต้นที่จังหวัดหนองคาย โดยเดินทางไปกับรถไฟขบวนกรุงเทพ-หนองคาย
ออกจาก กรุงเทพ 20.00 น. ถึงหนองคาย 08.25 น.
แต่รถไฟช้าประมาณ ชั่วโมงกว่า โปรแกรมที่เราจะได้เที่ยวเวียงจันทน์ต้องยกเลิกไปบางรายการ





รถไฟขบวนที่เราใช้เป็นที่นอนไปทั้งคืน จาก กรุงเทพฯ ถึง หนองคาย




รถไฟถึงสถานีอุดรธานี ประมาณ 08.00 น.เศษ




รถไฟถึงสถานีหนองคายแล้ว คณะเราก็ขนของลงจากรถไปยังรถตู้ที่มารออยู่ตามเวลา




ป้ายสถานีหนองคาย สวยงามมาก เพิ่งทำใหม่เมื่อครั้งที่องค์พระเทพฯ เสด็จมาเปิดเส้นทางเดินรถไฟ
จากหนองคาย ไปสถานีท่านาแล้งในลาว เมื่อเดือนมีนาคมนี้เอง





ไกด์เดินทางมาพร้อมเราจากกรุงเทพฯ ช่วยกันยกกระเป๋าเข้าเก็บท้ายรถตู้




กองทัพ ต้องเดินด้วยท้อง ดังนั้นไกด์ไทยก็พาคณะของเราไปรับประทานอาหารเช้าก่อนเดินทางต่อ
เป็นอาหารเช้าที่ขึ้นชื่อของทางหนองคาย คือ ไข่กะทะกับขนมปังและกาแฟหรือน้ำส้ม





ทั้งๆ ที่ดื่มกาแฟมาบ้างแล้วจากบนรถ แต่เราก็เติมอาหารเข้าท้องอย่างเต็มใจกันทุกคนค่ะ




แวะไปนมัสการหลวงพ่อพระใส ที่วัดโพธิ์ชัย เพื่อความเป็นสิริมงคล ให้เดินทางกันโดยปลอดภัย




รถตู้พาคณะเราไปทำพิธีการศุลกากร ผ่านด่านจากไทยไปลาว




รถวิ่งข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว จะเห็นทางรถไฟอยู่กลางถนนพอดี เวลารถไฟผ่าน จะไม่ให้รถยนต์วิ่ง




ข้ามแม่น้ำโขงจากฝั่งไทย เข้าสู่ฝั่งลาวแล้วค่ะ




ป้ายข้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว




ป้ายต้อนรับของประเทศลาว ลองอ่านภาษาลาวกันเลยค่ะ เขาเขียนว่าอะไรเอ่ย




ป้ายข้างทางอีกเหมือนกัน หัดอ่านภาษาลาวไปก่อนนะคะ




ป้ายนี้อยู่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองของลาวค่ะ





กว่าเราจะผ่านด่านนี้ไป นานมาก เพราะเป็นวันเสาร์ นักท่องเที่ยวในวันนี้มากเป็นพิเศษ
แต่ถ้าลอดป้ายอันนี้ไป ก็แสดงว่าเข้าไปในประเทศลาวเต็มตัวแล้ว
ตัวข้างหลังนั่นอ่านว่าอะไรคะ งงจริงๆ





เราเปลี่ยนรถอีกครั้งที่นี่ พร้อมไกด์ลาวที่มารอต้อนรับตั้งแต่มืด
กว่าเราจะเสร็จสิ้นพิธีการ เที่ยงอีกแล้วค่ะ ท่านผู้ชม
ไกด์ที่ดีจึงกวาดต้อนพวกเราเข้าร้านอาหารอีกครั้ง
ทั้งที่อาหารเช้าที่รับประทานเมื่อกี้นี้ยังย่อยไม่หมดเลย





เข้าห้องน้ำ ฉิ้งฉ่อง ล้างมือให้สะอาดมานั่งที่โต๊ะอาหาร
เริ่มเสริฟด้วย กระดูกหมูน้ำแดง





ตามด้วยขาหมู ไข่พะโล้ แนมด้วยผักกรอบๆ




ต้มยำปลา ไม่ทราบเหมือนกันว่าปลาอะไร แต่ไม่ใช่ปลากะพงแน่นอน




ผัดผักค่ะ อร่อยมาก ผักของเขาสดและกรอบ หวานอย่างบอกไม่ถูก




ตามด้วยผักสดอีก 1 จานใหญ่ ทานกับส้มตำกะปิ(เพราะพวกเราบางคนไม่ทานปลาร้า) และลาบ




นี่ค่ะ หน้าตาของส้มตำกะปิ รสชาดเป็นอย่างไรไม่ทราบนะคะ ไม่กล้าลองค่ะกลัวจู๊ดๆ




มีลาบหมูอีก 1 อย่างค่ะ อาหารอย่างนี้ รับประทานกันอิ่มแปร้ไปเลย




ทานของคาวเสร็จแล้ว ตามด้วยผลไม้ แก้วมังกรกับแคนตาลูปค่ะ
หึ หึ แทบจะกลายเป็นทัวร์อาหารไปแล้วค่ะ เขาเลี้ยงดีจริงๆ ค่ะ น่ามาอีก





เมื่ออิ่มหนำสำราญแล้ว เริ่มไปเที่ยวต่อในเวียงจันทน์
ประตูชัยนี่ป้าแอ๊ดไม่ได้ลงไปถ่ายภาพค่ะ เพราะมาเวียงจันทน์ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 แล้ว





เลยไปวัดพระธาตุหลวงค่ะ ให้สมาชิกลงไปนมัสการพระบรมธาตุ
ส่วนป้าแอ๊ด ตรงไปซื้ออะไรทราบไหมคะ





มักกะลีผลค่ะ มีใครรู้จักบ้างไหม เป็นผลไม้ มีขั้วที่หัวด้วย มีทั้งเพศชายและเพศหญิง




นี่เป็นด้านหลังค่ะ จริงๆ ไม่ทราบว่ามีเพศชายด้วยนะคะ เพราะที่อ่านในตำนานไม่มี
พบของจริงเข้าอึ้งเลยค่ะ





แม่ค้าเขาใช้หนังยางรัดไว้เป็นคู่ๆ อย่างนี้ค่ะ เมื่อครั้งที่มาคราวก่อนไม่ได้ซื้อมาค่ะ
คราวนี้รีบเข้าไปถามหาก่อนเลย มีขายอยู่ 1-2 เจ้าเท่านั้น





โคสอัพใบหน้าให้เห็นชัดๆ นะคะ ผู้หญิงค่ะมีหน้าอก




อันนี้หน้าผู้ชาย เป็นของที่แห้งแล้ว แต่มีน้ำหนักนิดหน่อย
ไกด์ลาวบอกว่า เขาซื้อไปเป็นของมงคลในบ้านกันค่ะ





และของอีก 1 อย่างที่ไปหาซื้อคือ จิ้งจกสองหางค่ะ มีขายอยู่เจ้าเดียว




ตรงหางเป็นอย่างนี้แหละค่ะ เขาใช้สก็อตเทปติดไว้กับกระดาษ
ไม่กล้าแกะค่ะ กลัวจะหลุด ยายคนขายบอกว่าหลานไปหามาจากในป่า

ใครอยากพิสูจน์ความจริง บอกนะคะ จะนำมาให้พิสูจน์ค่ะ




ถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก 1 ภาพ เพราะมีภาพที่นี่หลายภาพแล้วค่ะ




เริ่มเดินทางออกจากเวียงจันทน์แล้วค่ะ บรรยากาศดูสงบ สบายๆ จริงๆ เหมือนชนบทบ้านเรา




ทางเริ่มคดเคี้ยวนิดหน่อย ยังไม่ถึงกับเวียนหัว




บางครั้งพบสะพานแคบ ต้องผลัดกันขับผ่านสะพาน เป็นวัฒนธรรมที่ดีของคนลาวค่ะ




ร้านค้าของเขาอยู่ติดถนนเลยค่ะ เห็นแล้วคิดถึงชนบทบ้านเรา




แล้วเราก็มาถึงหมู่บ้านนี้ พักรถและฉิ้งฉ่องกันที่ร้านนี้




หมู่บ้านนี้มีอาชีพขายปลาค่ะ สองข้างทางมีปลาสดและปลาแห้งขายเต็มไปหมด




ปลาตากแห้ง ส่งกลิ่นคาวไปทั้งถนนและหมู่บ้านค่ะ





มีสาระพัดปลาจริงๆ ค่ะ ปลาร้า ปลาส้ม ปลาเจ่า ปลาจ่อม มีทุกอย่าง





หนังปลาตากแห้งแล้วม้วน นำไปทำอะไรทานได้บ้างก็ไม่รู้




เด็กคนนี้เพิ่งนำปลามาวางขาย ใส่กระสอบพลาสติคมา




จับปลาออกมาใส่กะละมังสองใบ ตัวใหญ่เชียว




เขาเรียกว่าปลาอะไรคะ มีเกล็ดเล็กๆ ด้วยค่ะ สดจัง น่านำไปชุบแป้งทอด




ถามเขาว่าไปจับปลาที่ไหนมา เขาบอกว่าที่แม่น้ำหลังร้านที่เราไปฉิ้งฉ่องนั่นแหละ
เราก็เลยเข้าไปหลังร้าน แล้วชะโงกหน้าต่างออกไปดู





ทิวทัศน์สวยมาก แสงอาทิตย์ตกกระทบกับพื้นน้ำ สะท้อนขึ้นมา




ถ้าไม่มีกลิ่นคาวปลาคลุ้งไปทั้งหมู่บ้าน ก็น่าจะอยู่เดินเล่นนะ




เราเดินทางกันต่อไป อากาศเริ่มเย็นลง




หมอกเริ่มทอดตัวลงมาด้านล่าง




พระอาทิตย์กำลังลาลับไป




แล้วเราก็มาถึง วังเวียง กุ้ยหลินของเมืองลาวในยามค่ำคืน




คณะของเราเข้าพักที่โรงแรมภูอ่างคำ และรับประทานอาหารเย็นกันที่นี่
ในครั้งแรกไกด์ลาวจะพาไปรับประทานอาหารพื้นเมือง
แต่บางคนในคณะทานอาหารยาก เราก็เลยทานอาหารธรรมดา





ไข่เจียวยัดใส้มะระ(ฟักแม้ว) อาหารยอดนิยม




ผัก + น้ำพริก น่ารับประทานที่สุด




ปลานึ่ง เกือบหมดตัวแล้ว ถ่ายรูปไม่ทัน มัวแต่แย่งกันตักอาหารค่ะ




ต้มยำปลารสเลิศ อร่อยที่สุด คิดว่าเพราะความหิว หรืออาหารอร่อยจริงๆ นะ อิ อิ




ด้วยความหิว ที่โดนรถเขย่ามาครึ่งวัน พวกเราเจริญอาหารกันมาก




หลักฐานค่ะ อายจัง แทบไม่มีอะไรเหลือเลย




จากนั้นไปเดินย่อยอาหารกันค่ะ ความที่วังเวียงเล็กมาก และช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี
วังเวียงเลยเหงา มีแต่ฝรั่งเดินไป เดินมาไม่กี่กลุ่ม ร้านอาหารก็หงอยๆ
ร้านนี้เป็นร้านตัดผมค่ะ แปลกตาดี โอเพ่นแอร์ดีแท้ๆ




ร้านเนตไม่มีใครเข้าเลยค่ะ สงสัยว่ายังทานข้าวกันและเข้าบาร์ที่มีอยู่ 1-2 แห่งอยู่มั๊ง

คณะเราก็เลยรวมหัวกันเดินกลับที่พัก กลับมาอาบน้ำนอนเพื่อเดินทางต่อไปยังหลวงพระบางในวันพรุ่งนี้ค่ะ


ติดตามชมบล็อกหน้านะคะ วันนี้เหนื่อยจังค่ะ ไปนอนละ







โพสครั้งแรก 13 พฤศจิกายน 2552 1:45:38 น.






Create Date : 10 มิถุนายน 2555
Last Update : 10 มิถุนายน 2555 17:17:52 น.
Counter : 8398 Pageviews.

0 comments
The Proud Exclusive Hotel นครปฐม ที่พักทันสมัยใจกลางเมือง แมวเซาผู้น่าสงสาร
(17 เม.ย. 2567 09:22:45 น.)
กงสุลใหญ่สมใจ ตะเภาพงษ์“ร่วมฉลองสงกรานต์ปีใหม่ไทยในไทม์สแควร์” newyorknurse
(17 เม.ย. 2567 02:18:24 น.)
春和歌山市 : ทำไมต้องวากะยามะ mariabamboo
(15 เม.ย. 2567 11:06:33 น.)
ร้อนนี้ชวนเที่ยว ออบขาน เชียงใหม่ สมาชิกหมายเลข 4313444
(11 เม.ย. 2567 08:07:33 น.)
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Addsiripun.BlogGang.com

addsiripun
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 78 คน [?]

บทความทั้งหมด