Group Blog
 
<<
มกราคม 2549
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
20 มกราคม 2549
 
All Blogs
 

หมอแผนไทยยืนยัน ดื่มฉี่วันละนิดสุขภาพดี

หมอแผนไทยยืนยันน้ำปัสสาวะรักษาสารพัดโรค เผยอเมริกันหัวใสสกัดน้ำปัสสาวะรักษาอัมพาตขายทั่วโลก สร้างรายได้ 500 ล้านดอลลาร์ต่อปี


ด้านหนุ่มปักษ์ใต้คุยกรึ๊บฉี่มา 2 ปี จากที่เคยหัวล้าน ผมกลับดกดำ แถมหายปวดหลังชะงัด ดึงลูกเมียร่วมวงแข็งแรงถ้วนหน้า ชี้รสชาติปัสสาวะบ่งบอกถึงอาหารที่กิน ระบุถ้าเค็มดื่มน้ำน้อย ขมกินสารพิษ เปรี้ยวกินสารกันบูด เป็นการรรีเช็กไปในตัว


เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก มีการประชุมวิชาการเรื่อง "น้ำปัสสาวะรักษาโรคได้จริงหรือ" โดยมีวิทยากรผู้เข้าร่วมการประชุมคือพระครูดุษฎีจากสำนักสงฆ์วัดทุ่งไผ่ จ.ชุมพร และ น.พ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ทางเลือก


น.พ.บรรจบ กล่าวว่า คนทั่วไปคิดว่าน้ำปัสสาวะเป็นที่น่ารังเกียจ แต่ความจริงสามารถนำไปบำบัดโรคหลายชนิดได้ ซึ่งเรื่องนี้ได้เขียนไว้ในตำราแพทย์แผนจีนว่า การดื่มน้ำปัสสาวะเด็กผู้ชายที่ร่างกายแข็งแรงจะช่วยให้คนที่มีอาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรง มีแรงขึ้นมาได้


ในน้ำปัสสาวะประกอบด้วยน้ำ 95% ยูเรีย 2.5% และสารอื่นๆ อีก 2.5% ถ้าหากถามว่าการที่มีสารต่างๆ เพียงเท่านี้ จะรักษาโรคได้อย่างไร ต้องเรียนว่าการดื่มน้ำปัสสาวะรักษาโรคจะใช้หลักพิษล้างพิษ เช่นเดียวกับการฉีดเซรุ่ม ซึ่งโรคที่ทำการรักษามีตั้งแต่อาการปวดเรื้อรัง ได้แก่ ปวดหลัง ปวดข้อ ไมเกรน ปวดเมื่อยไม่มีสาเหตุ


โรคที่เกี่ยวกับภูมิต้านทาน เช่น โรคภูมิแพ้ ผื่นคัน สะเก็ดเงิน รูมาตอยด์ SLE ประเภทแผลต่างๆ เช่น แผลเบาหวาน แผลไฟไหม้ ส่วนโรคในระบบร่างกายคือ เบาหวาน มะเร็งลำไส้ ตกขาวจากเชื้อรา กลิ่นปาก กลิ่นตัว รวมทั้งยังดูแลผิวพรรณและเส้นผม โดยการรับประทานมีหลายวิธี เช่น นำปัสสาวะ 1 หยด ใส่ลงในน้ำ 1 ช้อนชา เขย่าประมาณ 50 ครั้ง หรือในวันแรกจะหยดปัสสาวะ 1-5 หยดในปาก วันต่อมาอาจจะหยด 6-10 หยด และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าเคยชิน


น.พ.บรรจบกล่าวต่อว่า สารยูเรียในปัสสาวะเปรียบเสมือนมอยส์เจอไรเซอร์ หรือสารทำความชื้นในเครื่องสำอาง ซึ่งเครื่องสำอางที่มีราคาสูงจะใส่ยูเรียเข้าไป แต่ถ้าราคาถูกจะใส่สารพาราฟิน นอกจากนี้ในปัสสาวะยังมีสารยูโรคีเนส ซึ่งทางการแพทย์จะฉีดให้ผู้ป่วยที่เป็นอัมพาตเพื่อละลายลิ่มเลือด และรักษาเส้นเลือดอุดตัน ซึ่งมีบริษัทในประเทศสหรัฐได้นำเครื่องกรองปัสสาวะเพื่อกรองเอาสารตัวนี้ออกมาใช้ในวงการแพทย์ตั้งแต่ปี 1989 ดังนั้นหลังปีดังกล่าวที่รอดมาได้ก็ให้เข้าใจได้เลยว่าถูกฉีดสารจากปัสสาวะของคนสหรัฐมาแล้ว


น.พ.บรรจบ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าจะให้คนไทยทุกคนลุกขึ้นมาดื่มน้ำปัสสาวะกันหมด ถ้ามีร่างกายปกติก็ไม่จำเป็น เพียงแต่ถ้าหมดหนทางในการรักษาก็สามารถทดลองได้ และที่ผ่านมาก็ไม่เคยปรากฏผลข้างเคียง แต่สำหรับคนที่เป็นโรคหนองในก็น่าจะรู้ว่าไม่ควร


ส่วนกรณีผู้ป่วยที่รับประทานยาและใช้เคมีบำบัด ตนคิดว่าน่าจะรับประทานได้ไม่เสียหายอะไร เพราะรับประทานเพียง 50-100 ซีซี ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนปัสสาวะในแต่ละวันประมาณ 3 ลิตร ส่วนกลุ่มประเทศที่นิยมดื่มคือประเทศแถบตะวันออก เช่น อินเดีย ที่ดื่มเป็นวัฒนธรรม ประเทศจีนก็มีดื่มจำนวนหลายล้านคน


ส่วนไทยน่าจะมีมากโดยเฉพาะผู้ปฏิบัติธรรม แต่ยังไม่มีการรวบรวมตัวเลขอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม คิดว่าประเทศไทยควรจะมีการวิจัยว่าเรื่องนี้มีผลเสียหรือไม่ ถ้าไม่มีผลเสียก็ควรจะวิจัยผลดี เพราะอย่างสหรัฐก็มีการสร้างมูลค่าของปัสสาวะปีละ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ


ด้านพระดุษฎี กล่าวว่า ในพระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ในนิสสัย 4 แนวปฏิบัติสำหรับการยังชีพของพระสงฆ์ว่า ต้องนุ่งห่มด้วยผ้า 3 ผืน นำมาจากผ้าห่อศพ ผ้าบังสุกุล ต้องหาอาหารที่อยู่โคนต้นไม้ ฉันอาหารที่ได้จากการบิณฑบาต และประการสุดท้ายคือ เมื่อเจ็บป่วยรักษาตนเองตามธรรมชาติ ฝึกสมาธิ ดื่มน้ำปัสสาวะ


ซึ่งบัญญัติไว้ในนิสสัย 4 กำหนดไว้ในพระไตรปิฎกว่า การดื่มน้ำปัสสาวะรักษาโรคจะช่วยให้คนคนนั้นระมัดระวังด้านการบริโภคอาหาร เพราะหากกินโปรตีน เนื้อสัตว์ ชา กาแฟ เบียร์ มีผลคือรสชาติ และตนเห็นว่าการดื่มน้ำปัสสาวะไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะไม่ต้องเปลืองค่าใช้จ่าย ดีกว่าซื้อสาหร่ายซึ่งมีราคาแพงอาจไม่ได้ผลก็ได้ นอกจากนี้ บางคนไม่ดื่มแต่อมบ้วนปากยังทำให้เหงือกและฟันทนทาน ซึ่งหลายคนทำมานับสิบปีแล้ว


ด้าน นายไพฑูรย์ เจียรณาสาธิต อายุ 36 ปี ชาวสวนปาล์ม กล่าวว่า ตนดื่มน้ำปัสสาวะมา 2 ปีแล้ว วันแรกที่ลองรู้สึกว่ารสชาติแย่มาก แต่พอดื่มทุกวันก็สามารถปรุงแต่งกลิ่น คือจะไม่รับประทานอาหารตอนเย็น แต่จะดื่มน้ำมากๆ แทน ซึ่งรสชาติที่ได้จะจืดเหมือนน้ำชา ไม่หอม ซึ่งตนคิดว่าทำอย่างไรจะให้ปัสสาวะหอมเหมือนฉี่เด็ก ก็ไปดูพฤติกรรมของเด็กซึ่งดื่มนม ดังนั้น การดื่มนมจะทำให้ปัสสาวะหอมเหมือนปัสสาวะเด็ก


"รสชาติของปัสสาวะจะบ่งบอกอาหารที่รับประทานเข้าไป ถ้ามีรสชาติเค็มแสดงว่าเราดื่มน้ำน้อย ถ้ามีรสขมแสดงว่ารับประทานสารพิษเข้าไปมาก และถ้ามีรสขมอมเปรี้ยวแสดงว่าร่างกายรับสารกันบูดเข้าไป แรงจูงใจที่ทำให้ผมดื่มปัสสาวะเพราะภูมิอากาศของภาคใต้จะทำให้เป็นหวัดและภูมิแพ้บ่อย หลังจากดื่มแล้วผมไม่ต้องกินยาแก้ไข้อีก แต่ผมจะไม่ดื่มตอนเย็น และจะดื่มตอนเช้าครั้งเดียว ถ้าช่วงไหนเจ็บคอจะดื่มตอนเย็นด้วย และนอกจากจะมีสรรพคุณดังกล่าวแล้ว การดื่มปัสสาวะยังทำให้ผมหายปวดหลัง และทำให้ผมบนศีรษะดกดำขึ้นมาอีกด้วย"


นายไพฑูรย์ยังกล่าวอีกว่า นอกจากตนจะดื่มแล้ว ภรรยาและลูกสาววัย 7 ขวบ ก็หันมาดื่มด้วยเช่นกัน และการที่ลูกสาวหันมาดื่มเพราะตนให้เลือกว่าเวลาไม่สบายจะยอมถูกฉีดยา หรือจะดื่มน้ำปัสสาวะป้องกัน 2 ปีที่ผ่านมาลูกไม่เคยเป็นหวัดเลย นอกจากนี้ มารดาของตนเป็นหวัดเรื้อรังมา 20 ปี ฉีดยามาตลอดไม่หาย ตนแนะนำให้ดื่มตอนนี้อาการดีขึ้นแล้ว.




ข้อมูลจาก


หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์



ฟังหูไว้หูนะครับ หรือเพิ่งเชื่อหรือไม่เชื่อ......




 

Create Date : 20 มกราคม 2549
18 comments
Last Update : 20 มกราคม 2549 14:47:28 น.
Counter : 3531 Pageviews.

 

ต้องทำใจหน้าดูครับ ถ้าจะให้ซดฉี่ตัวเองนี่ ..

 

โดย: merf1970 20 มกราคม 2549 15:58:37 น.  

 

ไม่ไหวค่ะ แค่คิดก็อึ๋ย!!!!!!!!!

 

โดย: Arabianangel 20 มกราคม 2549 16:55:04 น.  

 

ขอบายฮ่ะ

 

โดย: ไ่่ก่ย่างคุกกี้กรอบหมีชอบหมด IP: 203.148.162.136 20 มกราคม 2549 17:20:11 น.  

 

อ่า...มันจะหรือค๊ะ..

 

โดย: ดอกพิกุลจะร่วง 20 มกราคม 2549 17:23:09 น.  

 

เพื่อนเราดื่มฉี่ทุกเช้า มันบอกช่วยลดความอ้วน!!!

 

โดย: Thebrightestsunisthepurestgun 20 มกราคม 2549 21:45:47 น.  

 

อืมม คงไม่ไหวค่ะ

 

โดย: เสือจ้ะ (เสือจ้ะ ) 12 กุมภาพันธ์ 2549 20:31:38 น.  

 

กินน้ำกระเจี๊ยบทุกวันหน้าใสนะ

 

โดย: ปาน IP: 203.113.80.13 23 เมษายน 2549 17:51:09 น.  

 

ไม่เอาด้วยคน

 

โดย: 20 IP: 203.172.59.201 10 กรกฎาคม 2549 9:09:47 น.  

 


บ้าบะ

 

โดย: ป.อ IP: 124.121.105.42 29 กรกฎาคม 2549 22:08:18 น.  

 

 

โดย: บอส IP: 222.123.88.21 19 มิถุนายน 2550 10:09:30 น.  

 

 

โดย: บอส IP: 222.123.88.21 19 มิถุนายน 2550 10:09:57 น.  

 

มันมากเกินไป

 

โดย: ตุ๊กตา IP: 203.153.172.235 24 มิถุนายน 2550 19:14:19 น.  

 

ต้องดื่มเป็นประจำ แรกๆก็ฝืนๆหน่อยครับ

 

โดย: เเจ๊ค IP: 124.120.54.231 31 สิงหาคม 2550 15:55:31 น.  

 

เชื่อนะเพราะที่บ้านเวลาไม่สบายจริงๆก็ดื่มอยู่

 

โดย: รัตน์ IP: 124.120.238.118 22 กุมภาพันธ์ 2552 9:57:21 น.  

 

ไม่ไหวมั้ง ไม่เห็นมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญรับรองอย่างเป็นทางการ และสากลทั่วโลกเลย เป็นความเชื่อส่วนบุคคลมากกว่า เท่าที่ทราบเวลาร่างกายเราขับของเสียออก จะขับทางปัสสาวะ อุจจาระ เหงื่อ ขนาดเวลาเราเป็นไข้ หรือกินสิ่งเป็นพิษเข้าไปเขายังให้ดื่มน้ำมากๆ เพื่อจะขับออกมา ฉะนั้นของเสียต่างๆก็จะขับออกทางปัสสาวะ เราว่างั้นนะ

 

โดย: ไม่ละ IP: 58.9.229.203 22 กุมภาพันธ์ 2552 10:31:28 น.  

 

มารอแพทย์ผู้เชียวชาญวิจัย โรงงานผลิตยาก็รวยกันไปแล้วครับ

ความเป็นจิงทุกวันนี้แพทย์ทางเลือกทุกตัว มีการวิจัยทั้งหมดหรือไม่ คำตอบคือไม่เพราะผู้วิจัยเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่ แบบฝรั่ง

บางครั้งงานวิจัยก็ถูกเก็บเป็นวัตถุอันทรงคุณค่าอยู่ในหอสมุด บางผลงานก็นำออกเผยแพร่ ถึงเผยแพร่แล้วก็ไม่ได้รู้กันทุกคน ฉะนั้นแล้วถ้าคุณรอผลการวิจัยก็คงรุ่นลูกรุ่นหลานได้ใช้ก็แล้วกันน่ะคับ พอถึงตอนนั้นคุณไปอยู่ไหนแล้วก็ไม่รู้

ผมเห็นมาเยอะแล้วงานวิจัยหลายตัว อย่างสมุนไพรสถาบันต่างๆ วิจัยตัวยาและสรรพคุณกันหลักฐานก็มี แต่บางคนก็มาบอกว่าไม่มีผลการวิจัยยืนยัน นี่ก็แสดงว่า......

 

โดย: ไก่เมืองน่าน 18 กันยายน 2552 12:19:14 น.  

 

ฉี่ที่ว่านะต้องเป็นของใคร ถ้าเป็นของเราก้อแล้วไป เเต่ถ้า
เป็นของคนอื่น จะเป็นรู้สึกอย่างไรค่ะ

 

โดย: hill IP: 125.27.194.233 13 ตุลาคม 2552 8:02:06 น.  

 

ที่ไม่สบายจริงๆแล้วดื่มฉี่เนี่ย

ไม่เกี่ยวหรอกมั้ง คนที่ไม่สบายแล้วดื่มฉี

เขาคงไม่อยากดื่มฉี่เขาเลยรีบหายไวๆ

5 5 5 5 5 5 +

 

โดย: กล้วย IP: 117.47.114.243 13 พฤศจิกายน 2552 8:28:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


คนข้างบ้าน
Location :
บุรีรัมย์ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




คืนหนึ่งข้าฯยืนอยู่บนเขา
ใต้ร่มเงาวัดพุทธศาสนา
ภูสูงจนอาจเอื้อมดวงดารา
มาจากฟากฟ้าด้วยมือตน
ทว่า ข้าฯมิกล้าเปล่งสำเนียง
ท่ามกลางความวิเวกวังเวงหน
เกรงว่าจักกรายกายสกนธ์
ของทวยเทพวิมานบนหากจักมี.
Friends' blogs
[Add คนข้างบ้าน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.