ลงทุนไป เพราะใจสั่งมา

          มนุษย์เราทุกคน มีความเหมือนกันก็คือ ความโลภ และความกลัวครับ ต่างกันแค่ปริมาณแค่นั้นเอง

          ในโลกของการลงทุน เปรียบเหมือนเกมๆ หนึ่ง ที่แพ้ชนะกันด้วย “ความโลภและความกลัวของคนเรา” ครับ กล่าวคือ ใครโลภมาก ย่อมมีโอกาสเจ๊งง่าย และคนที่หวาดกลัว ตื่นตระหนกได้ง่าย ก็มีโอกาสขาดทุนได้ง่ายเช่นกัน

          ดูผิวเผิน อาจจะคิดว่า ความโลภกับความกลัว มันเข้ากลุ่มกันได้อย่างไร??

                มันเข้ากลุ่มกันได้จริงๆ ครับ แถมยังอยู่ด้วยกันได้อย่างสมดุลอีกต่างหาก

          ความพอดี หรือทางสายกลางเป็นสื่อให้ทั้งสองตัวนี้กลมเกลียวกันได้ วันใดก็ตามที่ไม่สมดุลกัน วันนั้นแหล่ะครับ จิตใจเราจะมีปฏิกิริยาตอบโต้อะไรซักอย่าง แต่ส่วนใหญ่จะออกมาในทางที่ไม่ค่อยดี

          หากมองดูในตลาดหุ้น ราคาของหุ้นทุกตัว ล้วนเกิดจากความรู้สึกของนักลงทุนทุกคนที่ทั้งกลัวเกินไป ทั้งโลภเกินไป ตลอดจนคนที่ควบคุมความรู้สึกทั้งสองไว้ได้ใกล้เคียงจุดสมดุล

          ฉะนั้น เราจึงเห็นคนที่ ….

K “ขายหมู”... ด้วยความหวาดกลัว หวาดระแวง กลัวจะขาดทุนเลยรีบทำกำไรก่อน

                L “ติดดอย”... ด้วยความโลภ อยากได้กำไรมากๆ หรือไม่ก็ “เห็นใครเฮไหน เราก็เฮนั่นไปกับเขาด้วย”

          “ขายหมู ยังดีกว่าติดดอย....”   เป็นคำพูดยอดฮิตของพวกที่รู้สึกปลอดภัยจากการขาดทุนไปแล้ว (แต่ได้คำนวณหรือยังว่าคุ้มกับค่า Commission / ค่าธรรมเนียมการซื้อและการขายรวมกัน / ค่าอื่นๆ อีกมากมายหรือไม่??)

          “ไม่ขาย ไม่ขาดทุน (เพราะติดดอยอยู่ หนาวมาก)... “ เป็นคำพูดยอดฮิตของชาวดอยทั้งหลายที่เอาไว้ปลอบใจพวกเดียวกันเอง

          แล้วเราจะรักษาสมดุลได้อย่างไรกันหละ??

          สติและระเบียบวินัย เป็นคำตอบสุดท้ายครับ

          สติมา ปัญญามี     ปัญญามี  ก็จะคิดจะทำอย่างมีระบบ มีระเบียบ มีวินัย

          การวางหลักการ วางระบบ วางแผน และทำตามสิ่งที่วางไว้อย่างเคร่งครัด แต่ก็ยืนหยุ่นได้ถ้าสถานการณ์โดยรวมเปลี่ยนไป จะเป็นวิธีรักษาความกลมเกลียวของทั้งความโลภและความกลัวได้ โดยไม่ให้ใครเด่นกว่าใคร ซึ่งผลพลอยได้ที่ตามมา คือ ขาดทุนน้อยลง จนทำกำไรได้มากขึ้น

            ทำไมคนเล่นหุ้น/กองทุน ส่วนใหญ่จะยังขาดทุนกันอยู่....?

          ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ขาดการวางแผน เลือกที่จะไปตายเอาดาบหน้า!!!

          ใครว่าการบ้านของเราจะหมดไปเมื่อเราเรียนจบ?? การบ้านของเรามีได้ตลอดเวลาครับ ใครทำการบ้านมาอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยก็เสมอตัว  โอกาสสอบตกมีน้อยกว่าคนที่ไม่เคยทำการบ้านมาเลย เอาแต่ลอกส่งไปวันๆ

          เช่นกันครับ คนที่ไม่ได้ทำการบ้านเรื่องแผนการลงทุน แล้วมาคอยขอกลยุทธของคนอื่นอยู่เนืองๆ ท่านไม่ได้ผิดครับ แต่ท่าน มีโอกาสขาดทุน (หรือเจ๊ง) สูงมากกกกก ครับ

                การเตรียมตัวที่ดีและยึดเอาไว้อย่างมีสติ มีระบบ ทำให้เรามีความคิดที่ปลอดโปร่ง มองเห็นโอกาส และไม่ตกเป็นทาสของจิตใจของเราเองครับ

                ทั้งหมดที่กล่าวคือ ก็คืออิทธิพลของจิตใจของเราที่มีผลโดยตรงต่อการลงทุนของเราเองครับ

Create Date : 25 กันยายน 2551		1 comments
Last Update : 28 กันยายน 2551 21:01:08 น.
Counter : 613 Pageviews.
Share Tweet