I'm just looking for the exit.....
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
 
24 กุมภาพันธ์ 2551
 
All Blogs
 
Hua Hin

ทริปนี้ 21-23 กุมภาพันธ์ เกิดขึ้นเนื่องจากสองสามีภรรยาเพื่อนรักจากเชียงใหม่เอ่ยปากชักชวนไป ที่จริงหัวหินเป็นอะไรที่ผ่านเข้าไปบ่อยๆ แวะเข้าไปหาอะไรอร่อยๆใส่ท้องเพราะเป็นทางผ่านเวลากลับบ้านนอก แต่ไม่เคยตั้งใจเที่ยวแบบเป็นการเป็นงานซะที โดยเพื่อนทั้งสองคนนั่งสมบัติทัวร์เชียงใหม่-หัวหินไปถึงตั้งแต่หกโมงเช้าแล้ว ส่วนข้าพเจ้าเก้าโมงเพิ่งจะสตาร์ท รถออกจากบ้านถึงหัวหินก็เที่ยงพอดี


เริ่มต้นด้วยวัดห้วยมงคลซึ่งเป็นวัดที่มีรูปปั้นองค์หลวงพ่อทวดองค์ใหญ่มากๆ ที่นีมีโรงทานด้วยนะคะ ทานเสร็จก่อนสะบัดก้นออกไปต้องล้างจานให้เรียบร้อยก่อน


ต่อด้วยสถานีรถไฟหัวหิน


แล้วก็ขึ้นเขาตะเกียบไปปิดทองพระพุทธบาทจำลอง


เจ้าแม่กวนอิมพันมือ

ตอนเย็นแขวนท้องไว้กับร้านอาหารชมทะเล..........อาหารสดมาก....บรรยากาศดี....สมราคา

คืนนี้เราสามคนพักกันที่บ้านกางมุ้งทางไปเขาตะเกียบ เพื่อนจองล่วงหน้าทางอินเตอร์เน็ตมา ห้องละ 1,300 บาท เห็นห้องแล้วสงสัยจริงๆ มิทราบได้ว่ามันแพงตรงไหน

จริงๆแล้วเพื่อนทั้งสองคงตั้งใจจะมาปฏิสนธิบุตรกัน แต่ดั้นบังเอิญมาชวนดิชั้น ซึ่งก็ดั้นจะไปแค่คนเดียว (แทนที่จะหาผู้ชายหนีบไปซักคนให้มันครบคู่) เพื่อนก็แสนดีกัดฟันบอกว่าไม่เป็นไร เมิงมานอนกับพวกกรูก็ได้

พอดีแม่บ้านเค้าลืมจัดเตียงเสริมให้ เราก็ไม่รู้ แต่หลังรถมีเสื่อ,หมอน,ผ้าห่มพร้อม ก็จัดการของเราเองเลย พอตอนเช้าเช็คเอ้าท์ เค้าเก็บ Extra bed เพิ่มอีก 500 บาท พวกเรามองหน้ากันแล้วบอกเค้าว่าไม่มีหรอกนะคะเตียงเสริมน่ะ บัตรอาหารเช้าก็ไม่มี เค้าก็ขอโทษเป็นการใหญ่ แล้วเช็คกับแม่บ้าน แม่บ้านก็ลืมจัดเตียงเสริมให้จริงๆ ก็เลยไม่คิด Extra bed 500 บาท โอโห....น้ำใจงามจริงๆ...เราล่ะแอบยิ้มอยู่ในใจ ประหยัดไปอีก 500.....5555 ไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะค้า


สภาพเตียงเสริมในห้องแสนหรู

อีกคืนเราเปลี่ยนมาพักกันที่ชมตะวันอ่าวตะเกียบ ห้องละ 1000 บาท เตียงเสริม300 บาท ที่นี่มีสระว่ายน้ำด้วย ตอนเช็คอินเราก็แอบงก ถามเค้าว่าเตียงเสริมมีอะไรให้บ้าง เค้าก็บอกว่ามีผ้าห่ม,หมอน,ผ้าเช็ดตัว เราถามว่าถ้าไม่เอาอะไรเลยลดอีกได้มั้ย เจ๊คนสวยเค้าก็แจกค้อนให้อันใหญ่เลย แหม...แค่อยากจะประหยัด สรุปว่ายังงัยก็ต้องเสีย 300 บาท

ตอนบ่ายไปพระราชนิเวศน์มฤคทายวรรณ เสียค่าเข้าชม 30 บาท ก่อนที่จะขึ้นไปบนพระที่นั่งใครใส่เสื้อแขนกุด กางเกงหรือกระโปรงสั้น เค้าจะมีผ้านุ่งกับผ้าคลุมไหล่ให้ยืมเพื่อความเรียบร้อยและเป็นการเคารพสถานที่นะคะ



ส่วนอิชั้นได้มาทั้งผ้านุ่งและผ้าคลุมไหล่ครบเซ็ต เกิดอาการปิ้งไอเดียขึ้นมา ไหนๆก็ไหนๆแล้ว วันนี้ขอแม่แปลงร่างเป็นนางเอกสี่แผ่นดินสักวันเหอะ อินตามสถานที่ นุ่งผ้าแล้วห่มสไบเฉียง ร่อนไปร่อนมาเป็นนางแบบอยู่ได้เพียงชั่วครู่เท่านั้นแหละ มีเสียงจากคนชุดดำนุ่งโจงกระเบนลอยมา "ขอโทษนะคะ ให้เอาผ้าคลุมไหล่ทั้งสองข้างนะคะ แล้วพี่ตากล้องถอดหมวกด้วยนะคะ" แป่ววววว ขอโทษจริงๆค่ะ มิได้ตั้งใจ.....แต่อย่างใด


ดูคล้ายนางตานีมากกว่านางเอกสี่แผ่นดินเนอะ

พระราชนิเวศน์มฤคทายวรรณ เป็นที่แปรพระราชฐานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ประกอบด้วยพระที่นั่งต่างๆซึ่งมีชื่อคล้องจองต่อๆกัน (จำไม่ได้หรอกนะ ยาวมาก) ซึ่งแต่ละพระที่นั่งนั้นจะมีทางเดินต่อถึงกันได้ตลอด มีทางเดินและศาลายื่นลงไปในทะเลเพื่อลงสรง ข้างในก็จะมีรูปเจ้านายต่างๆมาแสดงไว้


ทางเดินและศาลาลงสรง


ขออีกรูป



แต่เรามาสะดุดอยู่ที่รูปๆหนึ่ง คือรูปของของพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี จริงๆไม่รู้หรอกนะว่าคือใคร แต่เราเคยไปที่โรงพยาบาลปราจีนบุรี(เจ้าพระยาอภัยภูเบศร) ซึ่งก็มีรูปของพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีเหมือนกัน เลยลองค้นประวัติดู ได้ดังนี้

เมื่อปี 2467 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน จังหวัดเพชรบุรี ทรงแสดงละครที่ทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง"พระร่วง" โดยทรงแสดงเป็นนายมั่นปืนยาว และในคราวนั้น คุณเครือแก้ว อภัยวงศ์ พระธิดาของพระยาอภัยภูเบศร ได้ร่วมแสดงด้วยโดยรับบทเป็นสาวใช้ของนางจันทร์ ซึ่งต้องมีบทเจรจากับนายมั่นปืนยาวด้วย

ภายหลังการแสดงละครที่พระราชนิเวศน์มฤคทายวันแล้ว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปฏิพัทธ์ต้องพระราชอัธยาศัยในตัวคุณเครือแก้วเป็นอย่างยิ่ง จึงทรงมีพระเมตตาเป็นพิเศษ ต่อมาได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานนามใหม่ว่า"สุวัทนา" เมื่อเสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพฯแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้คุณสุวัทนา ไปพำนัก ณ วังปารุสกวัน ในบางโอกาสได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงรับคุณสุวัทนาไปรอแยลโฮเต็ลด้วย บางครั้งทรงรับไปร่วมโต๊ะเสวยพระกระยาหารว่างในช่วงบ่ายที่พระราชวังพญาไท หรือทรงพาไปร่วมโต๊ะเสวย ณ พระที่นั่งบรมพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง

จนในวันที่ 10 สิงหาคม 2467 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯสถาปนาคุณสุวัทนาขึ้นเป็น"เจ้าจอมสุวัทนา พระสนมเอก " หลังจากนั้นเจ้าจอมสุวัทนาก็มีโอกาสตามเสด็จฯพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่าง ๆ อยู่เนือง ๆ

ในเดือนเมษายน 2468 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรมที่พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน จังหวัดเพชรบุรี ในช่วงที่ว่างเว้นจากพระราชกรณียกิจต่าง ๆ จะทรงโปรดให้เจ้าจอมสุวัทนา ซึ่งกำลังตั้งพระครรภ์พระหน่อ มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ ศาลาลงสรงฝ่ายหน้า เพื่อที่จะมีพระราชกระแสกับพระราชกุมารในครรภ์ แล้วทรงคล้องพระกรเจ้าจอมสุวัทนามาร่วมโต๊ะเสวยพระกระยาหารค่ำแบบฝรั่ง ณ หอเสวยของหมู่พระที่นั่งสมุทรพิมาน เป็นประจำเกือบทุกคืน

ล่วงมาถึงเดือนตุลาคม 2468 เจ้าจอมสุวัทนาใกล้จะมีสูติกาลพระหน่อ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโสมนัสยิ่งนัก เพราะยังไม่มีมเหสีหรือพระสนมเอกองค์ใด ประสูติพระราชกุมารมาก่อน พระองค์จึงทรงพระราชนิพนธ์บทกล่อมพระหน่อกษัตริย์ เพื่อพระราชกุมารที่กำลังจะมีพระประสูติกาล ต่อมาจึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯสถาปนาเจ้าจอมสุวัทนาขึ้นเป็น"พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี"

เมื่อใกล้จะมีพระประสูติกาล ก็เกิดเรื่องเศร้าสลดขึ้นแก่พสกนิกรทั้งปวง เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เริ่มทรงประชวรด้วยโรคพระโลหิตเป็นพิษในพระอุทรตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2468 ครั้นถึงวันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน 2468 พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ก็ประสูติพระธิดา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท แต่ก็มีพระอาการเพียบหนักขึ้น ถึงแม้จะได้ทอดพระเนตรพระราชธิดาอย่างใกล้ชิด แต่พระองค์ก็ไม่สามารถมีพระราชดำรัสได้เสียแล้ว หากแต่ได้ทรงวางพระหัตถ์บนพระเศียรของพระราชกุมารี จากนั้นก็ทรงรู้สึกพระองค์น้อยลง ๆ จนกระทั่งสวรรคตลงในวันที่ 26 พฤศจิกายน ณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง

พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงมีโอกาสได้พบพระราชบิดาเพียงวันเดียวเท่านั้น

หลังจากที่รัชกาลที่ 6 เสด็จสิ้นพระชนม์แล้ว พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงขึ้นครองราชย์และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานพระนามแก่พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า "สมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี"

เมื่อสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ ทรงเจริญพระชนมายุขึ้น พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ทรงสังเกตว่าสมเด็จเจ้าฟ้าฯมีพระอนามัยไม่สมบูรณ์นัก จึงกราบบังคมทูลสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าว่าจะขอเชิญเสด็จสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตน์ราชสุดาฯ ไปประทับรักษาพระองค์ ณ ประเทศอังกฤษ และทรงศึกษาไปพร้อมๆ กันด้วย

ทั้ง 2 พระองค์ทรงประทับอยู่ที่อังกฤษนานถึง 22 ปี สมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตน์ราชสุดาฯทรงตรัสภาษาอังกฤษ และฝรั่งเศสได้คล่องแคล่ว และทรงมีพระอัจฉริยภาพทางดนตรีโดยทรงเปียโนได้เก่งขนาดที่ทรงได้ยินทำนองเพียงครั้งเดียวก็สามารถทรงตามได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน

พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ทรงเป็นผู้หญิงที่เก่ง ทันสมัยและมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ทรงหาพระราชทรัพย์ด้วยพระองค์เอง เนื่องจากต้องทรงใช้ชีวิตตามลำพังทั้ง 2 พระองค์ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจตกต่ำช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่พระองค์ก็ทรงรักษาพระเกียรติยศแห่งราชนารีในพระบรมราชวงศ์จักรีไว้อย่างมั่นคงไม่ว่าจะเป็นข้าในพระองค์ที่ตามเสด็จไปจากเมืองไทย หรือคนในตำหนัก แฟร์ฮิล ตำหนักไบรตันหรือ ตำหนักไดก์โรด ล้วนเป็นสตรีทั้งนั้น

ครั้งปี 2500 ทั้ง 2 พระองค์จึงได้เสด็จกลับเมืองไทยเป็นการชั่วคราว ในระหว่างประทับอยู่ในประเทศไทยนั้น ทั้ง 2 พระองค์ได้เสด็จไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เนื่องในอภิลักขิตสมัยคล้ายวันสวรรคต ต่อมาได้เสด็จกลับไปยังประเทศอังกฤษอีกครั้งเพื่อทรงขายตำหนัก ณ เมืองไบรตัน แล้วจึงเสด็จกลับประเทศไทยเป็นการถาวร

หลังจากทรงกลับมาประทับอยู่เมืองไทยเป็นการถาวรแล้ว สมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯพร้อมด้วยพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ได้ทรงประทับอยู่ ณ วังรื่นฤดี ในซอยสันติสุข สุขุมวิท 38

ด้วยทรงดำรัสกับบุคคลใกล้ชิดอยู่เสมอว่า " เป็นเจ้านายจะต้องให้แก่ประชาชน " ดังนั้นจึงเป็นภาพชินตาของพสกนิกรชาวไทยที่จะเห็นทั้ง 2 พระองค์ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจต่าง ๆ เคียงคู่กันมิได้ห่าง เพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชนไทย โดยทรงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในการทรงพระราชกรณียกิจ อาทิ ทรัพย์สินส่วนพระองค์ที่ทรงได้รับมรดกคือที่ดินและบ้านของพระชนก ณ จังหวัดปราจีนบุรี ก็ทรงพระกรุณาประทานกรรมสิทธิ์ให้แก่ทางราชการ เพื่อสร้างโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ด้านการศาสนา ทรงศรัทธาร่วมการก่อสร้างซ่อมแซมพระอุโบสถ เสนาสนะพระพุทธรูป และเสด็จไปทอดผ้าพระกฐินส่วนพระองค์ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจัหงวัดทั้งใกล้และไกล พร้อมทั้งทรงเยี่ยมราษฎรและทรงนำเครื่องนุ่งห่มและยารักษาโรคไปประทานแก่ผู้ยากไร้และผู้ที่มาเฝ้าชมพระบารมี

ความที่เป็นผู้หญิงเก่งและทันสมัย พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี จึงทรงริเริ่มจัดงานการกุศลแบบทชาริตี้เหมือนเมืองนอกขึ้นเป็นครั้งแรกในเมืองไทยที่วังรื่นฤดี โดยมีบรรดาลูกสาวเศรษฐีทั้งหลายมาเดินแฟชั่นโชว์การกุศลเพื่อหาเงินไปช่วยเหลือสังคม ซึ่งในยุคนั้นถือว่าเป็นงานที่โก้มากที่สุด และลูกสาวบ้านไหนได้มีโอกาสได้เดินแฟชั่นในวังรื่นฤดีนั้นถือว่าเป็นสาวที่โก้มาก ๆ

ในต้นเดือนตุลาคม 2528 พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีประชวรเกี่ยวกับพระปัปผาสะอักเสบ และมีพระโรคแทรกซ้อน กระทั่งสิ้นพระชนม์ในวันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม 2528 ณ โรงพยาบาลศิริราช สิริพระชนมายุ 80 พรรษา

หลังจากสิ้นพระมารดาแล้วสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตน์ราชสุดาฯ ก็ทรงดำเนินพระราชกรณียกิจแทนต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันด้วยพระพลานามัยที่ไม่ค่อยจะแข็งแรงนัก


หลังจากได้ลองค้นประวัติของเจ้านายสมัยก่อน เลือดรักชาติเราพุ่งสูงปรี้ด รู้สึกตื้นตันใจยังไงบอกไม่ถูก รู้ว่าท่านได้เสียสละเพื่อบ้านเมืองเราขนาดไหน ในขณะที่เราไม่ได้ทำอะไรเลย ได้แต่นั่งมองให้เรื่องๆต่างๆมันผ่านไป

เย็นนั้นก็ตะลุยตลาดโต้รุ่ง กะจะกินให้เต็มที่ แต่กลายเป็นว่าไม่ค่อยได้กินอะไรเลย ร้านไหนๆก็คนเยอะ ขี้เกียจรอ

วันที่ 23 ตื่นสายหน่อย เก็บข้าวของเตรียมตัวขับรถกลับบ้าน สรุปว่าทริปนี้หมดไป 955 บาท (ค่ากิน 655+ค่าห้อง 300) ไม่มีค่าน้ำมันเพราะบริษัทญี่ปุ่นอุปถัมภ์ค้ำจุนอยู่

สุดท้ายขอขอบคุณเพื่อนทั้งสองและรูปจาก 350D ของเพื่อนท๊อปนะคร้าบ


Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 6 มีนาคม 2551 11:36:32 น. 0 comments
Counter : 1281 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

golf613
Location :
ชลบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add golf613's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.