Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2554
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
5 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 
- มิงกาลาบา ไปพม่าหน้าฝนกันดีกว่า -

สวัสดีค่ะ
ทิ้้งร้างบล็อกตัวเองไปนานมาก เกือบหาทางเข้าไม่เจอซะแร้น
จริงๆมีเรื่องอยากอัพบล็อกหลายเรื่องเลย แต่ติดตรงที่หน้าที่การงานที่ทำอยู่ เยอะซะจนขี้เกียจทำอย่างอื่น จริงๆ ก็คือ ขี้เกียจนั่นเอง แต่เอางานมาอ้าง ชิชะ

เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมามีโอกาสได้ไปเปิดหูเปิดตาที่พม่ามา ก็เลยเอาเรื่องนี้มาอัพก่อนที่จะขี้เกียจแล้วปล่อยร้างไปมากกว่านี้

เตรียมตัวก่อนเดินทาง
1. ตั๋วเครื่องบิน เราจองโปรแอร์เอเชียไว้ เป็นโปรซื้อชาตินี้บินชาติหน้า ซื้อไว้ปีที่แล้ว ไปเย็น กลับเช้า เลยได้ราคาถูก
2. วีซ่า ก่อนไป 1-2 อาทิตย์ไปทำวีซ่าเอง แต่เช้าที่สถานฑูต ถ.สาทร ซ.ถนนปั้น ฝั่งร.ร. กรุงเทพคริสเตียน
เอกสารที่ต้องใช้
1. รูปถ่ายพื้นหลังขาว 2" 2 รูป ที่เห็นหู
2. พาสปอร์ต อายุไม่ต่ำกว่า 6 เดือน
3. แบบฟอร์มขอได้ที่เคาน์เตอร์ ตอนนั้นไม่กล้าโหลดจากเว็บ เพราะได้ข่าวว่าที่นี่เปลี่ยนฟอร์มตามใจฉัน
แต่สุดท้ายก็มีขายใบละ 5 บาท จากร้านถ่ายเอกสารแถวนั้น ก็เลยซื้อเพราะขี้เกียจไปรับแล้วกรอกแล้วต่อแถวใหม่
4. เงิน 810 บาท
เราไปยื่นใช้เวลาแปปเดียวเอง จนท. ถามเป็นภ.อังกฤษว่าไปกี่วัน ไปทำอะไร เป็นอันเสร็จ อีก 3 วันไปรับเล่มคืนได้หลังบ่ายสาม
เวลายื่น 9.00-12.00 แต่ควรไปเร็วหน่อยเพราะแถวรอยื่นยาวมาก
3. ที่พัก เราจองที่พักคืนแรกจองตรงกับโรงแรม คืนที่ 2-3 จองผ่านเอเจนท์ของพม่า ก่อนไปก็ print หลักฐาน voucher อะไรไปให้พร้อม
4. แลกเงิน USD แบงค์ต้องไม่ยับ ไม่เยิน ไม่เป็นรอย และไม่เป็นหมวด CB เก็บ 10 $USD ไว้สำหรับค่าภาษีสนามบินขาออกจากพม่าด้วย

เมื่อพร้อมแล้วเราก็ได้เวลาลุยพม่ากันได้เล้ย


วันแรก
เราบินไฟล์ทบ่ายแก่ๆ ไปถึงสนามบินพม่า 18.20 บ้านเรา 17.20 บ้านเค้า คืนแรกเราจองที่พักที่ Motherland Inn II ไว้
เหตุผลนอกจากถูกแล้ว คือ มีรถรับส่งสนามบินให้ด้วย
อันนี้ หน้าตารถที่มารับ


เป็นรสบัสเล็ก สภาพไม่น่าเชื่อว่าวิ่งได้อยู่ ได้บรรยากาศไปอีกแบบ
น้องที่มารับพอพูดภาษาอังกฤษได้ ก็คุยแนะนำดีตลอดทางค่ะ มีชี้ชวนให้ดูอะไรต่างๆของบ้านเค้า นี่คือความประทับใจแรกที่พม่า
ใช้เวลาซักพักใหญ่ๆ ถึงที่พัก เราก็จัดการเช็คอิน จ่ายเงินค่าที่พัก ค่าที่พัก 21 USD$ ต่อห้องต่อคืน รวมอาหารเช้า
ด้วยความที่ถึงที่พักก็หัวค่ำแล้ว เลยให้ทางที่พักจัดการเรื่องตั๋วรถบัสไปไจท์ถิโย วันพรุ่งนี้ด้วยเลย เค้าก็จองให้ตอนนั้นเลยนะคะ
ราคา 7,000 เจี๋ย(จั๊ด) ต่อคน แล้วก็เลยแลกเงินกะที่พักไปเลย ได้แบงค์ใหม่เชียว เอ๊ ไหนว่าพม่ามีแต่แบงค์เก่า อารมณ์ตอนนั้นลัลลาแม้แต่เรื่องแบงค์

อันนี้สภาพห้อง

ห้องพักเราอยู่ชั้น 2 ด้านหน้า เลยได้ยินเสียงแขกด้านล่างชัดเจน
ในห้องมีแอร์ ทีวี เครื่องทำน้ำอุ่น ผ้าเช็ดตัวให้ และยังอุตส่าห์มีเวลคัมดริงค์ให้ด้วย เป็นน้ำมะนาวซะด้วย
เผื่อใครกะลังมองหาที่พัก ถ้าไม่คิดอะไรมาก แค่ต้องการที่ซุกหัวนอน แนะนำที่นี่ค่ะ
อันนี้เว็บไซต์ //myanmarmotherlandinn.com พนักงานบริการดีค่ะ

หลังจากเก็บกระเป๋า ก็ได้เวลาหาอะไรลงท้อง เพราะตั้งแต่เครื่องลง จนตอนนั้นจะสองทุ่มแล้วยังไม่มีอะไรถึงท้องเลย
ตอนนั่งรถจำได้ว่า เดินย้อนขึ้นไปเลี้ยวขวาหัวมุมถนนแล้วเดินตรงไปตามทางก็จะไปป๊ะกับสี่แยกตรงเจดีย์สุเลพญา และแถวนั้นมีห้าง
ก็เลยเดินตามทางที่ว่ามาเพื่อจะหาอะไรกินและซื้อน้ำเปล่าดื่ม

จากตอนแรกที่คิดว่ามันนิดเดียว พอเดินจริงก็ไกลเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ระหว่างทางก็จะมีหนุ่มสาวพม่าจับกลุ่มกันที่ร้านน้ำชาริมถนน
มีหลายร้านมาก นั่งกันเป็นกิจจะลักษณะ ส่วนบนถนน รถแท็กซี่ที่นี่วิ่งกันชนะเริ่ดมาก น่ากลัวเป็นที่สุด เหมือนพี่แกกำลังขับไล่ล่าอะไรซักอย่าง
เดินกันจนขาลากก็ยังไม่เจอร้านอาหารที่ดูปลอดภัยกับสวัสดิภาพท้องนัก ก็เจอห้างๆนึง เป็นเหมือนซุปเปอร์มาเก็ต ก็เลยเดินเข้าไปซื้อน้ำดื่ม 2 ขวดใหญ่
แล้วก็สมใจอยาก จ่ายแบงค์ใหม่ได้เงินทอนมาเป็นแบงค์ที่ เอิ่ม มันเคยเป็นธนบัตรมาก่อนแน่นอน สภาพแบบหายใจแรงอาจขาดได้
แล้วเราก็ยังคงเดินต่อไป จนเริ่มไม่ไหวแล้ว จากที่ไม่อยากเข้าร้านที่ดูหรูดูแพง ก็ต้องเข้า เพราะวันที่ไปเป็นวันธรรมดา และร้านต่างๆปิดหมดแล้ว
ไปได้ร้านนึงแถวสุเลพญา เยื้องๆกับโรงแรมเทรดเดอร์ เป็นโรงแรมเปิดใหม่ ชื่อ East hotel
สั่งผัดหมี่ฮกเกี้ยน กับ คาโบนารา ไปอย่างละจาน พร้อมเบียร์พม่า 1 ขวด เดี๋ยวจะมาไม่ถึง
สิ่งที่ได้ก็ เอิ่ม ได้ข่าวว่า คาโบนารา มันไม่มีหน้าตาแบบนี้มิใช่เหรอ


แต่ก็อ่ะ หิวมาก อะไรก็เอาแล้ว
ราคาก็ไม่ได้แพงมากมายนัก ตอนกินเสร็จก็ขอให้พนักงานเค้าเรียกแท็กซี่ให้ เพราะเดินไม่ไหว มืดแล้วด้วย

ขึ้นแท็กซี่ได้สิ่งที่อีกะเหรี่ยงทำก็คือไปเถียงแท็กซี่ให้เลี้ยวไปอีกทาง เพื่อที่จะได้รู้ว่าตรูหลง 55
สุดท้ายพี่แท็กก็พาเรามาส่งถึงโรงแรมจนได้โดยไม่ว่าไม่บ่นอะไร ยิ้มอย่างเดียว เพราะว่าไปอีนี่ก็ฟังไม่ออกอยู่ดี


วันที่ 2
น้องพนักงานขึ้นมาเคาะห้องแต่เช้ามืด เพราะกลัวเราตกรถบัส เตรียมอาหารเช้าไว้ให้เสร็จสรรพ โดยที่โปรแกรมที่คนพม่าวางไว้ให้คือ เราต้องตื่นอาบน้ำทานข้าวให้เสร็จเพื่อที่จะขึ้นแท็กซี่ก่อน 6 โมงเช้า
และแน่นอน มีรถแท็กซี่มารอเราแล้วเสร็จสรรพ โอ้ว บริการเริ่ดมาก
หลังจากเช็คเอาท์ เราก็ขอบคุณน้องเค้าเป็นภาษาบ้านเค้าไป เค้าถามกลับมาเป็นภาษาอังกฤษว่า แค่ขอบคุณเองเหรอ ไม่มีทิปให้เหรอ เอิ่ม เมริงเอาคำขอบคุณตรูคืนมาเลย

พอขึ้นรถได้พี่คนขับก็ฉวัดเฉวียนพาเราไปจนถึงสถานีขนส่งอองมิงกาลาไฮเวย์ แกกลัวไม่ทันรถบัสเลยสปีดซะเรากลัวล้อจะหลุด จ่ายค่าพี่แท็กไป 7,000 เจี๋ย
จากนั้นก็นั่งรอรถออก

อันนี้เป็นจุดรอขึ้นรถ


แล้วก็จะมีคนขายของตลอดเวลา ที่น่ารำคาญคือทุกๆคนจะเดินเข้ามาให้ถึงตัวแม้เราจะนั่งซะใน้..ในก็เหอะ
พยายามจะยัดเยียดของให้ได้ เดินมารอบนึงไม่เอาก็จากไปเพื่อที่จะเดินมาอีกหลายรอบ เอิ่ม ช้านจำแกรได้
อะไรไม่แย่เท่ากับ พระหรือเณรที่เดินเข้ามาแล้วบอก money money เอิ่ม พระไถตังค์


ระหว่างนั่งรอก็นั่งมองบรรยากาศไปด้วย รูปบนซ้ายเป็นรถที่่เราจะต้องขึ้น รูปข้างๆกันเป็นป้าคนนึงขายอาหารอะไรซักอย่างลักษณะเป็นเส้นคลุกกับข้าวแล้วยำๆ
ดูแกขายดีมาก คนกินตลอดไม่ให้แกได้หยุดพัก
พอมีคนมาซื้อป้าแกก็เอาจานเอาช้อนที่คนพึ่งกินเสร็จไปจุ่มน้ำในถังข้างๆตัว เข้าใจไปเองขำๆว่า คงเป็นน้ำปลอดเชื้อ เพราะป้าแกจุ่มแล้วเอาขึ้นมาใส่อาหารให้คนถัดไปกินต่อ
งานนี้สก็อตไบรท์ ซันไลท์ เข้าไม่ถึง นั่งดูเพลินๆ อืม เอามือนี้หยิบเส้น เอามือนี้หยิบข้าว เอามือนี้หยิบพริก เอามือนี้หยิบอะไรต่อมิอะไร สุดท้ายก็เอามือคลุกๆ แล้วก็เอามือหยิบใส่จาน

คนที่นี่เป็นตัวของตัวเองกันสุดฤทธิ์ เราจะเจอผู้ชายที่สามารถเอามือล้วงเข้าไปในโสร่งเพื่อเกาไข่ ผู้หญิงเอานิ้วเกาตรูด หรือใครก็ตามเอามือไปแคะขี้มูกสั่งขี้มูก บ้วนน้ำหมาก แล้วทำธุระต่อไปได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แน่นอนรวมป้าคนนี้ด้วย

หลังจากรออะไรซักอย่างซัก 7 ชั่วโคตร เค้าก็เรียกเราขึ้นรถ ที่มันต้องเคยเป็นรถแอร์มาก่อน แต่ที่นี่เปิดหน้าต่าง ไม่เปิดแอร์ อะไรไม่เท่ากับที่ต่างชาติ 2 คนอย่างเราได้นั่งหน้าสุด ซึ่งหน้าต่างปิดทึบ น้าน..นานพี่เค้าจะอนุเคราะห์เปิดพัดลมให้
รถบัสที่นี่จอดรับ-ส่งผู้โดยสารตลอดทาง และคนที่ขึ้นระหว่างทาง ที่ไม่มีที่นั่งก็จะมานั่งๆออกันอยู่ตรงพื้นหน้ารถใกล้ประตู ผู้ชายส่วนใหญ่ก็ยืน ที่แย่คือ นอกจากจะไม่มีอากาศหายใจแล้ว ยังจะต้องทนกับสารพัดกลิ่นตัวที่ยืนล้อมไว้หมดแล้ว

หลังจากหลับไปได้หลายร้อยตื่น เค้าก็มาจอดที่พักรถเพื่อแวะกินข้าว เข้าห้องน้ำ
เราสองคนก็ชี้โบ๊ชี้เบ๊ได้ผัดผักมา 1 อย่าง กับอะไรซักอย่างที่เหมือนไข่ลูกเขยราดน้ำกะหรี่ ต่อพลังชีวิตไปได้อีกหน่อยเพื่อไปต่อสู้กับอากาศบนรถ


และหลับไปได้อีกเกือบร้อยตื่น เราก็มาถึงหมู่บ้านคินปุ่นแค้มป์ซักที เพื่อที่จะขึ้นไปพระธาตุอินทร์แขวน
เราก็โดนล้อมหน้าล้อมหลังกันอีกรอบ เค้าปรารถนาดีอยากให้เราได้พักด้านล่างอีกคืน หรือกินข้าวที่ร้านเค้า ซึ่งเราก็ปฏิเสธไป บอกไปว่าเรามีที่พักคืนนี้แล้ว
จากนั้นก็ไปขึ้นรถบรรทุกเพื่อขึ้นไปด้านบน เสียค่ารถคนละ 1,500 เจี๋ย โดยที่เค้าจะเอาเราไปส่งตรงจุดที่ปล่อยคน ก่อนที่จะขับพาคนพม่าขึ้นไปถึงข้างบนเลย

สภาพบนรถ

ด้วยความที่ที่นั่งมันแคบอยู่แล้ว ต้องเบียดกัน ก็มีตาลุงคนนึง นั่งข้างหลังคุณแควน ตาลุงก็เหมือนคนเป็นริดซี่ แกยืนทุกครั้งที่มีโอกาส
ด้วยความแคบ ไข่ของแกก็มาแสค๊รซตรงหัวคุณแควนพอดี มีจังหวะนึง แม่มจามใส่หัว เราสองคนต้องหันไปมองตาเขียวปั๊้ด ด้วยความไม่รู้ว่าจะด่าเป็นภาษาอะไร
สุดท้ายเราสองคนก็ปลงๆทำให้เป็นเรื่องขำกันไป

จนกระทั่งรถพาเรามาจอดที่จุดปล่อย วันที่ไปเป็นวันธรรมดา ครึ้มฟ้าครึ้มฝน เราเลยไม่เจอกับฝูงชนตื๊อขายบริการแบกเสลี่ยง และสภาพเราที่ดูถึกๆ บึกๆ เลยไม่มีใครตอแย


เอิ่ม ทาง ไม่ชันเท่าไหร่เลย แค่พักทุกๆ 20 วิเอ๊ง อิอิ

ด้วยความตั้งใจว่ายังงัยชั้นต้องเดินจนถึง แม้จะพักเยอะก็ตาม


ก็เดินจนถึงแม้จะถึงช้า ทำเวลาไม่ค่อยดีนัก แต่ก็แอบภูมิใจ เพราะตัวเองเป็น hyperthyroid ทำไรนิดหน่อยก็เหนื่อยง่าย ใจสั่น ไม่แข็งแรงเหมือนรูปลักษณ์

จากนั้นก็ทำการเช็คอินที่ Mountain Top Hotel ที่จองไว้ผ่านเอเจ้นท์ ได้คืนละ 46 USD$ รวมอาหารเช้า


เป็นห้องธรรมดา มีน้ำอุ่น ตู้เย็น รองเท้าแตะ ทีวี น้ำดื่ม
พอเอาของไปเก็บก็ไปไหว้พระธาตุอินทร์แขวน จุดหมายหลักของทริป เสียค่าเข้าคนละ 6 USD$ ไม่เก็บค่ากล้อง
ได้บัตรสีเขียวคล้องคอ ใช้ได้ตลอดอาทิตย์

หน้าทางเข้า


ชอบน้องคนนี้อ่ะ


จากหน้าทางเข้าจะมีตาลุงคนนึง ถามว่าเราเป็นคนชาติไหน แล้วก็แกมบังคับให้เราเข้าไปไหว้ห้องข้างๆ ประมาณว่า มีเทวดา ต่างๆกำลังไหว้พระพุทธเจ้า
เค้าก็บังคับให้เราทำนู่นทำนี่ ทำบุญใส่เงินอย่างนั้นอย่างนี้ เอิ่ม บังคับทำบุญ เริ่ดซะ

หลังจากที่พยายามแงะตัวเองออกจากตาลุงนั่นได้เดินเข้าไปด้านใน ก็อืม คุ้มกับที่เดินทางมา อากาศข้างบนหนาวมาก และที่สำคัญพระธาตุงามและน่าทึ่งจริงๆ


แต่ตรงนั้นก็จะมีเจ้าหน้าที่พยายามดูดเงินให้พวกเราทำบุญทุกวิธีทาง
เราสองคนคุยกันไว้ว่า เราจะมากันอีกรอบตอนหัวค่ำ และตอนเช้าก่อนลง จะได้ครบ 3 ครั้งตามที่หลายๆรีวิวแนะนำมา

จากนั้นเราก็เดินกลับโรงแรมตอนเกือบๆห้าโมง ไปกินข้าวเย็น และก็เข้าที่พัก งีบเอาแรง เพื่อที่จะออกมาอีกตอนทุ่มกว่าๆ

ปรากฏว่าเราสองคนหลับเป็นตาย ไม่มีใครยอมลุกก่อน แล้วก็ยาวกันไปถึงเช้า
เลยได้ไปดูพระธาตุตอนเช้าอีกรอบ 55


วันที่ 3


กลับมากินอาหารเช้า อาบน้ำเก็บของแล้วก็รีบลงมา ตอนออกจากโรงแรม จะเห็นพวกพี่เสลี่ยง ยืนรอลูกค้ากันเต็มไปหมด แต่ก็ไม่มีใครมายุ่งกับสาวบึกอย่างอิชั้น คงเล็งเห็นว่ามันลงมาได้เอง

พอลงมารอขึ้นรถ อาไร้มันจะดวงสมพงษ์กะตาลุงแสคร๊ซไข่เมื่อวาน ก็นะ ป๊ะกันแหม ครานี้นั่งข้างกันเลย หมดสิทธิ์แสคร๊ซแล้ว
แต่ลุงก็ยังไม่ทิ้งความเป็นตัวตน ยืนทุกครั้งที่มีโอกาส มีหนนึงลุงตด ตดได้เน่ามาก
อีป้าภรรยารีบหันมาหาคุณแควนอิชั้น ใช้สายตาบอกว่า เมริงนั่นแหละ ตด
อืม ตดก็ตด..

หนนี้ขึ้นรถบัสกลับ โชคดีที่ไม่ได้นั่งข้างหน้า ได้นั่งตรงหน้าต่าง จะได้มีอากาศเป็นของตัวเองกับเค้าเสียที

โชคร้าย นั่งมันข้างหลังรถเลย เย้

ราคาค่าตั๋วเท่าขามา ข้างๆเป็นพระสงฆ์ 2 รูป นั่งได้สำรวมเมิ่ก - -" ทำตัวสำรวมสุดฤทธิ์ อีพี่ผู้หญิงหลังพระคนนึง
ชีก็นั่งเอาขาพาดหน้าต่างมาทางพระ อืม สำรวมพอกัน

หลังจากที่นั่งมาหลายสิบตื่น ก็จะเจอด่าน ซึ่งขามาไม่โดนตรวจอะไร ขากลับโดนขอดูพาสปอร์ตแต่เจ้าหน้าที่น่ารัก ไม่ได้ดูดุร้ายอะไร

อีกหลายสิบตื่น รถก็มาแวะจุดจอดกินข้าว ซึ่งงานนี้เราสองคนก็ขอบาย เพราะซัดมื้อเช้ามาเต็มที่ กะว่ายาวไปที่ย่างกุ้งทีเดียวเลย

และอีกหลายร้อยตื่น กว่าจะมาถึงสถานีขนส่ง
มีแท็กซี่มาห้อมล้อมอีกที คันนึงเรียกราคาที่ 8,000 งานนี้ด้วยความงก ก็เลยเดินต่อ เฮียแกก็มาไซโคว่าแท็กซี่หายาก 7 ก็ได้อ่ะ
เราก็เลยยอมขึ้นรถ พอขึ้นปั๊บ มีชายพม่า 1 คนขึ้นประกบอิชั้น และพระ 1 รูป ที่มาจากบัสคันเดียวกัน ก็นั่งหน้าเลย
ประนึงว่า มีคนจ่ายตังค์แล้ว เราสองคนเปิดประตูออกไปเลย ปรากฏว่าสมาคมแท็กซี่มาเฟีย มาล้อมไว้ไม่ให้เราออก

พระรูปเดิมมาเกลี้ยกล่อมว่า แท็กซี่ประเทศนี้แชร์กันนะ ไม่เป็นเรื่องผิดอะไร ทุกคนจ่ายค่ารถเท่ากันหมด ซึ่งเราสองคนก็ไม่ยอมท่าเดียว
เค้าก็หว่านล้อม จนสุดท้ายอ่ะ ไปก็ไป

ระหว่างทาง พระก็พยายามสร้างสัมพันธไมตรีตลอดทาง ชวนคุยแล้วบอกว่า เค้าไปเมืองไทยบ่อยๆ ให้อีเมล์ ให้เบอร์มือถือไทยด้วย
แล้วบอกว่า ถ้าเราไปเมืองไทย ให้โทรหาเค้าเดี๋ยวเค้าเทคแคร์เอง เอิ่ม ได้ข่าวว่า เราสองคนเป็นคนไทย ไม่ต้องให้พี่หม่องเทคแคร์เราในบ้านเราก็ได้มั้ง
ฮีก็ยังคงชวนคุยไม่หยุดหย่อน มีการให้ multiply ด้วย โอ้วมายก๊อด ตอนนั้นหน้าอิชั้นเหวี่ยงไปแล้ว คำว่าไมตรีไม่ต้องถาม ตอนนั้นไม่มีให้ใครทั้งสิ้น


อีพี่แท็กก็ไปส่งหนุ่มหม่องคนแรกก่อน บอกทางหลงๆ งงๆ อิชั้นก็หาทางหนีทีไล่แล้ว กะว่า ถ้าจะทำแบบนี้ ตรูลงแล้วหาคันใหม่ก็ได้
เหมือนพระกะคนขับคงอ่านเราออก เลยบอกว่าจะไปส่งเรา แล้วก็สุดท้ายมาส่งเราที่โรงแรมก่อนที่จะไปส่งพระเป็นคนสุดท้าย

ไปถึงโรงแรมสุดท้ายของทริป คืนนี้เราพักกันที่ Yuzana Hotel ใกล้ๆกับชเวดากอง
จองผ่านเอเจ้นท์เช่นกัน จองห้อง superior แต่ได้ upgrade เป็น deluxe pagoda view ห้องใหญ่ค่อด

ในห้องก็มีทุกอย่างที่ทางโรงแรมควรมี
ขอ early check-out ไว้เพราะพรุ่งนี้บินกลับไฟล์ทเช้า

อันนี้สภาพห้อง อ่อ ราคา 25 USD$
pagoda view จริงๆด้วย ปลื้ม


หน้าโรงแรมมี Pena House เสียด้วย และ ก็ไม่รู้ว่าอะไรข้างๆกัน แต่เป็นป้าย ร.พ.เวชธานี


หลังจากเก็บของ อาบน้ำเราก็ออกไปหาอะไรกินกันแถวๆ ถนน Dhammazedi ไปป๊ะเข้ากะร้าน Coffee Circles ด้วยความที่อยากกาแฟมาก และหิวมากด้วย
ก็เลยเอามันที่นี่แหละว้า
สั่ง ทะเลผัดผงกระหรี่ราดข้าว ที่ทำเอาคุณผู้ชายเพ้อถึงรสชาดมาจนทุกวันนี้
อิชั้นสั่งคาโบนารา มาแก้แค้น เพราะไม่ชอบผงกะหรี่
และชามะนาวกะลาเต้ร้อน


ตั้งแต่มาถึงพม่า มื้อนี้เป็นมื้อที่อร่อยที่สุดและแพงที่สุดเช่นกัน
โดนไป 14,160 เจี๋ย

พออิ่มแล้วเราก็เดินเลียบสวนสาธารณะมาที่เจดีย์ชเวดากองกัน
เสียค่าเข้าคนละ 5 USD$ ไม่เก็บค่ากล้อง และไม่มีการฝากรองเท้า เพราะเอาย่ามไปใส่ อิอิ ประหยัดตังค์

เดินยังไม่ทันไร ฝนก็หล่นโครมใหญ่


พอฝนหยุด รุ้งตัวใหญ่ก็ปรากฏกาย


เราสองคนอยู่บนนั้นกันจนฟ้ามืด รอดูความงามยามค่ำคืนบนเจดีย์

แล้วก็กลับที่พัก ไปนั่งกินเบียร์ดูวิวเจดีย์ยามค่ำจากห้องพักเราเอง


วันสุดท้าย
โรงแรมโทรขึ้นมา morning call เป็นบริการที่ไม่ได้ขอไว้ แต่เค้ายินดีทำให้ แล้วเราก็ไปกินอาหารเช้ากันในสภาพที่ยังไม่ตื่นพอกันทั้งแขกและพนักงาน

จากนั้นก็อาบน้ำ เก็บของ ให้ทางโรงแรมเรียกแท็กซี่ไปส่งสนามบิน เพื่อเดินทางกลับ กทม

สุดท้าย ตลาดอองซานก็ไม่ได้ไป วัดอื่นๆที่เป็นไฮไลท์ในย่างกุ้งก็ไม่ได้ไป แต่จุดมุ่งหมายหลักคือ พระธาตุอินทร์แขวน
แค่นี้ก็ประทับใจแล้วเนอะ
ด้วยความที่ไม่ได้ไปซื้ออะไรฝากใคร แต่คุณนายแม่ดันมีออร์เดอร์ ก็เลยไปช็อปปิ้งเล็กๆที่สนามบินแทน
ได้แป้งทานาคา ตุ๊กตาหุ่นกระบอก แล้วก็เสื้อยืดกรีนลายพม่ามา

ลืมบอก ตอนนั้นเรทเงิน 1 USD$ = 7,500 kyatt
ตกแล้ว 1,000 kyatt = 4 บาทค่ะ

จบแล้วทริปนี้ ใครต้องการข้อมูลเพิ่มเติม จขบ ยินดีเป็นอย่างยิ่งค่ะ

ขอบคุณที่ให้เกียรติ จขบ นะคะ

เจซูติน บาเแด่


Create Date : 05 กรกฎาคม 2554
Last Update : 5 กรกฎาคม 2554 23:51:52 น. 8 comments
Counter : 3070 Pageviews.

 
เข้ามาชมครับ


โดย: ลูกเมืองชลฯ IP: 10.212.60.82, 182.255.9.34 วันที่: 6 กรกฎาคม 2554 เวลา:12:25:34 น.  

 
ไปเที่ยวพม่าด้วยคนค่ะ


โดย: mookmukค่ะ วันที่: 8 กรกฎาคม 2554 เวลา:22:23:10 น.  

 
เจ้าของ blog กล้าลุยดี ผู้ชายบางคนยังสู้ไม่ได้เลย ^^


โดย: Superman IP: 183.89.123.126 วันที่: 18 สิงหาคม 2554 เวลา:5:46:43 น.  

 
กำลังศึกษา อยากไปค่ะ ต้องทำวีซ่าด้วยหราคะ


โดย: JJ IP: 58.8.175.53 วันที่: 10 กันยายน 2554 เวลา:23:33:58 น.  

 
เข้ามาดู ยีซา ของฉันบ่น
เมื่อไหร่ ร้าน Coffee Circles เขาจะมาเปิดสาขาเมืองไทยอ่ะ 555


โดย: ู^_____________^ IP: 101.51.167.7 วันที่: 28 กันยายน 2554 เวลา:21:22:06 น.  

 
กำลังจะเดินทางเม.ย. ปี 55 เข้ามาหาข้อมูลค่ะ ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ


โดย: Luck_lamalila IP: 10.13.15.124, 119.46.184.2 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:10:11:24 น.  

 
ไปเที่ยวมาก็ไม่ชวนกันเลย


โดย: B.B.P. (boybangplee ) วันที่: 11 เมษายน 2555 เวลา:13:01:02 น.  

 
เล่าเรื่องสนุกมาก มองเห็นภาพ ภาพสวยเลิศ


โดย: ปาริ IP: 171.7.234.249 วันที่: 25 มิถุนายน 2555 เวลา:22:41:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ตัวเล็กแต่กินจุ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




สวย ถึก และบึกบึน
Friends' blogs
[Add ตัวเล็กแต่กินจุ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.