หุบเขาคนโฉด ไม่ใช่ไอศครีม ไม่ต้องเข้ามาเลีย หรือเชียร์จนละเหี่ยใจ แต่ขอแค่ความจริงใจ ของคนกล้าคิด ไม่ติดอยู่ในกรอบ
90916 นกแสก ทูตมรณะจริงหรือ?

ห้องขว้างไข่ใต้ตึกขวาง
00เมื่อมีอะไรมาขวาง ก็ต้องออกไปเป็นก้าง
หุบเขาคนโฉด ห้องขว้างไข่ นกแสก นกแสกผี วัดบ้านสร้าง บางปะอิน อยุธยา โรจนะ ลางมรณะ ลี้ลับ คนตาย
violent valley zoomzero Barn Owl Barnyard Owl White Owl Rat Owl Ghost Owl Death Owl








BARN OWL : นกแสก


วันนี้มีเรื่องสัตว์มาคุยกันอีก เป็นเรื่องของผมเอง เอ้ย!ไม่ใช่ ไม่มีใครเรียกผมเป็น “สาด” หรอกครับ (นอกจากเพื่อนของกระผมเอง) คือ เป็นเรื่องที่ได้เห็นจากข่าวในทีวีและหนังสือพิมพ์บ่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงนี้ เมื่อไม่นานมานี้ก็มีข่าวเรื่องของจระเข้ วันนี้ก็เป็นเรื่องของนก ต่อไปจะเป็นเรื่องของอะไรอีกหนอ?

ก่อนอื่น ผมขอย่อข่าวให้ก่อน คือว่า เมื่อสองสามวันที่ผ่าน ไม่ว่าผมจะเปิดทีวีขาวดำ ยี่ห้อธานินท์ รุ่นไตรนีตรอน จอกว้าง 19 นิ้ว เครื่องเดียวที่ใช้มา 30 ปีแต่ไม่ยอมเสีย (ไม่รู้จะอธิบายไปทำไม ทั้งๆที่รู้ว่า ไม่มีใครเขาอิจฉาแน่นอน) ผมพบข่าวท้องถิ่นที่ไม่ธรรมดา เพราะมีการขยายตัวจนกลายเป็นข่าวระดับประเทศไปเลย เป็นข่าวเกี่ยวกับความลึกลับน่ากลัวของการได้เห็น และได้ยินเสียงของนกชนิดหนึ่ง ซึ่งมีชื่อเรียกสั้นๆง่ายๆว่า “แสก” หรือ "นกแสก" แต่ตอนนี้กลายเป็น "แสกผี" หรือ "แสกมัจจุราช" ไปเสียแล้ว (อยากรู้ว่า บางนกแขวก จะหมายถึงนกแสกหรือเปล่า?)

เรื่องราวนี้ เกิดขึ้น ณ วัดบ้านสร้าง ต.บ้านสร้าง อ.บางปะอิน จ.อยุธยา โดยมีการเล่าลือกันว่า ได้มีนกแสกมาปรากฏตัว เป็นร้อยๆปี ตรบจนทุกวันนี้ และเมื่อมันร้องคราใด จะต้องมีเหตุการณ์ การนำศพเข้ามาบำเพ็ญกุศลในวัดนี้ทุกครั้ง เรียกว่า มันมาเตือนว่าจะมีคนตาย แถมยังมีเรื่องต่อเนื่องอีกว่า เมื่อเผาศพเสร็จ และมีการนำกระดูกผู้ตายกลับบ้าน นกแสกก็จะบินตามไปที่บ้าน ทำให้นอกจากคนจะไม่ค่อยสบายใจกันอยู่แล้ว เลยกลายเป็นการสร้างความหวาดกลัวให้ชาวบ้านมากยิ่งขึ้น ล่าสุดครึ่งเดือนก็มีคนตายไป 6 รายแล้ว และทุกครั้งที่มันร้องบอกท่านสมภารในวัด วันต่อมาหรืออีกไม่นานก็มีศพเข้าวัดจริงๆ ไม่เชื่อก็ไปถามชาวบ้านแถววัดได้

วัดนี้ชื่อว่า วัดบ้านสร้าง เป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งในอยุธยา อยู่บนถนนทางหลวงหมายเลข 309 วังน้อย-โรจนะ อยู่ห่างจากตัวเมืองอยุธยาเพียง 7 กม. และไกลจากกรุงเทพฯประมาณ 70 กม. เนื่องจากพื้นที่ของวัดมีขนาดกว้างพอสมควร (น่าจะมีที่รกร้างอยู่บ้างนะ) จึงเหมาะที่จะจัดทำกิจกรรมของชุมชนต่างๆ เช่น การแข่งขันกีฬา การจัดงานประเพณี การแห่พระวันสงกรานต์ งานลอยกระทง ฯ และก็งานพิธีทางศาสนาอย่างปกติๆ เช่น ทำบุญ สวดมนต์วันพระ การสวดศพ การเผาศพ ฯ

สถานที่ใกล้เคียงวัดบ้านสร้างนี้ มีจุดที่คนรู้จักกันดีหลายแห่ง เช่น สวนอุตสาหกรรมโรจนะ (Rojana Industrial Park) ซึ่งข้างในนั้น มีโรงงานอุตสาหกรรมใหญ่ๆหลายบริษัท เช่น นิคอนไทย, ฮอนด้า ฯ มีคนงานเป็นพันๆคน และก็ยังมีอีกหลายบริษัท หลายโรงงานบนถนนสายนี้ ไม่เพียงเท่านั้นยังมีห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล ฯ ใกล้ๆกันอีกด้วย เรียกว่ามีความเจริญ สะดวกสบาย และที่สำคัญที่ดินย่านนั้นราคาดี ไม่ว่าจะซื้อมาสร้างอะไรลงไปหรือซื้อมาเก็งกำไร

ดังนั้นคุณคงจะมองเห็นภาพกว้างๆ ที่ผมพยามเกลี่ยข้อมูล ความคิดพื้นฐานให้คุณได้ทราบว่า เขตพื้นที่นั้นมีความเก่าแก่ มีประชากรอยู่หนาแน่นมากน้อยอย่างไร? พื้นที่มีความเจริญขนาดไหน? มีคนที่ผ่านไปผ่านมาพื้นที่นั้นมากหรือไม่? ผมเองเชื่อว่า มีคนเข้ามาทำงานติดต่อธุรกิจมากมายในเขตนั้น เรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นจึงมีศักยภาพพอ ที่จะไม่เป็นเรื่องเฉพาะท้องถิ่นอย่างนิ่งๆ เมื่อมีข่าวลือ ข่าวนั้นจะขยายวงออกไปได้กว้างและเร็วมาก และปากต่อปากเรื่องที่เล่ากัน ก็อาจจะกลายเป็นเรื่องที่เติมแต่งจนน่ากลัวสุดๆ

จังหวัดอยุธยา เคยเป็นเมืองหลวงเก่า เคยเป็นเมืองเกือบร้าง มี 2 มุมมองที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้คือ มีความโบราณ ซึ่งจะโยงไปถึงความเชื่อไสยศาสตร์ มีพระเกจิอาจารย์ เรื่องอาถรรพ์ วัดร้าง บ้านร้าง ฯ

ส่วนอีกมุมมอง ก็คือ ความเจริญในแง่เมืองท่องเที่ยว การคมนาคมที่สะดวก การอยู่ใกล้กรุงเทพฯ ข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับอยุธยา กิจกรรมต่างๆในจังหวัดนี้ สามารถผ่านเข้าไปและออกมาจากกรุงเทพฯ ได้ในเวลาอันสั้น เรื่องนกแสกผีจึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวคนกรุงเทพฯเท่าไหร่นัก และเรื่องสยองขวัญ คนก็ชอบฟังกันด้วย

ขอเบรครายการด้วย เรื่องกินเสียหน่อย ผมมีชื่อ ร้านอาหาร เผื่อวันไหนว่างๆ คุณอาจจะอยากไปพิสูจน์เรื่องนี้ ที่วัดบ้านสร้าง เรามาเริ่มต้นที่ ร้านอาหารอร่อยๆ ในตำบลบ้านสร้าง ซึ่งได้แก่ ร้านกำลังใจ (หมู่ 7) และร้านในสนามฝึกกอล์ฟ (หมู่ 5) และร้านที่อยู่ห่างออกไปอีกหน่อย แต่อยากแนะนำอีกร้าน ก็คือ ร้านอนันต์หมูกระทะ (โทรไปเช็คก่อนนะ ที่ 035-213652) หัวละ 89 บาท ซึ่งตอนนี้ของแพงอาจจะปรับเป็น 99 หรือ 999 ก็ได้นะ (555 review ร้านอาหารกันเถอะ) ร้านนี้อยู่แถวสี่แยกวัดพระญาติ มีหอยเชลล์และปูไข่ในบางวันด้วยนะคะ เจ้าของคือ สจ. อรรถพล เทียมมโน แต่จะให้ดีถ้ามีรถยนต์ส่วนตัวก็เข้าเมืองไปอีกหน่อย มีร้านอาหารอร่อยๆ อีกเป็นสิบๆร้านให้เลือก เช่น เรือไม้ไทย เรือนรับรอง ไทรทองรีเวอร์ ล่าสุด ผมเพิ่งไปทานมา 2 คนกับสุดเลิว์ฟ ที่ร้านเรืออาหารกานต์กิตติ ปลากระบอกต้มส้ม ปลาช่อนโบราณ กุ้งแม่น้ำเผา และหมีกรอบ ซึ่งก็ต้องไปทานที่อยุธยา รับรองว่าหมีเขากรอบหวานอร่อย (เลยกลายเป็นรายการ ลุงอ้วนชวนกิน ไปซะงั๊น) กลับเข้าประเด็นดีกว่า

ผู้ที่เป็นพยานบุคคลในข้อมูลเรื่องนี้ หนึ่งในนั้นคือ คุณป้ารำพึง ท่านอาศัยอยู่ที่ ต.บ้านช้าง อ.อุทัย (แต่วัดที่เป็นข่าว อยู่ที่ ต.บ้านสร้าง อ.อุทัย นะครับ อ่านกันให้ดีๆ) ท่านป้าเล่าว่าที่บ้านนั้นเพิ่งจัดงานศพของคุณยายปรุง เมื่อไม่นานมานี้ โดยที่คุณป้าบอกว่า คุณยายเป็นคนที่ค่อนข้างจะแข็งแรง (ข่าวว่า อายุแค่ 74 ปี แล้วยังแข็งแรงดี เอ้า! แข็งแรงก็แข็งแรง เสียดาย หมอที่โรงพยาบาลไม่ยอมออกมาให้ข่าวกับเราเสียด้วย ว่าท่านตายเพราะอะไร) ช่วงนั้นท่านไม่ได้เจ็บป่วยอะไร แต่อยู่ๆก็มีนกแสกมาเกาะหลังคาบ้าน เจ้านกตัวนี้ไม่เกาะเฉยๆ แต่ดันร้องเสียงดัง “แสก แสก” ชวนให้ใจหาย และมันก็ทำอย่างนี้อยู่ถึง 3 คืน พอเช้าวันที่ 4 คุณยายก็จากไปอย่างไม่มีวันกลับ จึงสร้างความตกใจและหวาดกลัวมาก (แต่คลิปวีดีโอที่เอามาให้ทีวีเผยแพร่ เป็นภาพนกเกาะที่รั้วประตูบ้าน ซึ่งเป็นอีกบ้าน แต่ก็เป็นที่อยุธยาเช่นกัน วัดเดียวกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่สองที่จะเล่าต่อนี่แหละจ้า)

ส่วนอีกรายหนึ่ง อันนี้เป็นเรื่องที่เกิดมานานนิดหน่อย คือ คุณป้าเตือนใจได้เล่าว่า มีคนผูกคอตายในบ้านที่อยู่ติดกันกับบ้านของตน พอญาติๆเอาศพไปที่วัด นกแสกก็มาบินรอบโลงศพทุกวัน บินอยู่จนกระทั้งวันเผา พอวันที่เก็บเอากระดูกกลับเข้าบ้าน ลูกชายคนตายที่บวชหน้าไฟก็ได้มาบอกคนที่บ้านในวันหลังว่า เห็นมีนกแสกตามมาที่บ้านในวันนั้น และทำท่าเหมือนจะบอกอะไรอีกด้วย พระเลยถามว่า “ใช่แม่หมัยหรือเปล่า?” นกแสกก็พยักหน้ารับ ซึ่งผู้ตายก็ชื่อว่า นางพิสมัย จริงๆ

เรื่องยังไม่จบแค่นั้น เพราะนกแสกยังเกาะอยู่จนถึงเช้า พอพระลูกชายมาบิณฑบาตกับพระอีก 2 รูป นกแสกก็ทำท่าประหลาด คือบินมาหาเจ้าของบ้าน และทำการช่วยใส่บาตรด้วย ขณะที่กำลังตักข้าวใส่บาตรกันนี่เลยหละ นกแสกบินมาเกาะมือของคนที่กำลังตักข้าวอยู่ เมื่อพระให้พรเสร็จ นกก็บินไปเกาะไหล่พระลูกชายของนางพิสมัย(ผู้ตาย) แล้วก็กลับวัดไปกับพระ

แต่เรื่องก็ไม่สามารถที่จะจบลงแค่นั้นครับท่าน ป้ายังเล่าเสริมอีกว่า เจ้าอาวาสของวัดนั้น ท่านได้ออกมาบอกนกแสกตัวนั้นว่า อย่าเข้าไปในวัดเลย นกแสกก็เชื่อฟัง และในเย็นวันนั้นนกแสกก็สิ้นใจตายอย่างน่าสงสัย มันนอนตายอยู่นอกวัดตรงนั้น โดยไม่ยอมเข้าไปในเขตวัด สำหรับเรื่องที่สองนี้เป็นเรื่องนานก็จริง แต่คนก็ยังพูดถึงอยู่ (ส่วนเจ้าอาวาสที่ว่า น่าจะเป็นพระเจ้าอาวาสรูปก่อนหน้านี้ แต่ผมไม่แน่ใจข้อมูลนี้นะจ๊ะ)

ข่าวที่ตอนนี้ดังที่สุดในอีกข่าวก็คือ มีคนไปขอให้เปิดฝาโลงของคุณยายปรุง (ที่ยังไม่ได้เผากันในวันที่มีการตั้งศพเพื่อบำเพ็ญกุศลนี่เลยหละ) เปิดออกมาดู และก็พบว่าที่ฝาโลงมีเลข 405 เขียนเอาไว้ตัวใหญ่มาก ตอนนี้เลยทำให้ล็อตเตอรี่หมายเลขนี้ขาดตลาดในจังหวัดไปแล้ว เราก็ต้องมาลุ้นว่า เลขที่ออกจะเป็น จี่ จู๋น อ้า หรือว่า จู๋น จู๋น จู๋น กันแน่

ย้อนมาเรื่องโบราณบานบุรีกันหน่อย เชื่อว่าคนเขาเชื่อกันว่า (โดย “ไม่มี” คำถามว่า ใครบอกคุณมา?) นกแสก หรือ ภาษาชาวบ้านนั้น ต้องเรียกว่า นกแขวก เพราะมันร้องดัง “แขว๊ก” เสียงแหลมดังๆ จังหวะละ 2 แขวก และลากยาวมาก ท่านว่าเมื่อได้ยินเสียง ต้อง อย่าถาม อย่าทัก ให้นึกใจว่า ขอให้บินผ่านไป อย่ามาเกาะหลังคาบ้านข้าพเจ้า ขอให้เอาทุกข์โศกโรคภัยออกไปให้หมดด้วยเถิด

ทางชีววิทยานั้น นกแสก เป็นเป็นนักล่าเหยื่อสดๆ ซึ่งได้แก่ หนู ซึ่งเป็นศัตรูของชาวนา เพราะมีจำนวนมากทั้งในอดีตและปัจจุบัน โดยเฉพาะในจังหวัดอยุธยายิ่งมีมาก เพราะที่ไหนมีนาข้าว ที่นั้นก็มีหนูอาศัยอยู่ตามไปด้วย ส่วนการร้องของนกแสกนั้น สัตว์แพทย์ได้บอกว่ามันส่งสัญญาณสื่อสารกันในหมู่นก หรือขู่เหยื่อ ด้วยภาพลักษณ์ที่เชื่อว่า มันเป็นทูตแห่งความตาย มันจึงเป็นที่รังเกียจของชาวบ้าน และเชื่อว่ามีการล่าและสังหารมัน จนได้กลายเป็นนกหายากไปแล้ว

ในวัดบ้านสร้าง น่าจะมีนกแสกอยู่ประมาณ 4 ตัว แต่เท่าที่พบเห็นบ่อยๆมีอยู่ 2 ตัว ตัวหนึ่งอยู่ที่ต้นมะขามใหญ่ข้างเมรุเผาศพ อีกตัวอยู่ที่ปลายช่อฟ้าใบระกา ศาลาการเปรียญใหม่ ตัวอื่นก็มาให้เห็นบ้างไม่ให้เห็นบ้าง ซึ่งอาจจะมีเป็นสิบตัวก็ได้ เรื่องการร้องของนกแสกที่วัดนี้ เป็นเรื่องเล่ามานานมาก นานจนเป็นตำนานที่เรียกว่า “นกร้อยศพ” ผมว่า มีวิธีเดียวที่จะหยุดมันได้ คือ ปิดวัด แต่ขอแค่เรื่อง งดการเผาศพ เอาแค่ 1 ปี จะดีหรือไม่? ดูซิว่ามันยังจะสามารถเอาชีวิตคนเป็นไปได้อีกหรือเปล่า? แต่อย่าเลือกวิธีไล่หรือฆ่ามันเลยครับ

นกแสก (Barn Owl) เป็นนกที่คล้าย นกฮูก นกเค้าแมว แต่หน้าตาหน้ากลัวมากกว่าเพื่อนๆ มีถิ่นอาศัยอยู่ในเอเชีย เช่น อินเดีย อินโดนิเซีย แต่จริงแล้วเผ่าพันธุ์นกชนิดนี้มีทั่วไปหมด ขนาดหมู่เกาะต่างๆในมหาสมุทรแปซิฟิกก็ยังมีเลย ในยุโรปก็มี แถวๆเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็มีเยอะ ไม่ว่าจะเป็น ไทย ลาว พม่า เขมร มีเต็มไปหมด รูปร่างลักษณะตัวผู้และตัวเมียจะคล้ายกันคือ วงหน้ามีขนสีขาวขึ้นเต็มเป็นรูปหัวใจ ตา กลมดำโต ปาก แหลมงุ้ม ขน ตัวด้านบนมีสีเหลืองปนน้ำตาลเทา มีจุดขาว และน้ำตาลประปราย ขนใต้ท้องขาว ส่วนปีก และหาง มีลายขวาง
สีเหลืองสลับน้ำตาลอ่อน เล็บเท้า ยาวงุ้มแหลม เล็บนิ้วกลางลักษณะคล้ายฟันเลื่อย ขายาว เป็นนกที่อาศัยอยู่เกือบทุกภาคในประเทศไทย ยกเว้นภาคใต้เท่านั้น จึงไม่แปลกที่ว่า เรื่องนกแสกนั้นอยู่คู่กับเรื่องโบราณๆของคนไทยเรามาได้นานขนาดนี้ นิสัยของมันคือ ชอบออกหากินกลางคืน และชอบหลบตัวนอนพักตามโพรงไม้ในตอนกลางวัน สายตาของมันดีมาก จมูกและหูดีก็มาก การมีเล็บเท้าที่แหลมคม งุ้มและยาว ทำให้เป็นนักล่าที่เก่งกาจมาก

ฝรั่งเองก็เชื่อว่านกแสกเป็นทูตนำสารแห่งความตายเช่นกัน ในประเทศอิตาลี ก็เชื่อเรื่องเสียงของมันว่าจะนำความตายมาภายใน 3 วัน ถ้าบ้านนั้นมีคนป่วย แต่ถ้าบ้านนั้นยังไม่มีใครป่วย คนในบ้านก็จะป่วยด้วยโรคต่อมทอนซิล (เกี่ยวกันได้อย่างไร?)

ส่วนในฝรั่งเศสกลับเป็นคนละเรื่องกันเลย เพราะเชื่อว่า ถ้ามีนกแสกมาร้องบนปล่องไฟ ถ้าบ้านนั้นมีคนตั้งครรภ์ ก็จะได้ลูกสาว แต่ถ้าอยากแก้ไข ให้เอาเกลือป่นโรยเข้าไปในเตาผิง ก็จะได้ลูกชายดั่งใจคิด แต่อย่าโยนเกลือมากไป เดี๋ยวไฟดับ อาจจะได้ลูกออกมาเป็นเพศพิเศษ 555 เขาว่าเกย์ที่ฝรั่งเศสนี่มีเยอะมากไม่ใช่หรือ พี่นกแสกครับ

สำหรับชาวอินเดียจะเคารพนกแสก เพราะถือว่าเป็นบริวารของพระแม่ลักษมี ซึ่งทรงดูแลเรื่องเกษตรกรรม นกแสกของพระแม่จะช่วยงูของพระศิวะ ทำการสังหารหนู เพื่อช่วยเพิ่มผลผลิตของชาวไร่ชาวนา และถ้านกแสกมาทำรังในบ้านใคร บ้านนั้นต้องไปหากำปั่นหรือตู้เซฟมาเพิ่มหลายๆใบได้เลย เพราะคนอินเดียจะเชื่อว่า เจ้าของบ้านจะรวยๆๆ ตอนนี้บล็อกผมก็มีนกแสกแล้ว ผมก็คงจะรวยๆๆๆ กับเขาบ้างนะ

มีข่าวจากคนในกระทรวงเกษตร (ผมโม้หนะ) ว่า นกแสกนี้แหละ เป็น Bio-Weapon เขาใช้นกแสกเพื่อเพิ่มผลผลิตและกำจัดศัตรูพืชได้ด้วยครับ มีการทดลองเพาะพันธุ์และเลี้ยงนกแสกไว้ในสวนปาล์มขนาดใหญ่ ทางภาคใต้ของไทย (แปลว่า มันต้องเลี้ยงให้เชื่องได้ง่ายนะซิ ใช่หรือเปล่า?) ผลปรากฏว่า “โครงการไอ้ตาใส” ประสพความสำเร็จมาก หนูหายไปจากสวนจนแทบไม่มีให้เห็น เป็นการลดค่าใช้จ่ายในการใช้ยาและสารเคมีในการกำจัดหนูไปเกินกว่า 50% ของค่าใช้จ่ายที่เคยจ่ายไป ชาวสวนในประเทศมาเลเซียก็เลยมาเอารายงานนี้ไปอ่าน แล้วจึงขอนกแสกไปทำโครงการแบบเราบ้างในทันที

นายสัตวแพทย์อลงกรณ์ มหรรณนพ ได้เคยคำนวณคร่าวๆ ให้ทราบว่า นกแสก 1 ตัว สามารถล่าหนูในอัตราวันละ 2 ตัว หรือ 700 ตัว/ปี และถ้าได้อาหารอร่อยๆ อย่าง หนูท้องขาว มันอาจจะยอมอ้วน โดยกินอาหารเป็นหนูได้ปีละ 1,000 ตัวเลยหละ




ขอวิเคราะห์นิดหน่อย ซึ่งแน่นอน ผมใช้สมมติฐานว่าทำไมเมื่อเห็นนกแขวก ร้องแขว๊กๆ แล้วต้องมีคนตาย

เรื่องแรก เทคนิคการหากินครับ นกชนิดนี้ถึงจะมีสายตาดี จมูกดี และหูดี แต่เขาเป็นนกบินต่ำ บินช้า บินเงียบ (เรื่องการบินของนกแสกนั้น ผมเอาข้อมูลมาจาก Wikipedia นะครับ) มันบินเหมือนอะไรครับ ใช่เลย เหมือนเครื่องบินจารกรรม หรือ stealth aircraft เหตุผลก็เพื่อที่จะได้จับหนูที่เคลื่อนที่ไวได้ทันที สาเหตุที่เขาชอบหนูสีขาวๆมากกว่าหนูแบบอื่น ท่านอาจารย์สุภาพและอาจารย์วีรยุทธ์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ได้เคยเขียนไว้ว่า นกแสกจะล่าหนู พวกหนูนาใหญ่ หนูนาท้องขาว หนูพุกเล็ก หนูหริ่ง และอาจจะมีค้างคาวเพดานท้องเหลืองเล็ก จิ้งจก ตุ๊กแก งูตัวเล็กๆ แต่อาหารจานโปรดจะเป็น หนูขาว ก็เพราะมันมองเห็นได้ชัดในทุ่งนายามราตรีก็เป็นไปได้นะครับ

การร้องของนกแสกในขณะบินเป็นการขู่หนูให้ออกจากที่ซ่อน พอมีอะไรเคลื่อนไหว เขาก็จัดการบินลงไปจับทันที บางตัวก็ได้รับการสอนหรือเรียนรู้มาเองว่ายืนเกาะที่มันๆไว้ ไม่เหนื่อยดี แล้วร้องแขวก-แขวก ก็รู้แล้วว่าเหยื่ออยู่ตรงไหน เลยอาจจะเป็นที่มาของการมาเกาะหลังคาบ้านของนกแสก ทีนี้ทำไมพวกเขาไม่ไปอยู่แถวRCA หรือสยามพารากอน ก็เพราะว่าแสงสี และสายไฟฟ้ามันโยงใยเต็มไปหมด บินๆไปก็ชนสายโน้นสายนี้ พอดีปีกหักหมด เผลอเพราะเล็บที่แหลมคม อาจจะไปโดนไฟดูดมาไม่รู้กี่ทีก็ได้ ดังนั้นถ้าเจอพวกเขาในเมืองที่มีแสงไฟมากๆ ก็แปลว่าเขากำลังแย่ และอ่วมอรทัย เพราะแผนที่การบินในสมองมันเจ้งไปแล้ว และคาดว่าคงอดอาหารมาหลายมื้ออีกด้วย จึงยืนเกาะอะไรก็เกาะอยู่อย่างนั้น ไม่ไปไหน ก็นกมันเหนื่อยนี่หว่า

ข้อที่สอง สถานที่อยู่อาศัย ข้อนี้ เพราะว่านกแสกเขาไม่ชอบแสงสว่าง เขาจึงหาที่มืดๆ เย็นๆ นอนอยู่ในตอนกลางวัน ซึ่งมักจะเป็นโพรงไม้ใหญ่ แต่เมื่อหาต้นไม้ไม่ได้ ก็หาต้องไปหาที่สงบๆ เงียบๆ และในเมืองเก่าๆ ก็น่าจะมีวัดร้างเยอะ นกแสงจึงถูกพบได้บ่อยแถว หลังคาโบสถ์ เมรุเผาศพ เพดานศาลา ซึ่งมักจะเป็นวัดร้างหรือวัดที่เงียบสงบ อย่างวัดธาตุทองนี่ นกแสกเขาคงไม่ไปอยู่หรอก เพราะจัดงานศพกันคืนละ 20 งาน เรื่องที่พบตามเมรุ ที่ว่าเป็นสถานที่ที่น่าจะร้อน ก็ต้องดูด้วยว่า เขาไม่ได้มาอยู่ตอนวันร้อนๆ ถ้าคุณอยู่ต่างจังหวัดแบบผม ก็จะรู้ว่าวัดนอกเมือง ที่อยู่ไกลแสงสีเสียง เขาไม่เผาศพวันละ 2-3 ศพเหมือนวัดในกรุงฯหรอก เดือนหนึ่งก็มีตายไม่กี่ราย ลูกๆหลานๆก็หนีไปอยู่เมืองหลวงหมด บ้านช่องไม่ค่อยมีคนหรอก คนแก่ก็ตายกันยกรุ่นไปในช่วงใดช่วงหนึ่ง ที่เหลือก็มีแต่สุขภาพที่สู้แดดสู้ลมสู้ฟ้าฝนได้ เมรุทีไหนจะมาร้อนเป็นเตาอบพิซซ่าได้ทุกวัน ดังนั้นเมื่อในวัดก็มักจะพบนกแสก ถ้าเข้าไปในที่รกร้างก็มักจะเจอเจ้าที่ ซึ่งก็เป็นนกแสก ที่ยืนมองหน้าเรา แบบว่า “พวกแกมาทำไม?” และมันก็เป็นนกประหลาดที่มันไม่เคลื่อนไหวลำตัว มันหันแต่หัว แบบหนังผี สัตว์แพทย์อธิบายว่ากระดูกคอของมันทำได้แบบนั้น คือหมุนได้เกือบ 360 องศา เลยยิ่งทำให้มันน่ากลัวเข้าไปใหญ่

ข้อที่สาม การกินอาหารของนกแสก เขาเป็นนกที่แปลกมา คือทานอาหารเข้าไปในท้องทั้งตัวเลย ซึ่งผิดกับเหยี่ยวที่จะฉีกเป็นเส้นๆ แบบหมูฝอย (เออ...ชักจะหิว) เวลาเขาย่อยแล้ว เขาจะสำรอก พวกกระดูกและขนที่ย่อยไม่ได้ก็จะออกมา ซึ่งเหมือนซากสัตว์แห้งๆ ที่โดนพวกเอเลี่ยนทำการผ่าตัดหรือราดด้วยน้ำกรด แถวบ้านผมเมื่อ 20 ปีก่อนก็มีซากแบบนี้ให้เห็นตามต้นไม้ ตอนนั้นตกใจว่า ตัวอะไรมากินวิญญาณหนูพวกนี้เข้าไป บางทีก็เห็นเป็นซากกระรอกเกาะแห้งบนเสาไฟฟ้าสูงๆ เหมือนกับว่ามันหนีสัตว์ร้ายแล้วไปกลัวจนหัวใจวาย แล้วก็กลายเป็นซากแห้งๆ เหมือนกับหนังฝรั่งที่มีหนอนยักษ์อยู่ใต้ดินคอยมุดไปกินคนตรงโน้นตรงนั้น มาวันนี้ถึงเข้าใจว่า เป็นการสำรอกของพวกนกตระกูลนี้นี่เอง

ข้อสี่ ที่ว่าทำไมต้องไปเกาะบ้านคนตาย เรื่องนี้ต้องบอกว่าผมขอเดาเอาเอง บ้านนั้นน่าจะมีคนป่วย และด้วยการไม่มีวิธีการบำบัดหรือกำจัดของเสีย เช่นสำลีหรือเศษผ้าต่างๆ พวกผ้าที่เช็ดน้ำเหลืองหรือสารคัดหลั่ง การทิ้งขยะแบบโยนทิ้ง ไม่ได้ฝังกลบ หรือเพราะมีคนป่วยจึงไม่มีเวลาทำความสะอาดบ้าน พวกหนูจึงบุกมาทำรังที่บ้าน นกแสกก็เลยใช้เป็นที่หากิน หรือไม่ก็บ้านคนป่วยมีคนอยู่ไม่กี่คน ไม่มีการเคลื่อนไหวของผู้คนมากนัก ดูแล้วเงียบๆ นกเขาก็เลยเห็นว่าสงบดี เขาก็เลยมาขออยู่ด้วย นี้ถ้ามีคนหัวไว ไปตั้งชื่อเขาว่า นกแจก(ทอง) คนคงจะดีใจที่เขามา ถึงมีคนตายก็จะเชื่อว่า เป็นเทวดามารับไปสวรรค์ มาช่วยให้หมดความทุกข์ทรมาน

ส่วนเรื่องที่ว่าเป็นทูตแห่งความตาย คุณคิดว่าที่ไหนมีคนตายมากและบ่อยที่สุด ถะ ถะ ถูก ถูกต้อง แล้วค๊าบ โรงพยาบาล อย่างไรหละ เราเคยได้ยินนกมันไปร้องที่โรงพยาบาลหรือเปล่า ที่ไม่มีเพราะเขาเก็บขยะและมีมาตรการด้านสุขอนามัยดีมาก เลยไม่มีพวกหนู หรือสัตว์อะไรที่เป็นอาหารให้นกกินได้เลย ใช่หรือไม่? อีกเรื่องก็คือ นกที่เราเห็นในข่าวนั้น เราจะรู้ได้อย่างไรว่าไม่ใช่นกที่มีคนเลี้ยง โดยเฉพาะการเก็บเอาลูกนกไปเลี้ยงแล้วก็ไม่อยากเลี้ยงในกรงเพราะตัวมันโตมาก คุณว่าใครในวัดที่สามารถเลี้ยงนกได้หละ แล้วพอมันโตขึ้นมันแหกปาก “แสกๆ” ด้วยเหตุผลต่างๆ จึงต้องเอาเขามาทิ้งไว้ที่ต้นไม้ เป็นแบบนี้ได้หรือไม่? แล้วก็แอบเอาอาหารไปส่งให้เขากิน เพราะกลัวเขาอดตาย นกเองก็เรียนรู้ว่า คนนี่เองคือผู้เสริฟอาหารให้มัน มันต้องแหกปาก เดี๋ยวคนก็เอาอาหารมาให้อีก และคนที่แต่งการด้วยชุด เสื้อผ้าเหมือนๆกัน นกเขาแยกไม่ออกก็ได้ เขาเลยชินไปหมดกับคนที่แต่งตัวเหมือนๆกัน เลยกลายเป็นนกที่ไม่สามารถล่าเหยื่อ ไปไหนก็ไปไม่ได้ไกล เห็นมนุษย์คล้ายๆเจ้าของเก่า ก็เลยอยากไปอยู่ด้วย เป็นไปได้หรือเปล่าครับ?

ข้อห้า การบินข้ามบ้านใคร เกาะหลังคาบ้านใคร บ้านนั้นตายแน่ๆ เรื่องนี้ คุณคิดว่านกมันบินอย่างไร มันบินตามถนนหลวงที่ไม่มีบ้านคน แล้ว วกเขามาที่หน้าบ้าน (ทำตัวเป็นมอเตอร์ไซด์รับจ้างหรืออย่างไร?) คุณว่านกมันบินวนบนหลังคาบ้านคนๆนั้นบ้านเดียวหรือเปล่า? มันบินอ้อมหลังบ้านคนอื่นหรือครับ บ้านเราๆท่านๆก็ติดกัน บ้านใครได้ยิน บ้านอื่นๆก็ต้องได้ยิน นกมันก็บินผ่านบ้านไม่เลือกหรอกครับ ผมคิดว่ามันบินมาถึงบ้านนั้นได้ ก็ลอยผ่านมาประมาณ 100-150 หลังคาเรือนแล้วหละ ทำไมไม่ตายกันซะล้นวัดไปเลยหละ ดีนะที่มันไม่บินผ่านโรงแรมหรือคอนโดฯ หรือสนามกีฬาแห่งชาติ อันนั้นก็คงตายเป็นพันเลยกระมัง ถ้าเชื่อว่าเป็นเรื่องเล่นลับ ก็เอามุมดีๆมาคิดดีกว่านะครับ คิดว่าเขาเอาสิ่งดีๆมาให้อย่างที่คนอินเดียหรือฮินดูเขาเชื่อ หรือคิดว่าเขามาเตือนว่า เวลาของคนเรามันไม่ได้ยาวนาน หมั่นทำความดีกันไว้ ลูกๆได้กตัญญูพ่อแม่หรือยัง คนชั่วได้ยอมรับผิด ยอมแก้ไขตัวเองหรือยัง ไหนๆจะบอกว่ากลัวความตายแล้ว ก็กลัวให้มันมีประโยชน์กันดีกว่า ไม่ใช่กลัวตายแล้วหาทางฆ่านก อีกพวกก็มาได้ทุกงาน มาหาหวย มาหวังรวย พวกนี้เขาจะบอกว่า ไม่ได้ทำอะไรให้ใครเดือนร้อน จริงหรือพี่ท่าน?

ข้อหก อยู่ๆนกแสกบินเข้าเขตชุมชนทำไม ผมคิดว่ามันอาจจะอยากหารังให้ลูกของมัน เพราะที่อยู่เดิมอาจจะไม่ปลอดภัย ต้องดูข้อเท็จริงด้วยว่า บ้านที่เขาไปเกาะนั้น อาจจะมีทำเลที่ดี เพราะจาการดูรูปถ่ายของนกแสก หรือนกตระกูลนี้ พวกเขามักจะชอบห้องใต้หลังคามาก เราต้องรอคนที่มีบ้านเป็นตึกหลังคาเป็นปูน หรือเพิงหมาแหงน ว่า เคยมีนกแสกมาเกาะหรือไม่ เรื่องนี้ต้องหาข้อมูลอีกเยอะ แต่ผมขอตั้งเป็นมุมมองนอกกรอบเอาไว้ก่อน

ข้อที่เจ็ด ถ้าคุณเคยเลี้ยงนกหลายๆสายพันธุ์ คุณอาจจะขำก็ได้ว่า คนเราคิดว่าเสียงดัง แสกๆ แขวกๆ นั้นต้องเป็นนกแสกเท่านั้นได้อย่างไร นกที่ร้องและพูดเลียนเสียงคนนั้น เขาก็ทำเสียง แสกๆ ได้นะครับ และก็มีนกตัวโตๆที่ร้องได้แสบแก้วหูอีกหลายยี่ห้อ เอ้ย...หลายชนิด ว่างลองไปเที่ยวสวนสัตว์ดูจะได้รู้ว่านกแสกมันร้องอย่างไรกันแน่ แต่ขอบอกว่ามันร้องน่ากลัวมากๆ ถ้าอยู่คนเดียวตอนดึก แล้วมันแวะมาทักทาย

สุดท้ายท้ายสุด มาดูที่ของดีหรือ OTOP ของวัดบ้านสร้าง ได้แก่ น้ำปลาหวาน(บรรจุขวดให้เลย) ดอกไม้ประดิษฐ์ เสื่อทอ พรมทอ และที่มีชื่อเสียงมากคือ การรับตัดเย็บเสื้อโหล ซึ่งหมายถึง เสื้อผ้าชุดกีฬาเป็นทีม เป็นโรงเรียน ... มีทั้งสั่งตัดเป็นงานๆไป และทำสำเร็จรูปแล้วเอาไว้ให้เลือกซื้อ สอบถาม อบต. เอาเองก็แล้วกัน

อันนี้ก็ของแถมให้อีก นั่นก็คือ พวกเซียนพระทั้งหลายเขาทราบดี เขารู้จักวัดบ้านสร้างกันพอสมควร ส่วนพวกที่ไม่ทราบก็ลองอ่านดู เผื่อจะได้มุมมองว่า ทำไมวัดบ้านสร้างถึงไม่ใช่วัดธรรมดา ผมขอบอกว่า ในตลาดพระ จะมีพระเครื่องจำหน่ายจากการสร้างจากวัดนี้หลายรุ่น แต่ราคาไม่แพงเป็นล้านๆบาทกันหรอกครับ ของดีวัดนี้มีอะไรบ้างนะหรือ ก็ได้แก่ เหรียญหลวงพ่อพัน ปี2459, เหรียญหลวงพ่อพัน ปี2485, เหรียญพระครูปิยธรรมโฆสิต 2515, เหรียญอาจารย์ส่าง ปี2536, และเหรียญหลวงพ่อจวน 2537 เอาแค่นี้ก่อนก็พอ ไหนๆสื่อก็เปิดประเด็นที่เกี่ยวข้องกับวัดบ้านสร้างขึ้นมาแล้ว ผมก็ขอเอาเรื่องดีๆของที่นี่มาให้ทราบบ้าง ใครมีอะไรจะมาเสริมว่า ที่วัดนี้ยังมีเรื่องอะไรให้ update กันได้อีก ก็ฝาก comment ไว้ได้นะเจ้าคะ









zOOmzERo2009





Violent Valley
Violent Valley
Violent Valley
Violent Valley




Create Date : 16 กันยายน 2552
Last Update : 17 มิถุนายน 2554 19:38:08 น. 18 comments
Counter : 2916 Pageviews.

 
มาแล้วค่ะ จริง ๆ มานานแล้ว แต่เรื่องยาวเหลือเกินกว่าจะอ่านจบเย็นพอดี *-* ขยันพิมพ์จริงจริ๊ง

แหมพี่ชายนู๋นี่ in train เอ๊ย intrend นะคะ ลงเรื่องเข้ากับสถานการณ์ตลอดเลย วันนี้อ่านแล้วมีคำถามมาถามด้วย เอารูปนกฮูก นกแสก นกเค้าแมว แล้วก็ไอ้นกตระกูลนี้มาให้ดูเปรียบเทียบหน่อยสิคะ ว่ามันต่างกันตรงไหน นู๋ก็ยังไม่เก็ทอยู่ดี ว่าดูแล้วจะรู้ได้ไงว่าตัวนี้นกแสก ตัวนี้ นกเค้าแมว เค้าหมา หรือว่านกฮูก นู๋ว่าหน้าตามันก็แนวเดียวกันไปหมดเลยง่ะ *-*

แต่ว่าเรื่องความเชื่อพวกนี้นี่จะบอกว่าอยู่คู่คนไทยและประเทศไทยมาน๊าน นานแล้วจริง ๆ นะคะ ดูจากหนังโบราณทั้งหลายในอดีตถึงปัจจุบันก็มีสอดแทรกความเชื่อพวกนี้เสมอ ๆ และบางอย่างก็พิสูจน์แล้วว่าเป็นจริง บีมีหนังสือประเภทนี้หลายเล่มเลยทีเดียว ตั้งแต่หนังสือพวกความเชื่อ เคล็ด ลาง อาถรรพ์ ที่เชื่อกันมา พร้อมคำอธิบายและเหตผลเสริมที่อ่านดูแล้วก็น่าเชื่อถือได้อยู่หลายอย่างทีเดียว แต่บางอย่างที่ก็ไม่รู้ว่าพิสูจน์ได้จริงแค่ไหนแต่เชื่อกันก็อย่างเรื่อง จิ้งจกทัก ตุ๊กแกทัก แมงมุมตีอก หรือสัตว์ตัดหน้า สัตว์ตกใส่ อะไรทั้งหลายแหล่พวกนี้ไม่มีเหตุผล แต่กลับมีตำรา (ที่บ้านมีอีกเหมือนกัน) บอกกันเลยทีเดียว ว่าจิ้งจก ตุ๊กแกร้องกี่ที แปลว่าแบบนี้ แบบนั้น สัตว์วิ่งผ่านจากทิศไหนแปลว่าอะไร สัตว์ตัวไหนตกใส่แปลว่าอะไร ลางดีลางร้าย หรือตากระตุก คิ้วเขม่น โอ๊ย เยอะแยะมากมายค่ะ หนังไทยยังมีอีกอย่างคือพวกกระจกรูปถ่ายหรือรูปภาพแตก ถ้าแตกปุ๊บ รู้ได้เลย ว่าเดี๋ยวไอ้คนในรูปต้องตายแน่ ๆ หึหึ ว่าแต่คุยเรื่องนกไป ๆ มา ๆ มาเรื่องอะไรกันเนี่ยะ *-* แต่ก็ยังอยู่ในโหมดความเชื่ออยู่น้า

พวกฝรั่งก็มีความเชื่อหรือความกลัว สัตว์ประเภทนี้อยู่เหมือนกันค่ะ แต่หลัง ๆ ก็เริ่มเปลี่ยนทัศนคติกันจนเริ่มมีการเอานกฮูกมาเลี้ยงในบ้านกันแล้ว นู๋ว่าหน้าตามันออกจะน่ารักดีออกน้า หน้าตาสงบนิ่ง ไร้อารมณ์ในทุกสถานการณ์ และดูเป็นผู้คนแก่เรียน การ์ตูนเด็กทั้งหลายถึงจับคาแรคเตอร์นกฮูกมาเป็นผู้รู้กูรู้ในหมูสัตว์ป่าทั้งหลายอยู่เป็นประจำ อิอิ อ้าว ไปนิทานซะแล้วแฮะ นิทานเสร็จมาหนังต่อ ดูอย่างเรื่องแฮรี่ พอตเตอร์ ซิคะ ยังเลี้ยงกันเป็นสัตว์สื่อสารกันเลย แทนนกพิราบสื่อสาร ส่งจดหมายให้ใครก็ส่งถูกหมด อุอุ เก่งจริง ๆ ถ้าเรื่องนกฮูกสื่อสารอาจไม่รู้และไม่แน่ใจว่าทำได้จริงแค่ไหน แต่สำหรับนกพิราบนี่คุยได้ค่ะ เพราะพ่อนู๋เลี้ยงเป็นฟาร์มนกพิราบแข่งเลยเชียว ถ้วยรางวัลเต็มบ้าน แต่ใช่ว่ามันจะฝึกกันง่าย ๆ ซะเมื่อไหร่ ต้องทุ่มเททั้งเวลา และเงินค่าอาหารนกอีกมากมายทีเดียว ต้องขับรถพาไปปล่อยตามจุดที่อยากให้มันจำได้อยู่เป็นเดือน ๆ หรือหลายเดือน และต้องตรงเวลา เยอะแยะมากมายกว่าจะทำได้ ไม่ใช่บอกให้ส่งจดหมายให้พี่ชาย แล้ววันบินไปหาถูกเลยซะเมื่อไหร่

เอ๊ะ คุยไปคุยมาไปดาวอังคาร กลับมาดาวเสาร์ไปหลายดาวแล้ว กลับมาเรื่องเดิมอีกที ที่อ้อมโลกไปมาทั้งหมด ก็จะบอกว่า ความเชื่อมันปลูกฝังกันมาช้านานจนแทบจะแยกไม่ออกกับคนไทยไปแล้วค่ะ ถึงหลาย ๆ เรื่องวิทยาศาสตร์สมัยใหม่จะมาไขข้อข้องใจให้ได้รู้กันแล้วก็ตาม ว่าไม่จริงหรือไม่ตรงตามที่เชื่อกันมา แล้วจำกันที่ไหน เขาก็ยังจำกันได้แต่เรื่องที่เล่ากันมายาวนานเป็นตำนานนั่นแล เพราะตำมานานก็เลยเข้าลึกถึงเนื้อกว่าที่เพิ่งตำแป๊บเดียวไง (เอ๊ะ ใช่มั๊ยง่ะ) อิอิ แต่สรุปแล้ว จริงไม่จริงไม่รู้ แต่ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ อุอุ ว่าแต่ใครซื้อหวยไปป่านนี้ก็โดนกินเรียบกันไปเรียบร้อยแล้วสิเนี่ยะ อิอิ

ว่าแต่ว่า แหมตาอ้วนชวนกินวันนี้รู้จักที่กินที่ยุดยาเยอะจังเลยนะคะ ไปกับสุดเลิฟตลอดหรือว่าแอบแว่บนัดกิ๊กที่ไหนไปกินบ่อย ๆ เนี่ยะ น่าสงสัยจิง ๆ หึหึ ทีน้องนุ่งไม่เห็นชวนไปม่างเลยนะ งิ งอล

อุแหม วันนี้อัพบ๊อกใหม่แล้ว บ๊อกเก่า ๆ ยังปะทะคารมกันไม่เส็ดรุย นู๋ว่านะ พี่ชายกะนู๋ย้ายบ้านมาอยู่ข้างบ้านกันเลยดีกว่า ได้คุยกันได้ตลอดเวลา คุยกันแบบนี้ ม่ายเร้าจายรุย งุงิ

แวะมารอบเย็น ๆ ก่อนไปนอนดูหนังตบตีรอยรัก รอยบาปต่อค่ะ งิงิ ^_^

บับบาย จุ๊บ ๆ ๆ


โดย: นู๋ Beee น้องสาวแสนซน IP: 124.121.107.232 วันที่: 16 กันยายน 2552 เวลา:18:45:33 น.  

 

Believed in God
Even For the hardest things
with his help and blessing
everything will be just fine..
God please be with me and blessed me
for ever


โดย: da IP: 124.122.120.201 วันที่: 16 กันยายน 2552 เวลา:21:33:44 น.  

 

Believed in God
Even For the hardest things
with his help and blessing
everything will be just fine..
God please be with me and blessed me
for ever


โดย: da IP: 124.122.120.201 วันที่: 16 กันยายน 2552 เวลา:21:58:39 น.  

 
อ่า... 2 เม้น ข้างบนคืออารัยอ่า *-*


โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมยุ่ง IP: 125.24.114.108 วันที่: 18 กันยายน 2552 เวลา:4:33:22 น.  

 
ก็น่าจะเชื่อนะเพราะตอน ปี 45 ตี 4 เคยฝันว่ามีผู้หญิงมาถามขายบ้านให้
แต่ดิฉันไม่ซื้อเธอโกรธมากและบอกว่าถ้าอย่างงั้นจะหาลูกผัวมาอยู่ด้วยดิฉันสดุ้งตื่นเลยไปเข้าห้องน้ำได้ยินเสียงนกแสกร้องดังและชัดเจนมาก
พอตอนเย็นสามีก็ถูกรถชนเสียชีวิต


โดย: spider IP: 125.26.167.71 วันที่: 18 กันยายน 2552 เวลา:10:30:37 น.  

 
อ่า... *-*


โดย: นู๋ Beee เองค่ะ IP: 125.24.174.8 วันที่: 19 กันยายน 2552 เวลา:19:26:20 น.  

 
ขอโต้ดด้วยนะคะ
จขบ หายไปหลายวันเพราะไปต่างจังหวัด เอ้ย...ตปท
งวดนี้ไป โสคะปิง ช๊อปกันจนเคย์ดีดการ์ดขาดกระจายเลย
พูดฝรั่งปนจีนสนุกมาก
โอเค ล่า
ดีสเค้าท์อะลิทเติ้ลมอร์ ไอวิวเปย์แคส

ขอบคุณน้องบีมากที่แวะมาเยี่ยม
เดี๋ยวพี่ชายไปหาข้อมูลเพื่อมาตอบคราวหน้านะ

คุณ da เขาเป็นใคร พี่ก็ไม่ทราบ
รู้แต่ว่าท่านจะมา comment คราวละ 2-3 อันแบบนี้แหละ
ไม่เชื่อลองเอาข้อความของท่านเข้า google ดูซิ แล้วจะอึ้ง

สำหรับคุณ spider
ผมลองอ่านอยู่หลายรอบ รู้สึกงงนิดหน่อย
อย่างไรก็ตาม ผมขอแสดงความเสียใจกับการจากไปของสามีคุณด้วย
เรื่องนี้มีเรื่องการฝัน และลางสังหรณ์เข้ามารวมกับเรื่องนกแสกอีก
ผมว่าต้องคุยกันยาว แต่คุณจะกลับมาอ่านข้อความของผมหรือเปล่า?
อันว่าความเชื่อ ความศรัทธาของคนเรานั้น เป็นเรื่องที่ไม่ควรเถียงกัน
ถ้าจะเสนอมุมมองให้กันและกัน อันนี้ก็ดีอยู่หรอกครับ
ผมเองก็เพิ่งจะเสียคุณพ่อไปเมื่อเดือนมีนาคมนี้
และคุณจะเชื่อหรือไม่ว่าผมไม่เคยเชื่อเรื่องเสียงของนกแสกนี้เลย
แต่น้องสาวบอกว่าได้ยินเสียงนกประหลาดๆก่อนวันที่ท่านเสียประมาณ 2 วัน
ผมเองและคนในครอบครัวก็ได้ยินเสียงสุนัขหอน 5 คืน
และเป็นตอนเที่ยงคืนพอดิบพอดีของทุกวันที่สวดศพกัน
เรียกว่า 6 ชั่วโมงต่อจากนั้น ไม่มีใครกล้าไปเข้าห้องน้ำคนเดียวเลย
ผมเองนั้นคงเป็นข้อยกเว้นอยู่คนเดียว
เพราะอยากเจอมาก ไม่ได้ท้าทาย
แต่อยากบอกอะไรท่านหลายอย่าง
อยากถามหลายเรื่องที่คาใจ โดยเฉพาะเรื่องมรดก
และอยากให้ท่านสอนอะไรอีกในเรื่องที่ท่านได้ไปเจอมา
สงสัยท่านคงรู้ว่า ถ้ามาให้เห็นคงจะต้องเหนื่อยแน่ๆ เลยไม่ยอมมา
แต่เรื่องสุนัขหอนนั้น จริงๆมันหอนบ่อย แต่เรามักจะไม่ได้สนใจมากกว่า
พอตั้งใจจับผิด นอนฟังเสียงมันติดต่อกันเป็นเดือน
ปรากฎว่าสุนัขมันหอนคืนที่ฝนไม่ตกนี่แหละบ่อยมากๆ
ถ้าวันไหนฝนตกฟ้าคะนอง หมาไม่ยอมหอน
ถ้าจะให้ผมเอาเรื่องหมาเห็นผีแล้วต้องหอนเป็นสมมติฐาน
ผมก็ขอฟันธงได้เลยว่า วิญญาณหรือผีจะไม่มาวันฝนตก
หรือไม่ ถ้าผีมาจริง หมามันก็หยุดงานเพราะฝนตก เลยไม่ได้หอน
ซึ่งเจ้านกแสกก็เหมือนกัน ถ้าบ้านไหนจะมีคนตาย
แต่ดันเป็นหน้าฝน รับรองนกแสกไม่บินมาบอกข่าวร้ายหรอกครับ
มันคงไม่อยากเปียก
เพราะที่บ้านของมันไม่มีผ้าเช็ดตัว

สำหรับวิญญาณที่มาเข้าฝันคุณ spider
ถ้าเขามาเอาชีวิตคนที่ไม่ถึงคาด แล้วยังลอยนวลทำกับคนอื่นได้เรื่อยๆ
ผมว่าหน่วยงานในยมโลกคงต้องโดนปลดโดนย้ายงานกันได้แล้วหละ
เพราะการที่คนดีๆคนหนึ่งถูกสิ่งไร้สถานะภาพทางชีวิตฆ่าได้ง่ายๆ
แล้วเราจะทำดีไปหาพระอาจารย์แสงอะไรกัน
ไปหาศาสนาอื่นนับถือกันดีฝ่า ศาสนานี้ไม่แฟร์
หน่วยงานที่ดูแลเรื่องวิญญาณก็ไม่เวิร์ค (ตามสมมติฐานนี้เท่านั้นนะ)
สำหรับผม ผมว่าคนเราทำกรรมอะไรก็ได้รับกรรมนั้นต่างหาก
ไม่มีใครมาเอาชีวิตเราได้หรอก


โดย: zoomzero วันที่: 21 กันยายน 2552 เวลา:22:58:40 น.  

 
อุแหม พี่ชายหนีไปเที่ยวกะกิ๊กถึงเมืองนอก ล่ะ เลยเหย๋อ ล่ะ งิงิ

คิดถึงจาแย่แว๊วนะเนี่ยะ จาไปไหนก้อม่ายบอกกานรุย งอลแร๊
ดูจิ๊ มะมีใครมาปะทะคารมด้วยรุยอ่า ง่วงมากแร๊วันนี้ ไปนอนดีฝ่า เดี๋ยวพรุ่งนี้มาวิ่งเล่นใหม่นะคะ บับบายค่ะ ^_^


โดย: นู๋ Beee เองค่ะ IP: 125.24.99.21 วันที่: 22 กันยายน 2552 เวลา:1:18:00 น.  

 
ขอโทษอีก 108 ครั้ง
หลังๆมานี่ เราเหมือนอยู่ห่างกันคนละประเทศเลยนะ
ไม่ได้ยินเสียง ไม่เห็นหน้ากันเลย ไม่เขียนอะไรนินทาใครเลย
แต่ไม่ได้หมดความห่วงใยนะ
ยังรักน้องนุ่ง
ยังรักสมาชิกในหุบเขาทุกท่าน

ไปเที่ยวคราวนี้ไปแบบไม่ง้อทัวร์
เพราะไป Singapore Airline
เขามีโปรโมชั่นเรื่องโรงแรม รถรับส่ง รถเมล์ฟรี(เลียนแบบนโยบายสมัยนายกสมัคร)
ลดแลกแจกแถมหลายๆเรื่อง
ตอนแรกคิดว่า taxi แพงเพราะเริ่มต้นกดมิเตอร์ก็ จะร้อยบาทแล้ว
แต่เทียบกับการเดินมุดดิน นั่งรถตัวตุ่น มุดๆๆๆ แล้วไปโผล่บนดิน
ขอบอกว่าเมื่อยขามากๆ และแม่ของกระผมท่านก็เจ็บเข่าอยู่ก่อนแล้วด้วย
แค่ข้ามถนนด้วยทางเดินใต้ดินจากห้างหนึ่งไปอีกห้างหนึ่ง
เหมือนเดินรอบสนามหลวง 2 รอบ ต้องนั่งพัก 5 นาที
กินน้ำไปก็ขวดละ 30 บาท (น้ำเปล่าๆหรือน้ำอัดลมก็ราคาไม่หนีกัน)
ส่วนรถเมล์มันมีตั้ง 30 กว่าสายบน 1 ถนน
แถมมันอัพเดทและเปลี่ยนเส้นทางบางสายด้วย
เพราะเขาปรับปรุงการจราจร ไอ้หนังสือที่ซื้อไปก็เลยผิดพลาดนิดๆหน่อยๆ
รถเมล์ฟรีก็มาห่างกันเกือบเป็นชั่วโมง
เลยใช้ taxi และด้วยเหตุที่ว่ารถไม่ค่อยติดขนาดใจกลางเมืองแท้ๆ
ป้ายอัจฉริยะของจราจรมันดีกว่าป้ายอุจจาระของบ้านเราเยอะ
มันบอกว่ามีรถมากน้อยที่ไหนมันนับจำนวนคันให้เลย
(เหมือนป้ายในที่จอดรถของสยามพารากอนเรานั่นแหละ)
จะไปตรงไหนมันคำนวนเวลาให้เลย
อย่างมันบอกว่าจากแยกนี้ไปถนนนั้น 15 นาที
มันก็ 15 นาทีจริงๆ
ต่อให้ยอดมนุษย์มาต่อยตีกับสัตว์ประหลาดขวางหน้า
taxi เขาก็สามารถพาไปในเวลาที่ป้ายมันบอกว่าเท่านั้นนาทีจริงๆ
ที่แย่คือ เขาจอดรถ(taxi)เป็นจุดๆ
ไม่ได้จอดแหลกเหมือนโชเฟอร์เมืองไทย
บางจุดเขาส่วเราแล้ว เรายังต้องเดินไปอีกหลายร้อยก้าว (555 เริ่มโม้)

ป้าดรากี้วอน บอกว่าอย่าเล่าให้ฟังเลย
เขียนเป็นบล็อกดีกว่า (สงสัยไม่มีเวลาฟัง คงนั่งนับเงินอยู่ ขนาดเข้ามาเม้นท์ยังไม่ยอมมาเลย)
ก็ดีเหมือนกันนะ
ว่าจะเขียน 52 ตอนๆละ สัปดาห์ ปีเดียวก็จบเรื่อง เอามาทำเป็นหนังสือได้
ว่าจะตั้งชื่อว่า "2009 เราไปเมืองสิงค์(Singapore)มาหละ"


โดย: zoomzero วันที่: 22 กันยายน 2552 เวลา:10:03:48 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณซูม อัพบล็อคได้ยาวมากกกกกกกกก
แต่อ่านไม่ละเอียดนะคะ
มีแอบตามไปชิมกะตาอ้วนด้วย 555
อ่านบล็อคทั้งหมดเลยไม่มีความเห็นเพราะคุณซูมปิดประเด็นไม่ให้คิดแปลกแตกต่างได้เลย 555


โดย: แป๋วภูเก็ต วันที่: 22 กันยายน 2552 เวลา:11:13:12 น.  

 
สวัสดีครับคุณแป๋ว
ขอบคุณที่ชมว่าบล็อคยาวมากกกกกกกก 555
กว่าผมจะหาตัวตนของตัวเองพบก็เลยสัปดาห์ที่ 12 ไปหลายเดือน
ไม่เหมือนพวก AF ที่ค้นพบตัวตนก่อนที่จะได้เป็นเดอะวินเนอร์
ตอนแรกก็พยายามอ่านบล็อกของมืออาชีพต่างๆในชุมชนนี้มากกกกกก เหมือนกัน
ทำให้วิเคราะห์ออกมา ตามกำลังสมองของตนได้เป็น 7-8 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
1. กลุ่มบล็อกสาระเข้มข้นถึงปานกลาง มีทั้งวิชาการและวิชากิน เรียกว่าต้องให้ 10 เต็ม 10 กันเลย ไม่มีคนพวกนี้ การมีบล็อกเหมือนผนังกำแพงที่เด็กวัยรุ่นเอาสีมาพ่นว่า ..พ่อหนูคือพ่อของสถาบันนั้นๆนี้ๆ ฯ
2. กลุ่มบันเทิงเชิงสร้างเครือข่ายคนคอเดียวกันหรือบล็อคมิตรภาพ มีทั้ง กวี เพลง งานประดิษฐ์ อ่านแล้วทั้งยิ้มทั้งอิจฉาที่พวกเขามีความสุข
3. ผลงานอัจฉริยะ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างงานใหม่ๆของพวกเขาเอง เช่น กลอน เรื่องสั้น การถ่ายภาพ วิธีคิด การแก้ปัญหา มุมมองดีๆ การค้นคว้าหาข้อมูลเชิงลึกแต่ไม่น่าเบื่อ อ่านแล้วงงว่า โอ้...คุณทำได้อย่างไร
4. กลุ่มจอมก๊อปแก็ป เซียนดูด ทั้งแบบให้เครดิตที่มา กับ แบบทำเนียนว่า ฉันคิดเองนะซิบอกไห่ ขนาดกลอนยังลอกเขามาทั้งดุ้น
5. ฟังเพลงเพราะๆออนไลน์ตามสไตล์ของใครก็ของใคร แบบนี้ไปเป็นดีเจได้เลย
6. แจกของฟรี ไม่ว่าจะเป็นภาพBG ของแต่งบล็อก และคำอธิบายดีๆสำหรับคนหัดสร้างบล็อกมือใหม่
7. พวกเลอะเทอะ ไร้สาระ บ้างก็ใช้ภาษาหยาบคาย บ้างก็ไม่ง้อให้ใครมาอ่าน น่ากลัวมั๊กมาก


แล้วผมก็ได้ลองผิดลองถูกมาในบางรูปแบบ
ต้องคอบถามน้องสาวคนหนึ่งว่า เขียนแล้วน่าอ่านหรือยัง? บ่อยๆ เพราะน้องมันบอกว่า หนูเองก็ไม่อยากอ่านยาวๆ
ตกลงมาพอใจแบบผสมทุกกลุ่มอย่างนี้แหละครับผม
ใครอยากหาสาระ ก็หาไม่เจอเท่าไหร่ เพราะจะแหกตาซะละมากกว่า
ใครอยากเจ๊าะแจ๊ะ แซวกัน ก็ไม่ค่อยฮาด้วย
เรียกว่าคิดอะไรแค่ 3 นาทีแล้วก็หาข้อมูลเพิ่ม
จากนั้นก็ทำโครงบล็อกออกมา 2-3 แบบ
แล้วก็เลือก 1 อัน เอามาปรับๆๆๆๆๆๆๆ จนหนำใจ
เหมือนเราคุยกับตัวเองดังๆ หรือไม่ก็คุยกับหมูแมวที่เราเลี้ยงไว้
ผมชอบที่คิดขวางๆ เพื่อรอคนมาท้าทายมุมมองอื่นๆ
เพราะกะลาบนหัวของแต่ละคนมันมีสีและใบใหญ่ไม่เท่ากัน

ต้องขอโทษคุณแป๋วด้วยที่ผมไม่ค่อยเว้นช่องให้เข้ามา Comment อะไร
แต่จริงๆแล้ว แค่ทักทายก็ โอเค แล้วหละคะ

อ้อ...เรื่องเขียนยาวๆนี่เป็นการซ้อมมือครับ
ไว้วันไหนดังขึ้นมา
รับรองว่ามีคนอ่านทุกบรรทัด 555
ขนาดเอาไอคอนมาลงเรียงๆกัน
รับรองต้องมีคนมาชมว่า ช่างคิดจริงๆอีตาซูมเนี๊ยะ



โดย: zoomzero วันที่: 22 กันยายน 2552 เวลา:14:45:33 น.  

 
สวัสดีรอบดึก ๆ ค่ะ วันนี้น้าไปทำงาน ฝนตก รถติด ดันออกใกล้ ๆ เวลาเลิกงาน นั่งแต๊กซี่ไปทำงาน ล่อไปเกือบ 2 ชม. ค่าแต๊กซี่ปาไป 200 แน่ะ *-*

เมื่อเย็นแอบมาอ่านรอบนึงแระ แต่ยังไม่จบ รีบออก ตอนนี้มาอ่านอีกรอบค่ะ ^_^ อ่าเรื่องประเภทเขียนบ๊อกนี่ ของบีคนประเภทที่ 5 สินะ ส่วนพี่ชาย น่าจะเป็นแบบสุดท้าย (รึเปล่าหว่า อิอิ)

หือ ว่าแต่ว่า มีกะว่าจะดังด้วยเหรอเนี่ยะ *-* โอ้โห คิดการณ์ไกลมั่กค่ะ อุอุ ว่าแต่จะดังเหรอ อุอุ

อ่า หลัง ๆ เราม่ายได้คุยกันตรงไหนงิ ก็มาพิมพ์ส่งสารกันอยู่ในนี้แล้วไงคะ :) พี่ชายแหล่ะ นี่ไปเที่ยวเอง งิ

ไปสิงคโปร์นี่ท่าทางเรื่องจะเยอะนะคะ ขนาดจะมาอัพได้เป็นปีเนี่ยะ -*- ถ้าแบบนั้นเปิดจัดทัวร์พาเที่ยวซะเลยง่ายกว่ามั๊ยคะ เห็นภาพของจริงกันไปเลย อุอุ แถมระหว่างพาก็ได้พูด ๆ ๆ ด้วย นู๋รู้ว่าพี่ชายเก็บกด หาคนช่วยฟังพี่ชายโม้ม่ายได้ช่ายม้า ก็จะได้โอกาสพูดตอนนี้แหล่ะ แถมทุกคนต้องจำใจฟังซะด้วย คิคิ มา เปิดทัวร์ค่ะ สร้างวิกฤตให้เป็นโอกาส งิ ต่อไปจากที่เคยบ่นเยอะแยะมากมาย อาจเปลี่ยนไปเมื่อได้เงินเป็นกอบเป็นกำ อุอุ

เมื่อวานดูรายการไตรภพ งิ มีนักสะกดจิตเปลี่ยนพฤติกรรม รักษาความกลัวต่าง ๆ ได้ นู๋ว่าจะไปปรึกษาอยู่ค่ะ จะให้ช่วยรักษาโรคสวยเกินเหตุ และโรคกลัวความจริงของโลกอันโหดร้าย อุอุ (โห โรคนี้รักษาได้มั๊ยเนี่ยะ)

พูดเรื่องคนแก่กับโรคปวดขา ปวดข้อนี้เข้าใจนะคะ เพราะเวลาพาคนอายุมากไปเที่ยวไหนแล้วเดินไม่ค่อยไหว แต่ก่อนก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าอะไรว้า เดินแค่นี้เอง ก็ไม่ไหวซะแระ เหนื่อยซะแระ เดี๋ยวนี้เป็นเองเริ่มเข้าใจ ตั้งแต่อ้วนเนี่ยะ เหนื่อยและเมื่อยง่ายจิง - - ยิ่งคนอายุ 60+ นี่ลงบันไดนิดหน่อยก็ไม่ไหวแล้ว ปวดไปหมด เหนื่อยด้วย ลำบากจังเน๊อะ นี่แหล่ะหนา สังขารไม่เที่ยง

เรื่องป้ายอัฉริยะที่เล่ามานี่ดีจังเลยนะคะ ฉลาดจังเลย เมืองไทยก้อมีทำน้า แต่รู้สึกว่าไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่เลยอ่า แค่มี 3 สี แดงเหลืองเขียวตามเส้นทางแค่น้านเอง งิ ส่วนจุดรับส่งแต๊กซี่นี่เมืองไทยก้อมีเหมือนกัน แต่ก้อยังคงโบกได้ทุกที่อยู่ดี เห็นเคยได้ยินช่วงนึงก่อนหน้านี้ ว่าจะเอาจริงแถวสยามอะไรแถวนั้น ว่าต้องเรียกตามจุดบริการเท่านั้น ใครเรียกนอกจุดมีจับปรับ แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีเลยแฮะ แต่ก็อย่างนี้แหล่ะนะไทยแลนด์

อ้อ แล้วถ้าพี่ชายจัดทัวร์เมื่อไหร่อย่าลืมเรียกนู่ไปเป็นเด็กติดรถด้วยนะคะ งิงิ กำลังหาอะไรทำ ตอนนี้ข้าวของอะไรก็แพงและขึ้นราคาไปหมดเลย แย่จัง สินค้าที่ขายของนู๋ก้อข่าวแว่ว ๆ ว่าจะขึ้นราคาตามเศรษฐกิจอีก เฮ้ออ มีกิจการอะไรดี ๆ จะแนะนำมั๊ยคะที่ไม่ต้องลงทุน ทำแล้วมีแต่กำไรอย่างเดียวอ่า นอกจากอาชีพขอทานแล้วเนี่ยะ มีอีกมะ อุอุ


โดย: นู๋ Beee เองค่ะ IP: 124.121.115.173 วันที่: 23 กันยายน 2552 เวลา:1:44:36 น.  

 
หวัดดีทุกคน (ขอนับดูก่อนมีกี่คนกันแน่ ...หนึ่ง แล้วก็.....เออ...หนึ่งคน พอดี)
ตอนนี้กำลังรวบรวมหลักฐาน เอ้ยข้อมูลเรื่องเมืองสิงคะปุระอยู่
กะว่าจะเล่าทั้งที่ตัวเองไปและเอาข้อมูลที่ไปเจอมาเอามายำรวมกันไปเลย
ไปเที่ยวคราวนี้ factor มันมีเยอะมาก แต่มันก็ลงตัวในแบบของมัน
โดยรวมแล้วสนุก และอยากให้คนอื่นลองไปเที่ยวเมืองนี้ดูบ้าง
เก็บเงินแค่ หมื่นกว่า บวกซื้อของอีกหมื่น ถ้าเก็บเดือนละ 2 พัน ปีหนึ่งก็ไปเที่ยวได้แล้ว
ไม่ต้องมีวีซ่า ออกไปแล้วกรอกเอกสารแค่ครั้งเดียว ขากลับเอาเอกสารส่วนที่เหลือส่งคืน ตม. ไม่ต้องกรอกอะไร 2-3 รอบให้ยุ่ง
ไปแล้วจะได้เห็นกรุงเทพฯในอีก 5-10 ปีข้างหน้า (ถ้าพวกมันไม่กัดกันจนบ้านเมืองฉายหิบไปเสียก่อน)

เรื่องประเภทคนเขียนบล็อก ก็ได้มาจากการถามgoogle ด้วยคำว่า 2 อันคือ bloggang กับ คำที่สนใจอีกคำ
เช่น สาระ, ไร้สาระ, ยอดมาก, เรื่องของฉัน, ขออนุญาตลอก, ไม่สน, ขอบคุณ, ฯ ก็ได้เจออะไรดีๆมาเยอะเลย
จริงๆก็มีแค่ไหนก็ไม่รู้หรอก แต่เราเองชอบคิด ชอบแบ่งหมวดหมู่ ก็เลยอยากจะแบ่ง
เรื่องนี้ยังมีประเด็นอีกอย่างคือ การเขียน comment ซึ่งมีอยู่ 6 แบบ คือ
1. คุยตามเนื้อหาสาระของบล็อก
2. แฟนคลับที่ตั้งหน้าตั้งตาชะเลียร์เชียร์ชม เอ้ย!ไม่ใช่ซินะ เขาเรียกว่ามองโลกด้านบวกเข้าไว้ รักกัน ทำตัวน่ารัก ดีที่สุด
3. ไม่สนใจข้อความของ จขบ หรือเทรนด์ที่เขาเข้ามาคุยกันในนั้น มาแบบจั๊มพ์เข้ามาแล้วจั๊มพ์ออกไปเลย เขียนเอาไว้ยังกับว่าเอาอีกบล็อกใส่โครม(บล็อกน้อยๆของตัวเอง)ลงไปแหมะ อย่างภาคภูมิใจ
4. พวกปั๊มป์บล็อก หรืออย่างที่เราเคยโดนป้ายเตือนเรื่องปั๊มป์กระทู้ ทำคะแนนโพสต์รีพลาย ฯ อันนี้แค่ 5 นาที พี่แกไปได้ 20-30 บล็อก
5. ชวนคุยกันเอง เอาเอ็มหรือเมล์เว็บมาไว้ตรงนี้ เหมือนเรา 2 คนไง คุยออกแนวส่วนตัวมากกว่าสาธารณะ
6. พวกทำตัวเป็นไอ้ตัวป่วน พวกนี้เอาอะไรมาโพสต์ก็ไม่รู้ ส่วนใหญ่เป็นศาสนาหรือปรัชญา ความเชื่อแปลกๆ ถ้าเป็นศาสนาก็ทำให้ศาสนานั้นเสื่อมลง เพราะทำให้เห็นว่าเพราะนับถือพระเจ้าหรือศาสดาแบบนี้ ถึงได้เพี้ยนได้ขนาดนั้น
แหม...วันๆ เอาแต่ว่าชาวบ้านนะตัวเรานี่ แต่ก็นั่นแหละถ้าไม่ว่าพวกมนุษย์ด้วยกัน จะให้ไปว่าคางคกที่ไหน หละ อ๊บ อ๊บ

เรื่องสะกดจิตเขาก็ว่ามีจริง แต่ไม่เคยเจอกับตัวจริงๆ เลยไม่เชื่อ พี่ว่าหมอสะกดจิตนั้นน่าจะอุทิศตัว เสียสละเวลาที่หายใจเปล่าๆ เอาไปสะกดจิตคนในคุกในตะราง หรือวัยรุ่นที่ก่ออาชญากรรม มีตั้งแต่ ตีกันฟันแทงเพื่อสถาบัน ลักทรัพย์ ค้ายาเสพติด ติดยาติดผง แข่งรถซิ่ง รถเครื่อง ไปจนถึงลวงหญิงมาบังคับข่มขืน หรือด้วยความสมัครใจก็ตาม โดยเฉพาะคนที่คิดฆ่าตัวตายแบบว่าขึ้นไปอยู่บนเสาไฟฟ้าหรือหน้าต่างหรือดาดฟ้าตึกสูงๆ ช่วยไปสะกดให้เขาหายคิดสั้นๆ หน่อยเถอะพี่ เออ..แล้วถ้าใครสะกดจิตให้กะเทยกลายเป็นแมน ทอมกลายเป็นหญิงได้นะ จะกราบเท้าออกทีวีเลย เอามั๊ยๆ มาดิ มาลองให้ดูหน่อย คุณกล้าทำเราก็กล้าทำนะ อั่นแน่...กำลังด่าเราในใจใช่มั๊ย ว่าหยายคาย ก็...สมองผมไม่ได้มีเอาไว้คิดเรื่องคอรัปชั่นนี่หว่า ถึงได้คิดโฉดๆได้อย่างนี้



โดย: zoomzero วันที่: 23 กันยายน 2552 เวลา:14:14:58 น.  

 
มาแว๊วคร้า งิงิ เมืองสิงคปุระ นี่น่าไปเที่ยวเน๊อะ จริง ๆ ก็อยากไปทุกประเทศแหล่ะ ฝันไว้อย่างที่เคยบอกว่าอยากเที่ยวรอบโลกให้ทั่วเลย แต่ม่ายมีทุนทรัพย์ ตังค์จะไปทำพ๊าดสะปอร์ต ยังม่ายมีรุย จะไปไหนได้งิ *-*
แล้วจะรออ่านยำใหญ่ในสารพัด เอ๊ย ยำใหญ่สิงคโปร์นะก๊ะ ^_^

เรื่องบ๊อกขี้เกียจคุยแล้วอ่า จะประเภทของบ๊อกหรือประเภทของคนเม้นก็ช่างเขาเต๊อะ จะไปคิดไปจัดประเภทให้ปวดหัวทำไมเน๊อะ ไหน ๆ เราก้อคุยกันสองคนอยู่แร๊ อิอิ

อ่า เรื่องสะกดจิตเนี่ยะนะคะ ตอนออกทีวีเขาพูดไว้ด้วยว่า ทั้งนี้และทั้งนั้นจะได้ผลหรือไม่ต้องอยู่ที่ความร่วมมือของผู้ถูกสะกดจิตด้วย คือถ้าเจ้าตัวไม่เต็มใจ ไม่ทำตาม ขัดขืนหรือจิตใจไม่ร่วมด้วยช่วยกัน ก็ไม่ประโยชน์ อะไรประมาณนี้แล ฉะนั้นแล้วอ่ะนะ เราก้อไปเถียงอะไรเขาแบบนี้ม่ายได้รุย เขากันไว้หมดแร๊ ว่าถ้ามะได้ผลก้อแปลว่าไอ้คนนั้นมานไม่ร่วมมือเอง คนจะสะกดจิตแล้วหายได้ก้อต้องอยากหายจริง ๆ และร่วมมือด้วย อะไรประมาณนั้นแล หึหึ

เปลี่ยนเรื่องกานดีกว่า เมื่อวานดูตีสิบมั๊ยคะ มีเอาเรื่องของคนเก็บขยะคนนึงที่รายการเอามาออกว่าเขาไปฝากเงินเข้าแบงค์วันละ 20 บาท ทุกวันมาเป็นสิบกว่าปี จนมีเงินในแบ๊งค์กว่าครึ่งแสน เอามาให้เห็นถึงความพยายาม ขยัน อดออม อะไรนี่แล แล้วก็เหมือนจะมีปัญหาด้านสมองด้วย ก็น่ารักดีนะคะ แถมพอมาครั้งนึงแล้วคนชอบ มาทำเป็นซีรี่ตามติดชีวิต มาออกภาค 2 ภาค 3 ต่อซะด้วย หึหึ ว่าแต่ทำไมเราเก็บเงินใส่กระปุกทุกวันเหมือนกัน ไม่เห็นมีใครพาไปออกทีวีมั่งเลยอ่ะ พี่ชายไปโทรแจ้งรายการโทรทัศน์ให้หน่อย อยากดังม่างง่ะ งิ


โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมป่วน IP: 124.121.115.173 วันที่: 23 กันยายน 2552 เวลา:16:33:22 น.  

 

เรื่องสะกดจิตจบไม่ลงง่ายๆหรอก อยากคุยอีก 3 เดือน เอามั๊ย?
ก็ทีคนที่เขาโดนสะกดจิต โดนเอาเงินเอาทองไป ก็ยังมีเป็นข่าวให้เห็นบ่อยๆ
คนๆนั้นเขาก็ไม่ยอมไม่ใช่หรือ?
ทำไมถึงอ้างว่าต้องยินยอมกันก่อนถึงจะสะกดจิตได้
อย่างมายากลเขายังสุ่มคนดูขึ้นมาสะกดจิตได้เลย หรือว่านั่นคือ หน้าม้า
แล้วหน้าม้ามีสถานที่ปรากฎกายแค่บนเวทีมายากลเท่านั้นหรือเปล่า?

ในประวัติศาสตร์ก็บันทึกว่า รัสปูตินนี้เป็นจอมสะกดจิต เลยนะคะ
ไม่รู้ว่าฝรั่ง(แขกรัสเซีย)เขียนหลอกเราหรือเปล่าว่า ของเขาเจ๋งจริงๆ
แต่พี่จำได้ว่าสาวๆในวัง เสร็จ(สม)ท่านอาจารย์รัสปูตินของพี่เกือบหมดวัง
เพราะท่านใช้วิชาสะกดจิตนี้แหละ หุหุ
เสียดายท่านไม่ยอมถ่ายทอดให้รุ่นทวดของพี่บ้างเลย

ตีสิบ
พี่ดูทุกตอน
ทั้งๆที่เบื่อท่าพูดเอ๊อะๆปากแบะๆของเสี่ยวี
แต่ก็น่าัรักไปอีกแบบ และก็เป็นโลโกของเขาไปแล้วด้วย
ถ้าพูดดีมีราศีก็ต้องเสี่ยตา
ถ้าฮาๆขำๆเสียงสูงเสียงต่ำ มีมือไม่ประกอบ ก็เสี่ยต๋อย
ถ้าขำกลิ้งอารมณ์ดี ก็ต้องเสี่ยกิ๊ก-ซูโม่
ถ้าเน้นเนียบๆสุภาำพแต่เป็นกันเองกับเด็กก็ต้องครูเป๊ะ-กนิษฐ์
ถ้าแบบเจ้าชู้ๆหน่อยก็ต้องโอโน่ 2 คนคู่กัน
.... ฯ
พี่ชอบดูดันดารามากกว่า
ได้เห็นเพชรในกองดินกองทราย (คนเราขอให้มีโอกาสก็ดังได้จริงๆด้วย)
และก็มีคนได้ดิบได้ดีจากช่วงรายการนี้ไปหลายคน

คุณอภิรักต์ (เขียนตามบัตรประชาชน) เขาเป็นคนดี เขาซื่อ และรักแม่กับหลานมาก
นิสัยเหมือนเด็กๆ แต่มีมานะ และไม่เคยคิดร้ายกับใคร มีน้ำใจและคนก็รักเขาทั้งนั้น
ดูแล้วก็รู้สึก satori ว่า ระหว่างคนฉลาดระดับดอกเตอร์ที่คอรัปชั่น
หรือทหารที่แข็งแรง และฉลาด เรียนหนังสือได้เกียรตินิยม ทำงานดีจนได้เป็นถึงนายพลเอกแต่ไม่รักชาติบ้านเมือง
กับ คนโง่ๆซื่อๆจนๆ กตัญญู จิตใจบริสุทธิ์ อย่างอภิรักต์
ถ้าให้เลือก เราจะเลือกเกิดเป็นใคร
ถ้าให้ด่า เราจะด่าใคร ว่าไม่ควรเกิดมาเลย
คำตอบก็แปลกประหลาดเหลือเกิน
คนอื่นคิดอย่างไรไม่ทราบ
แต่ผมคิดว่า ผมด่าคนเลว แต่ไม่ขอเกิดเป็นคนดี
สังคมของผมถึงได้เละเหลวแบบนี้ครับพี่น้อง


โดย: zoomzero วันที่: 23 กันยายน 2552 เวลา:18:02:59 น.  

 
อ่า อ่านแล้วงงแฮะ ด่าคนเลว แต่ไม่ขอเกิดเป็นคนดี หึหึ ก็น่านสินะ ถ้าเกิดเป็นคนดี นู๋ก้อม่ายมีพี่ชายคนนี้สิเนี่ยะ คิคิ

บีก็ชอบอภิรักต์ นะคะ แต่กำลังคิดว่า ถ้าเราไปพบเจอโดยปรกติจริง ๆ ไม่ใช่อภิรักต์นี่แหล่ะ เป็นคนเก็บขยะ หรือขอทานซักคนมาใกล้ ๆ คนปรกติทั่วไปเขาจะเข้าไปช่วยเหลือหรือเดินหนีมากกว่ากันนะ

อ่า ดันดารานี่บีก็ชอบดูค่ะ บีว่ารายการนี้คัดเลือกแต่คนเสียงดี ๆ มาออกรายการจริง ๆ นะคะ แม้แต่ชาวบ้าน คนธรรมดาทั่ว ๆ ไปที่มาออก แถมไม่เน้นหน้าตาอะไรเลยด้วย แต่เสียงมีคุณภาพกว่ารายการประกวดร้องเพลงที่เคยดูหลาย ๆ รายการ ที่ไม่อยากจะบ่นว่านักร้องบางคนเสียงสู้ไม่ได้เลยจริง ๆ เชียว หึหึ เน้นแต่หน้าตา แต่ก็ปั้นกันจนดังจนได้ งิ ^_^

อ่า ตาลุงข้าง ๆ จะแย่งเครื่องแว๊ว ไปก่อนนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาเม้าท์กันใหม่ค่ะ จุ๊บ ๆ ๆ


โดย: นู๋ Beee น้องสาวตัวแสบ (Beee_bu ) วันที่: 23 กันยายน 2552 เวลา:22:05:45 น.  

 
ยังไม่ได้ตอบเรื่องนกแสก นกฮูก และนกเค้าแมว
ว่ามันแตกต่างกันตรงไหนเลยนะ
พี่ว่าเราอย่าไปรู้เลย
เอาเวลาไปเขียนอันใหม่ดีกว่า

หมู่นี่เน็ทช้ามาก แถมนิ่งไปบ่อยมากๆ
เวลาเก็บเงินก็เก็บเต็มราคา แต่คุณภาพห่วยมาก
เมื่อไหร่มันจะลดราคาเหลือเดือนละ 100 บาทนะ
เอาเปรียบกันจริงๆ
ขอให้กรรมตามสนองพวกมันทุกคน (แช่งคนอื่นเฉยเลย)


โดย: zoomzero วันที่: 24 กันยายน 2552 เวลา:16:36:33 น.  

 
น่ากลัวม๊ากกกกกกมาก
น่ากลัวจนไม่อยากจะดู


โดย: ออม ฟ้า IP: 58.10.167.15 วันที่: 27 สิงหาคม 2553 เวลา:16:17:58 น.  

zoomzero
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ของทุกอย่างในโลกมี 2 ด้าน ถ้าเริ่มต้นก็คิดแต่ว่า สิ่งนั้นมีแต่ด้านดีด้านเดียว หรือเลวสุดขีด ต่อให้ศึกษาสิ่งนั้นไปอีกพันๆปี ก็ไม่มีวันเข้าใจ แต่ถ้าเปิดใจมองให้เห็นทั้งสองด้าน และหาความพอดีกับการอยู่กับสิ่งนั้นได้
...
ความสุขย่อมมาคู่กับความทุกข์ เพราะสุขเป็นของไม่เที่ยง เมื่อติดสุข แล้วไม่มีสุขมาให้ชื่นใจ จิตก็จะเป็นทุกข์ ความสงบจึงเป็นของที่เราท่านควรปฏิบัติ
...
การตั้งตัวเป็นจอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด จึงไม่หวังให้ผู้ใดมีสุข ไม่อยากให้คนยึดติดกับสุข หากแต่อยากให้พ้นทุกข์ และได้พบกับธรรมมะของจริง ดั่งคำว่า "ไม่มีมาร อรหันต์ไม่เกิด" 555
...
Group Blog
 
<<
กันยายน 2552
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
16 กันยายน 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add zoomzero's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.