หุบเขาคนโฉด ไม่ใช่ไอศครีม ไม่ต้องเข้ามาเลีย หรือเชียร์จนละเหี่ยใจ แต่ขอแค่ความจริงใจ ของคนกล้าคิด ไม่ติดอยู่ในกรอบ
30226 ช้างน้อยของฉัน




ห้องขว้างไข่ใต้ตึกขวาง
00ขัดใจก็อยากขวาง.....ขวางไม่ได้ก็ขว้างไข่
หุบเขาคนโฉด, ห้องขว้างไข่ใต้ตึกขวาง, ช้าง
zOOmzerO, Violent Valley, Elephant


ช้าง ตัวใหญ่แต่ใจดี


เรื่องของช้างในวันที่ไม่ต้องออกศึก

ครั้งหนึ่ง ขณะที่ผมทำงานอยู่ย่านถนนสุขุมวิท ในบ่ายวันนั้น ผมกับพวกเจ้านายต้องขับรถไปประชุมกับลูกค้าที่นิคมอุตสาหกรรมที่เมืองชลฯ เมื่อประชุมเสร็จก็บ่ายแก่ๆแล้ว คนขับรถก็รีบบึ่งรถเข้ากรุงอย่างรวดเร็ว แต่พวกเราไม่สามารถแยกย้ายสลายกองกำลังกันทางใครทางมันได้ เพราะต้องกลับเข้ามาที่บริษัทเพื่อประชุมวางแผนการทำงานให้ลูกค้ารายนี้อย่างเร่งด่วน (ก็เจ้านายไปรับปาก ได้ครับๆๆๆๆ มาซะ) ซึ่งกว่าจะโต้เถียงกันเสร็จ ก็เป็นเวลาเกือบๆสี่ทุ่ม ในท้องมีแต่น้ำ ทุกคนต่างก็หิวข้าวกันจนตาลาย บางคนมีภาระทางครอบครัวรออยู่ก็รีบกินยาล่องหนทันที ส่วนพวกผม เลขาฯ กับเจ้านายอีกสองสามคนก็ไปหาอาหารทานแถวซอยรัชดา-ห้วยขวาง ทานอาหารกันที่ร้านริมถนน พวกเรานั่งทานนอกร้าน ทานกันอยู่บนทางเท้า แต่บรรยากาศมันเย็นสบายกว่าในร้านมาก สักครู่หนึ่งก็มีช้างกับคนเลี้ยงช้างเดินผ่านมา ยังไม่ทันที่เขาจะมาถึงเรา ตำรวจก็มาไล่จับ(พวกเขา) และเกิดการทะเลาะ มีการต่อรอง แต่ที่แน่ๆตำรวจทำท่าขอยึดช้างเอาไปที่โรงพัก ควาญช้างร้องตะโกนว่า
“อย่าเอาช้างข้อยไปๆๆ ช้างข้อยๆ อย่าๆ ช้างข้อย”
เสียงนั้น.... ทำให้คนในร้านเกือบทุกคน ต่างก็หันไปมอง บางคนก็ทำท่าสงสารที่ได้เห็นเหตุการณ์นั้น คงจะมีผมคนเดียวที่ก้มหน้าอมยิ้ม แม้ว่าหูของผมจะฟังภาษาอีสานบ้านได้ แต่สมองของผมมันกลับแปลงคำพูดของควาญช้างเป็นว่า “อย่าจับช้างข้อย อย่าจับช้างน้อย อย่าเอาช้างน้อยไป” 555 ผมหละขำตัวเอง สงสัยวันนั้นจะทำงานหนักไปหน่อย สมองเลยคิดไม่ได้สูง หาสิ่งบันเทิงในความทุกข์ของคนอื่นได้

ภาพคนขี่ช้าง คนหนึ่งจูง อีกคนเดินขายกล้วย ขายอ้อย ถุงละ 20-40 บาท เดินเรื่อยๆ ไปตามถนนในยามค่ำ ไม่ใช่ถนนในป่า หรือในชนบท พวกเขากำลังเดินอยู่บนถนนใจกลางเมืองใหญ่ ในย่านสถานบันเทิง และร้านขายอาหารในยามกลางคืน ถนนที่ยังมีรถแล่นไปมา ทำไมบางคนมองภาพนี้แล้วเกิดความสงสาร สะเทือนใจ อยากทำอะไรกันหรือไง?

เมื่อหลายปีก่อน มีข่าวใน นสพ. ลงข่าวว่า มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นตอนเที่ยงคืน ในย่านบันเทิงใจกลางเมือง รถยนต์เสียหายนิดหน่อย แต่มีคนตายและช้างก็ตายด้วย พออ่านรายละเอียดของข่าว ถึงทราบว่า เป็นการชนกันของรถใหญ่ที่แล่นมาด้วยความเร็วกับช้างที่ออกเดินเร่ร่อนขายอาหาร ทำไมควาญช้างกับช้างต้องมาตายกลางถนนแบบนี้ คนที่ขับรถชนนี่ มีความผิดขนาดไหน? ประหารชีวิตเลยมั๊ย?

และก็เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2552 ลูกช้างวัย 5 ปี ได้มาเดินเร่ร่อนเพื่อให้นักท่องเที่ยวซื้ออาหารเลี้ยง ขณะเดินอยู่แถวร้านอาหารขายโต้รุ่ง ในเมืองชลบุรี ลูกช้าง(ชื่อ น้องแน็ท และเป็นเพศเมีย) ได้เดินไปเหยียบท่อโลหะที่มีสายไฟอยู่ด้านใน คงเกิดการแตกของท่อและสายไฟก็บังเอิญรั่ว ทำให้ช้างน้อยหยุดเดินทันที จากนั้นก็ทรุดตัวลงไปนอนชักอยู่ตรงนั้น นานประมาณ 10 นาทีก็ขาดใจตาย ต่อหน้าผู้คนมากมายที่มุงดูด้วยความตกใจ อือ..ลูกช้างตัวเมียอายุ 5 ขวบ ตายแบบนี้ เราต้องตีเป็นเลขอะไรดีนะ 50 หรือ 05 เอ้...เขาว่าช้างนี่หมายถึงเลข 9 หรือจะเป็น 905 ต้องไปเช็คว่าหวยงวดนั้นออกอะไร? (ขอเตือนว่าอย่าไปตรวจสอบย้อนหลังให้เหนื่อยเลย 555)

ถ้าผมถามคุณว่า ทำไมช้างพวกนี้ต้องเข้ามาหากินในเมืองด้วย แล้วคุณไม่สามารถหาคำตอบได้เลย ผมว่าคุณอย่าเสียเวลามาอ่านบทความนี้เลย เพราะว่ามันเป็นเรื่องอธิบายยาก มันไกลตัวพวกคุณ ถึงมันจะเป็นปัญหาที่มีมานานแสนนาน และมีกลุ่มบุคคลหลายกลุ่มทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อเยียวยาแก้ไขปัญหานี้ แต่ปัญหาก็ยังไม่หมดไปง่ายๆ ผมคงต้องแปลกใจมากๆ หากคุณบอกผมว่า ไม่เคยรู้เลยว่า มีช้างมาเดินในเมืองได้ด้วย

สาเหตุหนึ่งที่มักจะเป็นเหตุผลของคนเลี้ยงช้างที่ต้องนำช้างมาเดินเร่ร่อน ก็คือ ไม่มีอาหารให้ช้าง ไม่มีป่าให้ช้าง ที่ดินทำกินของชาวบ้าน ของคนเลี้ยงช้างไม่เหลืออีกแล้ว และก่อนที่ช้างจะอดตาย พวกเขาต้องพามันไปหางาน+หาอาหาร โดยหวังว่านักท่องเที่ยวและคนรวยๆในเมืองนี่แหละ จะใจดียอมควักเงินให้พวกเขา และก็มีจริงๆ ถึงจะรายได้ไม่ดีมากมาย แต่พวกเขาก็บอกต่อๆกันไป ขบวนช้างหลายร้อยเชือกจึงเดินมุ่งหน้าเข้าเมืองใหญ่ๆ เข้ามาทำให้เมืองมีปัญหาเพิ่ม ผมว่าเหตุผลหลักๆนั้นง่ายมาก คือ คนเลี้ยงช้างไม่มีเงินจะกินมากกว่า

ในปี 2538 – 2541 มีการพยายามแก้ปัญหาด้วยการห้ามนำช้างเข้าเมือง มีการผลักดันช้างให้กลับบ้าน มีการสร้างปางช้าง หมู่บ้านช้าง และโรงพยาบาลช้าง ควบคู่กันไป อีกทั้งการท่องเที่ยวฯก็เข้ามาประสานงาน ให้มีที่ให้ช้างอยู่ ในเรื่องที่ทางที่จัดเอาไว้ให้เป็นระเบียบ เช่นที่ อยุธยา เชียงใหม่ พัทยา ฯ โดยเฉพาะหน่วยงานที่ชื่อว่า สมาคมป้องกันและทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย (ผมว่า น่าจะชื่อ “ป้องกันและห้ามการทารุณ” ชื่อนี่น่าจะเหมาะกว่า 555) นับว่าทำงานได้ดีมาก จนทำให้มีรายงานว่า มีช้างเร่ร่อนในกรุงเทพฯไม่ถึง 10 เชือก (เฮ้...ดีใจจัง) แต่พอปลายปี 2542 ช้างและควาญช้างก็เข้ามาอีก มาเรื่อยๆ เขาว่าเดี๋ยวนี้ ตร.ชอบใส่เกียร์ว่าง ไม่ทราบว่าจริงหรือเปล่า? ทุกวันนี้มีช้างเร่ร่อนน้อยลงมาก แต่ไม่มีเลยจะดีกว่ามั๊ย

พวกช้างกลุ่มใหม่ เข้ามาใหม่คราวนี้ ควาญช้างเตรียมความพร้อมมามากกว่าเดิม โดยให้ช้างทาสีสะท้อนแสงบ้าง เอาแผ่นซีดี(พร้อมที่จะไรท์ได้ทันที) ผูกติดหางช้างและตามส่วนต่างๆของช้างบ้าง มีคนใส่เสื้อสะท้อนแสงเดินตามก้นช้าง โดยถือถุงพลาสติกและที่โกยอุจจาระช้าง เพื่อไม่ให้โดนคนโทรไปแจ้งความว่ามีอึช้างตกอยู่หน้าบ้านก้อนใหญ่ คนเราก็ช่างโง่จริงๆ ปุ๋ยคอกถุงละ 20 บาท ช้างเอามาปรืดปราดให้หน้าบ้าน แทนที่จะรีบเก็บเอาไปให้ต้นไม้ กลับโทรฯแจ้งหม๋าต๋าซะได้

สำหรับควาญช้างเพื่อนจอมมารของผม เขามีวิธีโฉดๆมากกว่านั้น คือ เขาจะงดให้น้ำให้อาหารช้างตั้งแต่เที่ยงวัน (ทำยังกับว่าจะเอาช้างไปผ่าตัด) เพื่อไม่ให้มันมีอึและฉี่ตอนเดินหาเงิน ผลก็คือช้างถ่ายน้อยลง เดินช้าลง เพราะอ่อนเพลีย พอถึงที่พักเขาถึงยอมให้ช้างได้กินน้ำกินอาหาร ซึ่งจะเป็นหญ้าคุณภาพต่ำเพราะเป็นหญ้าในพื้นที่รกร้างวางเปล่า เงินที่ได้มา เขาก็เอามาซื้อข้าว ยา ปลาปิ้ง และก็เหล้า ถ้าวันไหนได้มาเยอะ ก็อาจจะเอาไปซื้อเพื่อนหญิง(ชั่วคราว)ในซ่อง ทำกิจกรรมหมุนเวียนโฉดๆแบบนี้ จนกว่าช้างจะป่วย เดินไม่ไหว เขาก็จะหาทางขายช้างทิ้งเพื่อเป็นค่ารถกลับบ้าน

มีช้างหลายเชือกเดินไปให้รถชนดื้อๆ เหมือนกับว่ามันอยากฆ่าตัวตายแบบนั้น ก็ไม่รู้ว่าช้างมันคิดอย่างไร พอดีไม่ใช่คนรักช้าง เลยไม่เข้าใจช้างเสียด้วย หุหุ

ช้างเป็นจุดต่าง จุดเด่น ของอารยะธรรมของคนไทย(คนเอเชีย) กับพวกฝรั่งมังค่า(ยุโรปและอเมริกา) เพราะเมืองฝรั่งไม่มีช้าง ฝรั่งไม่มีช้างลากซุง ไม่ได้เอาไว้ให้กษัตริย์ขี่ออกรบ ไม่มีศิลปินคนไหนวาดรูปช้างเพื่อประดับผนังวัง หรือกำแพงในคฤหาสน์หรูๆของพวกชนชั้นสูง พวกเขาเห็นช้างก็แค่ในคณะละครสัตว์ หรือในสวนสัตว์บางแห่งเท่านั้น ผิดกับเมืองไทยที่เห็นช้างกันมานานเป็นร้อยเป็นพันปี ช้างที่มีลักษณะพิเศษมากๆจะได้เป็นช้างศึก หรือได้เป็นถึงช้างทรงของเหล่านักรบและพระมหากษัตริย์ของไทย ช้างเคยเป็นถึงเครื่องหมายของชาติรัฐ เราเคยมีรูปช้างอยู่ในผืนธงแห่งสยามประเทศ ช้างเคยถูกใช้แรงงานเป็นกรรมกรทำงานด้านอุตสาหกรรมป่าไม้ ลากไม้ใหญ่ที่ถูกตัดโค่นลงมาเป็นท่อนๆ เรียกว่า “ซุง” เราเอาช้างไปลากซุงในป่าทึบซึ่งรถใหญ่เข้าไปไม่ได้

ตอนเด็กผมเคยเรียนหนังสือ กอ ไก่ ขอ ไข่ จำได้ว่าคุณครูท่านสอนให้อ่านว่า ชอ ช้าง ลากซุง แต่ผมกลับท่อง กอ ไก่ ไปถึง ฮอ นกฮูก โดยใช้คำว่า ชอ ช้าง วิ่งหนี ตอนนั้นก็ท่องๆๆไปโดยไม่คิด พอวันนี้กลับมาคิด เพราะสงสัยว่าทำไมช้างถึงต้องวิ่ง อ๋อ...ก็เพราะว่า ฉอ ฉิ่ง ตีดังนี่เอง แหม..ใครนะช่างรอบรู้จริงๆ

เออ...แล้ววันนี้เวลาที่หนุ่มทอมกับสาวดี้เดินผ่านช้างนี่ ช้างมันจะตกใจวิ่งหนีหรือเปล่านะ???



zOOmzERo2009

Love me, Love my elephant.

Link blog หน้าถัดไป 30319 Pattaya Part 1

Link ไปที่ blog ก่อนหน้านี้ 30212 (เยื่อ)พรหมจรรย์สำคัญด้วยหรือ?

Link ไปที่ blog ก่อนหน้าโน้น 30127 ดอกไม้หายไปไหน?



Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 17 มิถุนายน 2554 19:36:31 น. 59 comments
Counter : 2875 Pageviews.

 

มั่วๆ เรื่องทั่วไปของช้าง

ช้างเป็นสัตว์บก
ช้างเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก (ในปัจจุบันนี้)
ช้างโบราณ ตัวใหญ่กว่าวันนี้มาก เช่น ช้างแมมมอธ เสียดายสูญพันธุ์หมดแล้ว
แต่เห็นว่าตัวใหญ่แบบนี้ เวลาเดินกลับไม่มีเสียงดัง เพราะอุ้งเท้าช้างมีลักษณะอ่อนนุ่ม
เขาว่าเหยียบไข่ไม่แตก ผมว่าจะให้ช้างเหยียบซะหน่อย ดูซิว่าไข่จะแตกหรือเปล่า?? 555
ช้างนอนหลับได้ 2 ท่า คือ ยืน กับ นอนตะแคง
ตามธรรมชาติ ช้างจะชอบล้มตัวลงนอนตะแคงข้าง ถ้ามันคิดว่าปลอดภัยจริงๆ
แถมช้างยังมีอาการหาว และกรน ได้เหมือนกันกับคนอีกด้วย
ช้างนอนเวลาประมาณ 23.00 ถึง 03.00 น. คือประมาณ วันละ 3 - 4 ชั่วโมง
ที่เหลือก็คือเรื่องกิน เดิน และ เล่น(น้ำ) ช้างไม่นอนกลางวัน แต่อาจจะยืนหลบในร่ม
ช้างเอเชียตัวดำ ช้างแอฟริกาตัวเทา

ช้างพังอายุระหว่าง 15 - 50 ปี จะมีการตั้งท้องได้
ช้างตั้งครรภ์ประมาณ 21 - 22 เดือน สังเกตช้างท้องได้ยากมาก ถ้าไม่ได้เป็นคนทำอาชีพเกี่ยวกับช้าง
เมื่อตกลูกแล้วจะเว้นระยะไปประมาณอย่างน้อย 3 ปี
ตามธรรมชาติ ขณะช้างท้องแก่ จะมีช้างพังอีกตัวคอยดูแลกัน เรียกว่า "แม่รับ"
แม่ช้างจะคลอดลูกท่ายืน โดยจะย่อขาหลังลง เพื่อไม่ให้ลูกตกลงมาจากระยะสูงมากเกินไป
ส่วนใหญ่แม่ช้างตามธรรมชาติจะมีลูกแค่ 3 - 4 ตัว ตลอดชีวิตของมัน
แม่ช้างมีนิสัยเหมือนคุณครู จะคอยดูแลและสั่งสอนลูกเกือบตลอดเวลา
ถ้าลูกช้างดื้อ แม่ช้างจะมีเสียงดุเป็นเสียงเอกลักษณ์
ถ้าลูกช้างยังไม่ยอมฟัง แม่ช้างจะเอางวงฟาดหรือตีเบาๆเหมือนครูฟาดลูกศิษย์ด้วยไม้เรียว
เสือชอบกินลูกช้างมาก และคอยหาจังหวะแอบเขามาจับ ตอนที่ลูกช้างหนีไปวิ่งเล่นไกลฝูง

ช้างตัวเมีย เป็นสัตว์ที่มีความรักความผูกพันมาก ถ้าลูกของมันตาย มันจะยืนเฝ้าศพลูกเป็นวัน
แม้แต่ช้างเลี้ยงก็ตาม ถ้ามันรู้ว่าเราเอาศพลูกมันไปฝังที่ไหน มันก็จะมายืนเฝ้า บางครั้งมากกว่า 2 วัน
โดยแทบไม่ยอมกินอาหาร ทั้งที่ช้างเป็นสัตว์ที่ต้องกินน้ำและอาหารวันละมากๆก็ตาม
ช้างเมื่อผูกพันกับมนุษย์ จะรักคนเลี้ยง จะจำกลิ่นได้ จะเชื่อฟัง ไม่ค่อยเกเร
ชอบให้คนเลี้ยงพูดคุยด้วย ครอบครัวที่เลี้ยงช้างสืบทอดมานานๆจึงยากที่จะเลิกเลี้ยงได้ง่ายๆ

ช้างตกมัน คือ ช้างที่อยู่ในช่วงต้องการผสมพันธุ์
สาเหตุที่เรียกว่าตกมัน เพราะว่าต่อมฮอร์โมนบริเวณขมับมีการเปลี่ยนแปลง
เมื่อช้างมีความสมบูรณ์มากๆ ต่อมนี้จะบวมโต มองเห็นค่อนข้างได้ชัดเจน
เมื่อช่วงเวลามาถึง รูที่บริเวณขมับจะเปิดออกมีน้ำเมือกสีขาวๆไหลออกมา มีกลิ่นเหม็นรุนแรงมาก
ช้างตัวผู้จะรับรู้กลิ่นนี้ได้ทันที
ดังนั้น "ช้างตกมัน มีได้ทั้งตัวผู้และตัวเมีย" คนมักจะคิดว่าช้างตกมันคือตัวผู้เท่านั้น
เมื่อช้างมีความต้องการมากที่สุดแต่ไม่ได้ระบายออก มันจะหงุดหงิดและอาละวาด
แต่ถ้าดูแลมันให้ดีๆ ประมาณ 2 -3 สัปดาห์ อาการก็จะค่อยๆ หายไป

โรคที่ช้างเป็นบ่อยๆคือ โรคผิวหนัง ซึ่งเกิดจากแมลงวันป่ามาออกไข่ในช่องรูขุมขนของช้าง
เมื่อตัวอ่อนฟักก็จะดูดกินเลือดช้าง เมื่อโตเป็นแมลงจะทิ้งซากและของเสียในช่องนั้น ทำให้เกิดอาการเน่าและอักเสบ
คนเลี้ยงช้างจึงต้องขยันพาช้างไปอาบน้ำ และสอนให้ช้างดำน้ำ และว่ายน้ำอีกด้วย
ใครไปอีสาน อาจจะเห็นการละเล่นพื้นบ้านที่เรียกว่า การเล่นทอยสะบ้า
สะบ้าเป็นไม้ที่มีเครือและลูกเป็นฝักขนาดใหญ่
เครือสะบ้าเป็นยารักษาโรคผิวหนังของช้างได้ดีมาก เพียงแค่เอามาทุบแล้วนำมาทาที่ผิวหนังช้าง

ในป่ามียุงชนิดหนึ่งที่เป็นพาหะของ โรคพยาธิฟิลาเรีย (Filaria)
ถ้าช้างถูกยุงพวกนี้กัด ซึ่งก่อนหน้านี้ยุงนี้ได้ไปดูดเลือดสัตว์ป่าที่มีไข่พยาธิชนิดนี้อยู่
เมื่อพยาธิเขาไปในระบบทางเดินเลือด มันจะไปทำให้หลอดเลือดหัวใจอุดตันได้
ดังนั้นขนาดช้างยังตาย คนที่ชอบชีวิตลุยๆในป่า หากไม่หาทางป้องกันยุงเอาไว้ ก็ไม่น่าจะรอดได้นาน

ช้างเผือก คือ ช้างที่มีร่างกายมองจากภายนอกคร่าวๆแล้ว แลเห็นเป็นสีขาวนวล
ฝรั่งว่าเป็นเพราะความผิดปกติของเมลานินที่สร้างสีให้ผิวหนัง
แต่ทางพุทธเอเชีย มองเป็นสิ่งมหัศจรรย์
ช้างเผือก โดยทั่วไปนอกจากกายจะเป็นสีขาว แล้ว นัยน์ตา และเล็บ ก็เป็นสีขาวอีกด้วย

ในกฎหมายไทย พระราชบัญญัติ พระราชกำหนด ที่เกี่ยวกับเรื่องช้าง ไม่มีคำว่า ช้างเผือก อยู่ในนั้น
หากแต่ใช้คำว่า "ช้างสำคัญ"




อวัยวะของช้าง

"งวง" จมูกยาวๆเรียกว่า งวง
ความจริงมันคือ จมูกบวกกับริมฝีปากบน ไม่ใช่จมูกอย่างเดียว
งวงช้างมีท่อภายใน มีโพรงเป็นลอนๆ ปลายงวงสามารถมองเห็นรู 2 รู
ช้างใช้งวงแทนมือ หยิบจับสิ่งของ ถอนต้นไม้ และดูดน้ำเพื่อพ่น
ช้างกินน้ำทางปาก ไม่ใช่ทางงวง โดยใช้งวงสูบน้ำแล้วจึงพ่นเข้าปากอีกทีหนึ่ง
งวงช้างไม่มีกระดูก จึงสามารถงอม้วน
ช้างสามารถใช้งวงทำความสะอาดตาตัวเองได้

"งา" มีเขี้ยวใต้งวง เรียกว่า งา
งาช้าง มีสีขาวนวล
แต่มีคนบอกว่า ในโลกนี้มีช้างงาดำ มีจริงๆเหรอ?
งาช้างคือฟันหน้าของช้าง งอกจากฟันบน เหมือนเขี้ยวนั่นเอง งอกยาวออกมาเมื่อตอนอายุได้ประมาณ 2 - 5 ปี
ช้างโบราณ เชื่อว่ามีงาถึง 4 อัน คืองอกออกมาทางขากรรไกรล่างอีก 1 คู่
งาช้างเป็นอาวุธของช้าง ใช้แทงศัตรู เป็นส่วนที่สามารถใช้งัด หรือแบกท่อนไม้หนักๆได้
แต่งาช้างทำให้ช้างต้องตายไปจนสูญพันธุ์ไปหลายตระกูล
และตายในเวลาอันไม่เหมาะสม เพราะคนอยากได้เอาไปทำเป็นเครื่องประดับและเฟอร์นิเจอร์ราคาแพง
น่าสลดใจที่หิ้งพระของคนที่ปากบอกว่าใฝ่ธรรมะ แต่มีงาช้างยาวเป็นเมตรอยู่หน้าองค์พระพุทธรูป
เพราะว่าคนโบราณอยากได้ของมาประดับหน้าหิ้งบูชาพระ ช้างเลยต้องตาย

- หูช้าง
มีลักษณะคล้ายพัด
ช้างใช้การโบกหูไปมาเพื่อระบายความร้อนรอบๆตัว
เมื่อช้างกางใบหูออก มันจะได้ยินเสียงจากที่ไกลออกไปได้หลายกิโลเมตร
ช้างได้ยินเสียงช้างอีกตัวเดินในระยะไกลๆได้ เพราะสามารถดักจับคลื่นเสียงความถี่ต่ำได้
ใบหูของช้างสามารถบอกอายุของมันได้ ถ้ามีการเว้าแหว่งตรงขอบล่างมากๆแปลว่าเป็นช้างแก่อายุมาก

- ดูช้างให้ดู หาง
หางช้างมีลักษณะกลมเรียว มีความยาวลงไปถึงหัวเข่า
ตรงปลายจะมีกลุ่มขนสีดำ เรียงเป็น 2 แถว
หางช้างก็กลายเป็นของสะสมของคนบางคน โรคจิตหรือเปล่า?

- เล็บช้าง
เท้าช้างมีเล็บ แต่หน้าหลังมีไม่เท่ากัน ตามปกติ ช้างจะมี 18 เล็บ
คือเท้าหน้าข้างละ 5 เท้าหลังข้างละ 4 เล็บ
แต่ช้างบางพันธุ์ก็มีเล็บได้ถึง 20 เล็บ
และบางพันธุ์มีแค่ 16 เล็บ คือเท้าหลังมีแค่ข้างละ 3 เล็บ

- ถี่รอด ตาช้าง
ถึงช้างจะมีขนาดใหญ่โต แต่เมื่อเทียบกับดวงตาแล้ว มันมีดวงตาที่เล็กมาก
แต่สามารถมองเห็นได้ไกลพอสมควร
กลไกการเอาตัวรอดของช้างอยู่ส่วนอื่นๆอีก เช่น ใบหู และจมูก
เมื่อนำมาใช้ร่วมกัน มันจะรู้ว่าศัตรูกำลังเข้ามาตั้งแต่ระยะไกลๆ

- สมองช้าง
ช้างมีสมองเทียบกับร่างกายแล้วอยู่ในสัดส่วนค่อนข้างน้อย
ช้างก็ยังได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ที่ฉลาดสามารถนำมาฝึกหรือเลี้ยงใช้งานได้
แต่ช้างที่ฝึกให้เชื่องได้ และนิยมฝึกมากที่สุด คือ ช้างเอเชีย
ช้างแอฟริกาฝึกไม่ได้ คนไม่ได้เอามาใช้งาน แต่พวกเสือกับสิงโตชอบ เพราะเป็นอาหารมื้อใหญ่

- คนเลี้ยงช้าง
คนเลี้ยงช้างมีคำเรียกว่า ควาญช้าง
เป็นผู้ที่ดูแลเลี้ยงดูช้างตั้งแต่ยังอายุน้อยๆ
ควาญช้างมีหลายระดับ มีความเคารพยำเกรงกันตามลำดับ
ควาญช้างมักพูดคุยกับช้างของตนรู้เรื่องด้วยภาษาคน
จึงนับว่าช้างมีความสามารถในการจดจำและเข้าใจภาษามนุษย์
ในจังหวัดสุรินทร์ เรียกชนเผ่าที่เป็นควาญช้างว่า ชาวกูย
ชาวกุย หรือ กูย กลุ่มที่อพยพเข้าอยู่ในพิมาย และบริเวณหมู่บ้านใกล้เคียง ถูกเรียกว่า ส่วย
ถ้าไปถามหาส่วยหรือกูยในพิมาย คงไม่เจอ
ต้องไปหาที่สุรินทร์โน่น


โดย: zoomzero วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:13:20:53 น.  

 


นอนหลับฝันดี นะคะเฮีย
เพิ่งกลับเข้าบ้านมาค่ะ เหนื่อยมาก ๆ ๆ ๆ ๆ...
พรุ่งนี้ต้องเดินสายทำบุญถึง 3 วัดค่ะ
ปล. ยิ้มให้มินก่อนนอนด้วย นะคะ


โดย: มินทิวา วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:20:57:51 น.  

 



อรุณสวัสดิ์ค่ะเฮีย
กำลังเตรียมข้าวของค่ะ
เดี๋ยว 6 โมง มินคงต้องออกไปแล้ว
วันนี้ต้องถวายทั้งอาหารสดตอนเพล
และมีพวกสังฆทานแห้งด้วยค่ะ
ปล. มาฆะบูชา บุญรักษา พระคุ้มครอง นะคะ


โดย: มินทิวา วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:4:59:26 น.  

 
คุงซูม ขอ Blog แบบตัวหนังสือน้อยๆ รูปเยอะๆ ได้มั๊ยคะ




โดย: aquaworld วันที่: 1 มีนาคม 2553 เวลา:23:02:34 น.  

 

สวัสดีค่ะ พี่ซูม ช้างเป็นสัตว์ตัวโตแต่น่ารักค่ะ นอกจากตุ๊กตาหมีที่ชอบแล้วรองลงมาก็เป็นตุ๊กตาช้างค่ะ อิอิ แต่ถ้าเป็นตัวเป็นๆ เกิดมายังไม่เคยเลี้ยงเลยค่ะ ถ้าเลี้ยงมันจริงๆ คงสงสารและรักมันมากๆเลย
มีลูกค้าฝรั่งผู้หญิงที่ร้านคนหนึ่งชอบ elephant มากค่ะ เค้าเคยไปเที่ยวเมืองไทยและไปขี่ช้าง ฮืมมมมม! มันก็เป็นจุดขายให้พวกต่างชาติสนใจอ่ะน่ะ เพราะบ้านเมืองเค้า ช้างหายาก ให้เห็น
ปีที่แล้ว แอน ยังซื้อ พวงกุญแจ รูปช้างไปให้เค้า เค้าชอบมากเลยค่ะ

พี่เงียบจากc-box ไปสองวัน ทำอะไรล่ะคะ อิอิ เหนื่อยๆ จาก พิมพ์ๆ อ่ะจิ ดีแล้วล่ะพักผ่อนบ้าง เป็นห่วง(แฟนใครก็ไม่รู้) 555

ทายว่า หายเงียบไปหลายวัน ข้อมูล ข้อเขียนคงตามมาอีกเพี้ยบ! คริ คริ


โดย: นกสีขาว IP: 79.65.110.218 วันที่: 2 มีนาคม 2553 เวลา:6:50:21 น.  

 

อ้าว! พี่มาเวลาใกล้เคียงกันเลย พี่ไม่เปิดเอ็มนิไม่เห็น
พี่รู้มั้ย วันก่อน นั่งbus ไปทำงานระหว่างทางก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย คิดถึง ชีวิตตัวเอง คิดถึง อนาคตเมืองไทย เห็นทะเลาะกันไปมา แก่ง แย่ง ชิงดี คิดถึงวันสิ้นสุดโลก แล้วก็คิดถึงว่า ถ้ามนุษย์ทุกคน ไม่มีความโกรธ ไม่มีความอยากได้มากมาย ไม่อิจฉาริษยา (อุ้ย!โลกนี้คงสงบสุขน่าดู)

แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ ไม่งั้นเค้าจะเรียกโลกมนุษย์เหรอ 555



โดย: นกสีขาว IP: 79.65.110.218 วันที่: 2 มีนาคม 2553 เวลา:6:58:26 น.  

 
To Aquarworld

คุณฮุ้งครับ

อะ อะ อะ อะ อะ
เหม๋...จะเอารูปเยอะๆเหรอครับ
คงไม่ได้สำหรับห้องขว้างไข่อันนี้ (ห้องอื่นพอไหว ถ้าพาไปเที่ยวก็รูปเยอะหน่อย)
เพราะว่าถ้ามีรูปเยอะๆ คนจะเข้ามาดูรูปอีกหลายคน (คนไทยยิ่งอ่านหนังสือวันละไม่กี่ตัวด้วยนะ)
เกรงใจเจ้าของรูปเค้า เพราะเรามันพวกชอบแฮ็พผลงานของชาวบ้านเขานะดิ 555
อีกอย่างขืนทำตามวิธีเขียนบล็อกมาตรฐาน ซึ่งประกอบด้วย
ภาพงามตา
ภาษางามใจ
จขบ อัธยาศัยดี
ต้อนรับแขกในบล๊อกแบบบริหารห้าดาว แถมยังต้องวิ่งประชาสัมพันธ์ตัวเองอีกร้อยกว่าบล็อก
บอกตรงๆ ทำแล้วมันฝืนๆ เพราะเฮาเป็นคนโฉด บ่ ใช่ ผู้ดี๋มีวัฒนธรรม จะไดเจ้า
ของเรามันต้องเฮ่ยๆ บ่นๆ แหกโค้ง สาบประโดนนิดๆ จิตแจ่มใส นะยะ 555

เอาน่า...นานๆมาเยี่ยมที
เสียเวลาดูbackground อย่างเดียวก็แล้วกัน
เมื่อก่อนก็บ้ารูป ใส่ซะบล็อกอืดเป็นหมูนอนแช่ถังข้าวเย็นไปเลย

อ๋อ...ดูดีๆซิ
ผมมีนองสาวใจดีเอารูปมาโพสต์ให้บ่อยๆ
รูปสวยๆทั้งนั้น
ดูของคนอื่นไปก่อนก็แล้วกันนะเจ้

เอ้อ...ผมมีบล็อกแนะนำอยู่เจ้าหนึ่งนะ
รูปสวย เพลงเพราะ สาระเพียบ แฟนคลับตรึม อิเมจบุคคลดีเยี่ยม
แต่อย่าได้เอาข้อความในนั้นไป search ด้วย google นะ เพราะจะรู้ว่ามันมาจาก....
และถ้าฮุ้งเข้าไปโพสต์นะ จขบ ต้องปลื้มสุดๆ
555 รับรองงานเข้า 555 อยากไปหรือเปล่า ให้พาไปดูได้นะ อิอิ
(ย้อเย้น อย่าคิดมากนะ เดี๋ยวหน้างอ ไม่สวยนะ)

Ref: ฮุ้ง aquaworld Navy 00 00 80



โดย: zoomzero วันที่: 2 มีนาคม 2553 เวลา:7:09:47 น.  

 
To Whom it may concern
Good Morning จ้า



เอ้....เค้าไปไหนนะวันนี้??? 555


โดย: zoomzero วันที่: 2 มีนาคม 2553 เวลา:8:04:17 น.  

 
To WhiteBird
น้องแอนแขนอ่อนครับ

ฝากบุญข้ามทวีปไปให้นะ
เมื่อวานก่อนไปทำบุญมา ก็แค่ใส่บาตรพระวัดใกล้ๆบ้าน
เพราะช่วงนี้ยังไม่อยากเดินทางไกล
คุณหนูก็เข้า รพ. มาแล้ว
คุณผู้หญิง ก็เสยท้ายเขามาแล้ว
เหลือเราอีกคน ซึ่งที่จริงน่าจะถูก lottery รางวัลที่หนึ่งเมื่อวาน แต่เพราะมันมีแต่เลข 7 เต็มไปหมด เลยอดรวยเลย ฮือๆ

ช่วงนี้ไม่ได้ออนเอ็มเลย
ความจริงอยากจะกระซิบว่า ที่ออนไม่ได้ หรือไม่ได้ออน ก็เพราะว่า
กิ๊กเก่า กับ กิ๊กใหม่
และก็แฟนกิ๊กเก่า กับ แฟนกิ๊กใหม่
และก็แฟนตัวจริงของกิ๊กเก่า และก็แฟนตัวจริงของกิ๊กใหม่
มันมีรายชื่อMSN บนสาระบบสังคมแพ็คเดียวกัน
พอออนแล้วมันมองเห็นกัน มันชอบลากไปประชุม 3 - 4 คน
แล้วก็ถามอะไรที่เราไม่อยากตอบให้กิ๊กอีกคนของเราอ่าน
เราก็จำไม่ได้ว่าเคยโกหกอะไรอีกคนไว้ ตอบไปตอบมาเขาก็จับได้ว่าเราหลายใจ 555
เลยเบื่อที่จะเคลียร์
... ...
ไม่ได้โม้ แต่ไม่ได้บอกว่า เป็นเรื่องจริงของใครนี่หน่า อิอิ

ช้างมีแค่ 2 ทวีปคือ เอเชีย กับ แอฟริกา
อ้อ...ญี่ปุ่น กับเกาหลี ก็ไม่น่าจะเคยมีช้างนะ จะไม่เห็นช้างในหนังของ 2 ประเทศนี้เลย
ดังนั้นประเทศบนทวีปอื่นๆย่อมตื่นเต้นเมื่อเห็นช้าง
พี่ว่าพวกเขาคงจินตนาการถึงไดโนเสาเป็นแน่
ทุกวันนี้พี่ก็ยังงงว่าทำไมไดโนเสาต้องผิวหนาๆเหมือนช้าง
ผิวเป็นขนแบบลูกเจี๊ยบไม่ได้หรือไง หรือเป็นมันเลื่อมๆแบบงูไม่ได้หรือไง
ขนาดเจ้านกไดโนเสามันบินได้ แต่ไม่ยักจะมีขน ดูแล้วก็เลยกลายเป็นค้างคาวยักษ์
ทั้งๆที่เขาว่าโครงกระดูกไดโนเสาเหมือนของสัตว์ปีกมากกว่าสัตว์เลื่อยคลานเสียอีก
อ้าวซ์ ออกทะเลกลายเป็นไดโนโฟเบียไปซะได้ 555

เรื่องบ้านเมืองไทยเหรอ มันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่มีคนคิดว่าระบบสมบูรณาญาฯ ไม่เหมาะสม
และก็รีบชิงสุกก่อนห่าม ประจวบเหมาะกับช่องว่างของชนชั้นในประเทศมันห่างกันมาก
คนที่เป็นนักปกครองได้เรียนหนังสือสูงๆ ได้ไปเมืองนอก มีชาติตระกูล มีทรัพย์สมบัติ แต่ขาดคุณธรรม
คนมากกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศเป็นคนจน ไร้การศึกษา ทำไร่ทำนา ไม่ค่อยสนใจเรื่องอื่นนอกจากเรื่องหาข้าวใส่ปาก
พวกมีอำนาจในมือก็เลยแย่งกันปกครอง
ดีว่าบ้านเรามีพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีพระบารมีและพระปรีชาสามารถทรงปกครองพวกเราหลังจากวันเปลี่ยนการปกครอง
ความน่ากลัวมันอยู่ที่การอ้าง 3 สถาบันเพื่อสร้างภาพ
โดยเฉพาะการอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อหวังผลในการทำลายคู่ต่อสู้
มันรู้ว่าคนไทยรักในหลวงมากที่สุด มันก็พยายามดึงพระองค์เอามาทำให้ผู้คนเข้าใจผิดพลาด
คนพวกนี้ช่างไม่รู้จักคำว่า ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ กันบ้างเลย กรรมของพวกเขาจะต้องเล่นงานพวกเขาในวันหน้า

ประเทศเรามีกี่กระทรวง มีคนทำงานรวมแล้วกี่คน เยอะมั๊ย
แต่ทำไมโครงการในพระราชดำริถึงมีเกิน 365 โครงการ นี่มีไปถึงสองพันกว่า
แล้วสองสามพระองค์ ท่านจะมิทรงเหนื่อยพระวรกายหรืออย่างไร ใครจะมาคิดแบ่งเบาภาระให้พระองค์ท่าน
เรื่องนี้ก็แสดงให้เห็นว่าการบริหารการปกครองที่ผ่านมา ไปผิดทิศผิดทางหรือเปล่า?
เช่น ...
เรื่องปัญหาการปลูกฝิ่นและยาเสพติด
ถ้าไม่ได้ในหลวงมาทรงช่วยเอาไว้ ใครจะมีความสามารถได้เท่าพระองค์
ขืนรัฐฯเอาแต่ส่งเจ้าหน้าที่ไปไล่ยิงชาวเขาชาวป่า
ป่านนี้ก็คงมีผู้ก่อการร้ายจาก 7 จังหวัดชายแดนภาคเหนือออกมาก่อความไม่สงบไปนานแล้ว
นี่เพราะพระบารมีล้นเกล้าที่ทรงมีสายพระเนตรที่ยาวไกล
ทรงมองออกว่าเหตุมาจากการทำมาหากิน ไม่ใช่อยากเป็นคนไม่ดีขายยาเสพติด
เลยกลายเป็นว่าที่ดินผืนเดิมในอดีตกลายเป็นแปลงปลูกดอกไม้ขาย
กลายเป็นไร่ปลูกพืชผักผลไม้เมืองหนาวขาย
กลายเป็นไร่กาแฟที่มีคุณภาพ ฯลฯ

พี่ก็เป็นคนหนึ่งที่เชื่อว่านักการเมืองโกงชาติมาทุกยุค ทุกสมัย
ตัวเองไม่โกง ลูกเมียก็โกง
ตัวเองไม่โกง เจ้านายหรือผู้มีพระคุณก็โกง
ตัวเองไม่โกง แต่กลายเป็นนอร์มีนีให้อีกคนที่ขี้โกงกว่าแอบสั่งงานข้างหลัง
ตัวเองไม่โกง แต่ก็ต้องทำเป็นตาบอดมองไม่เห็น เพื่อให้พรรคพวกได้มีกินมีใช้
ตัวเองไม่โกง กฎหมายเอาผิดไม่ได้เพราะว่ามีเมียแต่ในทางพฤตินัย ไม่ได้ทำเป็นนิตินัย สามีจน แต่กิ๊กรวย
ตัวเองไม่โกง แต่เอื้อประโยชน์ กระทำหรือละเว้นการกระทำ อันมีผลให้ผู้ือื่นได้ช่องที่จะเอาเปรียบรัฐ
ขนาดเขาว่าผู้นำท่านนั้นท่านนี้มือสะอาด แต่พอเราทำงานมากๆ ได้พบคนหลายๆระดับหลายๆสายอาชีพ
เราก็ไปเจอข้อมูลจนได้ว่า นิ้วของเขาเก้านิ้วเท่านั้นที่สะอาด ยังมีอีกนิ้วที่เลอะคราบความทุจริตอยู่ดี

พี่ว่าแอนอยู่ที่อังกฤษไม่ต้องเป็นห่วงคนไทยให้มากไปเลย
อย่างไรบ้านเมืองก็ผ่านวันร้ายๆมามากมายได้ตั้งหลายครั้ง
เฉือนแผ่นดินทิ้งมากกว่า 50%ของพื้นที่เดิม เราก็ยังผ่านมาแล้ว
หากแต่ว่าครั้งนี้มันอาจจะหนักไปหน่อยเพราะเทคโนโลยี่มันช่วยเสริมแรง
พวกยุทธ์ปัจจัยมันก็ทันสมัยมากๆ อย่างเรื่องเครื่องยิงจรวด เครื่องยิงระเบิด
เรื่องระเบิดที่จุดชนวนด้วยโทรศัพท์ มันก็ทันสมัยเสียเหลือเกิน
จะไประวังตรวจจับอย่างไรก็ไม่หมด
ส่วนเครื่องมือ ก็ไม่รู้ว่ามันหาระเบิดได้จริง หรือว่าทนทู่ซี้ใช้
เพราะไม่กล้ายอมรับว่าทำพลาดกันขนาดใหญ่ อย่างไรก็ไม่รู้
ถ้ามีเรื่องปะทะกัน ก็คงมีคนบาดเจ็บและตายอีกแน่นอน
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า หมอหรือพยาบาลไม่แบ่งสีกันในวันนี้

โชคดีที่พี่เป็นคนเก่งแต่ปาก เพราะไม่เคยออกไปประท้วงบนท้องถนนกับเขา
ไม่เคยไปนอนในทำเนียบ ไม่เคยไปกรีดเก้าอี้เลขาฯรัฐมนตรี ไม่เคยไปอึบนโต๊ะทำงานใคร
ไม่เคยเอากิ๊กไปโป้งๆชึ้งหลังทำเนียบรัฐบาลแล้วโยนถุงยางทิ้งเกลื่อนพื้น
(เพราะพี่ชอบใช้ของจริงๆ แบบเรียวไทม์สามมิติ กิ๊กถึงจะติดใจ)
ไม่เคยไปขโมยกินไอติมที่สนามบินฟรีๆ ไม่เคยตีแบ็ทกับลูกในห้องเช็คอินของสนามบิน
ไม่เคยโอนหุ้นหลอกๆให้เมียและลูก หรือให้คนรับใช้
ไม่เคยให้ใครเป็นตัวแทนไปปกครองประเทศ หรือนั่งเก้าอี้บริหารองค์กรใหญ่ๆ
ไม่เคยหลบภาษีสรรพากรโดยอาศัยช่องว่าง เคยแต่ซื้อของไม่เอาVAT
ไม่เคยก้าวมาเป็นใหญ่โดยทำเหมือนปีนข้ามหัวผู้ใหญ่ในองค์กร
ไม่เคยด่านายทหารชั้นยศสูงๆ
ไม่เคยกล่าวร้ายต่อสมาชิกในราชวงศ์
ไม่เคยอ้างว่าเอาโกเต๊กไปไว้ตรงโน้นตรงนี้นอกจากตรงนั้นของกิ๊กเท่านั้นที่ทำให้เขาเป็นประจำ
ไม่เคยเอาอึไปขว้างบ้านใคร
ไม่เคยเอาระเบิดปิงปองใส่เป้ไปเดินเล่นในวันสลายม๊อบ
ไม่เคยทำรถตัวเองระเบิดเพราะลืมระเบิดเอาไว้ในรถแล้วจอดตากแดดทั้งวัน
ไม่เคยจ้างใครไปยิ่งรถตู้เป็นร้อยๆนัดแล้วเขาเป็นแผลแค่หัวถลอก
ไม่เคยขึ้นเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวด้วยความกลัวว่าจะมีF16 มาสอยลงกลางทะเล
ไม่เคยเปิดทีวีทั้งวันทั้งคืนเพื่อฟังผู้นำลัทธิกล่าวว่าร้ายอีกฝ่าย ฯลฯ

พี่คิดว่า แค่รอให้เขาเลือกตั้งใหม่ แล้วเราก็ออกไปเลือกคนที่เราคิดว่าดีที่สุด(สำหรับเรา) แค่นี้ก็พอ

เอ้...มาคราวนี้จะมาทวงว่าพี่ลืมอะไรอีกหรือเปล่า?
พี่หนะแก่แล้ว ตอนนี้ต้องการคนดูแล พี่ไม่มีปัญหาไปดูแลใครหรอกจ้า 555

Ref: นกสีขาว AnnEng DeepPink FF 14 93


โดย: zoomzero วันที่: 2 มีนาคม 2553 เวลา:9:21:51 น.  

 


หวัดดีค่ะเฮียจ๋า..
ใครที่อาจจะเกี่ยวข้องอ่ะ..ใครเหรอคะ ฮ่า ๆ ๆ
จะทึกทักเอาว่าเป็นตัวเอง
เดี๋ยวจะหน้าแตกซะแต่เช้าป่าว ๆ อ่ะนะมินหน่ะ
มินอยากจะเล่าเรื่องที่ไปทำบุญวันมาฆะ ให้ฟัง
ไม่รู้ว่า มันจะแผ่รังสีไม่ดีมาที่นี่ด้วยหรือป่าว
แต่มินหน่ะ นอกจากวันนั้นจะไม่ได้บุญแล้ว
ยังอาจจะได้บาปติดตัวมาบ้าง ไม่มากก็น้อยอ่ะนะคะ
แต่ มินว่าถ้าเป็นพี่ พี่ก็ต้องเหมือนมินแน่ ๆ
เพราะเราเหมือนกันอ่ะค่ะ เห็นไรขัดหูขัดตาแล้วมันอดเจือกไม่ได้ซะด้วยจิ...
วันนั้น 3 วัด ขัดหู ขัดตา ขัดใจ อยู่วัดนึง
แบบเสียความรู้สึกมาก ๆ เลย ไม่ได้เกี่ยวกับหลวงปู่หรอก
เป็นที่พวกลูกศิษย์ ลูกหาที่มาห้อมล้อมเนี่ยหล่ะ
สงสารหลวงปู่ท่าน อายุตั้ง 82 ยังหาความสงบไม่ได้เล๊ย..เฮ๊อ...
ว่าจะเขียนเรื่องนี้อัพบล๊อคประจานซะเลยดีไม๊
ไอ้พวกที่เข้าวัดไปด้วยเรื่องแบบนี้อ่ะ...
ปล. ทานโอวัลตินก่อนค่ะ ยิ้มให้มินด้วย
วันนี้อารมณ์แปรปรวนแต่เช้าเลยอ่ะค่ะ ฮ่า ๆ ๆ


โดย: มินทิวา วันที่: 2 มีนาคม 2553 เวลา:9:24:48 น.  

 

ศัพท์แสงและพูดจาภาษาช้าง และคิดอย่างคนรักช้าง

บอกตรงๆนะ ผมไม่ทราบว่าช้างไทยเป็นสัตว์ประจำประเทศหรือเปล่า
ถ้าเป็นทางวิชาการนั้น คงต้องบอกว่า ช้างไทยเป็นสัตว์ประจำชาติไทย
แต่ในโลกจริงๆทุกวันนี้ เด็กๆมักจะคิดว่า หมีแพนด้าหลินปิง เป็นสัตว์ประจำประเทศเราเสียอีก

ช้างตัวผู้ เรียกว่า ช้างพลาย

ช้างตัวเมีย เรียกว่า ช้างพัง

ช้างตัวผู้ถ้าไม่มีงา เรียกว่า ช้างสีดอ

ช้างกระเทย ... ไม่มีคำเรียกเฟ้ย
ช้างทอม ช้างดี้ ก็ไม่มีคำเรียกเหมือนกันยะ

ก้านกล้วย เป็นชื่อช้างการ์ตูนอนิเมชั่น มี 2 ภาคแล้ว เป็นหนังคนไทยทำเอง

เกาะช้าง อยู่ในจังหวัดตราด เป็นเกาะใหญ่ลำดับที่สามในประเทศไทย

ช้างป่า เมื่อนำมาเลี้ยงและฝึกให้เชื่อง จะเรียกว่า ช้างเลี้ยง (บางคนก็เรียกว่า ช้างบ้าน นะ)
ช้างเลี้ยง มีหน่วยนับเป็น เชือก
แต่ถ้ายังเป็นช้างป่า ยังไม่ได้จับมา ให้นับเป็น ตัว

เท้าช้าง มีลักษณะเป็นกลีบ มีลักษณะกลม (Hoof)
ช้างมีเล็บ ช้างๆไม่เคยตัดเล็บ ถ้าพาช้างไปทำเล็บคงต้องจ่ายค่าจ้างเป็นพัน

งวงช้าง คือ จมูกของช้าง และยังมีส่วนอื่นรวมอยู่ด้วย ทายซิว่าอะไร?
คำว่างวงช้าง มีใช้ในอีกหลายความหมาย เช่น พายุงวงช้าง, หอยงวงช้าง, งูงวงช้าง, ... ฯ
งวงช้างตายพราย เป็นของอาถรรพ์ ใช้ป้องกันศัตรูและเรียกทรัพย์ หมอไสยศาสตร์จะไปตัดมาจาก
ซากช้างที่ตายโดยไม่ทราบสาเหตุ และศพของช้างตัวนั้นไม่มีการเน่าเปื่อยแต่จะแห้งไปเรื่อยๆเหมือนมัมมี

งาช้างขนาดเล็กๆและสั้นมากๆ เรียกว่า ขนาย มีขนาดไม่เกิน 20 ซม.
โห...20 ซม. ยังบอกว่าสั้นอีก แบบนี้ของเราไม่เรียกหูดหรือไง

ช้างพลายที่มีงาใหญ่มากๆ เรียกว่า ช้างงาปลี
ช้างพลายที่มีงาเล็ก แต่ยาวเรียว เรียกว่า ช้างงาเครือ

งาช้าง คือ ฟันหน้าของช้าง มีหน่วยนับว่า กิ่ง ในงาช้างไม่ได้ตันทึบทั้งหมด
งาช้างทั่วไปจะมีสีขาวนวล หรือขาว แต่ยังมีงาอีกชนิดที่มีเรื่องเล่าในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ นั่นคือ งาช้างดำ
งาช้างดำ ที่มีชื่อเสียงมาก คือ งาช้างดำ จังหวัดน่าน ซึ่งมีสีออกไปทางสีน้ำตาลเข้ม(ไม่ได้ดำสนิท)
เป็นของคู่กับเมืองน่านมาตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ. 2353 - 2368 จนถึงวันนี้ ใครเอาไปผู้นั้นจะโดนคำสาบ
ปัจจุบันอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน (วัดขนาดได้ยาว 94 ซม.)
เชื่อว่ามี 2 กิ่ง อีกกิ่งอยู่ที่เมืองเชียงตุง เป็นของสำคัญในวันประกาศเป็นพันธมิตรระหว่างเมืองน่านกับเมืองเชียงตุง
และห้ามนำงานี้ออกจากเมืองเป็นอันขาด

ครอบครัวช้าง เรียกว่า โขลง
หัวหน้าโขลง ตามปกติเป็นช้างพลาย จะถูกเรียกว่า ช้างโทน
ถ้าเป็นครอบครัวที่ไม่ปกติ ช้างพังก็สามารถยึดอำนาจการปกครอง ขึ้นมาเป็นผู้ดูแลครอบครัวได้
ช้างโทน เป็นช้างที่ชอบปลีกวิเวก หากินรอบนอกของโขลง คอยดูแลอยู่รอบๆ ไม่ค่อยเข้ามาวุ่นวาย
ครั้นเมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ ช้างโทนจะเข้ามาสังคมกับช้างพังสาวๆในโขลง
ผู้นำของโขลงตัวจริง มักจะเป็นช้างพังที่แข็งแรง ตัวใหญ่ และอายุมาก เรียกว่า แม่แปรก (ปะ-แหรก)

การออกไปจับช้างป่าเรียกว่า ไปคล้องช้าง หรือ โพนช้าง

คนขี่ช้าง เรียกว่า ควาญช้าง
โบราณกีดกันสตรีไม่ให้เข้าร่วมพิธีกรรมที่เกี่ยวกับช้าง เพราะมีเรื่องไสยศาสตร์ประกอบ ผิดพลาดคนเลี้ยงอาจถึงขั้นวิกลจริตได้
ไม่เคยมีการบันทึกว่ามีควาญช้างหญิง (แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงขี่ช้างจะไม่เป็นเรื่องจริง ต้องวิเคราะห์เอาเอง)
เพราะว่าอุปกรณ์ต่างๆของช้างถูกห้ามมิให้ผู้หญิงเข้าใกล้มาอย่างเคร่งครัด จึงมีคนสงสัยว่าจะมีผู้หญิงขี่ช้างได้หรือ
แต่วันนี้ช้างกลายเป็น ชีวเท็กซี่ไปแล้ว ชายหรือหญิง ไทยหรือเทศน์ ถ้ามี่เงิน ก็นั่งช้างได้
ปัจจุบันมีควาญช้างเป็นหญิง ชื่อ มาโก้ท์ เป็นคนอเมริกัน ที่เข้ามาหากินในเมืองไทย เดิมนั้นเคยฝึกม้ามาก่อน

เพนียด ใช้ในการขังช้าง มีลักษณะเป็นคอก ทำจากเสาไม้ขนาดใหญ่ปักชิดๆกัน แต่เว้นช่องให้คนเดินเข้าออกได้ แต่ช้างออกมาไม่ได้
เพนียดคล้องช้าง ที่มีชื่อเสียงของไทย อยู่ที่ จ.อยุธยา ด้านนอกเป็นกำแพงอิฐ ด้านในมีพลับพลาที่ประทับ
กษัตริย์จะออกคล้องช้างซึ่งจะเป็นส่วนที่ขังช้างเลี้ยง ส่วนควาญที่เชี่ยวชาญจะคล้องช้างอีกมุมหนึ่งซึ่งจะเป็นช้างป่าทั้งหมด
เชื่อว่าเพนียดเป็นเวทีในการประลองและฝึกการทำรบแบบยุทธหัตถีหรือการรบบนหลังช้าง


ตะขอ คือเครื่องมือมี่ควาญช้างใช้บังคับช้างให้ไปทางซ้าย ขวา หรือหยุด ตะขอจะเป็นเหล็กแหลมรูปโค้ง ยาวประมาณ 75-90 ซม.
ถ้าช้างดื้อ ไม่ยอมหยุดเดิน ควาญช้างจะเอาตะขอ ปักกลางหัว(บริเวณโหนก) แล้วร้องสั่งว่า "ฮาว" หรือ "เฮ่า"
ดังนั้นถ้าเจอช้างเลี้ยง เข้ามาทำอะไรแปลกๆกับคุณ ให้ร้องบอกมันว่า "ฮาว" ดังๆ

ถ้าช้างตกมัน หรือดื้อมากๆ ควาญช้างจะนำเหล็กแหลมยาวประมาณ 1 คืบ ต่อกับด้ามไม้ยาวอีกประมาณ 2 เมตร
คงต้องเรียกสิ่งนี่ว่า หอก
เขาจะใช้หอกยาวนี้ แทงช้างที่กำลังอาละวาด ทำให้เจ็บ และสงบลง รับรองได้เห็นเลือดไหลโชกเลยหละ
ปัจจุบันคงมีปืนลูกดอกใส่ยาสลบหรือยากล่อมประสาทใช้กันนะ

กะแจะ คือห่วง 2 อันมีโซ่ล่ามเชื่อมเอาไว้ด้วยกัน คล้ายกุญแจมือของตำรวจ หรือโซ่ตรวนเท้าของนักโทษ
จะใช้ใส่ที่ขาหน้าของช้างทั้งซ้ายขวา เพื่อป่องกันช้างยกขาหน้าเตะคน

ถ้าพูดว่า "เฮื่อ" ช้างจะเดินหน้า เชื่อหรือไม่?

สถานที่เลี้ยงช้าง มีชื่อเรียกว่า ปางช้าง หรือ วังช้าง แต่ไม่เรียกว่า ฟาร์มช้าง

ช้างเล็ก คือ ช้างเด็ก มีอายุตั้งแต่ 3 - 10 ขวบ

ช้างน้อย มักจะไม่ได้หมายถึงช้าง ตั้งแต่เจ้าชินจัง (การ์ตูนญี่ปุ่น) ชอบเอาออกมาโชว์เกือบทุกตอน

หมอช้าง คือ ท่านผู้เฒ่าที่เป็นบรรพบุรุษของควาญช้าง ทางอีสานเรียกว่า โขด

คชอภิบาลสถาน หรือศาลปะกำ เป็นสุถานที่ ที่สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐาน เชือกปะกำ หรือ เชือกบาศ
ศาลปะกำ มีลักษณะคล้ายศาลพระภูมิโบราณ หรือศาลเล็กๆ แบบที่เรียกว่า ศาลตายาย ลักษณะคล้ายเรือน
ศาลปะกำ มักจะสร้างเป็นเรือนหลังเล็กๆ บนเสา 4 ต้น สูงจากพื้น 2 เมตร
มีฝาและหลังคา กันแดดกันฝน และจะต้องมีเครื่องเซ่นไหว้ ซึ่งตามธรรมเนียมโบราณ ต้องมีเหล้าด้วย
การบวงสรวงศาลประกำ ต้องทำตามตำราช้างต้น ส่วนใหญ่จะมีข้าว ไก่ต้ม เหล้า ดอกไม้ ธูปเทียน กรวยเล็ก ...

เชือกปะกำ หรือ หนังปะกำ ทางภาคใต้เรียกว่า เชือกพวน เป็นบ่วงสำหรับคล้องช้าง
ทำจากหนังควายแห้ง ควั่นเป็น 3 เกลียว ยาวประมาณ 50 - 80 เมตร
ถือว่าเป็นเชือกศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่สถิตย์ของดวงวิญญาณครูบาอาจารย์ และเป็นของสำคัญของแต่ละตระกูล
จะต้องเก็บเชือกปะกำเอาไว้ในศาลปะกำ และต้องดูแลเป็นอย่างดี

ผิดขะลำ หรือ ผิดปะกำ หมายถึงการทำผิด ที่เรียกว่า ผิดครู
อาจเกิดจากการไม่ดูแลเชือกปะกำให้ดี หรืออาจจะมีบุคคลต้องห้ามเช่นสตรีมาแตะต้องเชือกบาศ
หรือเข้าใกล้ศาลปะกำ เชื่อว่าหากขณะทำการออกไปคล้องช้างกันอยู่
แล้วมีคนทำผิดขะลำ ควายช้าง หรือคนในตระกูลนั้นต้องเป็นบ้า เสียสติ อาจจะได้รับอันตรายจากช้าง

ไม้คันจาม คือไม้ที่ถือเวลาคล้องช้าง ปลายอีกข้างคือ บ่วงบาศ

ไม้งก เป็นไม้ที่ใช้ในพิธีการคล้องช้าง มีลักษณะคล้ายตะลุมพุก ใช้สำหรับตีช้างเร่งให้วิ่งเร็วขึ้น

กูย หรือ กุย เป็นชนเชื้อชาติเขมร ที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทย แหล่งที่อยู่เดิมของกุยอยู่ทางตอนเหนือของเมืองกำปงธม
เดิมนั้นชาวกุยเดินทางออกจากเขมรขึ้นไปทางประเทศลาว
แล้วต่อมาจึงข้ามแม่น้ำโขงแถวๆโขงเจียมเข้ามาฝั่งไทย แล้วแยกย้ายกันไปสร้างบ้านเรือนในพื้นที่นั้น
ปัจจุบันส่วนใหญ่จะพบชาวกุยอยู่ที่บุรีรัมย์ อุบลราชธานี โคราช ฯ
สังเกตได้ง่าย เพราะใต้ถุนบ้านของชาวกุยจะสร้างสูงเพราะเป็นพวกที่ชอบเลี้ยงช้าง

ส่วย เป็นคำเรียกชื่อ ชาวกุย แต่ชาวกุยไม่ยอมรับคำนี้ และไม่ค่อยชอบด้วย
ชาวกุยที่คนไทยเริ่มรู้จักกันในอดีต เป็นพวกที่อพยพเขาไปอยู่ในเมืองพิมาย
โดยมารับราชการ ทำงานในการขนส่ง ของมีค่าไปส่งให้กรุงศรีอยุธยา
เลยโดนชาวบ้านเรียกว่าพวกส่วย (น่าจะหมายถึง พวกส่งส่วย)
บุคคลในประวัติศาสตร์เรื่องนี้มีไม่กี่ท่าน แต่ก็นับว่าเป็นต้นกำเนิดของสายสุกุลสำคัญของชาวกุย เช่น
ตากะจะ ได้เป็น หลวงสุวรรณ แล้วจึงได้เป็น พระไกรภักดีศรีนครลำดวน ในตำแหน่งเจ้าเมืองขุขันธ์
เชียงฆะ ได้เป็น หลวงเพชร ต่อมาได้เป็น พระสังฆะบุรีศรีนครวัด เจ้าเมืองบ้านโคกอัดจะ (บ้านดงยาง) เรียกใหม่ว่า บ้านสังฆะ
เชียงปุ่ม ได้เป็น หลวงสุรินทรภักดี ต่อมาได้เป็น พระสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง เจ้าเมืองประทายสมัน หรือ เมืองสุรินทร์
เชียงสี ได้เป็น หลวงศรีนครเตา ต่อมาได้เป็น พระศรีนครเตา เจ้าเมืองรัตนบุรี(เดิมคือ บ้านกุดหวาย) ขึ้นกับเมืองพิมาย

ลำดับชื่อเรียก ควายช้างที่เชี่ยวชาญด้านการคล้องช้างของชาวกุย
ครูบาใหญ่ เป็นหมอช้างใหญ่ หรือ ปะกำหลวง เป็น หมอผู้เฒ่า อาจจะเรียกว่า หมอเฒ่า ถือว่าเป็นผู้มีอาคมสูงที่สุด
ครูบา คือ หมอช้างใหญ่ระดังรองลงมา เป็นหัวหน้าในกลุ่มย่อย(อีกที) ของควาญที่ออกไปคล้องช้าง
หมอสะดำ เป็นผู้ทำหน้าที่ควาญช้างเบื้องขวา เป็นคนมีประสบการณ์มาก อย่างน้อยเคยจับช้างมาแล้วมากกว่า 11 เชือก
หมอสะเดียง เป็นผู้ทำหน้าที่อยู่ตรงคอช้าง คอยบังคับช้างต่อให้วิ่งไปดักช้างป่าด้านต่าง อยู่ในฐานะเป็นรองจากสะดำ
มะ หรือ จา เป็นผู้ช่วยควาญช้าง จะอยู่ที่ตำแหน่งท้ายช้าง เรียกว่า ควาญท้าย

เคยได้ยินคนชื่อ จาพนม ตัวเองจากเรื่องต้มยำกุ้งหรือไม่ ชื่อนี้ เขาน่าจะอยากให้เราทราบว่า เกี่ยวข้องกับ ช้าง
เรื่ององค์บากเป็นการตามหาพระ ส่วนต้มยำกุ้งเป็นการตามหาช้าง อย่าจำสับสนนะยะ

กระดาษมูลช้าง ทำมาจากขี้ช้าง ผ่านกรรมวิธีหมักด้วยเชื้อจุลินทรีย์ (น้ำEM) ต้ม ใส่โซดาไฟ ทำให้กลิ่นน้อยลง จนไม่เหม็น
เรื่องกรรมวิธีโดยละเอียดต้องหาอ่านเพิ่มเติมเอาเอง

กล้วยไม้ ตระกูลช้าง เป็นพืชไม่ป่าที่สวยงามมาก มักจะมีใน ไทย, เขมร, พม่า, ลาว, อินเดีย, มาเลเซีย, และฟิลิปปินส์
บางสายพันธุ์มีชื่อเรียกว่า เอื้องไอยเรศ ก็มี ช้างกระ ก็มี

คำว่าเมืองช้างหมายถึง จังหวัดสุรินทร์
ซึ่งทำให้เกิดความแคลงใจว่า ทำไมอีสานถึงมีช้าง ในเมื่อป่าก็มีน้อย และเป็นป่าที่ราบสูง อากาศแห้งแล้ง
ผิดกับป่าทางภาคเหนือหรือภาคกลางตอนบน ซึ่งมีป่าอุดมสมบูรณ์ น้ำก็มีตลอดปี
เวลาเห็นภาพวาดของช้าง มักจะเป็นภาพชากลากซุง ซึ่งต้องเป็นภาคเหนือ เพราะมีการล่องลงมาทางแม่น้ำนับเป็นร้อยๆปีมาแล้ว
เหตุใด สุรินทร์ จึงได้ชื่อว่าเมืองช้าง

ในจังหวัดเชียงใหม่ มีถนน วัด และสถานที่หลายแห่ง มีคำว่าช้างประกอบด้วย เช่น ช้างม่อย ช้างคลาน ฯ

ในสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ แห่งกรุงศรีอยุธยา มีช้างเผือกในรัชกาลถึง 7 เชือก
ในสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 (พระบรมโกศ) ได้ช้างเผือกมา 6 เชือก

ช้างชื่อ นาฬาคิรี เป็นช้างดุร้าย จากพุทธประวัติของพระพุทธเจ้า
ช้างชื่อ คิรีเมขล์ เป็นช้างในพุทธประวัติเหมือนกัน เป็นช้างของพระยามาร อยู่ในตอนที่แม่พระธรณีบีบมวยผม และพระพุทธเจ้าชนะมาร
ช้างชื่อ ปาลิไลยกะ เป็นต้นกำเนิดพระพุทธรูปปางป่าเลไลย์ มาจากพุทธประวัติเช่นกัน

ช้างชื่อ เอราวัณ เป็นช้างทรงของพระอินทร์ มีถึง 3 เศียร

ช้างชื่อ รุจาครี เป็นช้างทรงที่เป็นช้างเผือกของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช

ช้างชื่อ พลายมงคล เป็นช้างที่เจ้าเชียงใหม่ถวายให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฏราชกุมาร ในรัชกาลที่ 5

ช้างชื่อ พระเศวตอดุลเดชพาหน เป็นช้างต้นและเป็นช้างเผือก เชือกแรกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9

มูลนิธิช้างแห่งประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นมานานหลายปี ด้วยความกลัวว่าจำนวนช้างในประเทศไทยจาก 5,000 ตัว จะหมดไปภายใน 10-20 ปี
จึงมีการรวมตัวกันตอนแรกภายใต้ชื่อว่า มูลนิธิคนรักช้าง ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อใหม่แล้วเป็นชื่อข้างต้น

13 มีนาคม วันช้างไทย
ขอเชิญไปเที่ยวงานที่ฟาร์มจระเข้สวนสามพราน จ.นครปฐม เวลา 10.00 - 16.30 น.
อย่าลืมไปอุดหนุนเสื้อยืดวันช้างไทย ราคาตัวละ 99 บาท

ช้างเลี้ยงทุกตัวจะต้องมีการจดทะเบียนตามกฎหมายสัตว์พาหนะ คล้ายๆบัตรประจำตัวช้าง เรียกภาษาชาวบ้านว่า ตั๋วรูปพรรณ
ปัจจุบันเพื่อนๆชาวกุบเขาคนโฉดได้ลักลอบแอบเอาช้างป่ามาสวมรอยทำเป็นช้างบ้าน เพราะขี้เกียจเอาไปขึ้นทะเบียน
และต้องการค้าขายแบบผิดกฎหมาย หรือเย้ยกฎหมาย ก็แล้วแต่จะคิดก็แล้วกัน ผลเสียที่เกิดขึ้นทำให้การดูแลเรื่องช้างทำได้ยากมากขึ้น
ดังนั้นปัจจุบันจึงมีการฝังชิบวงจรไฟฟ้าให้ช้างแต่ละตัวเพื่อป้องกันการปลอมแปลง และยังเป็นการสร้างการบันทึกที่แม่นยำกว่าก่อนอีกด้วย
ราคาไมโครชิพ 1 ตัว อยู่ที่ 250 บาท
เครื่องอ่าน ราคาเครื่องละ 25,000 บาท และต้องใช้งานคู่กับคอมพิวเตอร์อีก 1 เครื่อง
ใครอยากบริจาคก็โทรไปได้ที่ 02-6537431 อยู่แถวพญาไท กทม.
ความจริงข้อมูลของมูลนิธิช้าง น่าสนใจเยอะ แต่เจอคำขู่ว่า Copyrights 2004 - 2005 บราๆๆๆๆ คุกๆๆๆ แค๊กๆๆๆ
เลยไม่อยากเอาอะไรมาเขียนให้เป็นความรู้ เพราะไม่อยากโดนตำรวจจับ ข้อหาลอกเลียนแบบข้อมูลของเขา
เอาเป็นว่าใครอยากรู้เรื่องการอนุรักษ์ช้างไทย ก็ขวนขวายหาความรู้เอาเอง ข้อมูลเขาเป็นความลับ เอามาบอกกันไม่ได้หรอก
ขอเขียนข่วนๆเอานิดๆนะจ๊ะ เพราะคนที่อยากเอาความรู้มาแบ่งปันโดนห้ามเสียแล้ว

เอ้ามาที่มูลนิธิที่ไม่ห้ามเรื่องเปิดเผยข้อมูล
มูลนิธิช้างที่น่าสนใจอีกแห่งคือ มูลนิธิเพื่อนช้าง ก่อตั้งเมื่อ 13 ตุลาคม 2536 โดยคุณ โซไรดา ซาลวาลา
เป็นโรงพยาบาลช้างแบบน่ายกย่องในการทุ่มเทแรงกายแรงใจของคนรักช้างไทยจริงๆ
อยู่ที่ อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง โทร. 051-247-869
ใครอยากช่วยช้างมากๆ ก็โอนเงินได้หลายที่ ยกตัวอย่างเช่น
บัญชีชื่อ มูลนิธิเพื่อนช้าง เลขบัญชี 088-2-20983-0 กสิกรไทย รามอินทรา
หรือ กองทุนชื่อและสกุลช้าง มูลนิธิเพื่อนช้าง เลขบัญชี 111-2-27207-8 ไทยพาณิชย์ รัชโยธิน
ส่งเงินแล้วก็ต้องโทรไปคุยกับฝ่ายการเงินที่เบอร์ 081-8839776 ซะหน่อย
เพราะเขาอยากให้ส่งแฟ็กซ์สำเนาไปให้เขาหรือสแกนผ่านไปทางอีเมล์ก็ได้
สงสัยว่าได้ลดหย่อนภาษีนะ ถ้าไม่ได้ก็ช่างมันเหอะ ปีนี้หลวงท่านได้เงินภาษีมาเป็นหมื่นล้านอยู่แล้ว

ถ้าคุณเป็นคนรักช้างและอ่านหนังสือพิมพ์แล้วไม่ค่อยลืมข่าว
ก็น่าจะจำชื่อสัตว์แพทย์ปรีชา พวงคำ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องช้างท่านหนึ่ง
และเรื่องราวของ ลูกช้างชื่อ โม่ชะ ที่เหยียบกับระเบิดขาขวาด้านหน้าขาด เกือบจะตายในพม่า
จนกระทั่งกลายเป็นข่าว ช้างไทยที่ใส่ขาเทียมตัวแรกของโลก
โดยได้รับขาเทียมจากมูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี โดย มี
รศ. นายแพทย์เทอดชัย ชีวะเกตุ เป็นผู้ดูแลการใส่ขาเทียม



โดย: zoomzero วันที่: 2 มีนาคม 2553 เวลา:15:40:36 น.  

 
To Mintiva

อาฟเตอร์เชฟ เอ้ย...อาฟเตอร์นูน ครับ อาหมวยเล็ก

เรื่องนินทาแวดวงวัดวาเหรอ
โอ้...หูผึงๆๆ
ทุกวันนี้มีคนเขาเบื่อเรื่องที่เฮียขวางโลกเขาเป็นประจำอยู่หลักๆ ก็เรื่องทำบุญด้วยเงิน
เฮียชอบบอกคนใกล้ตัว ให้นับถือพระพุทธเจ้า และพระธรรมเป็นหลัก ไม่ต้องเชื่อพระสงฆ์ให้มากนัก
การทำบุญมี 10 วิธี อย่าเชื่อว่าต้องใส่เงินในวันนี้ เพื่อไปรับเงินคืนในชาติหน้า
พระที่ไหนสอนแบบนั้น มันผิดหลักของพระพุทธเจ้า เพราะท่านสอนให้ทำดี ละชั่ว และทำจิตใจให้สงบ เท่านั้น
ประเด็นเรื่องสะสมบุญนั้น เฮียว่าใช้ได้กับคนบางคน และในบางเหตุการณ์
ไม่อย่างนั้นมันจะบ้าบอไปกันใหญ่ คนนอนในห้อง ICU ยังบอกว่าทำบุญนอกห้องแล้วโอนมาแก้กรรมให้เขาได้อีก
แบบนี้อีกหน่อยก็คงมีบริษัทรับจ้างทำบุญและแผ่เมตตาให้เราหนะซิ
เรื่องทำบุญด้วยเงินนี่นะ คนแรกเลย คุณนายบ้านใหญ่ คุณม๊าม้าของเฮียนี่เอง
ท่านชอบไปฟังพระพูดๆๆ พูดอะไรมาก็เชื่อๆๆ ต้องทำตามไปหมด
เราก็บอกว่า ก็แค่คนๆหนึ่ง อยากเขาไปศึกษาธรรม โกนหัว ห่มผ้าเหลือง หัดสวดมนต์
มีศีล 227 ข้อ (แต่มีจริงๆครบกี่ข้อก็ไม่ทราบ ให้สันนิษฐานว่าครบเอาไว้ก่อน)
เราใส่บาตร กรวดน้ำ ก็พอแล้ว ไม่ต้่องไม่ยุ่งวุ่นวายกับพระให้มากไป
ไม่ต้องไปฟังอะไรมาก เพราะพระสงฆ์แบบพุทธพาณิชย์ หรือพระขาย(บุญ)แบบขายตรง ก็มีมากมาย
พูดไปพูดมา โยมใจอ่อน ก็ควักเงินใส่ย่ามให้พระไป โยมก็คิดแต่ด้านดี
พออีกไม่กี่เดือนพระก็ออกมา เดือนให้เราเห็นแถวบ้าน แถมทำตัวแย่กว่าก่อนบวชอีกก็มีให้เห็น
ก็บอกแล้ว พระก็คนเหมือนเรา จะมีแต่บางองค์ที่ท่านเอาจริงเอาจังกับการเรียนปริยัติและปฏิบัติจนบรรลุธรรมได้

ปกติเราใส่บาตรก็ตกองค์ละ 50-60 บาทต่อวัน ทั้งๆที่ทุกวันนี้แม่ไม่มีรายได้ซักบาท
ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงนี่ก็ถือว่าติดลบอยู่แล้ว ผิดหลักมาก
แล้วยังจะต้อง หาเงินมาช่วยพระเรื่องนั้น เรื่องนี้ สร้างบุญกันเป็นธุรกิจไปเลย
เฮียบอกให้แม่บอกพระไปว่า อิฉันไม่มีเงินหรอกค๊าท่าน
สามีอิฉันเสียไปแล้ว อิฉันเป็นแค่คนแก่คนหนึ่ง อาศัยอาหารและก็ที่พักของพวกเขา
ค่าข้าว ค่าอาหารใส่บาตรนี่ก็เงินของลูกๆเขาให้มา เขาไปซื้อมาให้ตอนเช้ามืด
พูดแค่นี้เรื่องก็จบ ดูซิว่าถ้าเราเป็นยายแก่จนๆ พระจะมาหยุดคุยเป็นสิบนาทีเหมือนเดิมหรือเปล่า
แต่ที่ไม่จบเพราะ พระมาบอกบุญทีไร แม่ก็รีบรับบุญ และจ่ายเงินสวนกลับไปทุกที
พอบอกว่าพระก็คนเหมือนเรา เรานับถือท่านเพราะท่านมาโปรดสัตว์ตอนเช้า
ท่านไม่ใช่เทพเจ้า ท่านไม่ได้มีอิธิฤทธิ์ แม่ฟังแล้วต้องตรองเอาไว้ก่อน พระก็โกหกเป็น
แม่ได้ยินก็โกรธว่า เฮียนี่ มือไม่พาย แต่....
เฮียทะเลาะกับแม่ทุกทีเรื่องนี้

น้องๆก็บอกว่า เอาน่าๆ แม่แก่แล้ว แกอยากทำอะไรก็ให้แกทำไป
เออ..ถ้าแม่อยากไปดวงจันทร์ พวกมันจะพาแม่ไปหรือเปล่า?
คนแก่ไม่ใช่คนที่อยากทำอะไรเรายอมๆไปหมด มันต้องดูด้วยว่าท่านอยากทำอะไร
ท่านทำแล้วสบายใจ แต่ถ้ามันทำแล้วไม่ได้ประโยชน์อะไร จะให้ท่านทำไปทำไม

ตอนสมัยพ่อก็ทีหนึ่งมาแล้ว ปล่อยให้ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ไม่มีใครกล้าห้าม
คิดแต่ว่าคนแก่ 60 ปีขึ้นไป อย่าไปห้ามเลย ปล่อยมา 13 ปี
พอปีสุดท้าย พ่อก็นอนทรมานเป็นเดือนๆกว่าจะจากไป กินอะไรก็ไม่ได้
พอหลานเข้าไปกราบ ก็กอดหลานร้องไห้น้ำตาไหลพรากๆ รู้ตัวว่าตัวเองไม่รอดแน่ๆ
วันสุดท้ายในห้องไอซียู เลือดเสียที่ปั๊มออกมา ก็ดำปี๋ ออกมาเป็นถุงๆ แถมยังออกปากออกจมูกอีก ไม่จำกันบ้าง
เอาแต่บอกว่าปล่อยให้แกทำไปเหอะ เฮ้อ...

ส่วนเรื่องเอาพระผู้เฒ่ามาทรมาน
มินเชื่อมั๊ย ในชีวิตพี่ พี่ไปกราบหลวงพ่อ ที่ท่านดังที่สุดในภาคอีสาน ไปแค่ครั้งเดียวเองนะ
ทั้งๆที่มีโอกาสไปนมัสการหรือไปทำบุญที่วัดของท่านได้ตั้งหลายครั้ง
แต่เป็นเพราะครั้งแรก สมัยสิบกว่าปีก่อนโน้น ไปแล้วเจอเรื่องที่สลดหดหู่มาก
ตอนนั้น หลวงพ่อท่านก็ยังปฏิบัติกับญาติโยมเหมือนๆที่หนังสือพิมพ์ลงข่าว
คือ ออกมาเดินเอาผ้านิ่มๆเคาะหัวผู้คน
แต่ละคนก็ยื่นธนบัตรให้ท่าน 2 ใบ ท่านก็คืนมาให้ 1 ใบ เพื่อเก็บเอาไปบูชา ทำเป็นขวัญถุง
จากนั้นก็ไปเช่าผ้าที่เป็นรอยเท้าหรือรอยมือของท่านเอาติดตัวกลับไปติดที่ฝาบ้าน
ยุคนั้นพอดีเขาเลิกตอกตะกรุดเล็กๆเข้าใต้ผิวหนังกันแล้ว เพราะโรคเอดส์มาแรง
คนกลัวว่าในตะกรุดจะมีเชื่อปนเปื้อน จะตายกันเสียเปล่าๆ เลยยกเลิกไป
ภาพที่ไปวันนั้นไม่ได้ทำให้เฮียเลิกศรัทธาในตัวหลวงพ่อหรอก
เพราะหลวงพ่อท่านอยู่เหนือศีรษะของเฮียในเรื่องเมตตาและการช่วยเหลือชาวบ้านตลอดเวลา
ท่านสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล ถนนหนทาง และช่วยวัดยากจนในอีสานมากมาย
เฮียไม่ได้คิดมากเรื่องคาถาอาคมหรือไสยศาสตร์กับเขาหรอก พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ชื่นชมแบบนั้น
เรื่องที่สลดใจก็คือ มีคนออกมาบอกว่ารอบนี้รอนานหน่อยนะ
คนก็ถามว่า ทำไม
คนที่มาบอกพูดว่า อากาศมันร้อน หลวงพ่อเลยเหนื่อย ขอพัก 30 นาที
โห..ทำเป็นละครเวที ที่มีพักการแสดงครึ่งชั่วโมง ให้เวลากันนานจัง
คำว่าหลวงพ่อท่านเหนื่อย ทำให้เฮียตกใจนะ
เพราะแทนที่จะบอกว่างดไปเลย หลวงพ่อจะได้พักผ่อน กลับไม่มีลูกศิษย์คนไหนคิดอย่างนั้น
ในใจเฮียก็คิดว่าหลวงพ่อเป็นเหมือนจุดขาย และคนที่มาก็เหมือนลูกค้า จะทำให้ลูกค้ามาเก้อได้อย่างไร?
ถึงเฮียจะเชื่อว่าหลวงพ่อท่านเมตตา ท่านไม่ยอมย่อท้อต่อสังขาร แต่เราก็น่าจะให้ท่านทำอะไรพอดีๆกันบ้าง
แค่ไปนั่งมองท่านห่างๆแล้วก้มกราบก็ได้นี่หน่า วันหน้าค่อยมาใหม่ก็ได้
ทำไมต้องทรมานพระสูงอายุ
พวกคุณมาวัด มาทำบุญ หรือมาทำบาปกันแน่

สุดท้ายท่านก็ออกมาอีกรอบ ซึ่งเป็นรอบที่คนเยอะมาก ท่านต้องเดินวงกลมใหญ่มาก
แล้วจากนั้นท่านก็ต้องเดินตากแดดออกไปนอกศาลาด้านตะวันออก
ออกไปทำอะไรรู้มั๊ย
ออกไปเจิมรถบัสใหม่ 8 คัน ที่จอดตากแดดอยู่กลางลานจอดรถ
แดดเปรี้ยงๆ นิมนต์พระอายุมากๆออกไปตากแดดตากลม
แทนที่จะรอตอนบ่ายๆ หรือมาแต่เช้ามืด

เฮียเลยบอกกับตัวเองว่า
จะไม่กลับมามองภาพหลวงพ่อโดนลูกศิษย์พาออกมาทำแบบนั้นอีก

มันก็มีคนมองต่างมุมกับเฮียเยอะนะ
เขาก็ว่าท่านทำแล้วท่านก็สบายใจ (ใครเป็นคนรู้ว่าท่านจะสบายใจ)
ท่านอยากช่วยให้ลูกหลานมีกำลังใจทำมาหากิน (ก็หากินสุจริตก็พอแล้วไม่ใช่หรือ)

ทุกวันนี้พระหนุ่มฝีปากดีหลอกขายบุญ
พระผู้เฒ่าโดนลูกศิษย์ทรมานสังขาร ให้ทำงานหนัก
เห็นจนชาชิน
สุดท้ายเหตุผลมันก็อยู่ที่ “เงิน”

Ref: มินทิวา Mintiva RoyalBlue 41 69 E1


โดย: zoomzero วันที่: 2 มีนาคม 2553 เวลา:16:55:40 น.  

 


โดย: zoomzero วันที่: 2 มีนาคม 2553 เวลา:16:57:04 น.  

 
Tags Maker is a Text Image Generator to write Messages, Comments or Tags on Pictures

good evening ค่ะเฮีย
เพิ่งกลับมาถึงบ้านได้ซักพักอ่ะค่ะ
หยุด 3 วัน เหมือนไม่ได้หยุดเลยมินอ่ะ
เมื่อวันเสาร์ ก็ไปซื้อของเตรียมทำบุญ
คือ มินรู้ว่า ไปวัดพระปฐมเจดีย์
แต่อีก 2 วัด มินไม่รู้ว่า แม่จะไปวัดไหนอ่ะ
พอไปถึงบ้านแม่ ก็เจอแขกที่จะไปด้วย
เพิ่มมาอีก 1 คือคนข้างบ้านของแม่เค้า
เลยไปกัน 4 คน วัดแรกคือวัดเล่งเนยยี่ บางบัวทอง
ก็ไม่มีอาไร ทำบุญ ถวายจุดเทียน เวียนเทียนกันเอง
มามีปัญหา คือวัด เขาบันไดอิฐ ที่อยู่เพชรบุรี โน่น
วัดนี้คือวัด ที่เอาอาหารมาถวายเพลด้วยอ่ะค่ะ
มินไม่เคยมาที่วัดนี้มาก่อน แต่ คนข้างบ้านแม่เขาเคยมาประจำอยู่แล้ว
ท่านหลวงปู่เจ้าอาวาส ท่านพักอยู่บนเขาในถ้ำอ่ะค่ะ
ต้องเอารถขึ้นไปจอดเชิงเขา แล้วเดินขึ้นบันไดไปอีก
พอขึ้นไปถึงที่ท่านพัก ก็มีลูกศิษย์ ลูกหา ท่านมากันเต็ม แต่ก็ไม่เยอะเท่าไร
นับ ๆ ดูประมาณซัก 40 คนได้มั๊ง แต่ที่มินรับไม่ได้ คือ
ท่านอายุ 82 แล้ว ท่านก็ป่วยด้วย ต้องใส่สายยางปัสสาวะอยู่ข้างในจีวร
ลูกศิษย์มาหา มาทำบุญกับท่าน ไม่แปลกหรอกค่ะ
แต่ที่มินไปนั่งรอถวายอาหารเนี่ย มันไม่ใช่อย่างนั้น
เพราะทุกคนที่ไป จ้องจะไปเอาหวย หรือ ตัวเลขจากท่านทั้งนั้น
มินพูดได้เลยว่าเกือบ 100 % ที่เป็นอย่างนั้น เพราะไม่ว่าท่านจะขยับซ้าย ขยับขวา
ตักข้าวแบบมือสั่น ๆ ก็ขนาดท่านทำช้อนร่วง เพราะท่านถือไม่ไหว
คนก็ฮือกันตลอด มันทุเรศขนาดว่า ถือสมุดโน๊ตและปากกากัน คอยจดอากัปกริยาที่ท่านทำเลยค่ะ
ส่วนมินนี่ ก็เก็บอาการไม่อยู่สิคะ หงุดหงิดมาก ๆ บ่นกับแม่เลยว่า
แม่รู้หรือป่าวว่า มาแล้ว ต้องมาเจอแบบนี้อ่ะ แล้วแม่เคยมากับป้า...นี่เขาหรือป่าว
แม่มินไม่เคยมา เพียงแต่ฟังเขาเล่า เลยอยากจะมากราบท่านซักครั้ง
แล้วแม่รู้หรือป่าวเนี่ย แม่ดูสิ ทุก ๆ คน จ้องจะเอาเลขจากท่าน เห็นไม๊
แม่ก็ได้แต่พยักหน้า แล้วบอกให้มินพูดเบา ๆ กลัวคนอื่นจะได้ยิน
แต่ก็มีคนได้ยินจริง ๆ ค่ะเฮีย ได้ยินแล้วหันมามองมินเหมือนมินเป็นศัตรูกับเขาเลยอ่ะ
มินบอก พวกนี้มาวัดกัน มาทำบาป สร้างเวรสร้างกรรมกับพระนะเนี่ย
ดูสิ ท่านไม่ยอมพูดกับใครเลย ท่านได้แต่ยิ้ม เพราะท่านพูดไม่ได้
พูดแล้วคนเอาไปตีเป็นเลขหมด ท่านถึงไม่พูด ท่านหันมาจ้องหน้ามิน
คนก็หันมามองมิน แล้วมาถามว่ามินอายุเท่าไร เออ..เอากะคนพวกนี้สิ..เปรตเอ๊ย...
ท่านอาจมองมิน เพราะท่านไม่เคยเห็นมินกับแม่มาก่อนก็ได้ มินว่านะ
นั่นแหละ..มินเลยหน้าบึ้งตลอดเลยค่ะเฮีย..พาลไปด้วย บอกทีหลังถ้าแม่จะชวนคนอื่นมาด้วยบอกนู๋ก่อนนะ
ถ้ามินโมโหอาไร แล้วต้องมานั่งปั้นหน้ายิ้ม ๆ แบบนั้น มินทำไม่ได้หรอก
ตั้งใจจะมาทำบุญกันไม่ใช่เหรอ หรือว่ามีแอบแฝงกัน ไม่สงสารท่านหรือไง เดินท่านยังจะเดินไม่ไหว
ไปทำให้ท่านเครียดป่าว ๆ
ใยป้าข้างบ้านแม่มิน ทำเป็นตลก ว่า ผลพลอยได้อ่ะลูก มินไม่ตลกด้วย หน้าตาบอกบุญไม่รับ
เขาก็เลยจ๋อย ๆ เงียบ ๆ ไป พอมาถึงวัดปฐมเจดีย์ เขาเลยบอกว่า ขอแวะหาญาติที่นี่
ให้มินกลับกันก่อน หรือแยกกัน เพราะเขามีธุระบ้านญาติ แต่ มินว่าไม่ใช่หรอก เขาอีดอัดมินบ่นมากกว่า
ขากลับแม่ก็บอกแม่ไม่รู้ เห็นเขาเล่าเรื่องหลวงปู่ ก็เลยอยากจะมากราบซักครั้ง
เขาก็ไม่เคยจะพูดเกี่ยวกับเรื่องหวย หรือไรมาก่อนอ่ะค่ะ..
พอป้าแกแยกไป มินก็รู้สึกตัวเหมือนกัน ว่าทำนิสัยไม่ดี ไม่รู้จักเกรงใจผู้ใหญ่ พูดไม่มีเบรคเลย
สงสัยกรรมจะตามสนองทันควัน ขากลับ ต้องแวะซื้อกอเอี๊ยะ
กลับถึงบ้าน โห..เฮียจ๋า ขามินจะแยกร่างซะให้ได้เลยอ่ะค่ะ แปะรอบขาเลยค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
ก็ขานู๋ มันจะไม่ปวดได้ไง 3 วัด 3 บันได หมายถึงต้องขึ้นบันไดแต่ละที่งี๊..โห..โหดซะไม่มีอ่ะนะ ฮ่า ๆ ๆ
โทรไปหาแม่ แม่ก็แปะกอเอี๊ยะเหมือนกันค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
จนถึงตอนนี้ มินยังปวดน่องอยู่เลยอ่ะค่ะ ..จึ๋ย....
ปล. ว่าจะคุยจิ๊ดเดียว พล่ามยาวอีกแล้วมินอ่ะ ฮ่า ๆ ๆ
นอนหลับฝันดี นะคะ...


โดย: มินทิวา วันที่: 2 มีนาคม 2553 เวลา:19:50:18 น.  

 
Tags Maker is a Text Image Generator to write Messages, Comments or Tags on Pictures

หวัดดีค่ะเฮีย...
มีความสุขมาก ๆ นะคะ


โดย: มินทิวา วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:8:41:47 น.  

 
To Mintiva
ฮัดเช้ยยยย...
วันนี้ สงสัยจะเป็นหวัด หรือไม่ก็แพ้อากาศ
แต่ทั้งไอและมีน้ำมูก น่าจะเป็นหวัด 2010 ซะมากกว่า
เมื่อเช้าส่งยา Actifed เข้าไปทำการรบในร่างกายไปแล้ว
ตอนนี้มึนตึ๊บ นอนมาแล้ว 1 ยก ยังไม่ยักจะดีขึ้นเลย คงต้องนอนอีกยก

เฮ้อ...เรื่องพระกับเรื่องหวยนี่
เมืองพุทธอย่างเรา มันไม่น่าจะเป็นเอามากขนาดนี้และนะ
ขอกันได้กับพระสงฆ์ พระพุทธรูป แล้วก็ออกไปโน้น ต้นไม้ ก้อนหิน เรือเก่า เสาผุ
ไม่วายเพี้ยนถึง งู ตัวตะกวด ก็ยังไปขูดหาเลขกันได้
เมื่อคืนรายการตีสิบก็ยังเป็นประเด็นหาหวยรวยเร็ววันกันเลย ดูแล้วได้ประโยชน์มากๆ 555

เท่าที่เฮียสัมผัสมานะ
พระสงฆ์ถ้าอายุเยอะแล้วอยู่เงียบๆ ก็เป็นแค่หลวงตาแก่ๆ
บางวัดนะ บางวันอาจจะต้องให้ลูกศิษย์วิ่งไปซื้อข้าวผัดหลังวัดมาฉันเพล
อันนี้เฮียไม่ได้รวมพระที่มีพัดยศ หรือตำแหน่งการปกครองสงฆ์นะ เพราะท่านมีกิจพิเศษมากมาย
มีญาติโยมดูแลไปมาหาสู่ไม่ขาดสายอยู่แล้ว
แล้วถ้า...จู่ๆ พระแก่ๆเกิดสามารถทำนายหรือใบ้หวยได้ 2-3 งวดติดกัน
ท่านก็จะกลายเป็นเกจิ และท่านก็จะมีลูกศิษย์มากมายภายใน 24 ชม.
แรกๆมันก็ดูสนุกฮาๆขำๆ เพราะคนถูกหวยก็ล้วนแต่อารมณ์ดี บรรยากาศก็ชื่นมื่น
มีการเอาของดีๆมาถวายเป็นการสนองพระคุณ (สรุปให้หวย เรียกว่า เป็นการทำคุณ ก็ว่าได้นะ คนเรา เฮ้อ..)
แต่พอมีพวกคอหวยมือหนักเข้ามาเกี่ยวข้อง
เรื่องมันก็เลยไปกันใหญ่ หากว่าคนพวกนี้ไม่ถูกหวยภายใน 2-3 งวด พวกเขาก็จะหายไปกันเอง
แต่ถ้าถูกเปรี้ยงขึ้นมาติดๆๆๆๆกัน คราวนี้ของถวายของแบบบิ๊กๆ มาแน่นอน
มาแต่ละทีก็ต้องเรียกหาพระมาเพิ่มอีก 8 องค์ ของถวายเกรดเอทั้งนั้น
พระเองก็เอาไปคุยกันโขมงโฉงเฉงลั่นวัด
ชาวบ้านก็เอาไปลือ แล้วก็มีคนแห่มาใหม่อีกเพียบ
ถ้าไปถามพวกเขา เขาก็ว่าเขาไม่ได้ทำผิดอะไร
แค่เสียงโชค
แต่หวย ไม่ว่าบนดิน หรือใต้ดิน มันก็คือการพนัน
เข้าข่ายอบายมุข ประตูสู่ความล่มจมเสื่อมเสียทรัพย์

ที่หดหู่มากไปกว่านั้นก็คือ
พระที่ให้หวย ก็เป็นนักแทงหวยตัวเอ้เสียเอง
เอาเงินที่เขาเอามาให้ทำบุญ แทงหวยและซื้อ Lottery ทั้งเงินเชื่อและเงินสด
ส่งให้เจ้ามือเอาไปเก็บหมด ใหม่ๆก็จ่ายสด หลังๆกลายเป็นพระติดเงินเจ้ามือหวยเป็นหมื่นเป็นแสน(บาท)
คนก็ยังมากราบไหว้และประเคนเงินให้ท่านเอาไปเล่นการพนัน
คนที่ไม่รู้ว่าท่านทำแบบนี้ ก็ไม่ได้ว่าอะไร
คนที่รู้นี่ซิ.... กลับไม่ว่าอะไรเหมือนกัน
ต่างก็บอกว่า เป็นฆราวาสไปว่าพระ นรกจะกินกะบาล (ในใจก็คงคิดว่า ไปว่า ก็อดได้เลขเด็ดนะซิ)
เฮียนี่แหละเลวพอที่จะว่าพระซึ่งๆหน้ามาแล้ว
เคยห้ามพระเล่นหวย เคยห้ามพระเล่นพนันบอล เคยห้ามพระสูบบุหรี่มาแล้ว
และก็โดนพระด่าสวนมาแล้ว ว่าอย่า เจือก
ป่านนี้คงมีที่ว่างๆในนรกจัดไว้รอเฮียหลายไร่แล้วหละ ว่าจะทำเป็นไร่นาสวนผสมซะหน่อย

เอาขามา
“เพี้ยง.....โอม...จงหายปวด”

เออ...ว่าแต่ว่า งวดนี้ 40 เหรอ ชัวร์หรือป่าวจ๊ะ

Ref: มินทิวา Mintiva RoyalBlue 41 69 E1


โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:13:43:06 น.  

 
Tags Maker is a Text Image Generator to write Messages, Comments or Tags on Pictures

อ้าว..เป็นหวัดซะแล้วเหรอคะเฮีย
สงสัยจะเป็นหวัดแดด หรือป่าวคะ
เพราะช่วงนี้ร้อนมาก ๆ
แอ๊คติเฟดอ่ะ มินทานไม่ได้เลยค่ะ
มึนตึบ ถ้าทานยาตัวนี้แล้ว ต้องนอนพักเฉย ๆ ค่ะ
ลองพวกไทลีนอลโคลด์...ดีกว่าไม๊คะ
มันไม่รุนแรงเท่า แต่ก็โอเคนะมินว่า ถ้าเราไม่มีน้ำมูกอ่ะค่ะ
อืม..แต่ มินก็ไม่รู้ที่นี่จะมีขายหรือป่าว
เพื่อนมินหิ้วมาฝากจากเมกาเมื่อปีที่แล้ว
ไทลีนอลที่โน่น จะแยกออกไปเป็นเรื่อง ๆ เลยค่ะ
ไทลีนอลเฮดเอซ ไทลีนอลฟลู ไทลีนอลโคลด์...
มินได้มาก็แจก ๆ เขาไปเยอะ เพราะตัวเองเนี่ย
ไม่ค่อยเป็นไรค่ะ แต่ ถ้าเป็นทีก็งอมเหมือนกันอ่ะ...
ช่วงนี้ อย่าเพิ่งทานน้ำเย็นนะคะ ทานน้ำอุ่น ๆ ก่อน
นอนพักผ่อนเยอะ ๆ ทานอาหารอ่อน ๆ ไปก่อนนะคะ
ไว้หายแล้ว ค่อยไปหาบะหมี่อร่อย ๆ ทานนะ
ปล. งั๊นช่วงนี้ นู๋ไม่กวนใจเฮียนะ ขอหายหน้าไปพักนึงค่ะ
ให้เฮียค่อยยังชั่วแล้ว มินค่อยมากวนใจเล่นใหม่ก็ได้ค่ะ อิอิ


โดย: มินทิวา วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:18:56:26 น.  

 
To Mintiva

เรื่องหวัด ::
วันนี้อาการดีขึ้น แต่คอแห้งมากๆ
ดื่มน้ำมากๆเหมือนกัน แต่สงสารเจาช้างน้อยที่ต้องเรียกออกมาใช้งานบ่อยๆ
ไม่รู้เป็นยังไง พอตั้งใจคิดว่าอย่าฉี่ๆๆ มันกลับรีบปวดเร็วๆ ไปซะงั๊น
ชั่วโมงหนึ่งเข้าห้องน้ำ 4-5 รอบ
จิตใจคนเรานี้ ขนาดอยู่กันมาหลายสิบปี ก็ยังไม่ยอมให้เราควบคุมเอาเสียเลย
ชอบคิดเรื่องที่ไม่อยากให้คิด แถมแอบสั่งการในสิ่งที่เราไม่อยากทำอีก
เอ้..หรือว่า...เฮียจะเป็นพวกโรคจิตไปแล้ว 555

เรื่องยา ::
เฮียถนัดแต่Actifed เพราะไปหาหมอประกันสังคมยุคแรกๆเขาให้ตัวนี้มา
แต่พอท่านอดีตนายกไปเที่ยวเมืองนอก บัตร 30 บาทสลายตัว พรรคของท่านหายไป
หมอประกันสังคมก็พลอยเปลี่ยนยาเป็นยาอะไรก็ไม่รู้ทานไปก็ไม่ดีขึ้น สงสัยหมอลดต้นทุนให้รพ.
แล้วก็ต้องไปใหม่อีก 2-3 รอบ
สุดท้ายก็มาจบที่ฉีดยาที่ก้น อายจังเลยไม่อยากเปิดก้นให้คุณพยาบาลเห็นเลย อยากทำกลับกันมากกว่า 555

ยาไทลินอลนี้เค้าคงดังในเมืองนอกมากๆซินะ ถึงได้มีหลายอย่าง
แต่เฮียว่า ในเมืองไทยคงหาซื้อยากแน่ๆเลย
ถ้าไม่เป็นการรบกวนเกินไปนะ
มินช่วยไปอ่านได้มั๊ยว่าไทลินอลโคลด์นี่เขามีชื่อเนื้อตัวยาว่ากระไร
เพื่อเอาไปถามพวกเภสัชอาจจะได้ยาตัวเดียวกัน แต่เครื่องหมายการค้าต่างกัน เผลอๆราคาถูกกว่าก็ได้นะ
แหม..ทานยาฝรั่ง แบบนี้ก็พูดภาษาอเมริกันชัดนะซิ (เอ้อ...จะเกี่ยวกันมั๊ย)

มีเรื่องจะเม้าท์ ::
เมื่อวานต้องไปรับคุณหนูที่บ้านริมน้ำแล้วเอาไปส่งโรงเรียนที่ศาลายา
ขากลับ รถติดแถวฝั่งธนฯมาก
เฮียหนะ หิวข้าวเช้าจนมือสั่น พอดีเลี้ยวรถเข้าไปในซอยบ้านคุณยายของคุณหนูเขา
เลยแวะร้านข้าวหน้าเป็ดย่าง ก๋วยเตี๋ยวเป็ด มีประกาศนียบัตรรับรองจากอาจารย์ยิ่งศักดิ์เชียวนะ
แต่ด้วยนิสัยนอกคอก เข้าไปก็...สั่งข้าวหมูกรอบ กับบะหมี่เกี้ยวน้ำหมูแดง ซะงั้น (ไม่ได้สั่งเป็ดเลย)
พอดีมีพระสงฆ์อายุประมาณ 50-60 เดินเข้ามาในร้าน
เจ้าของร้านเดินไปพูดคุยแล้วเขาก็ยกน้ำกับข้าวหน้าเป็ดและเกี๊ยวน้ำอีกชามมาถวาย
ตอนแรกในใจเฮียก็คิดว่าจะออกค่าอาหารให้พระเป็นการถวายทาน ซะเลย
แต่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาครั้งหนึ่ง ตอนนั้นคนขายเขาบอกว่าทำไมต้องมาแย่งเขาทำบุญด้วย เฮียก็ทำหน้าขำๆไป
และเฮียก็ไม่ได้กล่าวคำถวายอะไร พระก็ไม่ได้ให้พรอะไร
คงเพราะเฮียยังเป็นวัยรุ่นที่ห่างวัด เลยไม่ได้สนใจเรื่องขั้นตอนการกล่าวคำถวาย หรือการรับคำให้พรจากพระ
ตอนนั้นในใจแค่คิดชุ่ยๆว่า ทำดีเฉยๆ ไม่ได้หวังอะไรตอบแทน ไม่ต้องการพรจากใคร (อือ..หนะ..คิดแบบดิบๆแบบนั้นแหละ)
เจ้าของร้าน เขาเองก็น่าจะอยากทำบุญ อยากได้รับพร
ไม่รู้ว่าวันโน้นคนขายเขาพูดเล่นหรือพูดจริง ถ้าในใจเขาคิดอีกอย่างเราก็เท่ากับแย่งเขาทำบุญ
เพื่อนที่ไปด้วยในวันนั้นก็แซวกันใหญ่ว่าแย่งคนอื่นทำบุญ จะรีบชิงไปเกิดใหม่หรือไง
แถมยังมีเพื่อนอีกคนแซวว่าหัดทำบุญสงสัยไม่อยากไปนรกอีก
บรรยากาศก็เลยเป็นแนวขำๆคอมโมดี้ไป
พอเดินกลับมาถึงที่ทำงาน เฮียก็คิดมาก ทำใจไม่ได้ว่า เราทำถูกหรือทำผิด
แย่งเขาทำบุญวันนั้นเขาก็ไม่ได้รับพร คนอื่นก็ไม่ได้รับพร
เฮียเองก็พูดจาห้วนๆกลับพระอีก เหมือนไม่เคารพท่าน บอกท่านแค่ว่า หลวงพ่อผมจ่ายค่าอาหารให้แล้วนะ ผมถวายนะ
เออ..ทำบุญแล้วร้อนๆ สงสัยเราน่าจะไปอยู่ในกลุ่มพวกชอบทำบาปถึงจะมีความสุขกว่ามั๊ง

เรื่องนี้ผ่านไปเป็นสิบปี
ก็มีอีกวันหนึ่งไปทานอาหารเช้าแล้วก็มองเห็นพระเดินผ่านร้านอาหารไป
ก็อดนึกเรื่องนี้ขึ้นมาอีกรอบไม่ได้
ตอนนั้นคงเพราะอายุมากขึ้น สมองโตกว่าเดิม และฉลาดกว่าเดิม 555
เลยคิดได้ว่า ที่ถูกเราควรไปถามคนขายว่า
เขารู้จักพระองค์นั้นหรือไม่?
เขานิมนต์มาหรือเปล่า?
และถ้าเราจะถวายค่าอาหาร คุณเจ้าของร้านจะว่าอย่างไร?
ถ้าเขาไม่ขัดข้องเราก็เอาเงินไปถวายพระ
แล้วให้พระจ่ายเอง (เดี๋ยวจะบอกว่าทำไมถึงคิดว่าน่าจะให้พระท่านจ่ายเอง)

คือว่า ถ้าเราแอบจ่ายตรงโต๊ะเรา
ทำแล้วมันรู้สึกแปลกๆอะ เหมือนจ่ายเงินให้เพื่อน หรือกิ๊กในที่ทำงาน (ซึ่งอันหลังนี่ทำเป็นประจำ จุ๊กกรู๋ๆ)
เราก็แค่กล่าวบอกพระว่า ผมขอถวายเงินเป็นค่าอาหารให้ท่านขอรับ (ไม่ต้องทำเป็นแอบจ่ายหรอกเน๊อะ)
และก่อนถวายก็ควรจะถามราคาอาหารให้ทราบจากเจ้าของร้านเสียก่อน ไม่ใช่ถวาย 20 บาท แต่ค่าอาหาร 50 บาท
ไหนๆจะถวายแล้วก็ให้จำนวนเงินเกินๆไปมากหน่อย เอาเป็นว่า 100, 200 หรือ 500 จะงามกว่า

เฮียเคยคิดว่า เราแค่เดินไปบอกพระเสียหน่อยว่า หลวงพ่อครับ ผมขอถวายเงินเป็นค่าอาหารให้แล้วนะ
ดูเหมือนเรื่องก็น่าจะ...จบ
แต่ถ้าพระท่านอยากจะขอสั่งอาหารเพิ่ม หรือเครื่องดื่มเพิ่มหละ ท่านก็ต้องควักเงินของท่านเอง อีกอยู่ดี
ดังนั้นถ้าเราไม่มีเวลาอยู่ดูแลท่านจนฉันอาหารเสร็จ
เราก็ควรถวายเงินให้มันเกินๆค่าอาหารที่เราประมาณไว้ น่าจะดีนะ
หากว่าพอท่านจะจ่ายเงินแล้วเจ้าของร้านเกิดอยากถวายอาหารให้ท่านในมื้อนั้นจริงๆ
เขาก็สามารถถวายได้นี่
เราและเจ้าของร้านต่างก็ได้ทำบุญในเหตุการณ์เดียวกัน
ไม่มีใครโดนตัดหน้าด้วยการชิงจ่ายเงิน
สรุปว่า ถวายเงิน นั้นปลอดปัญญา
แต่ถ้าหากคิดมากเหมือนเฮีย ก็อย่าทำบุญเลยนะ นั่งทานอาหารเฉยๆไปเหอะ

แปลก ::
เฮียไปอ่าน Bloggang ของ Mintiva มาแล้วนะ
เขียน comment ที่โน่นไม่ได้อะ เดี๋ยวมีคนเคือง ก็แฟนตลับเอ้ย แฟนคลับของมิน นะดิ
คราวนี้อ่านแล้วไม่ค่อยเชื่อเรื่องที่เขียน
อือ...แปลกนะ
เฮียว่ามินเขียนให้คนอื่นมากกว่า เป็นเรื่องของคนอื่น หรือไม่ก็ภาษาตามเพลง
ไม่น่าใช่ตัวมินหรอก
อ้าว...หาว่ามินสะตอเบอรี่เหรอ?
555 ไม่ฉ่ายย...แค่คิดว่าไม่น่า..เป็นแบบนั้น
รักอะไรจะรันทดไม่สมหวัง อยากเปิดเพลงให้คนหนึ่ง แต่อีกคนกลับอยากเปิดเพลงเดียวกันให้เราฟัง
เอ๊ะ...เรื่องคนอื่น ทำไมเราชอบจิ้นจังเลย

Ref: มินทิวา Mintiva RoyalBlue 41 69 E1


โดย: zoomzero วันที่: 4 มีนาคม 2553 เวลา:12:43:40 น.  

 

เมื่อวานก่อนคุยเรื่องพระแล้วอารมณ์ยังค้างอยู่เลย

ข่าวสำหรับให้แฟนคลับคนโฉดอ่าน
เป็นข่าวเก่า แต่ยังอ่านได้เรื่อยๆ

ข้อมูลหลักจากข่าวสด วันที่ 29 เม.ย. 2552

เจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรื่อง จ.หนองคาย พร้อมพระลูกวัด ปิดกุฏิเล่นไฮโลกับสีกา
เจ้าคณะตำบลท่าบ่อไม่ยอมทำการสึก อีกทั้งยังบอกว่า จะเคลียร์กันเอง (ชาวบ้านอย่ายุ่ง)

เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2552 เวลาประมาณ 14.40 น. ตร.ศสส.ภาค4 ขอนแก่น
พร้อม สว.สว.สภ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย และฝ่ายสืบสวนสภ.ท่าบ่อ
บุกรวบเจ้าอาวาสกับพระลูกวัด ชวนฆราวาสมั่วสุมเล่นไฮโลในกุฏิ
เจ้าหน้าที่ทำการปิดล้อมนานร่วมชั่วโมง ถึงจะยอมเปิดประตูให้เข้าไปจับกุม

วัดศรีบุญเรือง นี้อยู่ที่ ต.น้ำโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย
ตำรวจพบของกลางเป็นอุปกรณ์เล่นการพนันไฮโล พร้อมเงินสด 5,260 บาท
บุคคลที่อยู่ในกุฏิ ก็มี เจ้าอาวาสวัย 50 ปี พระอีก 2 รูป และฆราวาสอีก 3 คน
หนึ่งในพระสองรูปนั้นยังเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าคกเรือ ซึ่งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองท่าบ่อ
ส่วนเจ้ามือนั้นเป็นหญิงสาว เป็นชาวจังหวัดหนองบัวลำภู

เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวเจ้าอาวาสไปพบเจ้าคณะตำบลท่าบ่อเพื่อดำเนินการสึก
แต่เจ้าคณะตำบลบอกว่า แค่ถอดจีวรออกชั่วคราวตอนไปศาล กลับมาก็ห่มผ้าต่อได้
ซึ่งพูดต่อหน้าเจ้าหน้าที่และนักข่าว เล่นเอาอึ้งไปทั้งบาง

เรื่องจบอย่างไร อย่าให้เซด
พระเส้นใหญ่ปกป้องกันแบบนี้
โชคดีประเทศไทยจริงๆ



โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) วันที่: 4 มีนาคม 2553 เวลา:12:50:39 น.  

 

ช้างที่เหลืออยู่ ::

ช้างในโลกนี้เหลือแค่ 2 สายพันธุ์ คือ
1. Elephas Maximus เป็นช้างเอเชีย (Asia Elephant)
2. Loxodonta Africana เป็นช้างแอฟริกา (Africa Elephant)

ช้างเอเชียสามารถแยกได้เป็น 3 ตระกูล ได้แก่
1. Maximus Linn ช้างเอเชียพันธุ์ศรีลังกา
2. Indicus Cuvier ช้างเอเชียพันธุ์อินเดีย
3. Sumatranus Temmick ช้างเอเชียพันธุ์สุมาตรา

สำหรับเราๆท่านๆ รู้แค่ว่า ตอนนี้ช้างในโลกเหลือแค่ 2 สาย
คือ เอเชีย กับ แอฟริกา จำแค่นี้ก็พอแล้วหละ

African Elephant
ช้างแอฟริกาตัวผู้มีความสูง 3 - 3.5 เมตร น้ำหนักถึง 5.4 ตัน
หัวกะโหลกของช้างเอเชียจะใหญ่กว่า ส่วนช้างแอฟริกาจะมีหน้าผากแคบ และมีโหนกเพียงลอนเดียว
ไม่ค่อยมีคนฝึกช้างแอฟริกาให้เชื่องได้ อาจจะต้องบอกว่าไม่เคยก็ว่าได้
ดังนั้นเมื่อเลี้ยงไม่ได้ แต่ล่าได้ พวกมันจึงถูกล่าเพื่อเอางาจนสูญพันธุ์ไปอย่างรวดเร็ว
สัตว์ในคณะละครสัตว์ เมื่อเราเห็นมีการแสดงของช้าง จำไว้เลยว่าจะมีแต่ช้างเอเชียทั้งนั้น
เล็บเท้าของช้างแอฟริกามีแค่ 3 เล็บ ต่างจากเอเชีย
ช้างแอฟริกามีนิสัยกินอาหารทั้งวัน (ก็เหมือนๆกับช้างเอเชีย) แต่ต่างกันที่ไม่กลัวแดด ยืนตากแดดได้เป็นวัน
ช้างแอฟริกามีใบหูใหญ่กว่าช้างเอเชียมาก ช้างแอฟริกาสีผิวจะออกเทาๆ ส่วนสีผิวของช้างเอเชียจะดำกว่ามาก
ที่แปลกก็คือ ถ้าไปดูช้างที่แอฟริกาจะแยกไม่ค่อยออกว่าตัวไหนเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย เพราะมันจะมีงายาวทั้งสองเพศ
ไม่เหมือนกับช้างเอเชียที่มีงาเฉพาะเพศผู้ แต่ก็มีเรื่องแปลกอีกสำหรับช้างเอเชียที่ตัวผู้บางตัวไม่มีงา มีแต่ขนายสั้นๆ
ดังนั้นหากใครบอกว่าดูเพศช้างได้จากงา นั้นไม่เป็นความจริงเสมอไป ช้างมีงาอาจจะเป็นเพศเมียก็ได้
หากว่าไปเจอช้างมีงากำลังคลอดลูก ก็อย่าได้ตกใจไปเลย
ช้างแอฟริกันดื่มน้ำวันละ 100 - 120 ลิตรต่อวัน แต่ก็ยังแพ้ช้างเอเชียที่ต้องการน้ำมากกว่านั้นอีก
ดังนั้นถ้าจะเลี้ยงช้างเอเชีย จะต้องมีแหล่งน้ำที่สมบูรณ์มากพอ
ว่ากันว่า...ในประเทศมีช้างแอฟริกาให้ดูเพียงที่เดียวคือ สวนสัตว์นครราชสีมา

ถ้าจะขนช้างตัวผู้โตเต็มวัย 1 ตัว(หรือเชือก) ขึ้นรถบรรทุก จะต้องมีกระบะท้ายยาวมากว่า 4 เมตร
ดังนั้นรถปิ๊กอัพไม่สามารถเอามาขนช้างไปเที่ยวได้

เมื่อไม่นานมานี้ (ประมาณ 30 - 50 ปี) ทั้งในเอเชียและแอฟริกายังเคยมีช้างขนาดเล็กปรากฏให้เห็นจำนวนมาก
แต่คาดว่าทั้งสองชนิดคงจะสูญพันธุ์หรือใกล้สูญพันธุ์ไปหมดแล้ว เพราะชาวพื้นเมืองชอบล่าช้างพวกนี้เพื่อเป็นอาหาร
ช้างตัวเล็กในแอฟริกามีชื่อเรียกว่า ช้างแคระ (Pygmy Elephant) พบเห็นตามแถบลุ่มแม่น้ำคองโก ปัจจุบันยังมีเหลืออยู่ไม่ถึงสิบตัว
ส่วนช้างตัวเล็กในประเทศไทย มีชื่อว่า ช้างค่อม สูงไม่เกิน 2 เมตร เคยพบเห็นได้แถวชายป่าใกล้ทะเลสาบสงขลา
ช้างค่อมน่าจะสูญพันธุ์ไปอย่างไม่มีวันหาเจออีกแล้ว

ช้างเอเชีย เท่าที่ยังมีคนเชื่อว่ามีอยู่จริง แบ่งออกได้เป็น 4 สายพันธุ์ คือ
1. ช้างศรีลังกา
ตัวใหญ่ ลำตัวสีดำ ใบหูกลมใหญ่ ส่วนใหญ่เป็นช้างสีดอ(หรือไม่มีงา) พบในเกาะซีลอน(ลังกา)
2. ช้างอินเดีย
ตัวเล็กกว่าช้างศรีลังกา สีตามจุดจะจางกว่า พบได้ที่ เนปาล ภูฐาน อินเดีย พม่า ไทย ลาว
เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย และในมณฑลยูนานของจีน
3. ช้างสุมาตรา
ตัวเล็กกว่าช้าง 2 ชนิดแรก สีผิวจางมาก พบในมาเลเซีย และเกาะสุมาตรา
4. ช้างบอร์เนียว
มีขนาดเล็กที่สุดในกลุ่มช้างเอเชีย จนถูกเรียกว่า ช้างแคระ พบได้ในตอนเหนือของเกาะบอร์เนียว กาลิมันตัน

เนื่องจากช้างแคระใกล้จะสูญพันธุ์หรือน่าจะหมดไปแล้ว
จึงมีบางแห่งใช้คำว่า ช้างเอเชียมีหลงเหลือให้พบเพียง 3 สายพันธุ์เท่านั้น

ช้างเอเชียจะมี 2 โหนก มองเห็นเป็นลอน สมองของช้างหนักเฉลี่ยแล้วประมาณ 5 กก.
ขนาดของศีรษะช้างไม่ใช่ขนาดของสมอง เป็นแค่เกราะขนาดใหญ่ป้องกันสมองเท่านั้น
ถึงอย่างไรช้างก็มีความฉลาดพอสมควร ปัญหาคือความดุร้ายที่บางตัวก็ยากที่จะฝึกสอนได้

ในบันทึกโบราณ กล่าวไว้ว่า มนุษย์สามารถจับช้างเอเชียเพื่อนำมาฝึกและใช้งาน เช่นเป็นพาหนะ ลากซุง
หรือใช้ในการทำสงคราม ด้วยลักษณะที่ใหญ่ และมีกำลังมาก ตำนานเทพเจ้าต่างๆในเอเชีย จึงมักจะอิงเรื่องช้าง
โดยให้ช้างเป็นเทพผู้มีพลัง จึงถือว่าคนเคารพช้างมากกว่าสัตว์อื่นๆ
ในเอเชียบางส่วน ช้างยังถูกใช้เป็นราชพาหนะของกษัตริย์ เป็นสัตว์เสริมบารมี โดยเฉพาะกษัตริย์ที่มีช้างเผือกมากๆ
จะถูกเรียกเป็นจักรพรรดิ ทั้งนี้เพราะอิทธิพลความเชื่อในศาสนาพุทธฝ่ายเถรวาท

ช้างแมมมอธ
เป็นช้างที่อาศัยอยู่ในยุคน้ำแข็ง เมื่อ 20,000 ปีก่อน แต่ได้สูญพันธุ์ไปหมดแล้ว
ลักษณะของแมมมอธที่ชุดได้ภายใต้น้ำแข็ง ทำให้ทราบว่า มีขนยาวปกคลุม
มีงายาวโค้ง ซากแมมมอธที่ค้นพบได้มาจากแม่น้ำยูริเบ ตะวันตกเฉียงเหนือของไซบีเรีย
คำว่าแมมมอธ มาจากภาษารัสเซีย
เชื่อว่าแมมมอธตัวผู้ อายุเต็มวัย น่าจะหนักถึง 8 ตัน
นอกจากที่รัสเซีย ยังมีการพบซากบางส่วนของแมมมอธอีกมากมายเช่น ไซปรัส, เกาะCyclades, เกาะDodecanese,
อินโดนิเซีย, สุลาเวสี, Channel Islands of California, ...

ช้างสี่งา หรือ Tetralophodon
เป็นบรรพบุรุษของช้างในวันนี้ มีงา 4 อัน
มีอายุอยู่ในยุคไมโอซีนช่วงกลางถึงไพลโลซีน หรือ ประมาณ 16 - 1.6 ล้านปีก่อนหน้านี้
ซากของช้างสี่งามีพบได้ในยุโรป เอเชีย อเมริกาเหนือ
และในประเทศไทย มีการพบขากรรไกร ฟัน และงา ที่ ต.ท่าช้าง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา



สุสานช้าง ::
เป็นเรื่องที่มีคนอยากรู้มาก ว่า เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ถ้ามี จะมีอยู่ที่ไหนบ้าง
ทำไมเราไม่เคยเห็นกองกระดูกหรือซากช้างที่ตายในอดีตกันเลย
มีการเชื่อกันตามคำบอกเล่า หรือตำนานที่เล่าต่อๆกันมาว่า
ช้างป่านั้น ได้รับการดูแลโดยเจ้าป่าเจ้าเขา เป็นลูกหลาน หรือบริวารของเจ้าป่า
ดังนั้นเมื่อวันที่ช้างป่าใกล้จะตาย พวกมันจะเดินไปตายที่แห่งหนึ่ง
เรียกว่า สุสานช้าง ซึ่งเป็นที่เร้นลับและเต็มไปด้วยอาถรรพ์
เชื่อว่าต้องมีกองกระดูกของเหล่าบรรพบุรุษช้างกองรวมอยู่มากมาย

เรื่องนี้ ได้มีการไปขอสัมภาษณ์คุณ ฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ
หลายคนไม่ทราบว่า คุณฉัตรชัย ท่านเป็นใคร
ท่านไปเกี่ยวอะไรกับช้าง
ทำไมไม่ไปถาม จาพนม พระเอกในเรื่องต้มยำกุ้ง และ องค์บาก 2

คงต้องขอให้ย้อนอดีตไปหาคนที่เคยอ่านหนังสือเรื่องเพชรพระอุมา
ซึ่งเป็นนิยายการผจญภัยที่มีคนไทยอ่านกันในยุคหนึ่งอย่างมากมาย
คุณฉัตรชัย ก็คือ ผู้ใช้นามปากกาว่า พนมเทียน
เจ้าของรางวัลศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พ.ศ.2540
ท่านเป็นผู้ที่มีความรู้เรื่องป่า ท่านเดินป่ามามากกว่า 4 ทศวรรษ
ท่านให้ความเห็นว่า ท่านไม่เคยพบสุสานช้างเลยในชีวิตท่าน
และถ้าย้อนไปก่อนหน้านี้อีกประมาณ 100 ปี ท่านก็ได้ลองสอบถามผู้เฒ่าตามหมู่บ้านต่างๆ
ซึ่งต่างก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่มีใครเคยเห็น หรือคนที่ว่าเห็นก็ไม่สามารถพาไปได้
จึงขอสรุปในวันนี้ว่า เรื่อง สุสานช้าง เป็นเพียงเรื่องเล่ามากกว่า

ผมมีความเห็นว่า
ช้างเป็นสัตว์ใหญ่ อาศัยอยู่ในป่าลึก ถ้าล้ม(หมายถึงตาย)ก็อาจจะไม่นอนหลับ
น่าจะไปอาศัยอยู่ใกล้แหล่งน้ำ เพราะเดินทางไกลไม่ไหว
และอาจจะพลาดตกลงไปในแม่น้ำ ลำธาร ช่องเหว หรือติดหลุมโคลน แล้วหมดแรงปีนขึ้นมาไม่ได้
หรือช้างอาจจะไปสิ้นใจในที่ใดก็ตาม ที่มีน้ำและฝนชะล้างมากๆ หรือมีพืชขึ้นปกคลุมได้ง่าย
จึงยากที่จะพบเห็นซากโครงกระดูกช้าง



โดย: zoomzero วันที่: 4 มีนาคม 2553 เวลา:14:15:03 น.  

 
Tags Maker is a Text Image Generator to write Messages, Comments or Tags on Pictures


หวัดดีค่ะเฮีย..
ตั้งใจเข้ามาเยี่ยมคนป่วยค่ะ
แต่ สงสัยว่าตัวเองจะกลับออกไปป่วยซะเองอ่ะนะ
จากบล๊อคมินอ่ะ เรื่องจริงค่ะ ไม่ได้สตอเบอรี่ใส่สีแต่อย่างใด
เฮียไม่เคยเหรอ แบบว่า คนที่เราไม่ชอบอ่ะ
ก็มาตอแย มาตื๊อเรา ส่วนคนที่เราแอบชอบ หรือ
บางทีอาจไม่ต้องแอบก็ได้ เค้าก็กลับไม่ได้ชอบเราอ่ะค่ะ
หรือเค้าอาจจะไม่ได้เกลียดเรา แต่ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะชอบเราแล้ว..
เอ..จะงงไม๊คะเนี่ย มินเขียนเองยัง งง ๆ เลยค่ะ
ถ้า เฮียเคยย้อนกลับไปอ่านบล๊อคเก่า ๆ ของมินนะ
จะพบว่า มินนี่ มันคนขี้เหงา เอาแต่ใจ อารมณ์แปรปรวนเปลี่ยนแปลง ขึ้น ๆ ลง ๆ ตลอด
เวลาเขียนบล๊อคเนี่ย ส่วนใหญ่ มินจะเอาเรื่องใกล้ตัวมาเขียน
แล้วอารมณ์ตอนเขียนก็จะแตกต่างกันออกไป แต่มีเรื่องนึงที่มักจะคล้าย ๆ กันเสมอ คือ ความเหงา
คนที่แวดล้อมไปด้วยครอบครัว ไม่ได้อยู่คนเดียว มินว่า
จะไม่มีวันเข้าใจ พวกที่ต้องอยู่คนเดียวหรอกค่ะ
บางเวลา มินทั้งเหงา ทั้งกลัว อารมณ์ก็จะประมาณเศร้ามาก ๆ ขนาดที่ว่า พี่ ๆ เพื่อน ๆ บล๊อคบางคน
โทรกลับมาหาด้วยความเป็นห่วง ก็ยังเคยมี แต่ ตอนที่พี่เขาโทรมาอ่ะ อารมณ์ไม่ใช่แบบตอนกลางคืนแล้ว
นู๋ไม่เป็นไรแล้ว นู๋เลิกบ้าแล้ว นู๋ขอโทษด้วยที่อาจทำให้พี่เป็นห่วงอ่ะค่ะ
มินว่า บล๊อคนี้ ก็คล้าย ๆ ไดอารี่เหมือนกัน ฉันเหงา ฉันเศร้า ฉันมีความสุข ฉันก็สามารถเขียนลงไปได้เท่าที่ใจอยากเขียน
เพราะมีไม่กี่คนที่รู้จักตัวตนมิน ตัวตนที่เป็น ๆ จริง ๆ นอกนั้นก็ไม่ได้เคยเห็นกันอยู่แล้ว เราก็ไม่ต้องเขิน
เวลาที่เราเหงา ๆ เราเศร้า ๆ เราเซ็ง ๆ เราก็จะมีเพื่อนมากมายมาปลอบใจเรา
หรือ เวลาเรามีปัญหา บางคนยังแนะนำ ช่วยกันคิด ช่วยกันออกความเห็น หลาย ๆ ความคิดเห็น ก็มี
แม้ว่า บางคนมินไม่เคยเห็นหน้าเค้า หรือ ทั้งชีวิตนี้ อาจไม่ได้พบเค้าด้วยซ้ำ แต่ มินก็มีความสุขค่ะ
และ มันเป็นความสุขจริง ๆ ด้วย สำหรับมิตรภาพที่ดีต่อกันในนี้อ่ะนะมินว่า เพราะมันไม่ค่อยมีผลประโยชน์แอบแฝงกัน
เมื่อ 2 ปีที่แล้ว มินทำรถบริษัทฯ หาย รถใหม่ ๆ เพิ่งได้ป้ายมา ไม่น่าเชื่อว่าตอนนั้น มินได้รับทั้งกำลังใจและคำแนะนำมากมาย
มีคนบอกกันต่อ ๆ ในเรื่องของมิน จนมินสามารถสืบได้เบาะแสคนที่มันฉ้อโกงเอารถไป
มีคนนึง เป็นเพื่อนกับคนที่เอารถไปด้วยซ้ำ และอยู่ไกลถึงออสเตรเลีย ก็ยังติดต่อมาหา มาให้เบาะแสข่าวคราวอ่ะค่ะ
เรื่องบางเรื่อง พอกลางคืนอารมณ์นึง แต่เขียนแล้ว พับบลิชไปแล้ว พอเช้ามาอ่าน ก็ตกใจตัวเองเหมือนกันว่า
โห..เมื่อคืนทำไมมันเหงาขนาดนั้นเลยหรือ แล้วยิ่งได้เพลงประกอบเรื่องที่มันซึ้ง ๆ เข้าไปอีก
มินทิวา ก็ อาจจะเป็นที่หมั่นไส้ของใครต่อใครก็ได้ แต่ ช่างมัน มินไม่เคยแคร์ คนที่ไม่รู้สึกว่าจะแคร์ค่ะ
แต่ มินแคร์ คนที่มินรู้สึกว่าแคร์อ่ะ ก็เลยขออธิบายยาวนิดนึงว่า
นู๋ไม่ได้สตอเบอรี่ค่ะ มีคนมาชอบมิน มาตามตื๊อมิน มาขอให้มินเป็นแฟนเค้าได้ไม๊ แต่ มินไม่ได้ชอบเค้า
แต่ใจของมินอ่ะ มินมีคนที่มินชอบ มินชื่นชมเค้า อยู่ในใจ แต่เค้าคนนั้น ก็ไม่ได้ชอบมิน นี่คือสิ่งที่มินเขียนบล๊อควันนั้นค่ะ
ปล. อย่าไปคิืดว่ามินงอนหรือโกรธอาไรนะคะ มินอาจเป็นคนที่พูดตรง ๆ คิดยังไงก็พูดอย่างงั๊น แต่ มินไม่อยากให้เฮียเข้าใจผิดว่ามินแกล้งเขียนโกหกอ่ะค่ะ....
แล้ว..มินจะไปดูตัวยาให้นะคะ ว่ามันมีอาไรบ้าง ก็อาจเป็นพวกพาราอ่ะมั๊งคะมินว่า...


โดย: มินทิวา วันที่: 4 มีนาคม 2553 เวลา:18:35:21 น.  

 
To Mintiva

555 แค่นี้แหละ
อยากได้ดีเทล
ก็ต้องหาวิธีถามแปลกๆแบบนี้ไง
555
เลยไม่ถามที่บล็อกโน้น
555

Ref: มินทิวา Mintiva RoyalBlue 41 69 E1


โดย: zoomzero วันที่: 4 มีนาคม 2553 เวลา:18:50:18 น.  

 
มาแล้วคร้าพี่ชาย อิอิ เห็นใครแวะไปหัวเราะแว๊บ ๆ ที่หน้าบ้านเค้าน้า งิงิ

ช่วงนี้กะลังปักครอสติส กะลังจะเสร็จแว๊วภาพนุงค่ะ ^_^ ว่าจะอัพ blog วันมาฆบูชาไปเดินสายเที่ยววัดมา 3 วัดค่ะ แต่แค่นึกว่าต้องเอารูปอัพโหลดขึ้นเวปก็เหนื่อยแระ เลยยังขี้เกียจอัพอยู่ อิอิ

มาเล่าให้พี่ชายฟังก่อนค่ะ วัดแรก ไปวัดเล่งเน่ยยี่หน้าปากซอยบ้านมาค่ะ โอโห้ ผู้คนเยอะแยะมากมายอะไรขนาดนี้ก็ไม่รู้ ไม่รู้ว่าเพราะวันอาทิตย์วันหยุดพอดีด้วย และคนก็มาแก้ชงกันเยอะแยะมากมายด้วยรึเปล่า คนเพียบไปหมด แหมอยู่แค่หน้าบ้านเรายังขี้เกียจจะมาเลย แบบว่าคนล้นหลามเหลือเกิน บรรยากาศคึกคักดีจริง ๆ ค่ะ ^_^

วัดท่าสองก็แถวบ้านอีกเหมือนกัน อันนี้เดินมาตรงแถวซุ้มประตูจีนหน่อย จะถึงหัวลำโพงอยู่แล้ว วัดไตรมิตรค่ะ วัดนี้มีพระพุทธรูปทองคำที่ใหญ่โตและน้ำหนักมากที่สุดในโลกถึงขนาดลงกินเนสบุ๊ค เรคคอร์ด แต่นู๋เคยไปแค่ครั้งเดียวเองเมืองปีสองปีก่อนได้ค่ะ แบบนี้เขาเรียกใกล้เกลือกินด่าง ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาเลย ได้รู้เรื่องพระองค์นี้ก็ตอนเข้าไปกราบแล้วมีกลุ่มฝรั่งกรุ๊ปทัวร์อยู่ในนั้นพอดีแล้วไกด์เขาโม้ให้ฟังเราถึงได้รู้อีกต่างหาก เหอะ ๆ *-* คราวก่อนที่ไปตอนนั้นกำลังมีโครงการจะสร้างพิพิธภัณฑ์ที่มีแบบตัวอย่างจำลองให้ดูค่ะว่าจะเอาพระองค์นี้ประดิษฐานไว้ชั้นบนสุด อีกสองชั้นล่างเป็นพิพิธภัณฑ์ นู๋ก็เลยร่วมหยอดเงินสร้างวัดไปด้วยเหรียญทอง 1 เหรียญ เหรียญสลึงเลย แห่ะ ๆ พอดีวันนั้นที่ไปมันหมดเกลี้ยงพอดีง่า ไล่เดินมาหลายศาลเจ้า *-* เมื่อวันมาฆะก็เลยไปดูผลงานของสิ่งที่เราร่วมบุญไปค่ะ เพิ่งสร้างเสร็จหมาด ๆ สวยงามอลังการมากค่ะ เป็นหินอ่อนสวยเชียว แต่ข้อเสียของหินอ่อนก็คือ ตอนกลางวันโดนแดดแล้วพื้นมันร้อนมาก ถอดรองเท้าเดินนี้มันร้อนดีจริง ๆ เชียว *-* ชั้นบนสุดประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำ ชั้น 2 มีการเปิดวีดีทัศน์ประวัติการสร้างพระพุทธรูปที่มาที่ไป และเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ชมด้วยค่ะ อลังการจริง ๆ รู้สึกการฉายวีดีโอสมัยใหม่เขาใช้เทคนิคเลเซอร์ยิงภาพกันแล้วรึเปล่าไม่แน่ใจค่ะ แต่มันเหมือนมีคนจริง ๆ มายืนแสดงอยู่ตรงหน้าเลยจริง ๆ เชียว เข้าชมฟรีทุกอย่างด้วย แต่รู้สึกว่าฝรั่งจะเก็บค่าตั๋วค่ะ เพราะต้องมีล่ามแปลเป็นภาษาอังกฤษหรือจีน วีดีทัศน์ก็มี 3 ภาษา ต้องแจ้งพนักงานว่าจะดูแบบภาษาอะไร ส่วนชั้นสองเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับคนจีนในเมืองไทย แถวย่านสำเพ็ง เยาวราชนี่แหล่ะค่ะ รู้สึกเหมือนเดินเที่ยวบ้านตัวเองยังไงไม่รู้ อิอิ แต่สมัยก่อนก็มีอะไรที่เราเกิดดูไม่ทันเยอะเลยเชียว พี่ชายได้ไปมารึยังค่ะ ว่าง ๆ แวะมาเที่ยวชมดูนะคะ ^_^ อย่าลืมเรียกนู๋ด้วยล่ะ อิอิ

วัดสุดท้ายค่ะ อยากไป๊ อยากไปมานานแล้ว รู้สึกว่าเป็นคนกรุงเทพฯ ที่วัดในกรุงเทพฯ มีเป็นร้อย ๆ แต่แทบไม่ค่อยได้ไปเลย ฝรั่งที่มาเมืองไทยยังรู้จักเยอะกว่าเราซะอีก ต่อไปว่าจะถ้ามีเวลาวันหยุดวันไหนแล้วคนขับรถพาไปว่างพร้อมกันด้วยอ่ะนะ จะตระเวณไปชมวัดให้ครบเลยเชียว ค่อย ๆ ไปทีละนิดละหน่อย เหนื่อยก็กลับ วัดสุดท้ายไปวัดโพธิ์มาค่ะ นู๋ชอบศาสตร์ของฤาษีดัดตนมานานแล้ว ว่าจะศึกษา ไปถึงเกือบหาวัดไม่เจอแน่ะ เพราะชื่อของวัดจริง ๆ ไม่ได้ชื่อวัดโพธิ์ แห่ะ ๆ อยู่ใกล้ ๆ กับวัดอรุณค่ะ แต่กว่าจะเดินวันไตรมิตร ชมวีดีทัศน์ ชมพิพิธภัณฑ์ ถ่ายรูปเสร็จ มาวัดนี้ก็ 4 โมงเย็นเข้าไปแล้วเชียว ก็เลยไม่ได้ไปวัดอรุณ ไว้รอบหน้า งิงิ วัดโพธิ์ก็แปลกไปอีกแบบค่ะ กลายเป็นว่าวัดนี้กลับมีศิลปะแบบจีนเยอะมาก รูปปั้นยักษ์ก็เป็นยักษ์จีน ทั้งยักษ์ตัวสูงใหญ่ หรือยักษ์ตัวสูงขนาดเท่าคนปรกติ ศิลปะส่วนใหญ่ของวัดนี้ออกจีนจนนึกสงสัยว่า เอ๊ะ นี่วัดไทยหรือวัดจีนหว่า มาจบสุดท้ายที่วัดนี้เพราะตั้งใจ๊ ตั้งใจว่าพอเดินเที่ยวเสร็จนะ จะใช้บริการนวดที่วัดโพธิ์ที่ดังขึ้นชื่อ อยากมาลองซะหน่อย แต่แหม อีตาคนที่ไปด้วยไม่ยอมนวดด้วยอ่ะ จะให้เขานั่งรอสองชั่วโมงก็เกรงใจ ไม่นวดก็ได้ ชิ ก่อนกลับก็ถวายสังฆทานชุดนึงค่ะ อิ่มบุญ อิ่มใจ อิ่มความสวยงามของวัดต่าง ๆ เต็มที่ กลับมาเดินช๊อปปิ้งตลาดนัดเมืองทอง หาของหม่ำก่อน ถึงห้องหลับแต่หัววันเลยเชียวค่ะ อิอิ

วันนี้เจ้าเบลล์ชวนไปนวดมา เพิ่งเสร็จแล้วก็กลับมาเยาวราชค่ะ ถึงบ้านแล้วมารายงานตัวเจ้าค่ะ ^_^ ม่ายได้หายไปไหนน้า แต่เดินสายเที่ยว และมีความสุขกับการทำกิจกรรมเย็บปักถักร้อยอยู่ค่ะ งิงิ

คิดถึงพี่ชายนะคะ จุ๊ฟ ๆ ๆ


โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมแก่น IP: 125.24.136.194 วันที่: 5 มีนาคม 2553 เวลา:1:04:35 น.  

 
อุอุ เห็นคุยเรื่องพระกันก็เลยแอบอ่านด้วย งิงิ บางทีเราก็ทำบุญไปด้วยความอยากทำเอง แต่พอทำแล้วไปเจออะไรสะดุดตาสะดุดใจก็รู้สึกเหมือนกันนะ อย่างตอนไปถวายสังฆทาน บอกว่าชุดละเท่าไหร่ก็ได้แล้วแต่บริจาค อ่ะก็โอเคหยอดตู้แล้วหยิบมาหนึ่งถัง พอเข้าไปจะถวาย มาซองมาเตรียมไว้ให้ แล้วมีพนักงานมาพูดบอกว่าให้เอาเงินใส่ซอง เขียนหน้าซองเป็นชื่อปู่ ยา ตา ยาย บรรพบุรุษของเรา เป็นการทำบุญอุทิศให้ท่าน เราจะได้เจริญ ๆ เราก็ทำเฉย ซักพักก็มาพูดเหมือนเดิมอีกรอบ ก็เลยหยิบมาใส่ก็ได้ แต่ไม่รู้จะเขียนชื่อใคร เฮ้ออ ทำไมการทำบุญต้องมากำหนดอะไรที่เราไม่ได้อยากทำด้วยอ่ะ ทำบุญให้ตัวเองไม่ได้เหรอ ถ้าไม่ได้เขียนอุทิศให้ใครแปลว่าเราอกตัญญูอย่างนั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นโครตเหง้าเรานับตั้งแต่ต้นตระกูลกี่คนรู้ชื่อไม่หมด เวลาทำบุญกรวดน้ำทีไล่ชื่อไม่ครบก็อกตัญญูใช่มั๊ยอ่ะ หรืออุทิศให้เจาะจงแค่บางคน คนอื่นที่ไม่ได้รับก็จะมาโวยงั้นสิ เฮ้อ... นี่แค่เรื่องซอง เอามาคิดได้ขนาดนี้เลยเน๊อะ ก็ไม่ได้อะไรหรอก แต่มันสะดุดตาสะดุดใจอ่ะ ไปดีกว่า

ปล. หัวข้อเรื่องช้างแต่ไม่ได้พูดเรื่องช้างกันเล้ยย อิอิ ละเอียดพอแล้วค่ะ อ้อ ต้องเสริมเรื่องช้างแก้วด้วยมั๊ยคะ แล้วก็สรรพนามช้างของกษัตริย์เรียกว่าอะไรน้า เรียกตัวรึเปล่าคะ ไม่แน่ใจเคยรู้แต่จำไม่ได้แล้ว ^_^


โดย: นู๋ Beee อีกรอบ IP: 125.24.136.194 วันที่: 5 มีนาคม 2553 เวลา:1:26:20 น.  

 
555 นาน ๆ มาทีไม่ไปง่าย ๆ แอบอ่านต่อ มีนินทาต่ออีก เอาด้วยอีกเม้นท์ งิงิ คือแบบว่าเรื่องนี้กิ๊กเก่าที่เพิ่งบวชออกมาก็พูด ว่ากลางคืนมัวแต่แชตเอ็ม เล่นเน็ต เช้ามาตีสี่ไม่ตื่น ไม่ได้ไปบิณ ก็เลยไม่มีข้าวกิน ก็ใช้เด็กแถวนั้นไปซื้อข้าวกล่องกิน เหอะ ๆ แบบนี้ไม่ผิดเหย๋อ แล้วกรณีที่เห็นพระเดินเข้าร้านค้าร้านอาหารต่าง ๆ นั่งสั่งข้าว กินข้าวเนี่ยะ สงสัยจังเลย ว่าไม่ผิดเหรอ *-* เห็นแล้วเกิดความข้องใจอย่างยิ่ง หรืออย่างไปเดินพันติ๊บเห็นเยอะมากมาย เดินกันขวักไขว่ แม้แต่งานหนังสือก็ไม่เว้น เฮ้ออ... พวกนี้เป็นสถานที่อโคจรของผู้ไม่ใช่ฆารวาสมิใช่หรือ ??? หรือจะบอกว่ามีเหตุจำเป็น ต้องไปซื้อโน่นซื้อนี่ก็เต๊อะ ต้องไปเองด้วยหรือ กิจของสงฆ์หรือ ให้ฆารวาสเด็กวัด คนอื่น ๆ ไปไม่ได้หรือ บลา ๆ ๆ เครื่องหมายคำถามเยอะแยะมากมาย


โดย: Beee รอบสาม IP: 125.24.136.194 วันที่: 5 มีนาคม 2553 เวลา:1:46:59 น.  

 
To BeeeNumberOne
นานๆมาที ล่อซะ 3 ก๊ก เอ้ย 3 คอมเมนท์ เลย
สงสัยท่าทางจะเป็นเจ้าแม่มือปักครอสติสซะหละมั๊งครานี้
แต่ขอบอกว่า ระวังเรื่องสายตาด้วยนะ เพ่งมากๆ จะเป็นโรคกล้ามเนื้อตาเครียดก็ได้นะ

วัดที่ว่า 3 วัด ปีนี้พี่ก็ยังไม่ได้ไปซักกะวัดเลย
ว่าจะ ว่าจะ แต่ก็ต้องไปทำเรื่องอื่นตลอด
ช่วงนี้คุณนายไม่มีรถใช้ เลยมายึดแอคคอร์ดของพี่ไป
แต่ส่วนใหญ่โดนบังคับให้ขับไปส่งที่โน่นที่นี่มากกว่าเอารถไป
เขาว่าช่วงนี้ไม่อยากขับ
แต่ถ้าวันไหนเขามีนัดทานข้าวกับหนุ่มๆหละก็ เขาเอารถไปเอง ดึกแค่ไหนก็กลับเองได้ ดูเด๊ะๆ

เรื่องระเบียบของวัดบางวัด
ก็น่าจะมาจากเหตุผลหนึ่งแต่ดันออกมาเป็นผลลัพธ์หลากหลายแบบ
อย่างเคสนี้ พี่ว่าหะแรกเริมเดิมที เขาคงอยากให้คนไม่ลืมญาติและผู้มีพระคุณ
แต่ทำในรูปแบบค่ายทหารหรือสถานกักกันนักโทษ ซึ่งต้องไปดูด้วยว่าอ้ายคนที่มาสั่งๆนะ
บางทีกำพืดมันอาจจะเพิ่งออกมาจากคุกก็ได้ อ้าว...อย่าหาว่าโม้นะ
วัดนี้แหละ แหล่งสะสมบุคคลากรจากคุกเลยหละ (บางวัดนะจ๊ะ)
ลูกหลานออกจากคุก ออกจากบ้านเยาวชนมา เรื่องแรกเลย เอามาบวช
พี่เคยเห็นตอนพระสงฆ์กลุ่มนี่นุ่งแต่อังสะ โห...สักลายพร้อย พรึบไปหมดทั้งแขน ลวดลายยังกะพรมเช็ดเท้า
พูดจาก็หยาบคาย แถมพอบ่ายๆเย็นๆ เจ้าพวกเพื่อนๆของท่านก็เอารถเครื่องมาเบิ๊ลต๊ายยยๆๆ อยู่หน้ากุฏิ
พระแก่ พระอาวุโส ไม่กล้าไปเตือน เพราะกลัวโดนยำ
พอสึกออกมา พระพวกนี้ก็ไม่ไหนไกลวัด มาขอเป็นลูกศิษย์พระองค์โน้นองค์นี้
อาศัยข้าวในวัดกิน สมัยนี้ แทบจะไม่มีคำว่าข้าวก้นบาตรแล้ว เพราะเป็นข้าวถุงกัน
พออายุมากๆก็กลายมาเป็นเจ้าหน้าที่วัด
มองผ่านๆถ้าไม่รู้จักกันมาก่อน ก็ดูว่าเป็นคนของวัด เป็นคนดีกระมัง
แต่ถ้าถามประวัติกันลึกๆ แต่ละคนมีเรื่องราวงามๆทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นจะมากินมานอนที่วัดทำไม
คนพวกนี้ไม่ใช่อยู่วัดเพราะศรัทธา แต่อยู่เพราะกรรมลิขิตเอาไว้ ไปไหนไม่รอด
ข้าวของพระหาย เป็นที่รู้กันว่าไม่พ้นฝีมือคนพวกนี้ แต่จับไม่ได้คาหนังคาเขา เลยทำอะไรกันไม่ได้
โชคดีสมัยนี้เขามีตรวจปัสสาวะกัน นานๆทีกองปราบก็ขอเข้ามาตรวจปัสสาวะทั้งพระทั้งลูกศิษย์
วัดที่พี่ไปทำบุญประจำที่เคยบอกบีเอาไว้หนะ มีการจับพระสึกเป็นประจำก็เพราะเรื่องยาเสพติด
ดังนั้นคงไม่แปลกถ้าเราจะเป็นคนเลือกที่จะไปทำบุญวัดนั้นวัดนี้บ้าง
ไปหาวัดที่มีเจ้าหน้าที่วัดพูดจาดีๆ เพราะๆดีกว่า

อย่างพี่ถ้าให้ไปนั่งสวดมนต์ที่วัดไหน
แล้วมีการบังคับว่าเวลานั้นๆต้องนอน
เวลาตีสี่ตีห้าต้องตื่นมาทำเรื่องนั้นเรื่องนี้
พี่ก็ไม่ไปหรอก
แต่ไม่ได้ว่าวัดไม่ดี หรือพวกเขาทำไม่ถูกนะ
ระเบียบวินัยหมายกำหนดการ มีประโยชน์สำหรับดูแลคนหมู่มาก
เรื่องมันอยู่ที่ว่า ได้มีใครเอาปืนจี้หัวให้คุณไปอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นหรือเปล่าหละ ก็อยากไปเองนี่หน่า
พี่อดสงสัยไม่ได้ว่า เราสวดมนต์ไหว้พระที่บ้าน จะไม่ได้บุญหรือไง
ซื้อโต๊ะหมูบูชาเล็กๆเอาไว้ที่บ้าน มันได้บุญไม่เท่ากับสร้างมหาสถูปเจดีย์แปดเก้าชั้นหรืออย่างไร
พี่ถึงไม่เคยไปทำบุญแบบน้องบีไง 555 อยู่บ้านใส่บาตรทุกวันดีกว่า

เรื่องสถานที่อโคจร
เป็นอย่างไร ใครเป็นผู้กำหนด ก็ไม่ทราบนะ
เคยถามพระจริงๆ ท่านก็ว่าอาตมาตอบไม่ได้
รู้แต่ว่าไปแล้วมันจะทำให้ศีลเสื่อม คนหมดศรัทธา โลกติเตียน
อย่างอาบอบนวด นี่เป็นที่อโคจรหรือเปล่า?
พระอาจารย์ของพี่ก็เคยไปฉันเพลที่นั้นมาแล้ว จะว่าอย่างไรหละ
โรงฆ่าหมู เป็นสถานที่อโคจรหรือเปล่า? หลวงพ่อท่านก็ไปฉันเช้ามาแล้วเหมือนกัน
ส่วนตามห้างไม่ต้องห่วง พระชอบไปซื้อมือถือ กล้องถ่ายรูป เกมคอมฯ ดีวีดี กับไปซื้อขายพระเครื่อง
คนขายก็เป็นสาวๆ แล้วคนขายสมัยนี้ใส่เสื้อผ้าแล้วนึกว่าชุดว่ายน้ำเสียจริงๆ มันมองเห็นได้ถ้วนทั่วไปหมด
พระท่านคงใจแข็งหน้าดู คุยกันได้เป็นนานสองนาน ก้มหยิบของในตู้ไม่รู้กี่สิบรอบ ไม่มีเอามือปิดหน้าอกเลย

พระเล่นแช็ตเน็ท
ก็เจอมาแล้วกับตัวนี่หน่า
อย่าให้คอมเมนท์เลย

ศาสนาพุทธด้านคนดีก็ดีกันจริงๆ
ด้านมารศาสนาก็ฤทธิเดชดุเดือดสุดๆเหมือนกัน
แต่เชื่อว่าไม่แน่จริง ไม่ดีจริง
ศาสนาประมาณ 3-4 อันในโลกนี้ ไม่มียาวนานมาจนถึงทุกวันนี้หรอกน่า
ของเขาต้องมีดีแน่นอน

Ref: นู๋ Beee Fuchsia FF 00 FF


โดย: zoomzero วันที่: 5 มีนาคม 2553 เวลา:18:34:54 น.  

 
To Whom It may concern

สายรุ้งเฝ้ารอตะวันยามสาย
หมอกหลบหลีกหายพระพายพัดผ่าน
หนูน้อยขี้เหงานั่งอ่านนิทาน
พี่ชายจอมมารขับขานบทกลอน

โลกนี้มีคนโชคดีสองคน
หนุ่มน้อยหน้ามลยอมทนง้องอน
(แต่)หนูน้อยเบือนหน้าพูดจาตัดรอน
บอกปัดผัดผ่อนซ่อนความรำคาญ

ชายอีกหนึ่งคนแอบปล้นหัวใจ
สับสนวุ่นวายเพลิงรักเผาผลาญ
เขามีเจ้าของจับจองมานาน
หนูน้อยทรมานทุกข์เศร้าเหงาใจ

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
คนหนึ่งช่างโชคดี ที่ได้มาพบคนดีๆอย่่างหนู
อีกคนก็ยิ่งโชคดีใหญ่ ที่ได้เป็นคนที่หนูรัก
พี่ว่าแบบนี้หละ พรหมลิขิต


โดย: zoomzero วันที่: 5 มีนาคม 2553 เวลา:18:49:39 น.  

 


หวัดดีค่ะอาเฮีย
มินไปดูส่วนประกอบของยาที่ข้างขวดให้แล้วนะคะ
มันก็มีพวกพาราเป็นหลัก ๆ และก็พวกกลุ่มวิตามินอ่ะค่ะ
แต่ ที่มินแปลกใจคือ ทำไม มันมีพวกซิ๊งค์ หรือ สังกะสี ด้วยก็ไม่รู้อ่ะจิคะ
เมื่อวานนี้ มินทัวร์ซะทั่วเลยค่ะ หมายถึงไปพบลูกค้าตั้งแต่แถว ๆ ท้องฟ้าจำลอง แถวคลังน้ำมันคลองเตย
ไล่มาเรื่อย ๆ 2 โรงแรม มาแถวรังสิตอีก
ว่าเหนื่อย ๆ จะเข้าบ้านแล้ว เพื่อนโทรมาชวนทานข้าว
คิดถูกแล้วที่ไป เพราะเมื่อคืนตลกมากเลยค่ะ
ไปทานซาบูชิแบบสายพานกันที่เซ็นทรัลแจ้ง มินเรียกชื่อร้านผิดป่าวก็ไม่รู้ เป็นคนที่ไม่ค่อยจำชื่อร้านอ่ะ
คนอื่นเขาตั้งหน้า ตั้งตาทาน ๆ ๆ กัน ไอ้ 3 ตัวนี่ หมายถึงมินและเพื่อน ๆ
นั่งมองพฤติกรรมคนอื่น แล้วเอามาอำกันสนุก ขำกันแบบหลุดโลก
ถ้ามีใครที่เขาจะสังเกตุ เขาต้องเขวี้ยงค้อนมาที่พวกมินแน่ ๆ ว่า ไอ้ 3 ตัวเนี่ยมันขำอาไรของมันอ่ะ ฮ่า ๆ ๆ
มันต้องมีบ้างหล่ะน่า ถ้าไม่พูดออกมา มันก็ต้องคิดอยู่ในใจอ่ะนะมินว่า ฮ่า ๆ ๆ
ก็ บางคนตัวเล็กจิ๊ดเดียว จานซ้อนกันเป็นตั้ง ๆ ถึง 3 แถวอ่ะนะคะ ฮ่า ๆ ๆ ตั้งนึงก็เกือบ 10 ใบมั๊งคะ ฮ่า ๆ ๆ
เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ขอในแง่ที่บ้า ๆ บอ ๆ ติ๊งต๊อง ๆ มั่งนะคะเฮีย..
ปล. วันนี้ วันพักบล๊อคของเฮีย เที่ยว ทาน ให้สนุก
มีความสุขมาก ๆ นะคะ ทานเผื่อมินด้วยน๊า...อิอิ


โดย: มินทิวา วันที่: 6 มีนาคม 2553 เวลา:9:37:59 น.  

 


หวัดดีค่ะเฮีย
กำลังจะออกไปทำงานค่ะ
แต่ สงสัยว่าเฮียคงยังไม่ตื่นอ่ะค่ะ
ตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น นะคะ
ปล. ไม่รู้ว่า เห็นช้างที่บล๊อคนี้มากไปหรือป่าว
เมื่อคืนมินเลยฝันถึงช้างเลยค่ะ
ฝันว่าเค้าเอางวงมาสะกิดที่หลังอ่ะ
พอหันไปเห็นว่าเป็นช้าง กลัวแทบตาย
และเหมือนว่า เค้าจะคอยตามเราด้วยนะในฝันอ่ะค่ะ
ในชีวิตจริง ก็เป็นคนที่กลัวช้างค่ะ
และก็สงสารเค้าด้วย แต่ ไม่กล้่าเข้าใกล้อ่ะค่ะ


โดย: มินทิวา วันที่: 8 มีนาคม 2553 เวลา:6:05:05 น.  

 
To Whom .... Only You
วันนี้...
ตอนเช้ารถติดมาก จอดนิ่งๆ 1 ชั่วโมง
ตอนกลางวันอากาศร้อน จอดรถตากแดด อุณหภูมิในรถ 60 องศา นอกรถ 40 องศา
เหนื่อยมาก

เขามีแต่ฝันเห็นงู
นี่ว่าจะพาไปลอดท้องช้างซะหน่อย
เฮ้อ...ลอดพุงเฮียก็แล้วกันฟระ


โดย: zoomzero วันที่: 8 มีนาคม 2553 เวลา:18:18:06 น.  

 
Tags Maker is a Text Image Generator to write Messages, Comments or Tags on Pictures

หวัดดีค่ะเฮีย
มินถึงบ้านตั้งแต่ 5 โมงแล้วค่ะ
แต่มาถึงก็เปิดแอร์เย็น ๆ นอนสลบแบบหมดสภาพ
เพิ่งตื่นขึ้นมา อาบน้ำสระผมเมื่อกี๊นี้เองอ่ะค่ะ
สงสัยว่า ตัวเองไปอดหลับอดนอนที่ไหนมาเนี่ย
ปกติ ไม่เคยนอนตอนเย็น ๆ หรอกค่ะ
อืม..คิดไปคิดมา แม่คนกิจกรรมเยอะเนี่ย
เสาร์ อาทิตย์ มันเหนื่อยกว่าวันทำงานอีกเนี่ย ฮ่า ๆ ๆ

มีเรื่องเกี่ยวกับช้าง เรื่องนึง ที่อยากเล่าให้ฟังอ่ะค่ะ
เมื่อราว ๆ 20 กว่าปีก่อนโน๊น...(น้ำหมากกระเด็นอีกแล้วค่ะเฮีย) ฮ่า ๆ ๆ
สมัยนั้น หัวหินยัง vg อยู่อ่ะนะมินว่า คือ มินชอบไปหัวหิน
เพราะตอนเด็ก ๆ ปิดเทอมเนี่ย พ่อมักจะพาไปพักที่ รร. สายลมเป็นประจำ
ต่อมา ก็มาพักที่ รร.รีเจ๊นท์ แต่ที่บ้านจะพักด้านที่เค้าเรียกว่าชาเล่ต์อ่ะค่ะ
ที่นี่เป็นอีกบรรยกากาศนึง ซึ่งเงียบเป็นส่วนตัวมาก ๆ สมัยนั้นชาดหาดไม่มีต้นมะพร้าวมาบังเหมือนเดี๋ยวนี้ค่ะ
และที่ชอบมาก ๆ คือ สระน้ำของด้านชาเล่ต์นี้ มันเป็นทรงกลมและใหญ่มาก ๆ เลย
ตอนบ่าย ๆ พวกผู้ใหญ่ ก็จะนั่งนับเลขกัน หมายถึงเล่นไพ่ดัมมี่ หรือไรเนี่ย
ส่วนพวกเด็ก ๆ ก็จะเล่นน้ำ สั่งอาหารมาทานกันที่สระ
ที่นี่จะมีลูกช้างน้อยตัวนึง มินก็จำชื่อไม่ได้แล้วว่าเค้าชื่อไร
แต่เมื่อไหร่ที่ไปพักที่นี่ ก็จะต้องเจอเค้าทุกครั้ง จะมีคนจูงเค้ามาทำท่าสวัสดี นั่งคุกเข่าชูงวง
เหตุการณ์ตื่นเต้นกำลังจะเกิดขึ้นแล้วค่ะ ... แถ่นแท้น...
ในสระน้ำ จะมีสาวน้อยสดใสร่าเริงคนนึง (ตอนนั้นมันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ อ่ะนะคะ ฮ่า ๆ ๆ )
กำลังกอดห่วงยางจินตนาการอาไรไปเรื่อยเปื่อย คนจูงช้างก็จูงช้างมาเดินเล่นรอบ ๆ สระ
ช้างน้อยก็สวัสดีคนโน๊น คนนี้ ไปเรื่อย ส่งเสียงร้องของเค้ามั่งตามประสา..
ไม่มีใครจะคาดคิดว่า พอช้างมาเดินใกล้ ๆ สระน้ำ หันมาร้องทักทาย มินก็โบกมืออตอบเล่นกับเค้า...
ทีนี้เค้าเกิดเสียหลัก โดยเหยียบไปโดนตะแกรงที่เค้าจะมีสำหรับไว้เดรนน้ำอ่ะค่ะ ซึ่งมีรอบ ๆ สระ
เหยียบเท้าเค้าพลิกยังไงไม่ทราบ ลูกช้างเสียหลักพุ่งตกลงมาในสระโครม ตูม เบ้อเริ่ม
มินอ่ะ ตกใจแทบช๊อคตายเลย ห่วงกระเด็นจมลงสระ สำลักน้ำ แบบไม่ทันได้ระวังตัวด้วย
โหย..นั่งพิมพ์แล้วยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้เลย สยองค่ะ
พวกฝรั่งลุกฮือฮากันใหญ่ ช้างเองเค้าก็ต้องตกใจสุด ๆ เหมือนกัน
กว่าเค้าจะขึ้นจากสระได้ ก็ใช้เวลาสักพัก แต่ ก็ขึ้นได้ก่อนมินอ่ะนะคะ ฮ่า ๆ ๆ
ตอนนั้น มินก็ตกใจมาก ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ญาติ ๆ ก็มารุมกันใหญ่ว่าเราเป็นไรป่าว
มินหน่ะไม่เป็นไรมาก นอกจากสำลักน้ำเข้าไปเยอะ แต่ต้องยอมรับว่า ที่ช้างเค้าตกลงไปเนี่ย
ทำให้น้ำในสระมีกลิ่นสาปมาก ๆ เลยค่ะ มินก็ไม่รู้ว่าทำไม มันอาจเป็นธรรมชาติของเค้าหรือป่าวก็ไม่รู้
เหตุการณ์วันนั้น คนที่เลี้ยงช้างแทนที่จะปลอบช้าง แต่เค้ากลับดุและตีช้าง
โดยเอาขอที่เขาถือตีแถว ๆ ที่หู หรือไงเนี่ย ลูกช้างเค้าก็ร้องใหญ่เลยค่ะ
จำได้ว่าพวกฝรั่งก็พากันว่าคนที่ดูแล ไม่ให้ทำร้ายเค้า...
จากเหตุการณ์ครั้งนั้นเนี่ย ทำให้มินกลัวช้างมาก ๆ เลยค่ะ อย่าพูดถึงเรื่องลอดท้องช้างเลย เข้าใกล้เค้ามินยังไม่กล้าเลยอ่ะค่ะ
ไม่ใช่เกลียดเค้านะ แต่ กลัวเค้าอ่ะค่ะ จริง ๆ รู้สึกสงสารเค้าอ่ะนะคะ ถ้าเค้าสามารถพูดได้
เค้าคงพูดอาไรหลาย ๆ อย่าง เกี่ยวกับการที่คนเอาเค้ามาทรมานเพื่อหาผลประโยชน์จากเค้าอ่ะนะมินว่า
ไม่เถียงว่า ยังพอมีคนดูแลที่รักและสงสารช้างจริง ๆ อยู่
แต่มันก็เป็นส่วนน้อยนิด เมื่อเทียบกับสิ่งที่ช้างบางเชือกต้องทนรับอยู่อ่ะค่ะ...

ฝันถึงช้างหรืองู มินก็เผ่นอย่างเร็วพอ ๆ กัน อ่ะค่ะ
แหม..ให้ฝันถึงชายหนุ่มสุดหล่อซักคนไม่ได้เหรอไงคะเฮีย...ฮ่า ๆ ๆ goodnight นะคะ

ปล. ถ้าอยู่ในที่ที่สามารถทำด้ เฮียก็สตาร์ทรถเปิดแอร์ซักพักนึงก่อนจิคะ แล้วค่อยออกเดินทางอ่ะค่ะ
อากาศร้่อนจัด ๆ รถก็ยังจอดตากแดด ขึ้นรถแล้วสตาร์ทเปิดแอร์แรง ๆ เลย
ระวังจะไม่สบายนะคะ เพราะมันเป็นลมร้อน ๆ ที่มาเป่าใส่หน้าเราอ่ะค่ะ..
มินนะ ขนมต่าง ๆ ที่มินใส่ไว้ในรถนะ ถ้ามีเป็นพวกช๊อคโกแลตเป็นส่วนผสมอ่ะ
อย่างเช่นพวกป๊อกกี้ หรือพวกซ๊อฟเค๊กใส้ช๊อคอ่ะค่ะ มันมากองรวมกันหมดเลยค่ะ ฮ่า ๆ ๆ


โดย: มินทิวา วันที่: 8 มีนาคม 2553 เวลา:20:10:06 น.  

 
Tags Maker is a Text Image Generator to write Messages, Comments or Tags on Pictures

ยังไม่หายเหนื่อยเหรอคะเฮีย...
ลองสูตรของแม่มินนะคะ
คือ ต้มน้ำดอกเก๊กฮวยผสมใบเตยอ่ะค่ะ
ใส่น้ำตาลอ่อน ๆ แล้วกรองใส่ขวดแช่ตู้เย็นไว้
เหนื่อย ๆ ร้อน ๆ ดื่มแล้วชื่นใจค่ะ
ดีกว่าดื่มเป๊ปซี่เยอะนะมินว่า
ปล. มีความสุขมาก ๆ นะคะ


โดย: มินทิวา วันที่: 9 มีนาคม 2553 เวลา:8:54:24 น.  

 
ฮาโหล ๆ พี่ชายต๋า

วันที่ไปทำงาน ถึ งจะแค่สองวัน แต่ก็ทำหัวฟูมากค่ะ เยอะแยะมากมายไปหมด ตอนนี้ออฟฟิสมีแต่น้องใหม่ผู้ชาย อุอุ ดาวล้อมเดือน คิคิ

เดือนนี้เห็นได้ดูข่าวแว๊บ ๆ บ้านเมืองวุ่นวายกันจังเน๊อะ สงสัยว่าเสื้อสีซื้อมาแล้วเก็บไว้ที่บ้านนาน ๆ ไม่เคยได้ใส่ ก็เลยหากิจกรรมชักชวนให้มาใส่เสื้อสี ๆ กัน อะไรประมาณนี้ล่ะมั๊งคะ งิงิ

อ้อ ยังไม่ได้เล่าไปเรื่องนุง ยัยเบลล์น้องสาวผู้เกิดมากับดวงและคนอุปถัมป์ เครื่องมือถือ htc ก็มีคนให้วันเกิดปีก่อน ๆ อีกปีก็ได้เครื่อง PSP วันเกิดคริสมาสต์ปีที่ผ่านมาก็มีคนให้ BB เครื่องใหม่อีกต่างหาก บีก้อเลยขอ htc เครื่องเก่ามันมาใช้แทน N70 ค่ะ งิงิ ใช้มาได้ สองสามอาทิตย์แล้ว แต่ยังง๊งงง กับการใช้อยู่เลย แห่ะ ๆ จอสัมผัสนี่แตะโดนไรนิดหน่อยไม่ได้เลยน้า

แล้วพี่ชายเป็นยังไงบ้างคะ กิจกรรมประจำวันนี่ทำอะไรมั่งล่ะเนี่ยะ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้คุยกันเลยน้า

คิดถึงนะคะ จุ๊ฟ ๆ ๆ


โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมแก่น (http://beee.bloggang.com) IP: 203.144.144.164 วันที่: 9 มีนาคม 2553 เวลา:12:18:27 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่ซูม

หายหน้าไปหลายวัน กว่าจะแวะมาถึงบล๊อคคุณพี่ได้ก็หลายเพลาเลย มาหนนี้ได้รู้เรื่องช้างโดยละเอียด คุณพี่ขยันหาข้อมูลดีแท้ ออกบล๊อคไปกลายเป็นผู้รอบรู้เรื่องช้างไปเลยนะเนี่ย

ช้างเป็นสัตว์ที่น่ารักนะคะ ถึงจะตัวโตแต่ไม่น่ากลัว ดูตาก็รู้ว่าใจดีแถมน่าสงสารด้วยซ้ำ ช้างไทยเดี๋ยวนี้หางางาม ๆ ไม่ค่อยมีนะคะ โดนโขมยตัดเหี้ยนจนเด็กๆ นึกว่าช้างไม่มีงาไปซะงั้น คิดว่าคงมีก็แต่ช้างหลวงเท่านั้นมั้งที่มีคชลักษณ์สมบูรณ์งดงาม รัชกาลนี้มีช้างหลวงมาก น่าจะมีมากกว่ารัชกาลใด ๆ แล้วมั้งคะ ประทับใจเรื่องช้างกับสมเด็จพระเทพฯมาก ๆ ท่านทรงเล่าในพระราชนิพนธ์สารคดีเรื่องช้างว่า คุณพระลูกช้างชอบเล่นปิดตาไล่จับ ชอบเล่นฟุตบอล พอพระองค์ประทับนั่ง คุณพระก็นั่งด้วย บางครั้งจะนั่งตัก พระองค์ท่านถึงกับต้องเขยิบตัวหนี

เห็นข่าวควาญช้างพาช้างมาเดินท่อม ๆ ตามถนนในกรุงแล้วทั้งสงสารแล้วก็อนาถใจด้วย รู้สึกว่าคนไทย(โดยเฉพาะควาญช้างนี่แหละ)ไม่รักช้างเท่าที่ควร ทั้งที่เป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมือง ช้างก็ต้องอยู่ในป่า พามาอยู่ในสิ่งแวดล้อมไม่เหมาะอย่างเมืองกรุงนี่ไม่ไหวค่ะ ขนาดช้างที่อยู่ในสวนสัตว์ น้องยังไม่ปลื้มเท่าไหร่เลย แต่ดูเหมือนวิธีแก้ปัญหามันจะวนเวียน หาทางออกไม่เจอยังไงไม่รู้ อย่างเรา ๆ ถ้าคิดอยากจะช่วย คงได้แต่ทำบุญมูลนิธิช่วยช้างหรือรพ.ช้างเท่านั้นละมั้ง

ฟังเรื่องควาญช้างแล้วนึกไม่ถึงเหมือนกันค่ะ แต่ก่อนคิดว่า ที่เขาพาช้างเข้ากรุงเพราะกลัวช้างอดตาย ที่ไหนได้ หาประโยชน์จากช้างไปซะนี่ แต่ก็ดีใจที่จำนวนช้างในกรุงน้อยลง ได้แต่หวังว่าในไม่ช้าคงจะไม่ได้เห็นช้างมาเดินตามท้องถนนอีก ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลากี่ปีเนาะ

ไปเจอข้อมูลเกี่ยวกับช้างหลวงในพันติ๊บเลยเอามาฝาก จะได้ครบเครื่องเรื่องช้างค่ะ

(เก็บความจาก สุทธิลักษณ์ อำพันวงศ์, ช้างไทย
สำนักพิมพ์มติชน)

พระเศวตอดุลยเดชพาหน
ช้างพลายเผือกโท ลูกเถื่อน
มาจากจังหวัดกระบี่

เป็นช้างสำคัญในตระกูลพรหมพงศ์ จำพวกอัฐทิศ ชื่อ กมุท

พระเศวตรัตนกรี
ช้างพลายเผือก ลูกบ้าน
มาจากจังหวัดเชียงใหม่
เป็นช้างสำคัญในตระกูลวิษณุพงศ์ จำพวกอัฏฐคช ชื่อ ดามพหัสดินทร์
ล้มแล้ว

พระเศวตสุรคชาธาร
ช้างพลายเผือกลูกเถื่อน
จังหวัดยะลา
เป็นลูกช้างพลัดแม่
ตระกูลพรหมพงศ์ จำพวกช้างสิบหมู่ ชื่อ ดามพหัตถี

สมเด็จพระเทพทรงเล่าในพระราชนิพนธ์ สารคดีเรื่องช้างว่า คุณพระชอบเล่นปิดตาไล่จับ
ชอบเล่นฟุตบอล ฉันนั่งเล่นเสื่อ คุณพระก็นั่งด้วย(บางครั้งจะนั่งตัก ฉันต้องเขยิบตัวหนี)
ล้มแล้ว

พระศรีเศวตศุภลักษณ์
ช้างพังเผือก ลูกเถื่อน
มาจากจังหวัดฉะเชิงเทรา
ตระกูลวิษณุพงศ์ จำพวกอัฏฐคช ชื่อ ดามพหัสดินทร์
....ตอนพบอายุสี่เดือน ขาหน้าซ้ายได้รับบาดเจ็บเน่าเปื่อย
พรานป่ายิงแม่ช้างแล้วจับลูกช้างมาเลี้ยงไว้
นายทวีทรัพย์ นันทมานพ ผู้เป็นที่นับถือของชาวบ้าน
ได้ออกเงินซื้อจากพราน มอบให้เป็นกรรมสิทธิของกรมป่าไม้

พระเศวตศุทธวิลาศ
ช้างพลายเผือกลูกเถื่อน
พบในจังหวัดกาญจนบุรี
ตระกูลวิษณุพงศ์ จำพวกอัฏฐคช ชื่อดามพหัสดินทร์

พระวิมลรัตนกิริณี
ช้างพังเผือก ลูกเถื่อน
ได้มาจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ตระกูลพรหมพงศ์ จำพวกอัฏฐทิศ ชื่อ กมุท

พระศรีนรารัฐราชกิริณี
ช้างพังเผือก ลูกเถื่อน
พบในจังหวัดนราธิวาส พลัดกับแม่บนเทือกเขากือชา
ตระกูลพรหมพงศ์ พวกอัฏฐทิศ ชื่ออัญชัน

พระเศวตภาสุรคเชนทร์
ช้างพลายเผือก ลูกเถื่อน
เลี้ยงไว้ที่เพชรบุรี
ตระกูลวิษณุพงศ์จำพวกอัฏฐคช ชื่อ ดามพหัสดินทร์

พระเทพวัชรกิริณี
ช้างพังเผือก ลูกเถื่อน
เลี้ยงไว้ในจังหวัดเพชรบุรี
ตระกูลวิษณุพงศ์จำพวดอัฏฐคช ชื่อ ดามพหัสดินทร์

พระบรมนขทัศ
ช้างพลายเผือก เล็บครบ ลูกเถื่อน
เลี้ยงไว้ในจังหวัดเพชรบุรี
ตระกูลวิษณุพงศ์จำพวกอัฏฐคช ชื่อครบกระจอก

ช้างสำคัญยังไม่ได้ขึ้นระวาง
ช้างพลายเผือก ลูกบ้าน ชื่อแก้วขาว
จังหวัดเชียงใหม่

ช้างพลายชื่อก้อง
จังหวัดชลบุรี

ช้างพลายวันเพ็ญ
จังหวัดเพชรบุรี

ช้างพลายยอดเพชร
จังหวัดเพชรบุรี

พังมด
จังหวัดกาญจนบุรี

ช้างพลาย ชื่อขวัญเมือง
จังหวัดเพชรบุรี


หนนี้เม้นท์ยาวสุดเลยนะเนี่ย ขอชะแว๊บไปหม่ำข้าวก่อนจ๊ะ


โดย: haiku วันที่: 9 มีนาคม 2553 เวลา:12:20:49 น.  

 
To Mintiva
อาโหล...อามินตี้

คนอารั๊ย โดนช้างล้มใส่ในสระว่ายน้ำ
ขำจนแทบตกพระแท่น เอิ้งเง้ย...

เฮียก็ว่าน้ำก็น่าจะเหม็นอยู่หรอก
ก็อย่างข้อมูลที่เอามาให้อ่าน
รูขุมขนช้างใหญ่มาก พวกแมลงชอบเข้าไปวางไข่ และพอตัวอ่อนฟักออกไปก็ทิ้งอึทิ้งเชื่อโรคเอาไว้
ดังนั้นเขาต้องพาช้างไปอาบน้ำทุกวัน ทีนี้พวกที่เอาช้างไปเลี้ยงชายทะเล คงไม่กล้าให้ช้างลงทะเล
เดี๋ยวเหยียบพ้นขอบทวีป หล่นหายจ๋อมไปเลย
แต่จริงๆแล้วน้ำทะเลนี้ฆ่าเชื้อโรคได้ดีเลยนิ

เรื่องรถ
มาอีกแล้ว เมื่อวานมันร้อนนัก
เลยขากลับบ้านเอาหัวรถเข้าร้านขายยางเจ้าประจำ
ให้เขาสลับยาง แหมพอถอดล้อออกก็เป็นเรื่อง
บูทรองปีกนกตัวล่างแตกระแหงเป็นสันดอนแม่น้ำโขงทั้งสองด้าน
ต้องสั่งอะไหล่เอาไว้ก่อน วันนี้ถึงเอารถไปเปลี่ยนของใหม่ที่ซีโร่ฮอนด้า
รถติดตอนเช้าเหมือนเมื่อวานเปี๊ยบ 1 ชั่วโมงนิ่งๆ อยากย้ายบ้านหนี
ตอนจ่ายตังค์ก็งงๆ ค่าของแค่ 786 ค่าแรงล่อไป 840
แค่ถอดล้อ ตอกบู๊ทออก ใส่อันใหม่ ตอกบู๊ทใหม่เข้าเบ้า ใส่ล้อ ขันน๊อต
ร้านยางบอกว่า ถ้าเฮียไปซื้อของมาให้ เขาจะคิดค่าแรงแค่ 400
แต่ใครจะไปกล้าให้ร้านยางเปลี่ยน เรื่องช่วงล่าง เคยเข้าใช้บริการก๊อกปี๊ดมาแล้ว
ไม่รู้ว่าทำอะไรกับเบรค โดนระบบ ABS รวน ต้องเปลี่ยนใหม่เกือบห้าหมื่น ไม่กล้าแล้วหละ
เข้าร้านยางก็เปลี่ยนยาง สลับล้อ ถ่วงล้อ ตั้งศูนย์ พอแล้ว
ยางยี่ห้อใหม่ๆ(ของบ้านเรา) NITTO แหม...มันนุ่มดีจัง นึกว่าเอาฟองน้ำมาทำล้อซะอีก

มีข้อมูลเรื่องฝันเห็นช้างพอดี

ฝันเห็นช้าง ::
ฝันเห็นช้างเหยาะย่าง ทำนายว่า จะได้รับโชคลาภจากผู้ใหญ่ ภายในเร็ววัน
ถ้าฝันว่าขี่ช้าง หรือได้ลูบคลำตัวช้าง จะได้รับข่าวดีจากทางไกลหรือจากการเดินทาง
ถ้าฝันว่าตกช้าง หรือขี่ช้าง ตกมันอาละวาด ทายว่าจะได้รับเคราะห์ หรือการปองร้ายจากศัตรูที่เหนือกว่า
ทำนายฝัน เลขเสี่ยงโชค19, 39, 119, 139, 309

แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อ 2553 + 80 + 1 ปี มาแล้ว
เธอฝันเมื่อ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8
ฝันว่ามีช้าง(เผือก)เอาดอกบัวมาถวาย
เธอก็ตั้งท้องในวันนั้นทันที
เธอเป็นพระมเหสีของกษัตริย์ผู้ครองกรุงกบิลพัสดุ์
พระราชโอรสของเธอ ชื่อว่า เจ้าชายสิทธัตถะ

อันนี้ก็ไม่ได้เอาศาสนามาล้อเลียน หรือลบหลู่ หรอกนะ
แค่อยากออกความเห็นว่า ฝันเห็นช้าง ก็น่าจะออกมาในด้านดีมากกว่าร้ายหนะ

มินทิวา Mintiva RoyalBlue 41 69 E1



โดย: zoomzero วันที่: 9 มีนาคม 2553 เวลา:16:38:41 น.  

 
To Haiku

Dear Haiky
ขอบคุณมากครับ

กำลังหาทางเขียนบทความ ช้างกับว่าทำไมสมเด็จพระเทพฯถึงทรงโปรดช้าง
แต่ก็หมดกำลังสมองที่จะคิดออกมาให้เป็นบทความที่ดีๆ
ดีใจที่ได้GURU อย่างน้องไฮกุมาช่วยหนุนแรง
ขอบคุณเป็นอย่างสูง

เรื่องช้างกับอะไรที่เกี่ยวข้องกับคนไทย
ผมว่ามีอีกเยอะ

คนไทยคนไหนก็ตามที่บอกว่าไม่เคยเห็นช้าง ไม่เคยเห็นตัวเป็นๆ
ไม่เคยเห็นแม้แต่ในทีวี หนังสือพิมพ์
ถ้ามีจริงๆ น่ากลัวจังเลยนะ
เพราะที่บ้านก็มีหลานชายคนหนึ่งเอาแต่เล่นคอมฯ ไม่สนใจโลกภายนอก
และบอกว่าไม่เคยเห็นช้างตัวเป็นๆเลย ตัวใหญ่แค่ไหนก็ไม่รู้
พ่อแม่เขาไม่เคยพาไปสวนสัตว์หรือสถานที่ๆมีช้างเลย
อยู่แต่ในตึก เปิดแอร์ ดูการ์ตูน เล่นเกมคอมฯ เดินห้าง ไปว่ายน้ำที่สระ ... หมดวัน
ดังนั้นจะถามหาสำนึกให้อนุรักษ์ช้างจากหนูน้อยคนนี้ อย่าคิดเลยดีกว่า

อยากให้รัฐฯผันงบประมาณให้กรมป่าไม้ หรือหน่วยงานไหนก็ได้
สร้างเป็นนิคมใหญ่ๆเพื่ออนุรักษ์ช้างในประเทศทั้งหมด
เพราะไม่มีใครเอาช้างมาทำงานป่าไม้อีกแล้ว
ไม่มีการเอาช้างออกรบอีกแล้ว
สิ่งที่ต้องทำคือ เลี้ยงและเพาะพันธุ์พวกเขา
และต้องใช้เงินค่าอาหารสูงมาก

ไฮกุ haiku DarkGreen 00 64 00



โดย: zoomzero วันที่: 9 มีนาคม 2553 เวลา:16:52:39 น.  

 
To BeeeNumberOne

น้องบีที่คิดถึง

ไม่ได้คุยกันบ่อยก็ไม่เป็นไร ส่งใจให้กันก็ยังดี
แวะมาใส่เมนท์เอาไว้ก็ได้นี่ (ถ้าว่าง)

เรื่องมือถือ
พี่ไม่เคยได้ใช้ของใหม่เลย
ได้ใช้แต่พวกมรดกตกทอดของพวกเจ้านาย หรือเครื่องมือสอง
ได้มาปั๊บ ต้องเปลี่ยนกรอบใหม่ หรือไม่ก็พวกซิลิโคนป้องกันตัวเครื่อง
และต้องเปลี่ยนแบ๊ตเพราะไม่ค่อยจะชาร์จกันหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ แบ็ตเสื่อม
แต่ก็มีปัญหาเรื่องหาเมนู ทำโน่นทำนี้่ไม่ได้ดั่งใจเหมือนกัน
คู่มือก็หายหมด

พวกBB
เห็นคุณหนูได้มา 3 วัน
วิ่งไปเพิ่มโปรโมชั่นอีก 300 บาท แช็ตกัน 24 ชั่วโมง ไม่ต้องหลับไม่ต้องนอน
รวมแล้วเดือนหนึ่งก็อย่างต่ำ 700 บาท สำหรับค่าใช้จ่ายเรื่องนี้

เรื่องพวกจอสัมผัส
เท่าที่เคยมีปัญหาก็เป็นกล้องซัมซุง NV100
เอานิ้วไปโดนจอแล้ว มันก็ไปทำอย่างโน่นทำอย่างนี่ ปรับเปลี่ยนอะไรให้เองมั่วไปหมด
ต้องถือระวัง เรื่องเลื่อนดูรูปด้วยนิ้ว ทีแรกก็ว่าทันสมัยดี
แต่เอาเข้าจริง ไม่เคยได้เลื่อนดูอะไรเลย ได้แต่ถ่ายๆๆ แล้วก็โหลดลงคอมฯ
เลือกรูปไม่ดีออก แล้วก็ไรท์ลงแผ่นดีวีดี จบข่าว

คิดถึงเช่นกัน

Ref: Beee Fuchsia FF 00 FF



โดย: zoomzero วันที่: 9 มีนาคม 2553 เวลา:17:05:25 น.  

 
Tags Maker is a Text Image Generator to write Messages, Comments or Tags on Pictures

อรุณสวัสดิ์ค่ะเฮีย
มินออกไปทำงานก่อน นะ
มีความสุขมาก ๆ นะคะ


โดย: มินทิวา วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:6:07:45 น.  

 
ช้างเผือก

ในที่นี้ผมมองในมุมคนไทย เพราะเป็นช้างที่คนไทยเราเชื่อว่าเป็นสัตว์มงคล
แต่ถ้ามองแบบวิทยาศาสตร์ ช้างเผือกคือช้างที่มีปัญหาเรื่องสารเมลานินที่ทำหน้าที่สร้างสีให้ผิวหนัง
ซึ่งพวกเขาจะเรียกว่า ช้างประหลาด หรือ ช้างสีประหลาด
และไม่ได้ให้ความเคารพหรือชื่นชม เหมือนอย่างคนทางเอเชีย

ในทางศาสนาพุทธ ช้างเผือก คือ สัญลักษณ์แห่งความรู้ และ การเกิด
รูปหินแกะสลักโบราณเกี่ยวกับพระพุทธประวัติเป็นหลักฐานความเชื่อว่า
เมื่อก่อนที่เจ้าชายสิทธัตถะจะประสูติ พระมารดาของพระองค์ได้ทรงสุบิณท์(ฝัน)ว่า
มีช้างเผือกนำดอกบัวมาถวายพระนาง

ในไตรภูมิพระร่วง กล่าวถึงช้างเผือกว่าเป็นหนึ่งในของที่พระมหาราชาพึงมี
ของทั้งหมดนั้นมี 7 สิ่ง คือ
- ภริยาที่สมบูรณ์ (ไม่ใช่อ้วนท้วนสมบูรณ์ นะ แต่หมายความว่า งามทั้งกายและใจ)
- ขุมสมบัติมากมายมหาศาล น่าจะหมายถึง ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งก่อสร้าง ของบริโภคและอุปโภค
- ผู้ปรึกษาแผ่นดินที่ดี (Good Consultants)
- ม้าที่มีฝีเท้าเร็ว เอาไว้ใช้ในการเดินทาง หรือออกรบ (คงหมายถึงกษัตริย์ทางอินเดียหรือแขกอาหรับมากกว่าทางไทย)
- กฎหมายระเบียบการปกครองที่ยุติธรรม ไม่ใช่ 2 มาตรฐาน
- แก้วแหวนอันเป็นสิ่งสำคัญ (คงหมายถึงสิ่งที่ใช้แลกเปลี่ยนแทนเงินในสมัยก่อน)
- ช้างเผือกที่สง่างาม อืม...ยังยึดติดกับกิเลสอยู่เหมือนกันนะ

ช้างเผือก มีสีผิว นัยน์ตา และเล็บ เป็นสีขาว เป็นสัตว์หายาก (มองอีกมุมคือ ผิดปกติ หรือ ไม่ธรรมดา)
เป็นสัตว์มงคลของชนชั้นปกครอง เป็นหนึ่งในสัปตรัตระแห่งพระเจ้าจักรพรรดิ
ได้แก่ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว นางแก้ว คฤหบดีแก้ว และ ปรินายกแก้ว

ในพุทธชาดก มีการกล่าวถึง ช้างเผือก และนำไปใช้เพื่อสร้างความศรัทธาในเรื่อง การบำเพ็ญเพียรบารมีของพระโพธิสัตว์
ซึ่งพระโพธิสัตว์นี่ก็คือ อดีตชาติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (อาจจะมีหลายพระองค์นะ อย่าคิดว่าหมายถึงองค์ที่เราเห็นในยุคนี้เท่านั้น)
ที่มีชื่อวา ปัจจัยนาค หรือ ปัจจัยนาเคนทร์ อยู่ในเรื่อง มหาเวสสันดรชาดก
ช้างปัจจัยนาคเป็นช้างเผือกที่คู่บารมีของพระเวสสันดร มีพลังพิเศษทำให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล พืชพรรณธัญญาหาร การเกษตรและกสิกรรม ล้วนได้ผลดีมาก
ต่อมาพระเวสสันดรก็ทรงยกให้คนเมืองอื่นไป ทำให้ชาวเมืองของพระองค์ขับไล่พระเวสสันดรออกจากเมือง

ในชาดก เรื่อง ฉัททันตชาดก ได้กล่าวถึง ช้างเผือกที่มีชื่อว่า ฉัททันต์ ซึ่งก็คือพระโพธิสัตว์ตอนที่เสวยชาติเป็นช้าง
เป็นเรื่องของช้างภรรยารองเกิดอิจฉาช้างภรรยาหลวง จนตายแล้วไปเกิดใหม่เป็นคน พอระลึกชาติได้
ก็กลับมาเอาชีวิตสามีที่เป็นพญาช้าง โดยให้คนไปฆ่าเพื่อเอางามา
ในชาดกนี้ยังมีบทสวดที่เรียกว่า ฉัททันตปริตร
พวกพรานป่านำมาใช้เป็นคาถาเวลาเดินป่า มีข้อความประมาณว่า “สลฺเลน วิทฺโธ พฺยถิโตปิ สนฺโต”

ถ้าไม่มองแบบซีเรียส หรือเน้นวิทยาศาสตร์
ช้างเผือกตัวทีใหญ่ที่สุดในโลก คือ ช้างเอราวัณ
ช้างเอราวัณ ตำนานที่เราทราบๆกัน จะมาจากเรื่องเล่าและความเชื่อในศาสนาฮินดู เรื่อง รามายาณะ
ผู้ที่สร้าง(เสก)ช้างเอราวัณขึ้นมาคือ พระศิวะ (แต่เสกในกรณีใด ผมไม่ทราบเหมือนกัน)
ตามตำนานกล่าวว่า ช้างเอราวัณมีความสูงประมาณภูเขาใหญ่ มี 33 เศียร (ไม่ใช่แค่ 3 เศียร)
เรื่องช้างเอราวัณ จะเอามาเล่าอีก ในตอนต่อไป

ช้างเผือกเท่าที่มีการบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ไทย
สมัยสุโขทัย
• ช้างรุจาครี ช้างทรงของพ่อขุนรามคำแหง

สมัยอยุธยา
• ในสมัย สมเด็จพระอินทราชาที่ 2 ได้ช้างเผือกมา 1 เชือก
• ในสมัยสมเด็จพระไชยราชาธิราชได้ปรากฏช้างเผือกที่ชื่อพระฉัททันต์ขึ้น
• ในสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ซึ่งถือได้ว่าเป็นรัชสมัยเริ่มต้นที่ให้ความสำคัญกับช้างเผือกมากที่สุด พร้อมทั้งยังมีช้างเผือกประจำรัชกาลนี้ถึง 7 เชือก คือ พระคเชนทโรดม พระรัตนากาศ พระแก้วทรงบาศ ช้างเผือกพังแม่และพังลูก พระบรมไกรสร พระสุริยกุญชร
• ในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3 (สมเด็จพระนารายณ์มหาราช) ได้ช้างเผือกมา 2 เชือก คือ พระอินทร์ไอยราวรรณ และ เจ้าพระยาบรมคเชนทรฉัททันต์
• ในสมัยสมเด็จพระมหาบุรุษ( พระเพทราชา) ได้ช้างเผือกมา 2 เชือก คือ พระอินทรไอราพต และ พระบรมรัตนากาศ
• ในสมัยสมเด็จพระสรรเพชญที่ 8 ( พระเจ้าเสือ ) ได้ช้างเผือกชื่อ พระบรมไตรจักร
• ในสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 ( พระบรมโกศ )ได้ช้างเผือกมา 6 เชือก คือ พระวิเชียรหัสดิน พระบรมราชนาเคนทร พระบรมวิไชยคเชนทร พระบรมกุญชร พระบรมจักรพาลหัตถี พระบรมคชลักษณ์

สมัยกรุงรัตนโกสินทร์
• รัชกาลที่ 1 ได้ช้างเผือกมา 10 เชือก
• รัชกาลที่ 2 ได้ช้างเผือกมา 6 เชือก
• รัชกาลที่ 3 ได้ช้างเผือกมา 20 เชือก
• รัชกาลที่ 4 ได้ช้างเผือกมา 15 เชือก
• รัชกาลที่ 5 ได้ช้างเผือกมา 19 เชือก
• รัชกาลที่ 6 ได้ช้างเผือกมา 1 เชือก
• รัชกาลที่ 7 ได้ช้างเผือกมา 1 เชือก
• รัชกาลที่ 8 - -
• รัชการที่ 9 ได้ช้างเผือกมา 10 เชือก

ช้างเผือก เชือกแรกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช คือ พระเศวตอดุลเดชพาหน

ลักษณะของช้างตามพระราชบัญญัติสำหรับรักษาช้าง พ.ศ. 2464 ในสมัย ร.6
กำหนดช้างที่มีลักษณะพิเศษเอาไว้ 3 ชนิด
1. ช้างสำคัญ มีคชลักษณะ 7 ประการ คือ ตาขาว เพดานขาว เล็บขาว ขนขาว พื้นหนังขาวหรือสีคล้ายหม้อใหม่ ขนหางขาว อัณฑโกศขาวหรือคล้ายสีหม้อใหม่
2. ช้างสีประหลาด คือ ช้างที่มีมงคลลักษณ์อย่างใดอย่างหนึ่งใน 7 อย่างที่กำหนดไว้ในคชลักษณะของช้างสำคัญ
3. ช้างเนียม มีลักษณะ 3 ประการ คือ พื้นหนังดำ งามีลักษณะดังรูปปลีกล้วย เล็บดำ
ใน พรบ.นี้ไม่มีการกล่าวถึง ช้างเผือก แต่คนไทยทั่วไปเข้าใจดีว่า ช้างเผือก หมายถึง ช้างลักษณะใด

เมื่อประชาชนพบช้างทีมีลักษณะสำคัญ และเชื่อว่าเป็นช้างเผือก ต้องรีบติดต่อเจ้าหน้าที่บ้านเมือง (น่าจะหมายถึงตำรวจ หรือกำนันผู้ใหญ่บ้าน)
เมื่อเจ้าหน้าที่ได้มาตรวจดูว่าเป็นจริง และได้ทำหนังสือกราบบังคมทูลให้ทรงทราบ ก็จะโปรดเกล้าฯให้ผู้เชี่ยวชาญมาดตรวจดู
โดยจะตรวจอย่างละเอียดตามลักษณะอันเป็นมงคล
แม้กระทั้งเสียงกรนเวลาช้างหลับ ถ้าเป็นเสียงคล้ายแตรสังข์ถือว่าเป็นมงคล ถ้าเป็นเสียงกรนอย่างคนถือว่าไม่ดี
นอกจากนั้นยังจะต้องดูลักษณะอื่นอีก 10 ประการ คือ ขน หาง จักษุ เล็บ อัณฑโกศ ช่องแมงภู่ ขุมขน เพดาน สนับงา ข้างในไรเล็บ
ถ้าต้องกับสีกาย เป็นศุภลักษณะใช้ได้ ถ้านับสีกายด้วยก็เป็น 11 ประการ



คนไทยกับช้างเผือก ::
คนไทยเชื่อว่า ช้างเผือกเป็นช้างที่เกิดขึ้นเพราะพระบารมีของพระมหากษัตริย์
ถ้าพระมหากษัตริย์พระองค์ใดมีช้างเผือกมาสู่พระบารมีจำนวนมาก ก็จะถือว่าเป็นมงคล บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุข
เมื่อสำนักพระราชวังตรวจคชลักษณ์ว่าเป็นช้างเผือกหรือช้างสำคัญแล้ว ก็จะนำความขึ้นกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
โดยจะน้อมเกล้าฯ ถวายช้างสำคัญ และมีพระราชพิธีสมโภชขึ้นระวางช้างสำคัญ
พระมหากษัตริย์องค์ใดได้พบช้างเผือกเป็นจำนวนมาก แสดงว่า พระมหากษัตริย์พระองค์นั้นทรงถึงพร้อมด้วยบุญญาภินิหารบารมีมาก
และมักถวายพระนามพระองค์ว่า พระเจ้าช้างเผือก ดังเช่น สมเด็จพระมหาจักรพรรดิแห่งกรุงศรีอยุธยา เป็นต้น
นอกจากนี้คนไทยยังเชื่ออีกว่า
ขนหางของช้างเผือก เป็นเครื่องรางอย่างดีเยี่ยม สามารถป้องกันเสนียดจัญไรได้
พระแส้หางช้างเผือกของพระมหากษัตริย์ทำมาจากขนหางของช้างเผือก
เด็กที่มักจะเจ็บไข้ได้ป่วย รักษาไม่หาย หาสาเหตุไม่ได้ ถ้านำมาลอดใต้ท้องช้างเผือก 3 ครั้ง ก็จะหายจากอาการป่วยนั้นได้
หากช้างเผือกร้องผิดปกติ หรือ เจ็บป่วย หรือเกิดอุบัติเหตุ เช่น งาหัก ถือเป็นลางร้ายต่อพระเจ้าแผ่นดินและประเทศชาติ
มีเรื่องเล่าว่าเมื่อตอนที่พม่าเสียเอกราชให้อังกฤษ
พวกทหารอังกฤษบังคับให้พระเจ้าสีปอ(หรือ ธีบอ)สละราชบัลลังก์ และให้ออกนอกประเทศไปนั้น
ช้างเผือกในวังร้องเสียงเหมือนคนร้องไห้และมีอาการดิ้นรน ทุรนทุราย
เมื่อพระเจ้าสีปอทรงออกไปพ้นพระราชอาณาจักร ช้างเผือกเชือกหนึ่งก็ล้ม(ตาย)โดยไม่มีอาการป่วยด้วยโรคอะไรเลย
หลังจากนั้นประเทศพม่าก็ล้มสลาย ส่วนช้างที่เคยเลี้ยงกันเอาไว้มากมาย ไม่ทราบว่าอังกฤษให้ทำอย่างไร
แต่ฝรั่งไม่ชอบขี่ช้าง คงจะไม่สนใจใยดีกระมัง

จุ๊จุ๊... ในหนังสือเรื่อง พม่าเสียเมือง ของท่าน อ.มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช
พระเจ้าสีปอ เป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์อลองพญา และเป็นองค์สุดท้ายของพม่า
เล่ากันว่าพระมเหสีของพระเจ้าสีปอ นั้นเป็นหนึ่งใน จอมหฤโหดแห่งโลกพระองค์หนึ่ง
พระนามท่านคือ พระนางศุภยาลัต ว่ากันว่า จับพระญาติพระวงศ์ประหารเกือบ 80 พระองค์ เพื่อความมั่นคงของราชบัลลังก์
น่าเสียดาย เว็ปภาษาไทยที่เขียนเรื่องพวกนี้โดนแบนและบล๊อกไม่ให้เข้าไปอ่านเกือบหมดแล้ว
ด้วยเหตุผลที่ว่าเมื่อก่อนบทความต่างๆเขียนจากข้อมูลของฝ่ายอังกฤษ เลยดูเหมือนสมัยกษัตริย์อยุธยาก่อนกรุงแตก
ต่อมาเมื่อนักประวัติศาสตร์พม่าได้ทำการหาข้อมูลและหลักฐานมาประกอบ ภาพต่างๆก็เปลี่ยนไปบนพื้นฐานของความจริงมากกว่าเดิม
เสียดายประวัติศาสตร์ของอยุธยา ไม่มีใครลองคิดและหาเหตุผลมาหักล้างเรื่องที่ว่ากษัตริย์อ่อนแอและหลงนางสนมจนไม่ทำอะไร



ประเทศไทยกับสัญลักษณ์ช้าง ::
ประเทศไทยได้นำรูปช้างเผือกไปติดไว้บนธงสีแดง ซึ่งถูกถือเป็น ธงประจำชาติไทย (ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นธงไตรรงค์)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นเครื่องหมายเชิดชูเกียรติสูงสุดนั้น มี 8 ชั้น ชั้นสงสุด คือ มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)
นอกจากนี้ก็มีการสร้างเหรียญกษาปณ์ ธนบัตรรูปช้างสามเศียร(ช้างเอราวัณก็เป็นช้างเผือก)
แสตมป์ ตราสมาคมต่างๆ เช่น ในสมัย ร.6 ทรงพระราชทานให้นำช้างเผือกไปเป็นตราของกองลูกเสืออังกฤษ (K.S.O.)
โครงการสรรหานักกีฬาเข้าทีมชาติ ก็ถูกเรียกว่า โครงการช้างเผือก (เป็นการเปรียบเปรย)
ในแอฟริกา ช้างเผือก ไม่ได้เป็นช้างที่ได้รับความสนใจอะไรมากนัก กลับถูกมองว่าเป็นของประหลาด แค่หาดูได้ยากเท่านั้น



ศาสนาพราหมณ์กับเรื่องตระกูลของช้าง ::
ก่อนอื่นขอให้เขาใจดังนี้ก่อนว่า
พระนารายณ์ หมายถึง พระวิษณุ
พระอิศวร หมายถึง พระศิวะ
ศาสนาพราหมณ์จะเรียกว่า พระวิษณุ และ พระศิวะ แต่คนไทยนิยมเรียกว่า พระนารายณ์ และ พระอิศวร
ผมไม่อยากพิมพ์ทั้งสองชื่อซ้ำๆกัน (มันเหนื่อย)

ตามความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ กล่าวเอาไว้ว่า ขณะที่พระนารายณ์บรรทมอยู่ในเกษียรสมุทร ได้เกิดดอกบัวผุดขึ้นมาจากพระนาภี 1 ดอก
ดอกบัวนั้นมี 7 กลีบ (เมื่อนับเกสรได้ 173 เกสร)
พระนารายณ์นำไปถวายพระอิศวร ซึ่งพระอิศวรทรงแบ่งดอกบัวนั้นเป็น 4 ส่วน
พระอิศวรเองเก็บไว้ 1 ส่วน อีก 3 ส่วน มอบให้พระนารายณ์, พระพรหม, และพระเพลิง(พระอัคนี)
จากนั้นเทพเทวดาทั้ง 4 ก็นำไปสร้างเป็นช้างขึ้นมา 4 ตระกูล
(คนอินเดียได้นำเรื่องนี้มาเกี่ยวข้องหรือไม่ น่าคิดเหมือนกัน)
เพราะกลายเป็นช้างทั้ง 4 นั้นก็ถูกแบ่งออกเป็น 4 วรรณะ ดังนี้
- อิศวรพงศ์ เป็นช้างในตระกูลที่พระอิศวร ทรงสร้างจากกลีบบัว 8 เกสร จัดเป็นช้างชาติกษัตริย์
- พรหมพงศ์ เป็นช้างในตระกูลที่พระพรหมทรงสร้างจากกลีบบัว 24 เกสร (รวมทั้งกลีบบัวทั้ง 8 กลีบ) จัดเป็นช้างชาติพราหมณ์
- วิษณุพงศ์ เป็นช้างในตระกูลที่พระนารายณ์ทรงสร้างจากกลีบบัว 8 เกสร จัดเป็นช้างชาติแพศย์
- อัคนิพงศ์ เป็นช้างในตระกูที่พระเพลิงทรงสร้างจากกลีบบัว 133 เกสร จัดเป็นช้างชาติศูทร

มีชื่อตระกูลช้างจากส่วนหนึ่งของบทความของ พลเรือตรี อังกุศ ธชาลุภัฏ
ผมขอคัดลอกส่วนที่ท่านวิเคราะห์ว่า ช้างต้นของสมเด็จพระนเรศวรกับของพระเอกาทศรถ เป็นสายตระกูลใด
โดยท่านได้ลองเทียบกับตำราพระคชลักษณ์ของไทย
(ผมเลยเอาอีก 5 สาย ตระกูลมาแปะไว้ ดังนี้)
1 . ตระกูลคชกรรณหัศดี มีรูปลักษณะคือ งาขวาโอบงวนบน งาซ้ายย้อนขึ้นไพรปาก แล้ว โอบงวงไปใต้ปลายงาขวาปลายงาขึ้นบนไพรปากเสมอกัน เป็นช้างสำหรับใช้ในการยุทธ สงครามมีอานุภาพมาก
2 . ตระกูลโรมทันต์ มีรูปลักษณะคือต้นงาขวาทับต้นงาซ้าย ทรงพละกายกำยำศัตรูพ่าย แพ้สิ้น
3. ตระกูลอินทรจักร์ มีรูปลักษณะคือ เล็บแดงดุจน้ำครั่ง ฝ่าเท้ามีไรดังฝัก บัวสีขาวดุจ น้ำนม โขมดสูง ควรแก่พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นจอมทัพ
4. ตระกูลสุรสาร มีรูปลักษณะคือ สีปลายงาเหลืองใสดังแก้ว ตาและเล็บฝังลึกอาจหาญ ยิ่งนัก
5. ตระกูลมหิบาล มีรูปลักษณะคือ อกใหญ่ โขมดสูง เท้าทั้ง ๔ กลม ปากแดงหลังเป็น คันธนู น้ำเต้าเต็ม ตาใหญ่ งางอนหาง อัณฑโกศและงวงจรดดิน ร้องเสียงดังสนั่น สีกายดำสนิท เดินเป็นสง่าดังสีหราชย่อมมีเดโชชัยในการสงคราม
2 ตระกูลแรก เป็นช้างในอิศวรพงศ์
ส่วนอีก 3 ตระกูลถัดลงมาเป็นช้าง “โคตรแล่น” ซึ่งถือเป็นตระกูลสวัสดิมงคล
ช้างทรงในอดีตนั้น อาจเป็นพงศ์นั้นพงศ์นี้ระคนกันอยู่ ไม่อาจสงเคราะห์เข้าในพงศ์ใดได้โดยเฉพาะ

* ผมไม่มีความรู้เรื่องสายตระกูลช้างแม้แต่น้อย ตำราก็ไม่มี ดังนั้นเรื่องสายตระกูลช้าง โปรดกรุณาอ่านเล่นๆ ผ่านๆตา *


ช้างเผือกในรัชกาลที่ 9 ::

(ข้อมูลนี้ยังมีความบกพร่องและยังไม่ได้ตรวจสอบกับแหล่งข้อมูลที่เป็นการประกาศทางราชการ
ดังนั้นกรุณาเปรียบเทียบกับข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ เช่น สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนเล่มที่ 17, วิกิพีเดีย, ฯ)

ช้างเผือกที่พบในรัชกาลที่ 9 มีอยู่ 21 ช้าง ปัจจุบันเหลือ 11 ช้าง

ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง
รับหน้าที่ดูแลช้างสำคัญ 6 ช้าง (เป็นเพศผู้ทั้งหมด)
ประกอบด้วย ช้างที่ขึ้นสมโภชแล้ว 2 ช้าง ได้แก่ พระเศวตพาสุรคเชนทร์ฯ และ พระเศวตสุทธวิลาสฯ
ส่วนช้างที่ยังไม่ได้สมโภชมีอยู่ 4 ช้าง ได้แก่ ขวัญเมือง, ยอดเพชร, วันเพ็ญ และ ทองสุก

โรงช้างต้น ภายในเขตพระราชวังภูพานราชนิเวศน์ จ.สกลนคร
รับหน้าที่ดูแลอยู่ 4 ช้าง เป็นช้างพังทั้งหมด ได้แก่ พระวิมลรัตนกิริณีฯ, พระศรีนรารัฐราชกิริณีฯ, พระเทพวัชกิริณีฯ
และ "พังมด"

โรงช้างต้น ภายในพระราชวังไกลกังวล จ.ประจวบคีรีขันธ์
รับหน้าที่ดูแล ช้างเผือกที่สำคัญที่สุดในรัชกาลปัจจุบัน
คือ พระเศวตอดุลเดชพาหนฯ
คุณพระเศวตอดุลเดชพาหนฯ เป็นช้างต้นของสมเเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่มีอายุยืนที่สุดในปัจจุบันนี้

ช้างเผือกที่ได้รับการขึ้นระวางเป็นช้างหลวงส่วนพระองค์พระมหากษัตริย์ จะเรียกกันว่า “ช้างต้น” ซึ่งสมัยก่อน ช้างต้นมี ๓ ประเภทคือ
1. ช้างศึกที่ใช้ออกรบ
2. ช้างสำคัญที่มีลักษณะเป็นมงคลตามตำราคชลักษณ์แต่ไม่สมบูรณ์ทุกส่วน
3. ช้างเผือกที่มีลักษณะถูกต้องตามตำราคชลักษณ์ทุกประการ
ปัจจุบันไม่มีการนำช้างมาทำศึกสงครามอีกแล้ว
ช้างต้นในยุคปัจจุบัน จึงหมายถึงช้างเผือกที่มีลักษณะอันเป็นมงคลเท่านั้น

รายนามช้างต้นในรัชกาลปัจจุบัน (ข้อมูลจากสำนักหอสมุดกลาง ม.รามคำแหง)
1. พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ
เป็นช้างพลายเผือกโท เดิมชื่อ พลายแก้ว คล้องได้ที่ จ.กระบี่ เมื่อ พ.ศ. 2499
ขึ้นสมโภชในปี พ.ศ.2502 ตอนแรกก่อนนั้นได้นำพระเศวตอดุลยเดชพาหนมาเลี้ยงไว้ที่สวนสัตว์ดุสิต
เมื่อสมโภชแล้วน่าจะยืนโรง ณ โรงช้างต้น พระราชวังดุสิต
แต่เท่าที่ผมเคยอ่านบันทึกของท่าน มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ท่านได้เล่าไว้ประมาณว่า
คุณพระเศวตรฯยืนโรงอยู่ที่สวนสัตว์ดุสิต นับวันยิ่งมีความดุร้ายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนประชาชนพากันเกรงกลัว
ขนาดที่ว่าต้องเอาโซ่มัดขาทั้งสี่ไว้กับเสา ยามโมโหก็ได้เอางากระชากโซ่จนปลายงาบิ่น
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถมีพระราชเสาวณีย์โปรดเกล้าฯให้นำพระเศวตอดุลเดชพาหนฯ ย้ายไปยืนโรง
ในโรงช้างต้น ภายในพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ซึ่งอยู่ห่างจากกันแค่ถนนขวางสายเดียวเท่านั้น
แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ทำการเชิญตัวคุณพระเข้าวัง คุณพระก็อาละวาด เอางวงยึดต้นไม้จนต้นไม้ล้ม
ผู้คนมากมายช่วยกันดึงขาของคุณพระเศวตฯ ทั้งสี่ แต่ก็แทบไม่เคลื่อนที่ นานเป็นชั่วโมงๆ กว่าจะผ่านมาถึงรั้วพระราชวัง
คุณพระก็เปลี่ยนไปทันที่ผ่านเข้าเขตพระราชฐาน คุณพระเดินอย่างเรียบร้อยไปสู่โรงช้างต้น และเข้าอยู่อย่างสงบ
ในปี พ.ศ. 2547 ได้ย้ายไปยืนโรง ณ โรงช้างต้น วังไกลกังวล จ.ประจวบคีรีขันธ์

2. พระเศวตวรรัตนกรีฯ
เป็นช้างพลายเผือก เป็นลูกช้างจาก อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ขึ้นสมโภชในปี พ.ศ.2509
ในปี พ.ศ. 2510 พระเศวตวรรัตนกรีฯ ได้ล้มลงที่ จ.เชียงใหม่

3.พระเศวตสุรคชาธารฯ หรือ คุณพระเศวตฯ เล็ก
เป็นช้างพลายเผือก เกิดในป่า จ.ยะลา ต่อมาได้พลัดหลงฝูงมาอยู่ที่บ้าน กำนันตำบลการอ
ขึ้นสมโภชในปี พ.ศ.2511 แล้วได้ย้ายไปยืนโรงช้างต้นที่พระราชวังดุสิต

*** พระเศวตสุรคชาธาร เคยเป็นพระสหายในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามราชกุมารี เมื่อยังทรงพระเยาว์
ได้ตามเสด็จราชดำเนินแหรพระราชฐานไปยังวังไกลกังวล อยู่เสมอๆ

พระเศวตสุรคชาธาร ได้ล้มลง ณ โรงช้างต้น เมื่อปี พ.ศ. 2520

4. พระศรีเศวตศุภลักษณ์ฯ
เป็นช้างพังเผือก ช้างสำคัญลำดับที่ห้าในรัชกาล เป็นช้างป่า เกิดในเขต จ.ฉะเชิงเทรา
พรานป่ายิงแม่ช้างตาย นายทวีทรัพย์ ได้ซื้อลูกช้าง ชื่อ เจ้าแต๋น มาจากพราน ซึ่งได้มาตอนนั้นขาหน้าซ้ายได้เน่าติดเชื้อ
ต้องนำไปรักษาอนุบาลกันที่ จ.ตรัง (สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้(เขาช่อง))
ขึ้นสมโภชเมื่อปี พ.ศ.2519 ณ โรงช้างต้น สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต

5. พระเศวตศุทธวิลาศฯ
เป็นช้างพลายสีดอ เกิดประมาณปี พ.ศ.2517 พบที่ จ.กาญจนบุรี
มีชื่อว่า พลายบุญรอด ตอนแรกนั้นได้นำไปเลี้ยงดูอยู่ที่ วนอุทยานเขาเขียว จ.ชลบุรี
ได้ขึ้นสมโภชเมื่อปี พ.ศ.2520 (พร้อมกับพระวิมลรัตกิริณีฯ)
ปัจจุบันได้นำไปยืนโรง ณ โรงช้างต้น ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง

6. พระวิมลรัตนกิริณีฯ
เป็นช้างพังเผือก พบในป่าใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อปีพ.ศ.2514 ได้ชื่อว่า พังขจร
ได้ถูกนำมาเลี้ยงดู ที่ทุ่งสีกัน จ.กรุงเทพมหานคร
ประกอบพิธีสมโภชและขึ้นระวางเมื่อปี พ.ศ. 2520 (พร้อมพระเศวตสุทธวิลาศฯ)
ปัจจุบัน ได้นำไปยืนโรง ณ โรงช้างต้น พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จ.สกลนคร (ตั้งแต่ปี 2538)

7. พระศรีนรารัฐราชกิริณีฯ
เป็นช้างพังเผือก พบบริเวณเทือกเขากือซา จ.นราธิวาส
มีชื่อเรียกตอนแรกเป็นภาษาพื้นเมืองว่า จิ ต่อมาได้ถูกเรียกใหม่ว่า พังจิตรา
ประกอบพิธีสมโภชและขึ้นระวาง ในปี พ.ศ.2520 ณ โรงช้างต้น จ.นราธิวาส
ปัจจุบันได้ย้ายมายืนโรง ณ โรงช้างต้น สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต

8. พระเศวตภาสุรคเชนทร์ฯ
เป็นช้างพลายลูกเถื่อน เกิดจากแม่ช้างป่า จ.เพชรบุรี พบโดยชาวกะเหรี่ยง
ได้ตั้งชื่อว่า พลายภาศรี
ประกอบพิธีสมโภชและขึ้นระวาง ในปี พ.ศ.2521 ณ โรงพิธี จ.เพชรบุรี (พร้อมพระเทพวัชรกิริณีฯ และ พระบรมนขทัศฯ)
ปัจจุบันได้ย้ายมายืนโรง ณ โรงช้างต้น ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง

9. พระเทพวัชรกิริณีฯ
เป็นช้างพังลูกเถื่อน เกิดจากแม่ช้างป่าในป่ายางชุม จ.เพชรบุรี
ต่อมามีคนนำไปถวายพระที่วัดเขาบันไดอิฐ จ.เพชรบุรี ได้ชื่อว่า พังขวัญตา
ซึ่งตอนนั้นได้เลี้ยงคู่กับ พลายดาวรุ่ง (พระบรมนขทัศฯ)
ประกอบพิธีสมโภชและขึ้นระวาง ในปี พ.ศ.2521 ณ โรงพิธี จ.เพชรบุรี (พร้อมพระเศวตภาสุรคเชนทรฯ และ พระบรมนขทัศฯ)
ปัจจุบัน ได้นำไปยืนโรง ณ โรงช้างต้น พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จ.สกลนคร (ตั้งแต่ปี 2538)

10. พระบรมนขทัศฯ
เป็นช้างพลายเผือกลูกเถื่อน ที่มีเล็บเท้าครบ 20 เล็บเหมือนคน
เกิดจากแม่ช้างป่า ในจ.ประจวบคีรีขันธ์
ต่อมามีคนนำไปถวายพระที่วัดเขาบันไดอิฐ จ.เพชรบุรี ได้ชื่อว่า พลายดาวรุ่ง
ซึ่งตอนนั้นได้เลี้ยงคู่กับ พังขวัญตา (พระเทพวัชรกิริณีฯ)
ประกอบพิธีสมโภชและขึ้นระวาง ในปี พ.ศ.2521 ณ โรงพิธี จ.เพชรบุรี (พร้อมพระเศวตภาสุรคเชนทรฯ และ พระเทพวัชรกิริณีฯ)
ปัจจุบัน ได้ล้มลงแล้ว

รายชื่อช้างเผือกที่ยังไม่ได้ขึ้นสมโภช ได้แก่ (ไม่แน่ใจว่ามีชื่อครบหรือไม่)
1.แก้วขาว ช้างพลายเผือก ลูกบ้าน คล้องได้จากจ.เชียงใหม่
2.ก้อง คล้องได้จากจ.ชลบุรี
3.พลายวันเพ็ญ คล้องได้จากจ.เพชรบุรี อายุประมาณ 31 ปี ขณะนี้อยู่ในความดูแลของศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง
4.พลายยอดเพชร คล้องได้จากจ.เพชรบุรี อายุเกือบ 30 ปี ขณะนี้อยู่ในความดูแลของศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง
5.พังมด อายุ 20 ปี คล้องได้จากจ.กาญจนบุรี ปัจจุบันอยู่ที่โรงช้างต้น พระราชวังภูพานราชนิเวศน์ จ.สกลนคร
6.ขวัญเมือง คล้องได้จากจ.เพชรบุรี มีอายุเกือบ 30 ปี ขณะนี้อยู่ในความดูแลของศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง
7.พลายทองสุก อายุประมาณ 31 ปี ขณะนี้อยู่ในความดูแลของศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง


โดย: zoomzero วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:18:58:36 น.  

 


ยังไม่ต้องอรุณสวัสดิ์ ดีกว่านะคะ
ป่านนี้เฮีย ยังไม่อรุณสวัสดิ์กับมินหรอก มินรู้ ฮ่า ๆ ๆ
เอากาแฟมานั่งรอ คนไม่ทานกาแฟอ่ะ
ไม่เป็นไร มินทานเผื่อ 2 ถ้วยได้สบายอยู่แล้วค่า ฮ่า ๆ ๆ
ปล. วันนี้ตอนเย็นไม่อยู่ค่ะ ไปฟังสวดคุณแม่ลูกค้า
(เป็นผู้บริหารทีวีช่องหนึ่งค่ะ) แต่..โห..ไกลจัง
เกือบเข้าไปถึงเพชรบุรีเลยค่ะเฮีย แถมสวดที่บ้านอีกต่างหาก
จึ๋ย..แล้วถ้าเกิดมินปวดฉี่เนี่ย..จะกล้าไปเข้าห้องน้ำไม๊เนี่ย...บรื๋อ....


โดย: มินทิวา วันที่: 11 มีนาคม 2553 เวลา:4:45:04 น.  

 
Tags Maker is a Text Image Generator to write Messages, Comments or Tags on Pictures

หวัดดีค่ะเฮีย
โห...เมื่อคืนกลับดึกมากเลยอ่ะค่ะ
เช้านี้ก็ต้องรอรถมารับ เพราะรถมินเองจอดอยู่ที่บริษัทฯ อ่ะ
วันนี้วันศุกร์แล้ว เย๊ เย๊...
วันนี้ อาจจะทำงานแค่ครึ่งวัน
อีกครึ่งวัน ไปเดินสำรวจห้างดีกว่าค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
ตุน ขนม ผลไม้ ไว้ เสาร์ อาทิตย์
แต่ จริง ๆ ก็ไม่รู้จะตุนไปทำไมนะคะ
เสาร์ อาทืตย์ ก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้านเหมือนกันอ่ะค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
ปล. มีความสุขมาก ๆ นะเฮีย
ทานให้อร่อย ๆ นะคะ...


โดย: มินทิวา วันที่: 12 มีนาคม 2553 เวลา:5:50:01 น.  

 
To Mintiva

Morning ครับคุณหมวยเล็ก

วันนี้ตื่นตั้งแต่ตีห้าครึ่ง แต่ไม่ได้ลุกจากที่นอนหรอกนะ
รีบกดรีโมทดูทีวีก่อนเลย ว่าจะมีมือที่สามมาทำอะไรให้มัน "โกโซบิ๊ก"
เพื่อให้บ้านเมืองปั่นป่วนมากกว่านี้หรือเปล่า
ดูแล้วก็เงียบๆอยู่
แต่คอการเมืองอย่างเฮียฟันเฟิร์มได้เลยว่า งานนี้เตรียมการมาเป็นปี ต้องฉูดฉาดกันหน่อย
สีที่จะมา ก็เตรียมว่าจะทำอะไร จะประกาศว่าอยากได้อะไร และก็รู้ว่าจะได้อะไรแค่ไหน ทางหนีทีไล่มีอะไรก็รู้
ส่วนอีก สีอันเก่า ก็รอวันจะออกมาสวน ออกมาแล้วต้องเป็นบวกๆๆ จึงต้องรอให้สีแรกพลาดก่อน (และก็ต้องพลาดแน่ๆ)
ส่วนสีใหม่ ก็อยากกระดี๊กระด๊า อยากโชว์พาว์ โชว์ไวท์ อยากออกหน้าสื่อ เพราะรอการเลือกตั้งคราวหน้า
ทั้งๆที่รู้ว่าวิธีที่ดีที่สุดคือ อยู่เฉยๆ ปล่อยให้กลไกการเมืองและกฎหมายทำงานไป คุณก็หากินไปตามปกติ
ใครเดือนร้อนก็ค่อยมาร้องเรียนเป็นเรื่องๆไป
แล้วคราวหน้า พออำนาจกลับมาอยู่ในมือพวกเรา เราก็เลือกใหม่ เลือกคนที่เราคิดว่าสามารถทำงานใหญ่ได้ดี
คนที่อาสาเข้ามาทำงานนี้ เขาจะเจ็บตัว หมดตัว หมดอำนาจ หมดความชอบธรรม หมดศรัทธา หรือตาย ...
เขาก็ต้องยอมรับเพราะเขาเข้ามาเสี่ยงกับมันเอง เขาได้ไปมาก เขาก็ต้องล้มแรงมาก ตามกฎแห่งกรรม
ผลประโยชน์นั้นไม่มีนักการเมืองคนไหนไม่ได้รับ อยู่ว่าจะเอามาก เอาน้อย เอาทีเดียว เอาหลายๆที
เอาเองคนเดียว หรือให้ญาติเอา …..
เมื่อก่อนสามีภรรยานักการเมืองไม่จดทะเบียนกัน ก็โกงกินง่าย ขนาดมีลูกตัวโตๆ ภรรยายังนามสกุลอื่นอยู่เลย
พอบ้านเมืองเจริญขึ้นธุรกรรมการเงินมันพัฒนารูปแบบ ระบบการตรวจสอบมันพัฒนาตาม
เลยหักหลบมุมกันไม่ทัน ก็โครม!!! ถ้าบริสุทธิ์ คนเขาก็เชียร์ ถ้าโดนแกล้ง คนเขาก็จะออกมาช่วยคัดค้านให้
ที่ห่วงเรื่องนี้ ไม่ใช่เฮียเป็นคนดีที่ห่วงบ้านเมืองหรอกนะ
ถ้าเฮียเป็นคนรักประเทศจริงคงไม่เอาเงินไปเทให้ประเทศอื่นเป็นแสนๆ(ก็ไปเที่ยวไง)หรอก 555

ที่ต้องจับตามองสถานการณ์ก็เพราะว่าวันนี้ยายคุณหนูสอบวันสุดท้าย
คุณนายเจ้าของบ้านท่านเกรงว่า คุณเธอจะแว็บไปโผล่ที่สยาม+พารากอน+เซ็นทรัล
หรือที่เคยทำมาก็คือมาขึ้นเรือที่ท่าข้ามเรือที่ศิริราช เพราะอ้างว่าจะซื้อของกินมาฝากพี่ๆน้องๆ (ช่างมีเหตุผล)
ตอนนี้คุณนายบึ่งรถไปรับไปส่งและจอดรอเอาตัวเธอกลับ แบบว่าประกบติด 0.1 มม. กันเลย
ส่วนเฮีย ยังมีน้ำมูกน้ำหมากไหลย้อยอยู่ เลยต้องแสตนด์อะโลนอยู่ที่กองบัญชาการ

วันนี้เฮียไม่อยากให้อาหมวยไปทัวร์ที่ไหนเลยนะ
ทำงานเสร็จก็รีบๆกลับบ้านเหอะ
ตัวใหญ่ๆแบบนี้ เดี๋ยวเขาเอาถุงปลาร้าขว้างมาจะโดนเต็มๆนะ 555
แล้วนี่อะไรวันนี้เพิ่งมาคิดจะตุนของ
บ้านเฮียหนะ ได้ตุนมาตั้งแต่วันพุธแล้ว ในห้างโลตัส คนแทบจะขี่คอกันตรงช่องจ่ายเงิน
ที่ซื้อมาก็ได้แก่ ไข่ไก่ ไข่เป็ด ไข่เค็ม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หมูสด ไก่สด ...
ผักไม่ต้องตุนเพราะว่าบ้านอยู่ใกล้ตลาด
ย่านหัวหมาก-บางกะปิ มีตลาดสดและตลาดนัดเยอะมาก
เสียแต่ว่ารถติดมากแค่นั้น แต่ถ้ามีเรื่องกันจริงๆ รับรองถนนว่าง

สัปดาห์ก่อนกับสัปดาห์นี้ เฮียก็ไปโน้นมานี่คล้ายๆตัวเองหนะแหละ
เมื่อสัปดาห์ก่อนก็ไปท่านโออิชิจานไหลเหมือนกัน น่าจะเรียกว่า ชาบู-ชาบูชิ
อันนี้เฮียก็เหมือนน้องมิน คือ เรียกชื่อไม่ถูก เพราะว่าเขามีทั้งอาหารดิบไหลมาให้หยิบ
กับอาหารสดไหลมาให้ต้ม อ้อ..ที่โลตัสเขาเปลี่ยนรูปแบบร้านใหม่ คือ เอาอาหารพวกข้าวปั้นไปไว้เป็นโซนๆ
ให้ลูกค้าคีบๆๆ ราดน้ำโชยุ ตักวาซาบิใส่ แล้วเดินไปหม่ำที่โต๊ะ
ทำแบบนี้ลูกค้าสาวๆถ้ามาคนเดียวจะทานได้น้อยเพราะถือของหนักไม่ได้
และคงไม่ชอบเดินหลายๆรอบ แต่ถ้ามีกิ๊กอย่างเฮียไปด้วย ก็ไม่มีปัญหา เฮียยินดีบริการทุกระดับประทับใจอยู่แว้ววว
แต่ไม่เห็นใครเขามานั่งหัวเราะการกระทำอันอิ่มโอชะของใครเลย
สงสัยจะมีอาหมวยกับเพื่อนที่ทานอาหารใส่ชูรสมากๆแล้วเมา เลยนั่งขำชาวบ้าน (อือ..หรือว่า ถ้าจะบ้า 555)
เฮียชอบทำทีละ 2-3 จาน ทานหมดแล้วค่อยเลือกใหม่
แต่คุณหนูกับคุณแม่เขา เรียกพนักงานมาเลย
"หมูนุ่ม 6 ที่ หมูสไลด์ 6 ที่ กุ้ง 6 ที่" เด็กเดินแบกไม่ไหว ต้องเอารถไปเข็นมาเสิร์ฟ
แล้วพวกท่านก็ต้มพร้อมกันทีเดียวเลย
อ้อ..ใส่ไข่อีก 2 ฟอง แต่ไม่ใส่หม้อต้มนะ พวกเขาเอามาตีในชามก่อน แล้วเอาน้ำเดือดๆราด
ทานกันกึ่งดิบกึ่งสุก ส่วนเฮียเอาไข่ตอกใส่ชาม ไม่ให้แตก แล้วเทลงหม้อ รอ 2 นาที เอาทัพพีตักขึ้นมา
ทานแล้วเหมือนบัวลอยไข่หวานเลย เพราะไข่ยังเป็นยางมะตูม

ส่วนเมื่อวันที่ 3 มี.ค. ก็ได้ไปทานไดโดม่อน ที่เดอะมอลล์
เจ้าปลาโดรี ดอลลี่ นี่สุกง่ายและนุ่มมาก
ส่วนหมูสามชั้นก็แล่ซะบางเฉียบ ทำให้ทานเพลินไปหลายถาด
พอเอาคำนวนดูแล้วมันก็เท่ากับก้อนสบู่ 2-3 ก้อนเลยนะนั่น อย่างนี้เส้นเลือดไม่อุดตันได้ยังไง 555
ไดโดม่อนนี่ดีตรงที่มีถาดน้ำซุปมาด้วย เราก็เอาผักลงไปต้มในเละๆนิ่มๆ ยกเว้นผักบุ้งที่แค่ลวกๆ วิตามินจะได้ไม่หายไปไหนไง
พวกตับนี่พอย่างแล้วเตาเป็นคราบไหม้แถมกลิ่นก็ติดผมอีกด้วย จึงหลีกเลี่ยงไม่สั่งมา ทั้งๆที่ชอบมาก (รอไว้ไปเอ็มเคเน๊อะ)
หมูนุ่มที่นี่ก็อร่อย ตอนไฟร้อนๆเตามาใหม่ ต้องรีบปิ้งหมูนุ่ม แป็บเดียวได้หม่ำ

ส่วนไดโนเสาบาบีคิว สะไตล์กะทะเกาหลี ได้ไปทานตั้งแต่กลางเดือนกุมภาฯ หลังตรุษจีน สี่ซ้าห้าวัน
เฮียไม่ค่อยชอบเพราะว่า ราคาของกับปริมาณของมันไม่ค่อยโอเคในความคิดของเฮีย
แต่เด็กๆเขาชอบน้ำจิ้มหวานๆของร้านพวกนี้มาก สั่งน้ำจิ้มกันเหมือนน้ำซุปเลย

เมื่อวานไปใส่บาตรถวายภัตตาหารพระสงฆ์ที่วัดญาณเวศกวัน พุทธมณฑล
เป็นวัดของพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตโต) หรือที่คนคุ้นชื่อท่านว่า พระธรรมปิฎก
เดือนก่อนก็ไปมาครั้งหนึ่ง ไปทีไรไม่เคยเจอท่านอาจารย์หรอก เขาว่าท่านไปจำวัดที่จังหวัดอื่น
แต่เป็นเพราะเคยไปมาหลายวัด วัดนี้สะอาด มีน้ำท่า อาหารให้ทาน ผู้คนไม่ค่อยเพี้ยน ไม่ค่อยมีกฎระเบียบแบบคุก
เลยชอบไปถวายสังฆทานบ้าง เอาอาหารไปถวายบ้าง พระก็มีเวลามานั่งรับของนะ มีเป็นรอบๆ
ไม่ใช่มานั่งเป็นครึ่งวัน พอหมดกิจ ท่านก็ไปปลีกวิเวกสวดมนต์ อ่านหนังสือ ไม่มาเดินคุยกันให้เห็นเลย
เมื่อวานเขามีนั่งสมาธิกัน อยากมานะ แต่ติดว่า ต้องนุ่งขาวห่มขาว ดูแล้วเป็นระเบียบดี
แต่นิสัยเฮียมันเป็นพวกม้าพยศ ชอบทำตัวเป็นม้าด่างขี้หงุดหงิด เลยไม่ได้สมัครเข้ากลุ่มกับเขาเสียที
เมื่อวานทางเข้าวัดด้านถนนหน้าวัดพุทธมณฑล ทำทาง ปรับเปลี่ยนผิวถนน เฮียถามคนที่อยู่ปากซอยว่า
เข้าทางนี้ได้มั๊ย เขาปิดถนนหรือเปล่า ทางดีหรือยัง
เขาก็บอกว่าได้ๆๆๆ
แต่น้องสาวจ๋า ถนนยิ่งกว่าสตูดิโอดวงจันทร์ที่นาซ่าทำหลอกผู้คน ว่าอพอลโล่ได้ถึงไปดวงจันทร์ได้ ยังไงยังงั้น
ดินกรวดแบบฉ่ำน้ำนิดๆ วิ่งแล้วทั้งกระเด้ง ทั้งดูดล้อดังซวบๆๆ
กว่าจะหลุดช่วงที่เขาทำถนนไปได้ รถฮอนด้าก็เละด้วยเศษโคลนและหินกรวด น่าดูมาก
ขากลับเลยหาทางออกใหม่ ที่แท้ก็มีทางเข้าออกหลายทาง เข้าทางถนนสายปิ่นเกล้า-นครปฐม ตรงแยกสาย 5 ก็ได้
ก่อนกลับออกมาก็แวะหยิบของฟรี ได้หนังสือธรรมะ กับซีดี
แต่เขาให้หยิบได้ครอบครัวละ 1 ชุด มิเช่นนั้นจะหยิบมาเพื่อแล้วเมล์ไปให้นะ 555

พอออกมาทางนครปฐม เจอโลตัส และก็เห็นร้านขายกล้วยไม้
เป็นร้านใหญ่อยู่ติดถนนด้านคู่ขนานด้านใน อยู่แถวๆสะพานกลับรถ ใกล้ๆทางไปตลาดดอนหวาย
เลยแวะลงไปถอยกล้วยไม้มาซะหน่อย
เฮียอยากชวนอาหมวยมาเดินเล่นที่นี่จัง
เขาเป็นแบบโอเพ่นแอร์ แต่ไม่ร้อนเลยเพราะมีตาข่ายหนาๆขึงอยู่บนโครงโลหะสูงมาก
แค่มองดอกไม้ ดมดอกไม้ก็ แฮปปี้ดีแทคแล้วหละ สวนกล้วยไม้นี่น่าพาใครมาเดินจูงมือด้วยจริงๆ
ต้นไม้เขาไม่แพงนะ และ คนขายก็แนะนำดี มีความรู้ในงานที่ทำ
แต่พูดไทยมะชาด เพราะเป็นไทยใหญ่ มาจากแม่ฮ่อสอคะ พู้ได่ไม่เก่ (แต่ยิ้มหวานจัง)
แล้วเฮียเพิ่งทราบว่า ถ้าเราต้นกล้วยไม้ประมาณ 5-6 ต้นมาใส่ในกระบะไม้รูปร่างสวยๆ หรือตะกร้าหวายมันๆวาวๆ
ดูแล้วทำให้เพิ่มความสวยงามได้เยอะมาก เมื่อวานเลยซื้อเอาไปให้คนรู้จักเป็นของขวัญวันเกิด ซื้อไปไม่ถึง 800 บาท
แต่ดูเหมือน 2-3 พันบาทเลยหละ
เฮียว่าดอกลิลลี่เป็นช่อๆ ที่เฮียชอบเอาไปมัดหัวใจสาวๆ ช่อละพันสองถึงสองพัน มันสู้กล้วยไม้หมู่ในตะกร้าแบบนี้ไม่ได้เลย
แถมอยู่ได้นานแค่เอาฟ๊อกกี้ฉีดที่โคนต้น ประมาณ 2 สัปดาห์ดอกถึงจะโรย แล้วเราก็เอาไปแยกปลูก แขวนไว้ในโรงรถ ก็ได้
กล้วยไม้เขาไม่ต้องการน้ำแฉะๆ แค่รดน้ำเช้า-เย็น หรือเช้าอย่างเดียวก็พอ
คนขายบอกว่าปล่อยให้รากแห้งๆ 2-3 วันบ้างก็ดี พวกเชื้อราจะได้ตาย เออ..เราก็นึกว่ากล้วยไม้นี้เข้าอยู่ตามธรรมชาติ
เขาน่าจะชอบน้ำ เพราะเห็นว่าในป่าเขตร้อนฝนก็ตกแทบทุกวัน แปลว่าเข้าใจผิดมานาน
ก็สวนกล้วยไม้ที่ไหนๆก็เห็นแต่พ่นน้ำซะ เปียกไปทั่วแปลงปลูก เราก็นึกว่าต้องอัดน้ำให้เขาเยอะๆ

วันนี้วันศุกร์เลยร่ายยาวหน่อย
ขอบคุณที่ห่วงใยกันนะจ๊ะ
ให้อะไรมาก็ให้อย่างนั้นกลับไปก็แล้วกัน เอ้า..รับ...โครม!!!

Ref: มินทิวา Mintiva RoyalBlue 41 69 E1



โดย: zoomzero วันที่: 12 มีนาคม 2553 เวลา:8:54:23 น.  

 
วัดเขาบันไดอิฐ ::

มีวันหนึ่งน้องมินเล่าว่าไปไหว้พระกับคุณแม่ที่เพชรบุรี
น่าจะเป็นวัดเขาบันไดอิฐ ที่ว่านี่กระมัง



วัดเขาบันไดอิฐ อยู่ใน ต.ไร่ส้ม อ.เมือง จ.เพชรบุรี
อยู่ที่ถนนทางหลวงหมายเลข 3171 ห่างจากทางแยกประมาณ 2 กม.
แต่ต้องมาทางถนนทางหลวงหมายเลข 4 ก่อน

สุนทรภู่ เคยไปวัดเขาบันไดอิฐ นิราศเมืองเพชร

ลักษณะทางภูมิศาสตร์
เป็นวัดที่มีถ้ำอยู่มากมาย (วัดในเมืองเพชรบุรี มักจะมีเขาและถ้ำ ไม่ใช่แค่วัดนี้วัดเดียว)

ประวัติ มุมที่ 1
ประมาณ พ.ศ. 2171 รัชสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 พระเชษฐาธิราช แห่งกรุงศรีอยุธยา
เมื่อสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมเสด็จสวรรคตได้เกิดการแย่งชิงราชบัลลังก์ระหว่างพระเชษฐาธิราชกับพระศรีศิลป์
พระศรีศิลป์หรือพระพันปีศรีศิลป์เป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมเช่นเดียวกันกับพระเชษฐาธิราช
แต่พระเชษฐาฯทรงเป็นพระราชโอรสองค์ใหญ่จึงได้ครองราชย์
(แต่การครองราชย์ของอยุธยาไม่ได้กำหนดว่าโอรสองค์ใหญ่จะได้ครองราชย์เสมอไป)
พรรคพวกของพระเชษฐาฯ ได้แก่ ออกญาศรีวรวงศ์(ต่อมาได้เลื่อนเป็น เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์)
กับออกญาเสนาภิมุข(ยามาดะ นางามาซะ)
ได้จับพระศรีศิลป์(ซึ่งดำรงยศเป็นพระมหาอุปราช)ไปสำเร็จโทษ
แต่อีก 8 เดือนต่อมาเกิดขัดใจกับเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ เจ้าพระยากลาโหมจับพระองค์ไปสำเร็จโทษ (เหมือนที่เคยทำเอาไว้เมื่อก่อน)
แล้วเจ้าพระยากลาโหมก็ได้ไปทูลเชิญโอรสลำดับที่สามคือ พระอาทิตยวงศ์เสด็จขึ้นครองราชย์ ขณะมีพระชนมายุเพียง 10 พรรษา
ไปๆมาๆ พอผ่านไปได้เพียง 38 วัน เจ้าพระยากลาโหมก็อัญเชิญออกจากราชบัลลังก์
แล้วตัวเจ้าพระยากลาโหมก็ขึ้นเป็นกษัตริย์ครองกรุงศรีอยุธยา
ทรงพระนามว่า พระเจ้าปราสาททอง หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 5
เป็นผู้สถาปนาเริ่มต้นราชวงศ์ "ปราสาททอง" ราชวงศ์สายที่ 4 แห่งอาณาจักรอยุธยา
ตามตำนานเล่าต่อๆมาว่า เจ้าพระยากลาโหมนั้น พื้นเพเป็นบุตรของนางสนมลับๆคนหนึ่งของสมเด็จพระเอกาทศรถ (เชื้อสายราชวงศ์สุโขทัย)
แต่เจ้าตัวมิได้เปิดเผยให้ใครทราบ แต่เพราะมีผู้ใหญ่ได้นำไปฝากตัวเป็นมหาดเล็กในวังเลยได้ดีมีตำแหน่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะที่ได้รับเลื่อนยศเป็นเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ได้ทรงขุดค้นพบปราสาททองหลังหนึ่งที่ฝังอยู่ใต้ดิน (ไม่ทราบว่าเป็นปราสาทจำลองหรือเปล่านะ)
มีผู้รู้ทำนายว่า พระองค์จะได้เป็นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ดังนั้นเมื่อได้ครองราชย์ จึงทรงใช้คำว่า ปราสาททอง
เพราะเป็นสัญลักษณ์ของการมีบุญญาธิการ
พระเจ้าปราสาททอง ทรงมีพระราชโอรสหลายพระองค์ แต่มีพระองค์หนึ่งได้ขึ้นครองราชย์
มีชื่อว่า สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ซึ่งสมเด็จพระนารายณ์นี้ทรงเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ปราสาททอง

จะเห็นว่าไม่ได้เกี่ยวกับวัดเขาบันไดอิฐเลย หลอกให้อ่านหรือเปล่า?

ย้อนมาที่พระศรีศิลป์
เมื่อคราวที่รัชสมัยสมเด็จพระเชษฐาธิราชขึ้นครองราชย์
พระศรีศิลป์ถูกเนรเทศออกจากอยุธยา เชื่อว่ามีผู้จงรักภักดีไม่อยากให้โดนประหาร
จึงนำมาคุมขังอยู่ที่ถ้ำ ซึ่งก็คือ ถ้ำที่วัดเขาบันไดอิฐ จ.เพชรบุรี
(คราวสมเด็จพระเจ้าตากสิน ก็มีคนเชื่อว่า น่าจะมีการนำทานไปจองจำไว้ที่วัดในภาคใต้ และมิได้ประหารท่าน ???)
ตามตำนานของวัดเขาบันไดอิฐกล่าวไว้ว่า มีพระที่เป็นญาติทางฝ่ายมารดาของท่าน ได้แอบให้คนมาเจาะช่องในเขา
ทางด้านหลังและขุดเจาะจนมาถึงห้องขังของพระศรีศิลป์
เมื่อทหารยามเอาอาหารใส่ตะกร้าหย่อนลงมาถวาย ปรากฏว่าไม่มีคนกินอาหารอยู่หลายวัน
ทหารยามจึงเชื่อว่าเชลยศักดิ์คงจะสิ้นชีวิตไปแล้ว เลยทำการปิดปากทางเข้าถ้ำ แล้วกลับมารายงานเจ้านายในวังหลวง
(แต่ทำไมไม่มีทหารคนไหนกล้าหย่อนตัวลงไปในถ้ำเพื่อตรวจสอบก็มิทราบ เรื่องเล่าก็อย่างนี้แหละ อย่าพยายามใช้เหตุผลให้มากนัก)

เมื่อพระศรีศิลป์ลอบออกมาจากถ้ำได้ก็รีบทำการสะสมและฝึกผู้คนให้เป็นทหารจู่โจม
แต่ทางอยุธยาแอบทราบความ เลยส่งสายสืบมาจับตัวไปได้
คราวนี้จับได้ว่าเป็นกบฏจริงๆ เลยต้องโทษประหารและถูกสำเร็จโทษจนได้


ประวัติ มุมที่ 2
ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย (พ.ศ.2240-2249) รัชสมัยของพระพุทธเจ้าเสือ
มีพระเกจิอาจารย์ที่เก่งทางด้านเวทย์มนต์คาถา ไสยศาสตร์และรอบรู้ตำราพิชัยสงคราม
ท่านคือ พระอาจารย์แสง ท่านเป็นพระมาจากวัดมเหยงค์ กรุงศรีอยุธยา ได้เดินทางมาจำวัด
ที่วัดเขาบันไดอิฐ อยู่หลายปีจนท่านมรณภาพ

พระอาจารย์แสง นั้นทราบกันภายหลังว่า เป็นอาจารย์ของพระเจ้าเสือ (ขุนหลวงสรศักดิ์)
ท่านได้สอนวิชาเวทย์มนคาถาให้พระเจ้าเสือจนท่านเก่งกล้าพอๆกับอาจารย์
อยู่มาวันหนึ่งท่านอาจารย์ทนเห็นพฤติกรรมของพระเจ้าเสือไม่ไหว เลยได้กล่าวตำหนิว่าวิชาจะเสื่อมถ้าทำตัวเช่นนั้น
พระเจ้าเสือไม่ทรงฟัง ทำให้อาจารย์แสงเกิดความหม่นหมองใจยิ่งนัก จึงออกเดินทางหนีจากเมืองหลวงไป

ใครไม่รู้จักพระเจ้าเสือบ้าง
พระเจ้าเสือ หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 ครองราชย์ระหว่างปี 2246 - 2251 (6 ปี) สมัยอยุธยา
ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 2 ของสายราชวงศ์บ้านพลูหลวง

สำหรับหุบเขาคนโฉดนี่ ท่านก็เป็นไอดอลของใครบางคนเหมือนกัน
ประวัติของท่านนั้น เชื่อว่า น่าจะเป็นพระราชโอรสลับๆของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชกับเจ้านางจากเชียงใหม่
ที่ว่าต้องลับๆก็เพราะว่า พระนารายณ์ฯได้ทรงมอบหญิงนี้ให้ไปเป็นนางสนมของสมเด็จพระเพทราชา
เรื่องข้อมูลประวัติของพระเจ้าเสือนั้น ต้องบอกว่ามาจากคำเลื่องลือมากกว่าการบันทึกอย่างเป็นทางการ
อย่างเช่น เรื่องว่า ทำไมต้องชื่อ เสือ ก็มีคนว่าไปในทางโฉดๆโหดๆ ของท่าน
แต่ถ้าจะมองว่า ก็คนเกิดปีขาล จะไม่ให้ชื่อเสือได้อย่างไร เรื่องนี้ต่างคนต่างคิดก็แล้วกัน
ในฝากการปกครอง ก็ว่าท่านเป็นคนเอาจริง งานจึงออกมาเนี๊ยบ แต่ถ้าใครทำไม่ได้ดังพระประสงค์ ก็โดนทรมานหรือประหารทันที
แม้แต่พระราชโอรสก็ยังไม่ทรงเว้นให้เลย แต่เขาว่าถ้าทำดีถูกใจ นอกจากไม่โวยวายใส่แล้วยังประทานเงินทองรางวัลอย่างหนักให้
มีคราวหนึ่งเกิดเป็นเรื่องจนคนไทยจำเป็นอีกตำนานกันเลย
นั่นก็คือเรื่อง "พันท้ายนรสิงห์"
ผู้ขอให้พระเจ้าเสือประหารตนเพราะทำหัวเรือพระที่นั่งหัก แล่นในคลองโคกขาม ซึ่งคดเคี้ยวและน้ำไหลแรงมาก
เรืองคราวนั้นก็จบด้วยการประหารจนได้ แต่ข่าวดีก็คือ มีการขุดคลองโคกขามให้หายคดเคี้ยว เดินเรือได้ง่ายขึ้น



พระเจ้าเสือกับช้าง::

พระเจ้าเสือนี่ก็ทรงชอบการคล้องช้างป่ามาก ชอบไปคล้องช้างที่เมืองปากน้ำโพ (จ.นครสวรรค์)
ทรงให้พระราชโอรสทำถนนตัดข้ามบึงหูกวาง เป็นเส้นทางลัดสายใหม่
และได้เป็นเรื่องเล่าว่า ทรงสั่งให้ทำถนนภายในเวลา 1 วัน
แม้เจ้าพระฟ้าเพชรและเจ้าฟ้าพรจะทำได้ แต่พอช้างทรงของพระเจ้าเสือเดินไปตกหลุม ติดหล่ม
ทรงลงพระอาญาเจ้าฟ้าเพชร(ต่อมาได้ครองราชย์เป็น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ)


พระเจ้าเสือกับเรื่องที่คนลือว่าโหด ::

ตามข้อความที่ผมได้เล่าว่าพระอาจารย์แสงทนเห็นการกระทำแปลกๆที่แสนโหดร้ายของพระเจ้าเสือไม่ไหวเลยหนีห่างออกมา
พอไปค้นในพงศาวดารก็ได้พบข้อความว่า

พระเจ้าเสือ มีนิสับดุดัน หมกมุ่นกามราคะ(โดยเฉพาะเด็กสาวๆอายุเพียง 11-12 ขวบ)
ชอบฆ่าสัตว์ มีความสามารถความรู้เรื่องไสยศาสตร์ เวทย์มนคาถา
ประชาชนทั้งในวังและนอกวังต่างก็เกรงกลัวกันมาก

อีกที่หนึ่งเขียนรายละเอียดเสียเห็นภาพเลย
พอพระทัยเสวยน้ำจันฑ์ เสวยเป็นนิจ
ชอบเสพสังวาสกับดรุณอิตถี วัย 11 - 12 ปี ผู้ใดโยกโคลงตัวหนี จะกริ้ว บางคนโดนถีบยอดอกตายคาที่ก็มี
นางใดไม่โยกโคลง นิ่งอยู่ชอบอัชฌาสัย จะพระราชทางรางวัล
คราเสด็จไปทางชลมารค ชอบไปเกาสีชัง เขาสามมุข
หากว่าทหารมหาดเล็กหรือนางพระสนมทำให้เรือโคลงไหว
ก็จะลงโทษ เอาเบ็ดเกี่ยวแล้วโยนล่อให้ปลาฉลามกิน
ยังทรงผิดศีลในเรื่องกาม โดยชอบที่จะเสพสังวาสกับภรรยาของขุนนางที่มีหน้าตาสวยงามอีกด้วย
จริงเท็จอย่างไร ก็มิทราบ แต่ออกจะเขียนไปทางร้ายมากไปหน่อย
โดยเฉพาะเรื่องเอาคนล่อฉลามนั้น ผมดูช่องดีสโคเวอรี่ ปลาฉลามไม่ได้เป็นสัตว์ที่ว่ายมากินเบ็ดแบบนั้นง่ายๆ
เว้นแต่ไปลอยเรือในแหล่งของมันจริงๆ เลยต้องกลับมาคิดอีกทีว่าที่ชลบุรีนั้น เป็นแหล่งปะการัง หรือแหล่งอาหารของปลาฉลามหรือเปล่า?

ส่วนเรื่องเล่าลือที่เมืองเพชรบุรีอีกเรื่อง
เล่ากันว่า พระเจ้าเสือชอบเสด็จมาเยือนเมืองเพชร โดยเฉพาะที่ อ.บ้านแหลม
ปรากฏว่าได้ทรงชิมปลาแล้วโปรดมาก เลยประกาศเป็นกฎหมายไม่ให้ราษฎรเขตนั้น
จับปลาที่พระองค์ทรงโปรดมาก คือ ปลาตะเพียน และปลาหมอ
แหม...ผมว่าเชื่อยากจัง เพราะที่อยุธยา ปลาตะเพียน น่าจะอร่อยกว่าที่ไหนๆ
ส่วนปลาหมอนั้น ไม่เห็นว่าจะน่าอร่อยตรงไหน สู้ปลาเนื้ออ่อน ก็ไม่ได้
แต่คนเก่าเล่ามาอย่างนี้ ใครเชื่อก็เชื่อไปเถอะ

เอาเป็นว่ามาเข้าเรื่องวัดเขาบันไดอิฐต่อดีกว่า
เมื่อพระเจ้าเสือทรงทราบว่าอาจารย์แสงได้มาจำวัดที่วัดเขาบันไดอิฐ
ก็ตามมาง้ออาจารย์ แต่อาจารย์ก็ไม่ยอมกลับ เพราะลูกศิษย์ยังทำตัวเหมือนเดิม
พระเจ้าเสืออยากเอาใจอาจารย์ เลยทรงโปรดฯให้บูรณะซ่อมแซมวัดเขาบันไดอิฐขึ้นใหม่ให้สวยงามหลายอย่าง
วัดจึงเจริญรุ่งเรืองมาให้เห็นจนถึงทุกวันนี้



ประวัติมุมที่ 3
ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ได้มีพระเกจิอาจารย์ที่เก่งเรื่องคาถาอาคม
อีกทั้งยังเป็นอาจารย์ด้านวิปัสสนากรรมฐาน สามารถมีวิชาตาทิพย์ มองทางใน อ่านใจคนได้ รู้อนาคตได้
พระที่เป็นเกจิอาจารย์ท่านนั้น ชื่อ พระอาจารย์เหลือ หรือ หลวงพ่อเหลือ ว่ากันว่ามีเวทย์มนต์เข้มขลังมาก
สามารถปลุกเสกของได้ มีอานุภาพจริง และได้สอนศิษย์รุ่นหลังๆสืบเนื่องวิชามาเรื่อยๆ
เป็นที่เลื่องลือกันว่าชายไทยในเมืองเพชร ยามจะออกไปรบกับข้าศึกจะต้องมาขอผ้ายันต์และตะกรุด
หรือไม่ก็มาขอสักยันต์ลงกระหม่อม หรือรดน้ำมนต์ แล้วส่วนใหญ่ก็แคล้วคลาดปลอดภัยกลับมาได้
บ้างก็ยังว่าทุกวันนี้ ผู้ประกอบอาชีพใช้อาวุธปืนของเมืองนี้ ที่อยู่คงกระพันมาได้
ก็เพราะได้ของขลังที่บรรพบุรุษเก็บเอาไว้ให้ลูกหลานนี่แหละ


พระเจ้าเสือกับวัดเขาบันไดอิฐ ::
ว่ากันว่าถ้ำในวัดเขาบันไดอิฐมีหลายแห่ง เช่น ถ้ำประทุน ถ้ำพระอาทิตย์ ถ้ำพระจันทร์ ถ้ำช้างเผือก ...
ถ้ำที่มีความเกี่ยวข้องกับพระเจ้าเสือคือ ถ้ำพระเจ้าเสือ (อยู่ถัดจากถ้ำประทุน)
ในถ้ำมีพระพุทธรูปยืนปางห้ามสมุทร อยู่ เชื่อว่าเป็นพระที่พระเจ้าเสือนำมาถวายพระอาจารย์แสง
และตรงซอกผนังถ้ำก็ยังมีประทุนเรือทำด้วยไม้ ดูแล้วน่าจะมีอายุมาก
เชื่อว่าเป็นประทุนเรือที่พระเจ้าเสือถวายพระอาจารย์แสงเช่นกัน



พระเกจิอาจารย์กับวัดเขาบันไดอิฐ ::

พระครูญาณวิลาศ (แดง รัตโต) วัดเขาบันไดอิฐ จ.เพชรบุรี (พ.ศ.2421 - 2517)
คนที่ชอบเล่นพระ ซื้อพระ ขายพระ หรือภาษาสุภาพว่า เช่าพระ (ช่างน่าละอายนะที่ไม่กล้าใช้คำว่าซื้อ)
จะทราบดีว่า ค่ายพระเครื่องเมืองเพชร สำหรับวัดเขาบันไดอิฐ จะขึ้นทำเนียบของดีราคาสูง ต้องเป็นของหลวงพ่อแดง ได้แก่
- เหรียญรุ่นแรก ปี 2503 มี 2 เนื้อ คือ เนื้อเงิน และทองแดง
- เหรียญรุ่นสอง ปี 2507 ลักษณะคล้ายกับรุ่นแรก
- เหรียญรุ่นตระกูลโจว ปี 2510 ที่ระลึกครบรอบ 89 ปี
- เหรียญรุ่นแม่ทัพภาค ปี 2511 , ปี 2513
- เหรียญรุ่น จ.ป.ร.12
- พระผงญาณวิลาศ มีหลายพิมพ์และหลายเนื้อ

ตัวอย่าง เหรียญหลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ รุ่นปี 2503 เนื้อทองแดง ขายกันที่ราคา 30,000 - 40,000 บาท

ปัจจุบัน วัดเขาบันไดอิฐมีเจ้าอาวาส ชื่อว่า พระครูโสภณพัฒนกิจ (บุญส่ง ธัมมปาโล)


จาก comment box ทีผมเล่าเรื่องช้างเผือกในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
จะเห็นว่ามีช้างต้นอยู่ 1 ช้าง คือ พระเทพวัชรกิริณีฯ(ขวัญตา) และ พระบรมนชทัศฯ(ดาวรุ่ง)
ต่างก็เคยได้รับการเลี้ยงดูจากพระปลัดบุญส่ง ธัมมปาโล เจ้าอาวาสวัดเขาบันไดอิฐ จ.เพชรบุรี
จะเห็นได้ว่า พระครูโสภณพัฒนกิจ (บุญส่ง ธัมมปาโล) นั้นท่านเป็นพระที่มีความเกี่ยวข้องกับช้างเผือกถึง 2 ช้าง
ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากสำหรับพระสงฆ์องค์เดียวที่ได้มีโอกาสได้กระทำเรื่องแบบนี้


คำถามคือ ว่า ตอนที่คุณ Mintiva ไปไหว้พระที่วัดเขาบันไดอิฐ เมื่อหลายวันที่ผ่านมา
ได้ไปกราบนมัสการพระครูโสภณพัฒนากิจ ท่านนี้หรือเปล่า?



โดย: zoomzero วันที่: 12 มีนาคม 2553 เวลา:12:27:25 น.  

 


หวัดดีตอนเย็นค่ะเฮีย
เพิ่งจะกลับถึงบ้านมาได้ซักพักนึงค่ะ
สรุปแล้วไม่ได้ไปตุนไรมาทั้งนั้นอ่ะ
พอดีลูกค้าโทรมาชวนทานข้าว
เลยไปทานฟูจิที่เซ็นทรัลกันค่ะ
เสร็จแล้วก็ไปเดินช๊อปชุดชั้นในกันมาคนละชุด 2 ชุด
กำลังลดราคาค่ะ อิ อิ...
ไม่ได้ลงไปซุปเปอร์เลยไม่ได้ไรมาซักอย่าง
ช่างมันเหอะ...ตอนนี้ยังอิ่มอยู่ค่ะ
เดี๋ยวหิว ค่อยว่ากันใหม่นะคะ ฮ่า ๆ ๆ
เฮีย..ที่มินไปวัดเขาบันไดอิฐอ่ะ
มินไปมาเมื่อวันมาฆะบูชาค่ะ
มินไม่รู้หรอกว่า ท่านเจ้าอาวาส ท่านชื่อไร
รู้แต่แม่เรียกว่า หลวงปู่เจียน หรือไงเนี่ยแหละ
และฟันเฟริม์ 100% ว่าท่านเป็นเจ้าอาวาสค่า
ตอนที่ไปนั้น คนนำทาง (คนข้างบ้านแม่)
เขาให้มินขับรถอ้อมไปหลังเขา และไปจอดที่เชิงเขา
และต้องเดินทางเท้าเป็นปูนขึ้นไปต่อยังบันไดสูงลิบ
แต่ พอขึ้นไปถึงบริเวนที่ท่านอยู่ ก็พบว่าเป็นถ้ำค่ะ
แต่ เขาทำซะน่าอยู่มาก เป็นมุ้งลวดอลูมิเนียม
มีหลังคาอลูมิเนียมรองกันหลังคาถ้ำอีกทีอ่ะ
อาไร ๆ ก็ดี แต่ มินไม่ชอบตรงที่ เกือบทุกคนจ้อง
คอยมอง คอยสังเกตุที่จะเอาเลขจากท่านอ่ะค่ะ
มารู้ทีหลังว่า หลังจากวันนั้นซึ่งเป็นวันอาทิตย์
วันจันทร์ท่านก็มาเข้า รพ.ศิริราช แม่มินยังชวนไปเยี่ยมท่านเลย
แต่มินคนบาปบอกศาลาไม่เอาแล้ว ถ้าไปแล้วอาจมีเรื่อง
กับพวกลูกศิษย์ท่านเอาได้นะแม่..จะเสี่ยงกับนู๋เหรอ..ฮ่า ๆ ๆ..
ปล. ไม่ต้องเรียกมินว่าคุณนะคะเฮีย...
มันไม่ชินเลยคำนี้ ถ้าเป็นเฮียเรียกอ่ะค่ะ..


โดย: มินทิวา วันที่: 12 มีนาคม 2553 เวลา:18:34:01 น.  

 


อรุณสวัสดิ์ค่ะเฮีย
family man วันนี้ไปไหนคะ
เมื่อกี๊ มินเห็นเพื่อนบล๊อคคนนึง
เขาทำหอยแหลงภู่อบอ่ะ น่าทานมาก ๆ เลยค่ะ
ถ้าสาย ๆ วันนี้ ยังขยันอยู่ละก็ มินอาจจะ
ทำตัวเป็นแม่ครัวหัวป่าอ่ะค่ะ วันนี้อ่ะ ฮ่า ๆ ๆ
ปล. เที่ยว ไหว้พระ ไหว้เจ้า ให้มีแต่ความสุขนะคะ อิอิ


โดย: มินทิวา วันที่: 13 มีนาคม 2553 เวลา:4:30:11 น.  

 

จะเอ๋! พี่ซูม คิดถึง คิดถึงค่ะ แต่ง่วงนอนสุดๆ ใกล้จะตีสองแล้วววว พี่สบายดีน่ะคะ ช่วงนี้ไปไหนมาไหนก็ต้องระวังน่ะคะ
วันนี้มีชุมนุมใหญ่ของชาวเสื้อแดง ก็ภาวนาให้ประชุมอย่างสันติวิธี อย่างที่ตั้งใจเอาไว้ และ ฝ่ายรัฐบาล ก็ไม่ทำการใดๆ ที่รุนแรง ต่อประชาชนที่ร่วมชุมนุม อย่างไม่มีเหตุผล

พี่ช่วงนี้แอนเจ็บข้อมือ นิดหน่อยแล้วก็แพ้น้ำมันบางกลิ่นด้วยค่ะ กำลังหายาที่เป็นครีมบำรุง ทาอยู่ค่ะ แอนทำงานอยู่ร้านนวดสปาใหม่นี้สบายใจมากเลยค่ะ ถ้าพวกหน้าหม้อมา เนี้ยย! อยากจะตบให้หน้าหันติดฝาเลย ดีที่ร้านใหม่ไม่ค่อยเจอ สบายใจมากเลยค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าผู้หญิง

พี่เช้าวันจันทร์(เวลาเมืองไทย) เปิดเอ็มด้วยค่ะ อยากคุยด้วย

ไปนอนแร่ะ! จุ๊บ จุ๊บ!


โดย: นกสีขาว IP: 79.66.53.50 วันที่: 14 มีนาคม 2553 เวลา:9:19:43 น.  

 
To Mintiva

หอฮ้อ...อาหมวยเล็ก

รูปทักทายวันนี้น่ารักถูกใจป๋าจริงๆ วี๊ดวี้วววว

วัดเขาบันไดอิฐ >>>
ถ้าบอกว่าท่านเป็นเจ้าอาวาส
อย่างนั้นก็ใช่ตามที่เฮียคิดเอาไว้
เนื่องจากชีวิตของท่านนั้นไม่ธรรมดา
ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อแดง นี่ก็ถือว่าไม่ธรรมดาแล้ว
และท่านยังเป็นผู้ที่เคยเลี้ยงช้างเผือกที่ได้ทูลเกล้าฯถวายในหลวง
แถมยังเป็นช้างถึง 2 ช้าง
แสดงว่าความโด่งดังของท่านคงไม่ธรรมดาแน่นอน
น่าเสียดายที่คนไปหาท่าน ไม่ได้ไปเพราะเคารพในพระพุทธศาสนา
แต่ไปเพราะหวังผลประโยชน์จากท่าน
เห็นท่านเป็นตู้หวยออนไลน์ ... กรรม
เฮียเขียนอะไรต่อไปคงไม่ไหวแล้วหละเรื่องนี้...

เมื่อวาน (วันเสาร์) >>>
เฮียพาครอบครัวไปถวายอาหารและสังฆทานพระที่วัดแถวบ้าน
ตอนกรวดน้ำก็ขอให้คนในครอบครัวและคนที่เฮียรู้จัก(รวมทั้งมินด้วยนะ)
จงแคล้วคลาดปลอดภัยจากเรื่องร้ายๆทั้งในช่วงนี้และตลอดไป
แล้วก็ไม่ได้ไปไหนต่อ เพราะเขาว่าตอนบ่ายๆ เสื้อแดงจะเข้าถึง กทม.

วันนี้ >>>
ไม่ได้ไปไหน เอากับข้าวในตู้เย็นมาทำทานกัน
แต่ว่าพรุ่งนี้ จันทร์-อังคาร ว่าจะหนีไปพัทยา
ไปดูว่าคอนโดฯยังอยู่ดีหรือว่าเน่าไปแล้ว
เมื่อปี่ก่อนโน้น แอร์ก็เน่าไปแล้ว ต้องเปลี่ยนใหม่ คอมฯไม่ได้ใช้มันเลยไม่ยอมหมุน ซะงั๊น
แต่คุณนายเจ้าของบ้านเขาอยากไปนอนโรงแรมมากกว่า
เพราะถ้าไปคอนโดฯต้องไปแต่เช้า ไปหาแม่บ้านมาทำความสะอาด
และตอนกลับก็ต้องไปตามเขามาทำความสะอาดอีกรอบ
เสียเวลาเหมือนกัน และก็ต้องอยู่เฝ้าตอนเขาทำงาน
แต่ถ้าไปนอนโรงแรม ก็ไม่ต้องรออะไร เข้าออกกี่โมงก็ได้ เอาคีย์การ์ดใส่แช่แอร์ทั้งวันทั้งคืน ไม่ต้องจ่ายค่าน้ำค่าไฟ
เฮ้อ...แล้ว เมื่อก่อนทำไมถึงคิดว่า ซื้อคอนโดฯแล้วมันจะคุ้ม
มินรู้มั๊ย ตอนที่วางเงินดาวน์ เฮียยังฝันเลยว่า ถ้าเบื่อเราก็ขายทิ้งได้กำไรงาม
แต่ที่ไหนได้ คอนโดฯที่พัทยา มันขึ้นเป็นดอกเห็ด แถมของเราก็ไม่ได้อยู่ติดทะเลเลย
อยู่บนเขาอีกต่างหาก ต้องขับรถไปอีก 2 กม. ถึงจะได้กลิ่นน้ำทะเล
555 นี่แหละ การไม่คิดให้รอบคอบ

ขอให้มินมีความสุขนะคะ

Ref: มินทิวา Mintiva RoyalBlue 41 69 E1



โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) วันที่: 14 มีนาคม 2553 เวลา:10:43:32 น.  

 
To WhiteBird

พี่ก็คิดถึงคุณน้องเหมือนกันฮ้า
แต่วันจันทร์-อังคาร คงไม่ว่างเปิด M
เพราะจะไปแก้ผ้าอาบแดดที่พัทยาจ้า

เขียนเมล์เอาไว้ดีฝ่านะ
ว่าแต่จะมาบอกเรื่องกลับเมืองไทยใช่ป่าว??
ตอนนี้อย่าเพิ่งมาเลยนะ เที่ยวที่ไหนก็ไม่ได้
มีแต่กองทัพเสื้อแดงเต็มไปหมด

เอ้..ทำงานมาตั้งนานยังแพ้พวกน้ำมันนวดอีกหรือนี่
ถ้ามันบวมหรือแพ้มากๆ ก็รีบไปหาหมอนะ อย่าชะล่าใจ
เกิดมันแพ้แล้วหายใจไม่ออก เป็นหอบหืด น่ากลัวนะ

เรื่องลูกค้าหัวงูหน้าหม้อ
แหม..ยอมๆหน่อยน่า
แค่มองตรงโน้นตรงนี้ไม่สึกหร่อหรอก
ตอนที่พี่ไปนวดเท้า พี่ก็ยังจ้องมองพนักงานเขา เขาก็ยังยิ้มให้เลย
คิดดูนะ เขาต้องก้มหน้าอยู่ตรงหน้าเราเป็นชั่วโมง จังหวะพลาดมันก็มีให้เห็นบ้าง 555
ผลก็ทำให้พี่ต้องไปหาเขาบ่อยๆ เขาก็ได้ตังค์จากเราเพิ่ม

แต่ถ้าเป็นพวกปากว่ามือปลาหมึก
อันนี้ก็ต้องบอกเขาว่า เราไม่ชอบ และ เราไม่ใช่
Sorry Sir, I'm not a kind that you think. Please be polite.
แต่เขาว่าเป็นเพราะสาวไทยเราไม่ค่อยอยากมีเรื่อง
เรื่องเสียเปรียบแบบนี้เลยเกิดขึ้นเพราะพวกมันคิดว่าเราชอบแบบนั้น
แบบนี้ต้องบอกเขาว่า เราไม่ชอบ
เรื่องคงจบ ถ้าเสียลูกค้าแบบนี้ ก็ช่างมันเหอะ


Ref: นกสีขาว AnnEng DeepPink FF 14 93


โดย: zoomzero วันที่: 14 มีนาคม 2553 เวลา:10:55:05 น.  

 

คลายเครียดดีกว่า
ดูหนังอินเดียกัน



โดย: zoomzero วันที่: 14 มีนาคม 2553 เวลา:12:44:01 น.  

 
ช้างเอราวัณ

รัชกาลที่ ๒ ทรงพระราชนิพนธ์เป็นกาพย์ฉบัง พรรณนาถึงช้างเอราวัณ (ไอยราพรต) พาหนะประจำพระองค์ของพระอินทร์ ดังนี้
“สามสิบสามเศียรโสภา เศียรหนึ่งเจ็ดงา
ดังเพชรรัตน์รูจี
งาหนึ่งเจ็ดโบกขรณี สระหนึ่งย่อมมี
เจ็ดกออุบลบันดาล
กอหนึ่งเจ็ดดอกดวงมาลย์ ดอกหนึ่งเบ่งบาน
มีกลีบได้เจ็ดกลีบผกา
กลีบหนึ่งมีเทพธิดา เจ็ดองค์โสภา
แน่งน้อยลำเพานงพาล
นางหนึ่งย่อมมีบริวาร อีกเจ็ดเยาวมาลย์
ล้วนรูปนิมิตมายา”

ช้างเอราวัณเป็นช้างพาหนะประจำตัวของพระอินทร์
พระอินทร์ไม่ได้เป็นผู้สร้างหรือไปจับช้างเอราวัณมา
ผู้มอบช้างเอราวัณให้พระอินทร์คือ พระศิวะ(พระอิศวร)
ทำให้พระอินทร์มีช้างในครอบครองถึง 3 เชือก
อีก 2 เชือก ได้มาจาก พระวิษณุ(หรือพระนารายณ์) และพระพรหม
เรื่องราวนี้มาจาก รามายณะ และตำนานในศาสนาฮินดู
บางตำนานบอกว่า ช้างเอราวัณมีแม่ชื่อ เอราวตี

บางตำนานบอกว่าช้างเอราวัณ เกิดจากการกวนเกษียรสมุทร

บางตำนานเช่นใน Matangalila เขียนเอาไว้แปลกดี
เขาบอกว่าช้างเอราวัณเกิดจากการสวดมนต์(ร่ายคาถา)ของพระพรหม
โดยของที่ใช้ในการประกอบพิธีนั้น มีไข่หลายฟองที่พญาครุฑกกไข่อยู่
(เขาว่าไข่แต่ละใบมีแค่ครึ่งซีก โอ้ย...งง)
และยังมีช้างอีก 15 ตัวรายล้อมอยู่ ได้แก่ ช้างพลาย 7 ตัว ช้างพัง 8 ตัว
เมื่อสิ้นพิธี ก็ได้ช้างเอราวัณออกมา

ในเรื่องรามเกียรติ์ บุตรของทศกัณฐ์กับนางมณโฑ ชื่อ อินทรชิตได้แปลงตัวเป็นพระอินทร์
แล้วให้ การุณราช แปลงตัวเป็นช้างเอราวัณ เพื่อหลอกพระลักษณ์กับหนุมาน

สเปคของช้างเอราวัณ ::
(ถ้าทราบแล้วจะหนาว) โบราณท่านว่าไว้ว่า
ช้างเอราวัณนั้นตามปกติจะมีกายเป็นเทพบุตร
ยามเมื่อพระอินทร์ทรงเรียกใช้ จึงจะนิรมิตกายให้เป็นช้าง
ดังนั้นเอราวัณ จึงเป็นช้างจำแลง
เอราวัณเทพบุตรจะนิรมิตกายเป็นช้างใหญ่ประมาณ ๑๕๐ โยชน์ บอกได้ว่าสูงมากๆ
มีกระพอง ๓๓ กระพอง เท่ากับจำนวนเทพสหจร ที่จะตามเสด็จไปด้วย
กระพองหมายถึง ส่วนที่นูนเป็นปุ่ม ๒ ข้างหัวช้าง บางทีก็เรียกว่า ตระพอง หรือ ตะพอง
กระพอง ถ้าเรียกง่ายๆ ในที่นี้ก็คือ หัวช้าง หรือส่วนของหัวช้าง, เศียรช้าง ก็คือหัวช้างเหมือนกัน
ช้างเอราวัณ มีเศียร 33 เศียร (แต่เรามักจะคิดว่ามีแค่ 3 เศียร เรื่องนี้มีเฉลยในตอนต่อไป)
แต่ละกระพองวัดโดยรอบประมาณ ๓ คาวุต
วัดผ่าศูนย์กลางได้กึ่งโยชน์

คาวุต เป็นหน่วยนับระยะทางแบบโบราณ
ผมขออธิบายแบบง่ายว่า 1 คาวุตประมาณ 100 เส้น (หรือ 1 ใน 4 ของหนึ่งโยชน์)
1 โยชน์ นี่ก็ปาเข้าไป 16 กิโลเมตร เชียวหละ
คำว่า คาวุต เขาวัดจากระยะเสียงที่ได้ยินวัวร้อง ขอรับท่าน
ถ้าผมคำนวณไม่ผิด 1 คาวุตก็ประมาณ 4 กิโลเมตร

ดังนั้น 3 คาวุตก็ประมาณ 12 กิโลเมตร
กึ่งโยชน์ หรือ ครึ่งโยชน์ ก็คงจะประมาณ 8 กิโลเมตร

ในเหล่ากระพองทั้งหมด จะมีกระพองหนึ่งใหญ่มาก ประมาณ ๓๐ โยชน์ ชื่อสุทัศนะ เป็นที่ประทับของพระอินทร์
บนกระพองเหล่านั้นมีรัตนมณฑปประมาณ ๑๒ โยชน์
ในระหว่างกระพองเหล่านั้นประดับด้วยธงแก้ว ๗ ประการ สูงธงละ ๑ โยชน์
มีบัลลังก์แก้วมณีประมาณ ๑ โยชน์ สำหรับพระอินทร์ซึ่งมีอยู่ในท่ามกลางรัตนมณฑป
กระพองอื่นนอกจากนี้มีรัตนะบัลลังก์ประจำสำหรับเทพสหจร

กระพองหนึ่ง ๆ มีงากระพองละ ๗ งา
งาหนึ่ง ๆ ยาว ๕๐ โยชน์
แต่ละงามีสระโบกขรณี ๗ สระ
แต่ละสระโบกขรณีมีกอปทุม ๗ กอ (ข้อมูลนี้ไม่ตรงกับในบางที่นะครับ อย่าซีเรียสไปเลย)
แต่ละกอมีดอกปทุม ๗ ดอก
แต่ละดอกมีเทพอัปสรฟ้อนรำอยู่ ๗ นาง
ทั้งนี้เกิดขึ้นด้วยการนิรมิตของเอราวัณเทพบุตร

ในวิกิพีเดีย จะบอกเพิ่มเอาไว้ว่า
แต่ละดอกมี ๗ กลีบ
แต่ละกลีบมี ๗ เกสร
แต่ละเกสรมีปราสาทอยู่ ๗ หลัง
ปราสาทแต่ละหลังมี ๗ ชั้น
แต่ละชั้นมี ๗ ห้อง
แต่ละห้องมี ๗ บัลลังก์
แต่ละบัลลังก์มีเทพธิดาสถิตย์อยู่ ๗ องค์
เทพธิดาแต่ละองค์มีบริวาร องค์ละ ๗ นาง
บริวารของเทพธิดาก็ยังมีนางทาสีรับใช้อีกนางละ ๗ ทาสี
เมื่อคำนวณแล้ว จะได้เทพธิดาประมาณ 190 ล้านกว่านาง
และบวกกับเหล่าบริวารของเทพธิดาอีกประมาณ 13,331 ล้านนาง


ทำไมเศียรช้างเอราวัณมีแค่ 3 ::
เป็นการยากที่ศิลปินจะปั้นหรือเขียนรูปช้างเอราวัณให้มีเศียรครบทั้ง 33 เศียร
เพราะจะเป็นภาพที่ไม่สวยงาม
หากเป็นรูปปั้นถ้าจะให้ดูสมดุลแล้วก็ต้องสร้างให้ใหญ่โตกว่าตึก 10 ชั้น
ดังนั้นเพื่อความเป็นวิจิตรศิลป์ มองแล้วสบายตา เกิดความศรัทธา จึงนิยมวาดหรือสร้างเพียง 3 เศียร
พวกรูปปั้นของช้างเอราวัณในอดีตก็ล้วนแต่ปั้นเอาไว้เป็น 3 เศียร เว้นแต่บางสถานที่ ถึงจะทำมากกว่านั้น

แต่จากภาพเขียนของฮินดูที่ผ่านๆตามา ช้างเอราวัณมีแค่ 3 เศียร
ของพุทธศาสนานี่แหละที่ว่ามี 33 เศียร


พระศิวะ ::
หรืออีกชื่อว่า พระอิศวร ทรงเป็นหนึ่งในตรีมูรติ หรือ สามมหาเทพอันสูงสุดแห่งศาสนาพราหมณ์-ฮินดู (บางนิกายเท่านั้น)
พระศิวะ เป็นคำเรียกที่เอียงไปทาง ศาสนาพราหมณ์ และฮินดู
พระอิศวร เป็นคำเรียกแบบไทยๆ ซึ่งมาจาก ตำนาน เรื่องเล่า(Lore) และวรรณกรรมต่างๆของไทย
พระศิวะเป็นผู้สร้าง หรือเสก ช้างเอราวัณ แล้วยกให้พระอินทร์ เพื่อใช้เป็นพาหนะ
ผมเองยังหาข้อมูลไม่ได้ว่า ทำไมพระศิวะถึงทรงสร้าง แล้วสร้างแล้วทำไมต้องให้พระอินทร์เอาไปใช้

ตัวพระศิวะเองมีตำนานหลากหลาย
แถมยังมีชื่อเรียกอย่างอื่นอีกรวมแล้วก็ 8 ชื่อ เช่น พระรุทร ก็เป็นชื่อหนึ่งของท่าน
ผมไม่ทราบว่าต้องใช้เวลามากแค่ไหนในการไปค้นหาในคัมภีร์อุปนิษัท คัมภีร์พรหมมานัส ...
หรือ ตำนานยุคพระเวท ยุคมหาภารตะ ฯ
ตอนนี้ผมไม่ทราบว่า ทำไม อยู่ๆช้างเอราวัณก็ออกมาปรากฏตัว
ที่แน่ๆพาหนะของพระศิวะเป็นโคนนทิ หรือ อุศุภราช ไม่ใช่ช้าง


พระอินทร์ ::
ตามตำนานและความเชื่อกล่าวเล่าขานเอาไว้ว่า
พระอินทร์ทรงเป็นเทวราชา คือ เป็นราชาแห่งเทวดาในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์และจาตุมมหาราช
เป็นพระผู้เป็นใหญ่ในเทวโลกทั้ง 6
ทรงมีพระวรกายสีเขียว มีพาหนะเป็นช้าง 3 เชือก หนึ่งในนั้นคือ ช้างเอราวัณ
พระอินทร์ทรงมีพระนามถึง 27 พระนาม ซึ่งตำนานอธิบายว่า
เป็นนามที่เรียกว่า นิมิตตกนาม คือ นามที่ไม่มีใครตั้งให้
หมายถึง เกิดขึ้นตามคุณสมบัติ
(ผมเองก็ไม่เข้าใจคนเขียนว่า เขาหมายความอย่างไร ถ้าไม่มีคนตั้งแล้ว เราเป็นคน เราจะไปทราบได้อย่างไร?)
พระนามของพระอินทร์ ได้แก่ ท้าวสักกะ ท้าวมฆวะ ท้าวปุรินททะ ท้าวสาสวะ ท้าวสหัสสักขะ ...ฯ
พระอินทร์ท่านไปไหนหรือทำอะไรสำคัญๆ ท่าจะทำเหมือนกับคณะรัฐบาล คือจะต้องมีรัฐมนตรีติดตามไปด้วย
ถ้าพระอินทร์จะเสด็จไปไหนแบบว่างานใหญ่ เหล่า "เทพสหจร จำนวน 32 องค์" รวมเป็น 33 องค์ จะตามเสด็จไปด้วย
ดังนั้นม้าทรงประจำตัวของพระอินทร์ที่ชื่อ สินธพ จึงพาไปได้ไม่หมด
ธรรมดาม้าสินธพใช้เทียมกับเวชยันตราชรถ และมีสารถีชื่อ มาตลิเทพบุตร เป็นคนขับให้พระอินทร์
ในกรณีที่ไปกันหลายองค์ จึงต้องได้พาหนะขนาดใหญ่ นั่นก็คือ ช้างเอราวัณ

บางคนคิดมากเรื่องเศียรช้างกับจำนวนเทพที่สถิตย์อยู่บนเศียร
เพราะเข้าใจว่า ช้างเอราวัณ มี 33 เศียร
พระอินทร์ 1 พระองค์ กับเทพสหจรอีก 33 องค์ รวมแล้วก็ได้เป็น 34
ถ้าเทพประจำอยู่ทั้ง 33 เศียร แล้วพระอินทร์จะประทับตรงไหน บนหลังช้างหรือ?
ข้อนี้ ผิดพลาดตรงที่ว่า เทพสหจร มีแค่ 32 องค์เท่านั้น
แต่เวลาบอกเล่า คนเล่าอาจเล่าอย่างหนึ่ง แต่คนฟังจำได้เป็น พระอินทร์กับเทพอีก 33
ทั้งที่ข้อความจริงๆคือ พระอินทร์กับเทพสหจร รวมกัน 33 องค์ ได้ทรงช้างเอราวัณ
ความจริงจึงเป็นเช่นนี้แล


สำหรับผู้ที่มีความเชื่อและเคารพศรัทธาในเรื่องเทพ
ผมมีคาถามาฝาก เรียกว่าคาถาบูชาพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ
แต่เราไหว้ได้ทั้งรูปปั้นพระอินทร์ทรงช้าง หรือ เฉพาะช้างเอราวัณ อย่างเดียวก็ได้
เริ่มต้นด้วย นะโม 3 จบ (เหมือนทางพุทธเลยเน๊อะ)
ตามด้วย
เอราวะโณ นามะ เทวะราชะกุญชะโร
มะหาเตโช โหติ มะหายะโส
มะหัพพะโล มะหิทธิโก มะเหสักโข
อิมินา สักกาเรนะ ตัง เอราวะณัง นามะ
เทวะราชะกุญชะรัง ปูเชมิ ฯ

จากนั้นให้อธิษฐานขอพร (จะขอในใจหรือกล่าวออกมาให้ได้ยินก็ได้)
แล้วจบลงด้วย

เอราวะณัสสะ นามะ เทวะราชะกุญชะรัสสะ
อานุภาเวนะ สัพพะสิทธิ ภะวะตุ เม ฯ
ด้วยอานุภาพของพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ
ขอความสำเร็จทุกประการ จงมีแก่ข้าพเจ้าฯ



เอราวัณ มิวเซี่ยม สมุทรปราการ ::
พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ (The Erawan Museum)
ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท ตัดกับถนนกาญจนภิเษก จ.สมุทรปราการ
ตัวช้างทำด้วยโลหะทองแดงเคาะมือขึ้นรูป มีความสูง 43.6 เมตร (ตึก 14 ชั้น)
ตัวช้างอย่างเดียวสูง 29 เมตร มี 3 เศียร
น้ำหนักประมาณ 150 ตัน ว่ากันว่าแค่เศียรก็ประมาณ 100 ตันกว่าๆ
เจ้าของคือ คุณเล็ก วิริยะพันธุ์ (ประไพ วิริยะพันธุ์) เจ้าของบริษัทวิริยะประกันภัย
คุณเล็ก ได้เสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย. 2543
ส่วนคนที่สานต่องานของพ่อก็คือ คุณ แดง พากเพียร วิริยะพันธุ์ เจ้าของบริษัทธนบุรีประกอบยนต์
ตัวอาคารแบ่งเป็น 3 ส่วน ตามหลัก ไตรภูมิ คือ บาดาล โลก และสวรรค์

เรื่องที่ควรรู้ แต่มีคนไม่อยากให้รู้ ::
พิพิธภัณฑ์เป็นของเอกชน จึงต้องเสียค่าผ่านประตู
แต่เชื่อหรือไม่ พิพิธภัณฑ์ของไทย สร้างจากภาษีของคนไทย คนไทยก็ต้องเสียค่าผ่านประตูเหมือนกัน 555

เสียคนละ 50 บาท พร้อมของแถม ดอกไม้ ธูป เทียน เดินได้รอบๆนอก
เสียคนละ 150 บาท พร้อมของแถมเหมือนข้างบน เดินได้หมดทุกที่ ได้ดูทั้ง 3 โลก ภายในอาคาร
สำหรับเด็ก(6-13)คิด 50 บาท เด็กกว่านั้นฟรีหรือไม่ ลองไปถามเขาดูนะ
เขาให้เข้าไปดูเป็นกลุ่มๆหรือรอบๆนี่แหละ ประมาณ 20 นาที ไม่ได้ให้เข้าไปนอนเล่นทั้งวันหรอกจ้า
มีคนบอกว่าแพงเพราะมาจากต่างจังหวัด เหมาปิ๊กอัพมา 10 คน ถ้าจะดูให้ครบต้องจ่าย 1,500 บาท
ในขณะที่บางกลุ่มมีผู้ใหญ่มาแค่ 2-3 คน ที่เหลือเป็นเด็กๆ บางคนทำงานได้วันละ 200 - 300 บาท เอง ก็เลยบอกว่าแพง

ข้างในมีอาหารเครื่องดื่มขาย แต่ต้องแลกสตางค์รูกันก่อนนะ เหมือนชิ๊บโรงเรียนเวลาซื้ออาหารหนะ

เมื่อจอดรถจะมีพ่อค้าแม่ค้าวิ่งกรูมาขายดอกไม้ธูปเทียน
พร้อมทั้งบอกว่า ข้างในไม่มี หรือบางคนไม่โกหกแต่บอกว่า ดอกไม้ข้างในแพง
ถ้าซื้อตรงนี้แล้ว อย่างไรก็ได้ดอกไม้อีกทีเมื่อจ่าย 50 บาท
เท่ากับว่า คนไทยหลอกขายของให้คนไทย ประเทศเราถึงได้มีคนดีๆน่าไว้ใจอยู่นอกบ้านเราอย่างทุกวันนี้ไง 555
การบอกว่า ไม่ซื้อวุ้ย ไปไกลๆ อาจจะต้องกลับบ้านไปทำสีรถใหม่
ให้บอกไปว่า มาดูเฉยๆ ไม่อยากไหว้
และช่วยบอกสมาชิกที่ไปก่อนถึงสถานที่เพราะหันไปอีกทีลูกเราอาจจะหอบดอกไม้มาเต็มมือแล้วก็ได้
คราวนี้ไม่จ่ายไม่ได้ อ้อยเข้าปากจระเข้แล้ว ไม่มีทางคายง่ายๆ
มาเที่ยวเมืองไทย อย่านึกว่า คนไทยไม่ทำร้ายคนไทยนะ คนไทยนี่แหละที่ชอบทำร้ายสายเลือดเดียวกันหละ จะบอกให้


เรื่องไม่จบง่ายๆ ::
เลยจากพิพิธภัณฑ์ไปหน่อย (ประมาณ 13 ก.ม.)
ทางซ้ายมือจะเป็นเมืองโบราณ
พื้นที่ประมาณ 600 ไร่ ต้องเอารถเข้าไปวิ่ง หรือเช่าจักรยาน
เดี๋ยวนี้มีรถกอล์ฟให้เช่า
เรื่องของเรื่องคือ ค่าเข้าชมคนละ 100 บาท
ค่ารถคันละ 50 บาท
แต่ !!!
ถ้าเอาบัตรจากช้างเอราวัณมาโชว์ เขาให้เอารถเข้าฟรี
เพราะเจ้าของเป็นคนๆเดียวกัน
ใครเข้าไม่ฟรี ช่วยมาบอกผมด้วย ผมจะให้ชกหน้า
หน้าร้อนกับหน้าฝน ไม่ควรไปเที่ยวเมืองโบราณ ไปแล้วจะเซ็ง





โดย: zoomzero วันที่: 14 มีนาคม 2553 เวลา:15:19:40 น.  

 
Tags Maker is a Text Image Generator to write Messages, Comments or Tags on Pictures

อรุณสวัสดิ์ค่ะเฮีย
สดชื่น กับทะเล นะคะ
มีความสุขมาก ๆ ค่ะ
อย่าลืมทานอาหารทะเลเผื่อมินด้วยนะ
มินชอบหอยแมงภู่อบค่ะ อิอิ
ปล. ขอบคุณนะคะที่ทำบุญเผื่อมิน
มินเองเวลาปล่อยปลา ก็นึกถึงเฮียเหมือนกันค่ะ


โดย: มินทิวา วันที่: 15 มีนาคม 2553 เวลา:7:20:24 น.  

 
ช่วงนี้ เห็นข่าวลูกช้างฝาแฝดเล่นน้ำในกะละมัง น่ารักมาก
แล้วก็ลูกช้างที่ออสเตรเลีย ก็น่ารักน่าสงสาร เพราะมันหนาวจนไม่อยากออกจากท้องแม่


ช่วยคลายเครียดไปได้นิด


โดย: ดราก้อนวี วันที่: 15 มีนาคม 2553 เวลา:9:58:21 น.  

 


อรุณสวัสดิ์ค่ะเฮีย
คิดถึงคนบ้านนี้จัง
จมน้ำทะเลป๋อมแป๋ม ไปแล้วก้อไม่รู้อ่ะ ฮ่า ๆ ๆ
มีความสุขมาก ๆ นะคะ


โดย: มินทิวา วันที่: 17 มีนาคม 2553 เวลา:5:35:14 น.  

 

I'm back.

กลับมาแล้ว เมื่อวานตอนบ่าย
พัทยาช่วงวันทำงานระหว่างสัปดาห์คนน้อยดี (แต่ก็ยังเรียกว่าคึกคัก)
ไปพักที่Sigma หาดจอมเทียน โดยอาศัยสิทธิ์ของพวกคนรวยที่ซื้อ Times แต่ไม่มีเวลาไป
เป็น Resort แบบ Vacation Family คล้ายๆโรงแรม แต่เราขอจานช้อน เตาไมโครเวฟ กาต้มน้ำ ฯ ได้
มีอ่างล้างจานขนาดใหญ่ มีโต๊ะอาหารกลางห้อง เปิดหน้าต่างบานเลื่อน ก็ทานอาหารและชมวิวได้เลย
มื้อค่ำได้ไปทานอาหารร้านปูเป็น
แล้วอีกวันก็ไปเลือกปูกุ้งหอยสดๆที่แหลมบาลีไฮ พัทยาใต้ จ้างเขาปิ้งๆนึ่งๆตรงนั้น
เห็นเขาทำเวที จะมีงานดนตรีมิวซิกเฟสตีวอล มีเต้นท์เยอะแยะ เวทีก็ใหญ่โตโอฬาร
ได้เล่นน้ำทะเล 2 วัน แต่คลื่นลมแรงมาก เมื่อยตัวไปหมด
ในห้างโลตัส คนไม่เยอะแต่แอร์ไม่เย็น ข้างนอกก็ร้อนเป็นบ้า น่าจะ 38 องศากว่าๆ
ว่าจะ...ไปเดินเซ็นทรัลเปิดใหม่ตรงพัทยากลาง แต่นึกไม่ออกว่าจะไปเดินทำไมให้เมื่อย เลยต้องงด 555
ว่าจะ...พาคุณแม่ คุณนายกับคุณหนูไปเที่ยวผับ แต่เกิดอาการแพ้บางอย่าง เลยต้องงด
เปลี่ยนเป็นขับรถทัวร์ไนท์ไลฟ์ของพีเพิลในเมืองเป็นการทดแทน
ทีวีดูสถานีคนเสื้อแดงได้เพราะเป็นจานดาวเทียมของตึก
เกิดมาไม่เคยได้ดู หรือไปร่วมฟังอะไรกับเขา ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเป็นไปได้อย่างงี้ เฮ้อ...เฮ้ย

มองฝรั่งใส่บิกินี่แบบใกล้ๆจนมีความสุขมากๆ
ขากลับซื้อของฝากมาเพียบ สับปะรดศรีราชาหายาก ต้องไปถึงตรงนั้นถึงได้ทานของอร่อยๆฉ่ำๆ ทานแล้วชื่นใจดี
รายละเอียดอื่นๆไว้เอาไว้เล่าให้ฟังอีกที

คิดถึงคนที่ไม่ควรคิดถึง ว้าซ์...ได้ไงเนี๊ยะ



โดย: zoomzero วันที่: 18 มีนาคม 2553 เวลา:9:18:20 น.  

 
มาทวงของขวัญกะของฝากค่ะ งิงิ ไหนอ๊ะ มาอะไรมาให้น้องมั่งมั๊ยเนี่ยะ

อาทิตย์ก่องมีแวะมาเม้นท์ซะย๊าว ยาว อันนุง แต่กดโพสต์แล้วไม่ติด ตั้งหลายรอบ แถมเป็นทุกบ๊อกอีกต่างหาก เซงเลย ไม่เม้นท์มานแระ bloggang ต๊องอีกตามเคย เหอะ ๆ

ช่วงนี้บ้านเมืองวุ่นวาย จะออกไปไหนทีต้องดูดี ๆ ด้วยแหล่ะ เดี๋ยวนี้แก่ขึ้นทุกปียังไงไม่รู้ค่ะ ไปทำงานก็แค่ไม่กี่วัน แต่พอทำบัญชีพวกตัวเลขเยอะ ๆ เพ่งมาก ๆ เอกสารเยอะ ๆ นั่งหน้าคอมฯ นาน ๆ ก็ปวดแขน ปวดไหล่ ปวดหลัง เป็นคนแก่ซะแล้ว แย่จางรุย *-*

วันนี้นอนอืดอยู่บ้าน แวะมาส่งความคิดถึงค่ะ จุ๊ฟ ๆ ๆ


โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมแก่น (http://beee.bloggang.com) IP: 203.144.144.164 วันที่: 18 มีนาคม 2553 เวลา:13:43:35 น.  

 


Welcome back home sweet home ค่ะเฮีย
ถ้ายังไม่กลับ เสาร์ อาทิตย์นี้ มินก็ว่าจะตามไปแล้วค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
นายมินเค้าซื้อคอนโดไว้อยู่ที่เกือบ ๆ ถึงบางเสร่ อ่ะค่ะ
แต่เวลาไปมินไม่เคยไปนอนที่นั่นเลย เพราะมินว่า
มันโดดเดี่ยว ไกลผู้ไกลคนเหลือเกินอ่ะนะ
ถ้ามาพัทยา บรรยากาศมันต้องคึกคัก กลางคืนไปเที่ยวผับเที่ยวบาร์ไปนู่น
ถ้าอยากเงียบ ๆ ส่วนตัว ก็ไปหัวหินซะหมดเรื่อง อิอิ
เดือนหน้า มินอาจจะไปญี่ปุ่นอ่ะค่ะ นายมินจะไปดูดอกซากุระอ่ะ
หนีร้อนไปพึ่งเย็นตรงนั้นก็ดีเหมือนกัน แต่ไปแค่ 5-6 วันมั๊งคะ
ชอบดูฝรั่งใส่บิกีนี่เหรอคะ มินว่าคนไทยใส่สวยกว่านะ
เพราะคนไทยที่ใส่ ส่วนใหญ่จะหุ่นดี และพกความมั่นใจเต็มร้อยเวลาใส่
ส่วนฝรั่งหุ่นดีไม่ดี เค้าก็ใส่กันทั้งนั้นอ่ะนะมินว่า ฮ่า ๆ ๆ
ผิวพวกเราสวยเนียนกว่าตั้งเยอะ อ้าว..ไป ๆ มา จะออกเรทแล้วอ่ะค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
ปล. ได้ทานหอยแมงภู่อบมั่งป่าวคะ...อิอิ
มีความสุขมาก ๆ นะคะเฮีย


โดย: มินทิวา วันที่: 18 มีนาคม 2553 เวลา:17:46:33 น.  

 
อาหมวยเล็ก and น้องบี

อาเฮียทานอาหารทะเลที่มาจากเรือแบบสดๆ เผื่ออาหมวยหลายอย่างจ๊ะ
ได้แก่ ปูนึ่ง หอยแมลงภู่อบ กุ้งเผา ปลาหมึกย่าง หอยนางรม ฯ
ส่วนที่ร้านอาหารก็สั่ง กุ้งฝอยทอดกรอบ ปลากระพงทอดน้ำปลา ปลาสำลีย่าง
ปลาหมึกมะนาว ข้าวผัดปู กันเชียงปูนึ่ง หอยเชลล์อบเนย แกงส้มไข่ปลาริวกิว ฯ

ซื้อหอยแมลงภู่สดๆ แล้วให้เขาอบให้เลย เขาคิดค่าทำ 30 บาท
เฮียก็เป็นคนที่ชอบทานหอยแมลงภู่อบมากๆ
สงสัยจะล่อคนเดียวไปประมาณเกือบ 1 กิโลกรัมเลยกระมัง
แต่ไม่ชอบหอยแครงลวกนะ ทานแล้ว ถ้าไม่สะอาดก็ท้องเสียทันที


เอ้านี้ของฝากจาก ศาลาชี เอ้ย...ศรีราชา
มีทั้งกุ้งแห้ง ปลาหมึกแห้ง ระกำ/สละ ข้าวเกรียบกุ้งทอด ปลาเส้น
ปลาอินทรีเค็ม ปลาทูเค็ม ปลาวง กะปิ หอยดอง หอยแห้ง เกลือ(เป็นกระสอบ)
สับปะรด ทุเรียนกวน ทุเรียนทอด ขนุนทอด ปลาเมล็ดข้าวสาร โมบายเปลือกหอย .... ฯ

ได้คุยกับฝรั่งนักท่องเที่ยวมาเรื่องนี้เหมือนกัน
เขามาอยู่พัทยาเป็นปีแล้ว เขาบอกว่าไม่เคยรู้เลยว่าชลบุรีมีของฝากมากมายขนาดนี้
อย่างว่านะ ฝรั่งที่ไหนจะมาทานข้าวต้ม
กับปลาเค็มทอด ที่ใส่หอมแดงซอย โรยน้ำตาลทราย พริกขี้หนูหั่นฝอยๆ บีบมะนาวน้ำเยอะๆลงไปอีกที

ขากลับคราวนี้ซื้อเกลือสมุทรเป็นถุงใหญ่ๆ มากักตุน
เพราะคิดว่าอีกหน่อยคงต้องต้มปลายข้าวทานกับข้าวต้ม แน่ๆ
ถ้าเมืองไทยยังเป็นแบบนี้ เอาชนะกันด้วยข่าวลือและพิธีไสยศาสตร์มากกว่าเจรจาด้วยเหตุผล
เฮ้อ...ร้อน


























โดย: zoomzero วันที่: 18 มีนาคม 2553 เวลา:21:53:16 น.  

 
Tags Maker is a Text Image Generator to write Messages, Comments or Tags on Pictures


วาว...ของฝากเพียบ..
ขอแค่สัปปะรส 2 ลูก ก็พอค่ะ อิอิ
เหมือนกันอีกแล้ว my destiny on line อ่ะ ฮ่า ๆ ๆ
ชอบหอยแมงภู่ แต่ไม่ค่อยชอบหอยแครงอ่ะค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
บอกให้ทานเผื่อมินด้วย ทานไปแค่โลเดียว
แล้วมินจะได้ทานด้วยเหรอคะแบบนี้อ่ะ ฮ่า ๆ ๆ
เมื่อคืน มินมีเรื่องอีกแล้ว..อืม..ป่าวหรอกมินไม่ได้มีเอง
คนอื่นมีค่ะ...เมื่อคืนขับรถจะขึ้นสะพานนวลฉวี
รถติดมาก ๆ จนไอ้รถที่อยู่ข้างหน้า ต้องหันหลังกลับหมด
ตอนแรกมินก็ไม่รู้ว่าเกิดไรขึ้น เพราะตอนขามา มีทหารตั้งด่านเป็นจุด ๆ
แต่ มองไปไกล ๆ เห็นไฟแว๊บ ๆ ที่เชิงสะพานอ่ะค่ะ
ปรากฏว่าเขาปิดสะพานไม่ให้รถวิ่ง เพราะเกิดอุบัติเหตุใหญ่มาก
คือชนกันถึง 3 คันแบบประสานงาอ่ะ เห็นคนที่มาคอยโบกรถให้กลับรถไปใช้เส้นทางอื่นเล่าให้ฟังอ่ะค่ะ
มีคนเสียชีวิตด้วย และเห็นว่ามีคนบาดเจ็บอีกเกือบ 10 คนอ่ะ
มินก็เลยเปิดฟัง จส.100 ที่มินตกใจคือ เห็นบอกว่าเป็นรถของ เอส บี เฟอร์นิเจอร์ มินก็ใจหายแว๊บว่า..
เฮ๊ย..มันจะใช่รถที่แซงเราขึ้นไปก่อนหน้่านี้หรือป่าว คือแซงไปไม่ถึง 3 นาทีมั๊ง เพื่อที่จะไปขึ้นสะพานอ่ะค่ะ
คือวิ่งไปทางเดียวกัน ตอนที่มินติดไฟแดงนั้น รถก็ยังไปได้เรื่อย ๆ แต่ พอเลยไฟแดงไปถึงเริ่มติดเพราะอุบัติเหตุอ่ะค่ะ
แสดงว่าอุบัติเหตุตรงนั้น เกิดขึ้นไม่ถึง 3-4 นาทีอ่ะนะ คือมินลองคำนวนดูคร่าว ๆ อ่ะค่ะ..
ทำเอามิน ใจคอสั่น แข้งขาสั่นไปด้วย...เวลาที่ขับรถบนถนนอ่ะ
ถ้าเกิดมีเรื่องไร ใคร ๆ ชอบจอดลงไปดู แต่ มินขับหนีออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ เพราะไม่ชอบเห็นภาพอาไรแบบนั้นอ่ะ
เมื่อคืนกลับมายังโทรไปหาหลาน โทรไปเตือนเค้าเรื่องขับรถ เพราะทั้ง 2 คนยังเพิ่งขับเป็นได้ไม่นาน
เป็นห่วงไอ้คนที่ทำงานที่เวริคพ๊อยท์ อ่ะค่ะ เพราะเห็นว่าที่ทำงานเค้าอยู่แถวปทุมรังสิตโน่นอ่ะ ไกลจังเลย..
อ้าว..เอาอีกแล้ว เช้า ๆ เอาเรื่องไรมาคุยกับเฮียก็ไม่รู้เนี่ย
ก็ฟัง ๆ หน่อยนะคะ ไม่รู้จะคุยกับใครอ่ะค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
ปล. เช็คเมล์ด้วยนะคร๊า...ฮ่า ๆ ๆ
มีความสุขมาก ๆ นะคะ เย๊ เย๊..วันนี้วันสุขแล้ว
มิน เย๊ ให้ตัวมินเองด้วยเหมือนกันค่ะ..


โดย: มินทิวา วันที่: 19 มีนาคม 2553 เวลา:4:53:32 น.  

 
To Mintiva



บางเสร่
เคยไปครั้งหนึ่ง ไปเที่ยวพัทยานี่แหละ ค้างหลายคืนที่คอนโด
เลยไปซื้อสังฆทานแล้วขับรถไปบางสเร่กัน วัดที่นั้นใหญ่มาก
พอมาดูชายหาด ทำไมสกปรกจัง เลยไม่ได้เล่นน้ำ
เขาว่าที่นี่ต้องมาตกปลา ว้า..เราไม่ได้เป็นนักกีฬาด้านนั้นซะด้วย
ตอนนี้ไม่อยากไปแล้วหละ
เขาบอกว่าเมื่อก่อนมีคนมาอยู่เยอะ หลังๆก็ย้ายไปพัทยากัน
เมืองเลยเหงาๆ แถมมีเรื่องบ้านที่มีสิ่งเร้นลับอยู่อีกด้วย บรื๋อ...มีคนโดนหลอกจนเพี้ยนก็มี
ถ้าให้นอนที่บางสเร่ สู่ขับรถอีกหน่อยก็ได้ที่พักดีๆแถวพัทยาใต้แล้ว
อาหารมีขายเยอะแยะ โรงแรม/ที่พัก ก็ได้มาตรฐานกว่า แถมยังเที่ยวกลางคืนได้อีกจนเช้า

หอยแมงภู่
เอ้..เขาเขียนว่า หอยแมงภู่ หรือ หอยแมลงภู่ กันแน่ ชักงง
แต่ขอบอกว่าทานได้ทั้งวัน จิ้มน้ำจิ้มซีฟูดรสเปรี้ยวๆแซ็บๆ น้ำลายไหลเลย.....
แล้วหอยนางรม ไม่มีใครชอบเลยเหรอ ของแพงนะ
ฝรั่งมาถามหาบ่อย เพราะเมืองเขาแพงมาก

เรื่องบิกินนี่
ขอบอกเลยว่าสาวไทยใส่แล้วสวยก็เห็นจะมีแต่ในปกนิตยสารนั่นแหละ
ของจริงๆตัวเป็นๆเห็นแต่ วันพีช
บางคนใส่ชุดว่ายน้ำข้างใน แต่มีเสื้อยืดกับกางเกงขาสันสวมทับอีกที ว้า....
สู้ฝรั่งไม่ได้ ทูพีช ชิ้นเล็กติ๊ดเดียว
แต่ส่วนโค้ง ส่วนเว้า โอ้ซ์...อลังการงานสร้าง
แล้วไปเจอสาวฝรั่งใส่บิกินนี่ แต่มีเสื้่อคลุมเป็นผ้าบางๆ โหย...เขากล้าเดินได้ไง

ไปญี่ปุ่น
ยังงงว่า ตัวเฮียเองเคยไปมาแล้ว
และก็ไม่ได้ประทับใจอะไรเลยกับคนของเขา
ไกด์เอาเราไปปล่อยตอนเช้า ตอนเย็นมารับไปกินอาหาร หมดวัน
ที่เหลือก็นั่งรถจากภาคเหนือลงมาภาคใต้ของเกาะ
อาหารก็แพงได้ใจจริงๆ ซื้ออะไรทีต้องคอยเอา 3 คูณ แล้วหารด้วยสิบ
ซื้อนาฬิกายี่ห้อ WIRED ในร้าน SEIKO มาแท้ๆ ราคาหมื่นฝ่าๆ
เมืองไทยไม่รับซ่อม ไม่รับเปลี่ยนสาย บอกว่าประเทศไทยไม่ได้ซื้อลิขสิทธิ์มาซะงั้น
แต่นักเรียนหญิงญี่ปุ่นนี่ช่วยให้บรรยากาศน่าเที่ยวขึ้นเยอะ
กระโปรงสั้นได้อีกน้อง สั้นได้อีก 555
ส่วนเรื่องห้องอาบน้ำแร่ติดกันนี้ แอบชะโงกดูได้ เจริญตาจริงๆ
เป็นผู้หญิงไปญี่ปุ่น ก็เห็นแต่ซื้อพวกเครื่องสำอาง 555

Ref: มินทิวา Mintiva RoyalBlue 41 69 E1


โดย: zoomzero วันที่: 19 มีนาคม 2553 เวลา:21:56:17 น.  

zoomzero
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ของทุกอย่างในโลกมี 2 ด้าน ถ้าเริ่มต้นก็คิดแต่ว่า สิ่งนั้นมีแต่ด้านดีด้านเดียว หรือเลวสุดขีด ต่อให้ศึกษาสิ่งนั้นไปอีกพันๆปี ก็ไม่มีวันเข้าใจ แต่ถ้าเปิดใจมองให้เห็นทั้งสองด้าน และหาความพอดีกับการอยู่กับสิ่งนั้นได้
...
ความสุขย่อมมาคู่กับความทุกข์ เพราะสุขเป็นของไม่เที่ยง เมื่อติดสุข แล้วไม่มีสุขมาให้ชื่นใจ จิตก็จะเป็นทุกข์ ความสงบจึงเป็นของที่เราท่านควรปฏิบัติ
...
การตั้งตัวเป็นจอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด จึงไม่หวังให้ผู้ใดมีสุข ไม่อยากให้คนยึดติดกับสุข หากแต่อยากให้พ้นทุกข์ และได้พบกับธรรมมะของจริง ดั่งคำว่า "ไม่มีมาร อรหันต์ไม่เกิด" 555
...
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
26 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add zoomzero's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.