ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2555
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
14 ตุลาคม 2555
 
All Blogs
 
คนเฝ้าหนังสือ ตอนที่ 6

“ทำไมหูของคุณแม่ถึงได้ยื่นยาวแบบนี้คะ”

“ก็จะได้เอาไว้ฟังเสียงที่แสนไพเราะของลูกได้ชัดเจนอย่างไรล่ะ” เสียงแหบห้าวของคุณแม่ในชุดหลวมกว้าง ซึ่งนอนป่วยอยู่บนเตียงตอบกลับมา

'ท่าทางคุณแม่จะป่วยหนัก เสียงถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้' หญิงสาวหมวกแดงรู้สึกผิด ที่ปล่อยให้คุณแม่ซึ่งแก่ชราลงมากแล้วต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในกระท่อมเดียวดายชายป่าแห่งนี้

“ทำไมจมูกของคุณแม่ถึงได้ยื่นยาวแบบนี้คะ”

“ก็จะได้เอาไว้ดมกลิ่นตัวหอมๆ ของลูกได้ดีอย่างไรล่ะ” คุณแม่ตอบช้าๆ

หญิงสาวย้อนคิดถึงสมัยที่เธอยังเล็ก สมัยที่เธอยังคงเป็นเพียง หนูน้อยหมวกแดง ดูเหมือนคุณยายเองก็อาศัยอยู่ในกระท่อมเดียวดายชายป่าแบบนี้เช่นกัน เธอยังจำช่วงเวลาที่หอบหิ้วตะกร้าใบโต เดินทางนำของกิน ของฝาก ไปเยี่ยมคุณยายได้ดี ท่านจะดีใจ และใจดีกับเธอเสมอ

เธอเคยไม่เข้าใจ จนถึงตอนนี้แล้วก็ยังไม่เข้าใจ ว่าทำไมทั้งสองจึงต้องใช้ชีวิตบั้นปลายในกระท่อมชายป่าเช่นนี้

คุณแม่พยายามยิ้ม และมันเผยให้เห็นฟันซี่โต 'ไม่ นั่นไม่ใช่ฟัน' มันดูเหมือนเขี้ยวมากกว่า เขี้ยวแหลมคมที่ใช้สำหรับตัดเฉือน แตกต่างจากฟันกรามทื่อๆ ที่เอาไว้ใช้บดเคี้ยว

'ตอนนั้นเคยเกิดอะไรขึ้นกับคุณยายนะ' เธอคิดว่ามันสำคัญจึงพยายามที่จะนึก แต่ก็นึกไม่ออก

“...ทำไมฟันของคุณแม่ถึงได้ดูแหลมคม แวววาวน่ากลัวแบบนี้คะ”

พอเอ่ยถามออกไป เธอก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงภายในกระท่อม มันค่อยๆ มืดลง ราวกับแสงสว่างพากันหลบหนีออกจากห้องไปอย่างหวาดกลัว 'มันไม่ได้หนี แต่พวกมันถูกไล่ให้ออกไป' ด้วยความมืดที่แผ่ขยายออกมาจากร่างที่นอนอยู่บนเตียง คุณแม่ฉีกปากยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิม

“ก็จะได้เอาไว้กัดกินเจ้าอย่างไรเล่า หนูน้อยหมวกแดง”

ใบหน้าของคุณแม่หายไปในความมืดมิด หลงเหลือเพียงดวงตาสีแดงคู่นั้น ดวงตาของสัตว์นักล่าแห่งความมืด ดวงตาที่แสนคุ้นเคย

“เจ้าอาจเคยหลบหนีข้ามาได้ครั้งหนึ่ง แต่ไม่มีใครสามารถหลบหนีข้าไปได้ตลอดกาล”

เธอจำได้ในทันทีว่ามันคือใคร หมาป่าที่เคยหลบอยู่ในกระท่อมของคุณยาย 'หมาป่าที่เคย...' เธอไม่เสียเวลาคิดอีก หันหลังกลับ วิ่งตรงไปยังทิศทางของประตูที่ยังอยู่ในความทรงจำ ท่ามกลางความมืด ดวงตาสีแดงคู่นั้นติดตามมา พร้อมส่งเสียงคำรามอย่างหัวเสีย

แม้ไม่ได้หันหลังกลับไปแต่เธอก็รู้สึกได้ ลมหายใจ ดวงตาสีแดงที่เคลื่อนใกล้เข้ามา 'อีกนิดเดียว' เธอยื่นสองมือออกไปในความมืดเบื้องหน้า แต่พบเพียงความว่างเปล่า

“เรามาจบนิทานเรื่องนี้กันเสียที” เสียงแหบห้าวคล้ายกับจะดังอยู่ที่ข้างหู

เธอยังไม่ยอมแพ้ พุ่งตัวออกไปสุดแรง ร่างของเธอปะทะชนเข้ากับความมืด ก่อนที่มันจะเปิดออกเป็นแสงสว่าง ดูเหมือนเธอจะได้พบเจอกับประตูทางออกที่เฝ้าค้นหา เพียงแต่ว่า 'แล้วหลังจากนี้จะทำอย่างไร'

เธอออกมายืนอยู่ชายป่า ณ ช่วงเวลาสนธยา แสงสว่างภายนอกกำลังถดถอย และความมืดจากภายในกระท่อมก็ค่อยๆ ก้าวผ่านประตูออกมา เธอมองไม่เห็นว่าหมาป่ามีรูปร่างหน้าตาเป็นเช่นไร เพราะมันหลบซ่อนตัวอยู่ในความมืด หรือไม่อย่างนั้นตัวมันเองก็คือความมืด เห็นเพียงดวงตาสีแดงที่จ้องมองมาเท่านั้น

“ไม่มีทางหนีพ้นหรอก” มันตอกย้ำ ความมืดค่อยๆ เคลื่อนใกล้เข้ามา

“เกิดอะไรขึ้น” เสียงของใครคนหนึ่งดังมา ทั้งสองต่างหันไป และได้เห็นคนตัดไม้ที่ผ่านทางมา เขาผ่านมาตามเส้นทางนี้เสมอ ผ่านมาทุกครั้งเมื่อมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

“เชอะ” หมาป่าส่งเสียงร้องออกมาอย่างหัวเสีย

“ช่วยด้วยค่ะ หมาป่ากินคุณแม่เข้าไป แล้วปลอมตัวเป็นท่าน ตอนนี้มันคิดจะกินฉันด้วยอีกคน” เธอรีบบอก ก่อนที่ความสงสัยจะก่อตัวขึ้น

'คนตัดไม้ในชุดขาว' ไม่เคยมีคนตัดไม้สวมชุดสีขาว ไม่เคยมีคนตัดไม้ที่ดูสะอาดถึงขนาดนี้ กล้ามเนื้อของเขาถึงแม้จะพอมี แต่ก็ยังน้อยเกินกว่าที่จะใช้ทำงานหนักตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะมือคู่นั้น นิ้วเรียวยาวไร้รอยหยาบกร้านซึ่งไม่เหมาะกับการจับขวานเลยแม้แต่น้อย มันคงดูดีกว่าหากเขาได้ถือเครื่องมืออะไรที่มีขนาดเล็กกว่านั้น

“ให้ฉันจัดการเอง” เขาพูดอย่างมั่นใจ ก่อนเริ่มมองหาอะไรบางอย่าง ความมั่นใจบนใบหน้านั้นยังคงอยู่ ราวกับมันเป็นหน้ากากที่สวมเอาไว้

“...ขวานของฉัน เธอเห็นมันบ้างไหม”

เธอตกใจ 'คนตัดไม้ที่ไร้ขวาน แล้วเขาจะใช้อะไรจัดการกับหมาป่า' เธอไม่เห็นรอยยิ้มของหมาป่าในความมืด แต่เธอรู้สึกได้ 'มันกำลังพยายามกลั้นหัวเราะ'

“บางที ฉันอาจจะลืมมันไว้ในถัง...ถังอะไรสักอย่าง” เขานิ่งไป “ฉันไม่ควรทำอย่างนั้น” เขาล้วงมือเข้าไปในชุดขาว หยิบเครื่องมือที่ดูเหมาะสมกับตัวเขาออกมา

มันเป็นมีดเล็กๆ ที่คมกริบ สะท้อนประกายกับแสงสุดท้ายของวัน แสงแห่งความหวัง

“...ฉันจะทำให้ดีที่สุด” เขาย้ำด้วยความมั่นใจ

คนตัดไม้ตรงเข้าไปเผชิญหน้ากับหมาป่าด้วยความมั่นใจ มันถอยกลับเข้าไปในกระท่อม เขาติดตามเข้าไป ประตูปิดลง ทิ้งให้สาวน้อยหมวกแดงยืนอยู่เพียงเดียวดายเมื่อความมืดแห่งยามค่ำคืนมาเยือน

#####

ฟูล ละสายตาจากหน้าหนังสือ เขาพึ่งได้อ่านมัน ก่อนหน้านี้เขามั่นใจว่าไม่เคยมีเรื่อง 'หนูน้อยหมวกแดง' อยู่ในหนังสือนิทานเล่มนี้ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เขาเคยเจอเรื่องแบบนี้มาแล้ว 'ไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองครั้งด้วย'

ตัวอักษรบนหน้ากระดาษนั้นยังคงเป็นเรื่องราวของหนูน้อยหมวกแดงอย่างที่ควรจะเป็น แต่สิ่งที่เขาอ่านนั้นแตกต่างออกไป 'เพราะมันคือตัวจริงของนิทาน'

'นิทานเรื่องนี้จบแล้ว' เขายิ้มเศร้าๆ '...แต่มันจบแล้วแน่หรือ'

#####

“เราจะย้ายคุณยายกลับห้องพักนะคะ”

พยาบาลบอกกับทุกคน คุณยายยังคงนอนนิ่งไม่ได้สติอยู่บนรถนอนที่ถูกเข็นออกมา ใบหน้านั้นดูซีดเซียว แต่ยังคงมีชีวิตอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย

“ผลการผ่าตัดเป็นอย่างไรบ้างคะ” แม่รีบถาม

“การผ่าตัดเรียบร้อยดี...แล้วคุณหมอจะไปคุยด้วยอีกครั้งนะคะ”

ทุกคนต่างยิ้มออกมาอย่างยินดี

#####

เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดคนหนึ่งกำลังเก็บกวาดห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าภายในห้องผ่าตัด หลังจากวันอันวุ่นวายนั้นผ่านพ้นไป เธอยกถังขยะแห้งเทลงในถุงดำใบใหญ่ มีเศษกระดาษแผ่นหนึ่งปลิวร่วงออกมา เธอหยิบมันขึ้น ขยำให้เป็นก้อนแล้วโยนทิ้งไปอย่างไม่ใส่ใจ

ถ้าเธอมองดูมันสักนิด ก็จะได้เห็นรูปขวานที่ถูกวาดอยู่บนนั้น ขวานที่คมจนมีประกายแวววาว พร้อมกับตัวอักษรที่เขียนกำกับเอาไว้ด้วยลายมือยุกยิกว่า

'ขวานของคนตัดไม้'

#####

แม่ยังคงนอนเฝ้าคุณยายอยู่ที่โรงพยาบาล ส่วนพ่อก็นำรถกลับมาใช้ และคอยพา พอ แวะไปเยี่ยมท่านทุกวัน ท่านกำลังค่อยๆ ฟื้นตัวจากการผ่าตัด คุณหมอบอกว่าคงต้องใช้เวลาสักหน่อย เพราะท่านอายุมากแล้ว

ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือไม่ แต่เขารู้สึกว่าพ่อกับแม่ถึงแม้จะยินดี แต่ก็ยังมีอะไรบางอย่างซุกซ่อนเอาไว้ และเขาไม่อยากให้มันเป็นเช่นนั้นเลย

“วันพรุ่งนี้ไปว่ายน้ำด้วยกันไหม”

อะตอมถาม พอ หลังเลิกเรียนด้วยท่าทีร้อนรนเป็นพิเศษ

“ไม่ดีกว่า คุณยายจะได้กลับบ้านแล้ว” ในหมู่บ้านแห่งนี้มีสระว่ายน้ำอยู่ด้วย และพวกเขาเคยไปว่ายด้วยกันหลายครั้งแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นการไปเล่นน้ำมากกว่า ทั้งคู่ต่างว่ายน้ำได้ แต่ไม่เก่งนัก

“แค่ชั่วโมง สองชั่วโมงเอง ไปด้วยกันหน่อยนะ”

เขาหรี่ตามอง “มีอะไรกันแน่ นายรีบบอกออกมาให้หมดจะดีกว่า” เขาแปลกใจที่เห็นเพื่อนหน้าแดง

“คือฉัน ฉัน...ฉันชวนพริมไปว่ายน้ำด้วยกัน ฉันบอกเธอว่านายจะไปด้วย เธอก็เลยรับปาก”

พอ ส่งเสียงหัวเราะ จนหลายคนในห้องหันมา

“ชู่ เงียบหน่อยสิ” อะตอมหันมองไปรอบๆ ราวกับเป็นคนที่ทำความผิดแล้วกลัวใครจะจับได้ อย่างที่เขาเรียกว่า 'วัวสันหลังหวะ' คือวัวที่มีบาดแผลอยู่บนหลัง เมื่อมีนกกาบินเข้ามาใกล้ ก็กลัวว่าตนจะถูกจิกบาดแผล หวาดระแวงไปต่างๆ นาๆ นั่นเอง

“ก็ได้ ก็ได้ ฉันจะไปด้วย” เขายอมรับปากในที่สุด

“ขอบใจมากเพื่อน” อะตอมยิ้มกว้าง ก่อนเดินจากไปอย่างยินดี

“วันนี้กลับบ้านด้วยกันไหม” เขาตะโกนถามไล่หลัง

“ไม่ นายกลับไปก่อนได้เลย”

'ผู้หญิง' พอ ส่ายหน้า แต่ในใจก็นึกไปถึงพริม นึกถึงภาพตอนที่เธอสวมใส่ชุดว่ายน้ำ เขารู้สึกว่าใบหน้าของตนเองกำลังร้อนผ่าว โดยไม่ต้องมีกระจกมาส่องให้เห็นเงาสะท้อนก็รู้ว่า

ใบหน้าของเขาคงแดงไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว

เขาเดินกลับบ้านเพียงลำพัง ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หมู่บ้านยังคงเงียบเชียบเหมือนที่ผ่านมา แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เมื่อเขาเดินมาถึงบ้านหลังหนึ่ง ประตูรั้วเปิดกว้างทิ้งไว้ พร้อมกับมีความเคลื่อนไหวอยู่ในนั้น

'ร้านหนังสือฟูล'

ดูเหมือนวันนี้จะมีลูกค้าอยู่บ้าง 'ไม่เหมือนทุกวันที่ผ่านมา' เขาหยุด ก่อนใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว 'ถ้ามีคนอื่นด้วย ฉันลองแวะเข้าไปหาหนังสือดูบ้างดีกว่า' เขาเลี้ยว ก้าวผ่านแนวรั้วเข้าไป เหล่าตุ๊กตาปั้นรูปสัตว์ที่ชุมนุม หรือหลบมุมอยู่ตามที่ต่างๆ พากันจ้องมองมาโดยที่เขาไม่ทันรู้ตัว

ทุกอย่างในร้านหนังสือยังคงเหมือนเดิม อย่างที่เขาเคยจำได้ มันมีหนังสืออยู่ในทุกที่ ไม่รู้ว่าเจ้าของร้านได้จัดพวกมันบ้างแล้วหรือไม่ เขาไม่อาจบอกความแตกต่างได้ 'รวมถึงความเงียบด้วย' เขาแปลกใจ ภายในร้านไม่มีใครแม้แต่คนเดียว 'แล้วเงาที่ฉันเห็นพวกนั้น มันคืออะไรกัน'

เขากำลังลังเลว่าจะอยู่ต่อ หรือรีบกลับออกไปข้างนอกดี ทันใดนั้นขนบนหลังของเขาก็ลุกเกรียวขึ้น เขาต้องพยายามบังคับตัวเองไม่ให้วิ่งหนี หรือตะโกนโวยวายออกมา มีสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมองเขาอยู่ ดูว่าเขาเป็นอย่างไร เขาจะตอบสนองอย่างไร คอยดูว่าเหยื่อของมันเป็นอย่างไร

“อ้าว สวัสดีลูกค้าตัวน้อยของฉัน” เสียงแหบห้าวดังขึ้นจากทางด้านหลัง

“...สวัสดีครับ” เขาฝืนใจตอบ พยายามทำตัวเป็นปกติ

“ค้นหาหนังสือตามสบายนะ แต่ถ้ามีอะไรให้ช่วย ฉันนั่งอยู่ที่โต๊ะ”

เจ้าของร้านหนังสือเดินผ่านไป ด้วยท่าทางการเดินเฉพาะตัว ผมยาวที่มัดเอาไว้นั้นแกว่งไกวไปมา เขาพยายามจะไม่คิดอะไรแปลกๆ อีก ความฝันพวกนั้นผ่านไปแล้ว การผ่าตัดผ่านไปแล้ว ทั้งหมดเป็นเพียงจินตนาการที่มีมากเกินไปของเขาเท่านั้น 'ไม่มีอะไร' เขาย้ำ และเพื่อให้ตัวเองเชื่อ เขาจึงตัดสินใจเดินท่องไปมาระหว่างตู้หนังสือ เปิดดูเรื่องราวต่างๆ ที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน จนในที่สุดเขาก็เริ่มรู้สึกเพลิดเพลินไปกับมัน

เขาได้ค้นพบหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งมีความโดดเด่นเป็นพิเศษ หนังสือที่บอกเล่าถึงการผจญภัยในโลกแห่งจินตนาการ มันอาจเป็นเพียงหนังสือไร้สาระของใครหลายคน แต่เขาก็ชอบมัน เขาลองพลิกอ่านดูสองสามหน้า 'น่าสนใจ' เขาไม่เคยพลิกอ่านดูตอนจบก่อน เพราะรู้สึกเหมือนมันเป็นการโกงเรื่องราวในหนังสือเล่มนั้น

เขาเจอตัวเลขเล็กๆ เรียบร้อยบรรจง ที่เขียนไว้ด้วยดินสอด้านในปก พร้อมกับนึกถึงจำนวนเงินที่มีอยู่ในกระเป๋า 'พอไหว' แล้วก็มาถึงส่วนที่ยากที่สุด

นั่นคือการไปเผชิญหน้ากับชายคนนั้นที่โต๊ะทำงานของเขา

“เอาเรื่องนี้หรือ เลือกได้ดีนี่นา” ชายคนนั้นยิ้ม แต่เขาไม่ค่อยอยากเห็นรอยยิ้มแบบนี้

“ฉันเดาไม่ผิดจริงๆ ว่าเธอต้องชอบเรื่องราวการผจญภัย เด็กผู้ชายทุกคนมักเป็นอย่างนั้น อา ฉันเองก็เคยเป็นเหมือนกัน” เขาพยายามนึกภาพชายคนนี้ในวัยเด็ก แต่ก็นึกไม่ออก 'เขาอาจเก่าแก่เกินกว่าที่จินตนาการของฉันจะสามารถเดินทางย้อนกลับไปถึงได้'

“ฉันจะลดราคาให้เป็นพิเศษก็แล้วกัน สำหรับ...ลูกค้าคนสำคัญของฉัน”

“...ขอบคุณครับ” เขาฝืนตัวเองให้ตอบไปตามมารยาท อยากให้ทุกอย่างสิ้นสุดลงโดยเร็ว

“เธอเห็นอะไรแปลกๆ ตรงนั้นไหม” ชายคนนั้นชี้มือด้วยท่าทางตื่นเต้น ทำให้เขาต้องรีบหันหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว จินตนาการของเขาทำงานอย่างเต็มที่ 'มีอะไรกันแน่' จะเป็น สัตว์ประหลาด สิ่งลึกลับ มิติพิศวง หรืออะไรที่น่ากลัวกว่านั้น

“เอ่อ ขอโทษที ฉันคงตาฝาดไปเอง” จินตนาการทั้งหมดพังทลายลง

เจ้าของร้านส่งหนังสือที่ถูกบรรจุลงในถุงทึบๆ มีเทปติดเอาไว้อย่างเรียบร้อย ซึ่งไม่จำเป็นที่จะต้องทำถึงขนาดนั้นเลย เขารับมา และรู้สึกถึงน้ำหนักของมันภายในมือตน

“หนังสือเป็นของเธอแล้ว อ่านให้สนุกนะ”

เขารีบออกจากร้านไปโดยเร็ว เสียงประตูปิดลง ฟูลแทบจะได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาที่น่าจะเรียกว่าเป็นการวิ่งมากกว่าเดินเคลื่อนห่างออกไป เขาหัวเราะเบาๆ พร้อมกับเคาะนิ้วลงบนหนังสือเล่มที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา ก่อนพึมพำเบาๆ ออกมาอีกครั้ง

“...อ่านให้สนุกนะ”

พอ รีบตรงกลับบ้าน แล้วเขาก็พบความผิดปกติทันทีที่มาถึง ในบ้านมีรถจอดอยู่เรียบร้อย ดูเหมือนวันนี้พ่อของเขาจะกลับมาถึงก่อนใคร ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ และเขาไม่ชอบความเป็นไปได้ต่างๆ ที่ผุดขึ้นมาเลยสักนิด

“พ่อกลับมาแล้วหรือครับ” เขาส่งเสียงถามเมื่อเปิดประตูเข้าบ้าน เสียงเอะอะที่ดังอยู่ก่อนหน้าเงียบหายไปทันที ติดตามมาด้วยความเงียบที่ชวนอึดอัด เขารู้แล้วว่าไม่ได้มีเพียงพ่อเท่านั้นที่กลับมาถึงบ้านก่อนใครในวันนี้

“กลับมาแล้วหรือลูก”

“สวัสดีครับแม่” เขายกมือขึ้นไหว้ “สวัสดีครับพ่อ” พ่อเดินตามแม่ออกมาด้วย

“เรากำลังจะออกไปรับคุณยายกลับ...ลูกรออยู่ที่บ้านก็แล้วกัน”

“แต่ผมอยากไปด้วย”

“ไม่” พ่อย้ำ “ลูกรออยู่นี่ดีแล้ว”

เสียงรถแล่นจากไป เขาเอาอาหารออกมาอุ่นอย่างเคย พร้อมกับนั่งกินอยู่เงียบๆ 'ฉันเคยได้ยินเสียงเอะอะแบบนั้นมาก่อน' เขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้าที่เขาจะกลับมา พ่อแม่กำลังทะเลาะกัน เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าครั้งนี้เป็นเรื่องอะไร 'แล้วจะแตกต่างตรงไหน'

หนังสือเก่าเล่มใหม่ที่ซื้อมายังคงวางอยู่ใกล้ๆ แต่เขาไม่มีใจแม้แต่จะเปิดถุงออกดูด้วยซ้ำ หลังจากนั้นเขาก็กลับขึ้นไปบนห้อง โยนมันทิ้งไว้ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ก่อนนอนลงแล้วหลับตา รอคอยให้ทุกคนกลับมาถึงบ้าน

แล้วเขาก็เผลอหลับไป


Create Date : 14 ตุลาคม 2555
Last Update : 14 ตุลาคม 2555 20:11:41 น. 0 comments
Counter : 852 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.