ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
19 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
วชิระ เวทภพ สยบมาร (30) เริ่มเคลื่อนไหว

ในตอนเช้าของวันนั้น ฤทธิ์ นำคนรับใช้ภายในร้านมาแบกร่างของชายชราไปไว้ที่ลานกลางเมือง

ชาวเมืองต่างพากันมาร่วมชุมนุม พวกมันนำไม้ฟืนติดตัวมาด้วยคนละท่อน เมื่อมาถึงก็เอามาวางลงกองไว้รอบร่างของชายชรา พอถึงตอนสายหญิงชราก็มาถึง ในมือของนางถือคบไฟมาด้วยด้ามหนึ่ง

นางจุดมันด้วยไฟจากเตาหลอมโลหะที่อยู่ภายในบ้านของพวกท่านนั่นเอง

ผู้คนที่ร่วมชุมนุมกันอยู่ต่างสงบปากลง ทั่วทั้งลานกว้างเงียบสงัด ได้ยินแต่เพียงเสียงของสายลมที่พัดมากระทบกับกิ่งไม้ใบไม้ และเสียงนกที่ร้องดังขึ้นในบางครั้ง

หญิงชราเดินมาหยุดยืนอยู่ที่หน้ากองฟืน นางก้มศีรษะคำนับขอบคุณผู้ที่มาร่วมงาน ทุกคนต่างคำนับตอบนางเช่นกัน

นางหยุดยืนเหม่อมองเข้าไปในกองฟืนอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็วางคบไฟในมือลงไป ไฟค่อยๆ ลุกลามติดไปจนทั่วทั้งกอง ความร้อนที่เกิดขึ้นทำให้นางต้องก้าวถอยหลังออกมา

ทุกคนต่างร่วมกันยืนสงบนิ่งไว้อาลัยให้กับ ชนะชัย จอมดาบไร้พ่าย ที่สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ให้แก่ความตาย ธรรมชาติย่อมยิ่งใหญ่และทรงพลังเหนือสิ่งอื่นใด

วชิระ เองก็อยู่ร่วมภายในงานนี้ด้วย เมื่อผู้คนต่างค่อยๆ ทยอยแยกย้ายกันไป ฤทธิ์ ก็เข้ามาชักชวนมันให้ไปที่ร้าน

วันนี้ร้านถูกปิดทั้งวัน ในร้านสุราที่กว้างใหญ่ จึงมีเพียงพวกมันสองคนนั่งสนทนากันอยู่ กับคนรับใช้อีกผู้หนึ่งที่คอยบริการสุราอาหาร

แต่หากพวกมันไม่เรียกหาสิ่งใด คนรับใช้ผู้นี้ก็จะไปนั่งอยู่ในที่ห่างไกล ปล่อยให้พวกมันสองคนได้พูดคุยกันตามลำพัง

วชิระ เพียงรู้ว่า ฤทธิ์ ไม่ได้เป็นญาติอันใดกับผู้เฒ่าทั้งสอง แต่การปฏิบัติที่พวกมันมีต่อกันแสดงว่ามีความผูกพันกันอย่างลึกซึ้ง

มันแม้มีความสงสัยอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ซักถามออกไปให้กระจ่าง มันไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้

ในตอนแรก ฤทธิ์ ชวน วชิระ พูดคุยในเรื่องราวทั่วๆ ไป จนเมื่อสุราอาหารบนโต๊ะเริ่มพร่องลง มันจึงค่อยวกมาพูดเรื่องที่มันต้องการ

“ข้าทราบมาว่า คนในตระกูลของท่านเป็นแกนนำสำคัญในมหาสงครามเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน ที่ กองทัพของมหานคร สามารถโค่นล้ม กองทัพของเหล่าจ้าวอสูร ลงได้ ก็เป็นเพราะฝีมือของพวกท่านนั่นเอง”

“เจ้าคงได้ยินเรื่องราวเหล่านี้มาจากท่านผู้เฒ่า”

“ถูกแล้ว ท่านผู้เฒ่ายังบอกเล่าเรื่องของ อสูร ให้ข้าฟังอีกด้วย พวกมันล้วนน่ากลัวยิ่งนัก”

วชิระ ยังคาดเดาไม่ออกว่าเหตุใด ฤทธิ์ จึงพูดเรื่องเหล่านี้ขึ้นมา มันที่แท้ต้องการอะไรกันแน่ ฤทธิ์ ยังคงพูดต่อไปอีกว่า

“เมื่อคืนนี้ตอนท่านจากไป ข้าก็ได้รับข่าวสารสำคัญเรื่องหนึ่งมา ข่าวชิ้นนั้นแจ้งว่า จ้าวอสูร กลับมาแล้ว จ้าวอสูร ผู้หนึ่งพร้อมด้วยองครักษ์สี่คน และกองทัพของมัน ประกาศสงครามกับมหานครแล้ว”

สิ่งที่ วชิระ เคยคาดคิดเอาไว้เป็นความจริงขึ้นมาแล้ว เมื่อพวกมันรู้ว่าเวทลับไม่อาจใช้ออกได้อีก พวกมันก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง วชิระ เองแม้จะเคยคิดถึงเรื่องนี้ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดีเช่นกัน

“ไพร่พลของมันส่วนใหญ่จะเป็นคนแคระ และยักษ์ ที่เป็นชนส่วนน้อยของอาณาจักร พวกเหล่านี้ต่างถูกมนุษย์ดูถูก และกีดกันไม่ให้เข้ามามีบทบาทในบ้านเมือง พวกมันจึงพากันเข้าร่วมกับ จ้าวอสูร โดยไม่ลังเล แต่ที่สำคัญก็คือเมื่อเช้านี้ข้าพึ่งได้รับข่าวด่วนอีกเรื่องหนึ่งมา”

ใบหน้าของ ฤทธิ์ ปรากฏความวิตกกังวลขึ้นอย่างชัดเจน มันยกสุราขึ้นกรอกจนแห้ง แล้วค่อยพูดต่อว่า

“ข่าวแจ้งมาว่า จ้าวอสูร ได้ส่งองครักษ์ของมันสองคนให้คุมไพร่พลส่วนหนึ่งแยกออกมาจากกองทัพหลัก แล้วเดินทัพลงมาทางทิศใต้ เป้าหมายของพวกมันก็คือยึด และทำลายเมือง ศาสตรา แห่งนี้”

มันหยุดแล้วยกสุราขึ้นกรอกอีกครั้ง

“ในตอนเย็นวันนี้ ข้าจะให้ท่านแม่เฒ่าเรียกประชุมชาวเมืองเพื่อช่วยกันคิดหาหนทางว่าจะทำประการใดกันต่อไป ท่านคงจะเข้าร่วมประชุมกับพวกเราด้วยใช่หรือไม่”

วชิระ พลันเข้าใจแล้วว่าเหตุใด ฤทธิ์ จึงพูดเรื่องเหล่านั้นขึ้นมา มันที่แท้ต้องการให้ วชิระ เข้าร่วมในการต่อต้านกองทัพที่ยกมาในครั้งนี้ มันคงคาดว่า วชิระ มีความลับที่จะใช้ต่อต้าน จ้าวอสูร ซุกซ่อนเอาไว้

ฤทธิ์ รอคอยคำตอบอยู่ แต่ วชิระ ยังคงนิ่งเงียบ มันไม่รู้ว่าสมควรจะทำประการใดดี ในตอนนั้นเองกลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากภายในร้านว่า

“มันคงไม่อาจอยู่ร่วมประชุมกับพวกเราได้”

หญิงชราใช้ประตูหลังเดินเข้ามาภายในร้าน นางพอดีได้ยินคำสนทนาของพวกมันในช่วงท้ายเข้า จึงส่งเสียงตอบแทน วชิระ ออกมา พอนางเดินเข้ามา ทั้งสองคนที่นั่งอยู่ต่างรีบลุกขึ้นคำนับนางในทันที

ฤทธิ์ ถามนางขึ้นว่า

“เหตุใดท่านแม่เฒ่าไม่พักผ่อนอยู่ที่บ้าน ท่านตรากตรำมาทั้งวันทั้งคืนแล้ว”

“เรามีเรื่องสำคัญที่รับปากกับเจ้าเฒ่าเอาไว้ พอนึกขึ้นมาได้ก็เลยรีบออกมาตามหามันทันที”

นางพูดพร้อมกับหันไปมอง วชิระ นางที่แท้มีธุระอันใดกับมันกันแน่

“เราสอบถามผู้คนในเมืองพวกมันบอกว่า พวกเจ้าสองคนมาพูดคุยกันอยู่ในที่นี้ เราจึงติดตามเข้ามา”

พอพูดคุยถึงตอนนี้ ทั้งสามคนต่างนั่งลง คนรับใช้ผู้นั้นก็รีบนำถ้วยสุรามาให้กับนาง ทั้งยังนำจานใส่ผลไม้แห้งหลายชนิดมาอีกด้วย

มันผู้นี้ทำงานอยู่ในร้านมาเนิ่นนาน ผู้ใดชมชอบสิ่งใดเป็นพิเศษมันต่างจดจำได้ ดังนั้นมันจึงมักจะได้รางวัลจากผู้ที่มาดื่มกินเป็นพิเศษเสมอ

หญิงชราเมื่อเห็นผลไม้แห้งจานนี้ก็ส่งยิ้มให้กับมัน นางไม่ค่อยชมชอบดื่มสุรานัก แต่หากมีผลไม้แห้งเหล่านี้ นางกลับสามารถดื่มเพิ่มขึ้นได้อีกสักเล็กน้อย

เมื่อคนรับใช้ถอยกลับไปยังที่ของมันแล้ว หญิงชราก็กล่าวว่า

“เราขอขอบใจเจ้ามากสำหรับเรื่องราวเมื่อคืนนี้ และขอคืนสิ่งของที่หยิบยืมมาให้กับเจ้าเสียก่อน”

นางหยิบของสิ่งหนึ่งวางลงบนโต๊ะ มันก็คือดาบ ปีศาจแดง นั่นเอง เพียงแต่ตอนนี้มันถูกพันห่อเอาไว้อย่างมิดชิดด้วยผ้าที่มีลวดลายเป็นตัวอักษรประหลาด

ผ้าผืนนี้ทอขึ้นด้วยไหม ส่วนลวดลายที่เป็นตัวอักษรนั้นเกิดจากฝีมือการปักที่ละเอียดงดงามยิ่งนัก

“ผ้าผืนนี้คือ ผ้าผนึกเวท เป็นเราปักขึ้นเนิ่นนานมาแล้ว ลวดลายเหล่านี้เป็นมรดกตกทอดของตระกูลเรา พลังเวทไม่อาจทะลุผ่านได้ พลังของอาวุธปีศาจก็เป็นพลังเวทรูปแบบหนึ่ง หากใช้ผ้าผืนนี้พันห่อเอาไว้ เจ้าก็ไม่ต้องกลัวว่ามันจะอาละวาดขึ้นมาอีก”

วชิระ จ้องมองนิ่งไปที่ผ้าผืนนั้น มันคล้ายกับคิดถึงเรื่องสำคัญบางประการขึ้นมาได้ แต่ก่อนที่ความคิดนั้นจะกระจ่างชัด ฤทธิ์ ก็พูดขัดขึ้น ทำให้ความคิดของมันหายวับไป

“เหตุใดท่านแม่เฒ่าไม่ปักเป็นผ้าผืนใหญ่ หากนำมาตัดเป็นชุดป้องกันพลังเวท ย่อมสามารถนับเป็นอาวุธวิเศษที่เทียบเท่ากับดาบปีศาจได้เลยทีเดียว”

“เด็กโง่ ของเช่นนี้ย่อมไม่สามารถทำขึ้นได้โดยง่าย เพียงผืนเท่านี้ก็สุดความสามารถของเราแล้ว”

หญิงชราหันมากล่าวกับ วชิระ ว่า

“ผ้าผืนนี้เราขอยกให้กับเจ้า ถือว่าเป็นสินน้ำใจที่ทำให้เจ้าเฒ่าได้สมใจก่อนที่จะจากไป”

“แต่ว่า…”

“เจ้ารับไปเถอะ มันอยู่กับเราต่อไปก็ไม่เกิดประโยชน์อันใดขึ้นมา”

หญิงชราจ้องมองหน้าของ วชิระ อย่างจริงจัง ในที่สุดมันก็ยกมือขึ้นคำนับพร้อมกับกล่าวขอบคุณ นางจึงยิ้มให้กับมัน ถึงตอนนี้ ฤทธิ์ ก็กล่าวถามนางว่า

“เมื่อครู่ท่านแม่เฒ่าบอกว่า ท่าน วชิระ ไม่อาจอยู่ร่วมประชุมกับพวกเราเย็นนี้ได้ ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใดกัน”

“เนื่องเพราะมันต้องรีบเดินทางไปยังป่า ไร้หวนกลับ โดยเร็วที่สุด”

“ป่า ไร้หวนกลับ…เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น”

“เนื่องเพราะสถานที่แห่งนั้นมีสิ่งที่อาจช่วยเหลือมันได้ซุกซ่อนอยู่ เจ้าเฒ่าขอให้เราบอกเล่าเรื่องนี้ให้กับมัน พวกเราทั้งสองความจริงลืมเรื่องนี้ไปนานแล้ว แต่ในช่วงเวลานั้นความทรงจำของเจ้าเฒ่าพลันหวนคืนมา จึงนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ เราจะเล่าให้พวกเจ้าฟังเอง”


Create Date : 19 สิงหาคม 2552
Last Update : 19 สิงหาคม 2552 8:04:13 น. 0 comments
Counter : 465 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.