ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
6 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
วชิระ เวทภพ สยบมาร (1) เค้าลางของพายุ

เมืองน้อยภายในโอบล้อมของขุนเขา ตัวเมืองนั้นเป็นป้อมโบราณ ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงทั้งสี่ด้าน กำแพงแม้สูงแต่ขุนเขานั้นยิ่งสูงตระหง่าน ยามนี้ดวงอาทิตย์กำลังลาลับ นับเป็นภาพที่สวยซึ้งตรึงใจยิ่งนัก แต่บรรยากาศภายในเมืองกลับแฝงไว้ด้วยอาถรรพ์บางประการ ความลึกลับบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้

เมืองน้อยในยามค่ำคืนย่อมเงียบสงบยิ่ง ผู้คนต่างเข้านอนแต่หัวค่ำเพื่อจะได้ตื่นแต่เช้า ทำงานเหน็ดเหนื่อยตรากตรำจนเย็นย่ำ มีความสุขกับครอบครัวของพวกมันสักเล็กน้อย จากนั้นก็กลับเข้านอน ชีวิตวนเวียนอยู่เช่นนี้ไม่จบสิ้น เช่นนี้แม้ดูไปจะจืดชืดอย่างยิ่ง น่าเบื่ออย่างยิ่ง แต่มีบ้างบางคนกลับใฝ่ฝันถึงชีวิตเยี่ยงนี้ กลับเพียงต้องการสามารถจะมีชีวิตเยี่ยงนี้เท่านั้น

แต่ไม่ว่าจะเป็นเมืองที่สงบถึงเพียงใด ในยามค่ำคืนอย่างน้อยต้องมีสถานที่แห่งหนึ่งที่ครึกครื้นอย่างยิ่ง สถานที่แห่งนี้ย่อมเป็นร้านสุรา ร้าน ฟ้าสาง แม้ไม่ใหญ่โตนักแต่อย่างน้อยยังมีอยู่ 7 - 8 โต๊ะ การค้าแม้ไม่คึกคักแต่ก็มีอยู่หลายวันที่จนฟ้าสางแล้วยังมีผู้คนนั่งอยู่ไม่ยอมจากไป

ที่เป็นเช่นนี้ก็เนื่องเพราะสุราร้านนี้แม้ไม่ดีนักแต่ยังไม่ถึงกับเป็นสุราปลอมปนที่จะทำให้ท่านปวดศีรษะแทบตายในยามสร่าง กับข้าวเพียงนับว่าพอใช้ได้แต่ปริมาณที่ให้นับว่าไม่น้อยเมื่อเทียบกับราคา นอกจากนี้ยังมีหญิงสาวอีกผู้หนึ่งที่นอกจากจะไม่ขี้ริ้วแล้วยังอาจสามารถนับเป็นนางงามได้อยู่คนหนึ่ง ผู้คนต่างเรียกนางว่า รุ่ง

บิดาตั้งชื่อนางว่า รุ่งอรุณ เมื่อฟ้าสางย่อมเป็นเวลารุ่งอรุณ บิดานางเมื่อตอนเตรียมจะเปิดกิจการยังไม่สามารถหาชื่อร้านที่ต้องใจได้ มารดานางพลันต้องมาคลอดนางอยู่ภายในร้าน ผู้คนต้องวุ่นวายอยู่ค่อนคืนจนฟ้าสางนางจึงกำเนิดมา

บิดาอุ้มนางออกมาชมดูอาทิตย์ขึ้นของวันใหม่ดังนั้น ให้ชื่อนางว่า รุ่งอรุณ ตั้งชื่อร้านว่า ฟ้าสาง นางเมื่อเติบโตขึ้นก็เป็นดั่งนามของนาง ผู้คนที่พบเห็นนางต่างรู้สึกชีวิตยังมีความสดใสยังมีความหวัง คล้ายดั่งเวลาที่ผู้คนพบเห็นอาทิตย์ขึ้นแล้วพลันคิดได้ว่าไม่ว่ากลางคืนจะมืดมนเพียงใดอาทิตย์ย่อมต้องสาดแสงขึ้นอีกครั้ง

คืนนี้ผู้มาดื่มสุรามีไม่มากนัก ถึงกับมีเพียงโต๊ะเดียว โต๊ะเดียวที่นั่งไว้ด้วยชายสามคน ซึ่งความจริงก่อนหน้านี้ยังมีผู้คนนั่งอยู่อีกหลายโต๊ะ แต่พอชายสามคนนี้เข้ามาผู้อื่นต่างก็จากไป จากไปด้วยความรีบร้อนอย่างยิ่ง สุราอาหารยังเหลืออยู่เต็มโต๊ะก็รีบชำระเงินจากไป รีบกลับบ้านปิดประตูให้แน่นหนาแล้วนอนภาวนาหวังว่าคืนนี้บ้านของตนจะไม่ถูกเภทภัยลุกลามถึง

ในสามคนที่นั่งอยู่ก็มีเพียงผู้เดียวที่ดื่มสุรา และมันแทบจะเป็นเพียงผู้เดียวที่กล่าววาจา มันชักชวนผู้ที่นั่งร่วมโต๊ะให้พูดคุยเรื่องราวต่างๆ แต่ทั้งสองคนกลับมีทีท่าไม่แยแสสนใจ มันจึงหันไปชวนเจ้าของร้านและลูกสาวพูดคุยแทน พวกมันทั้งสามคล้ายรู้จักคุ้นเคยกันอยู่

ในสถานะการณ์เช่นนี้เจ้าของร้านเพียงพูดคุยตามมารยาทและพยายามไล่ลูกสาวของมันให้กลับเข้าด้านในไป แต่ลูกสาวของมันกลับทำเป็นไม่เข้าใจ ยังคงนั่งอยู่ในที่นั้น

นางไม่ค่อยกล่าววาจา แต่ใช้สายตาที่พิกลมองดูชายหนุ่มผู้นี้ ในแววตานางดูไปคล้ายรักครั้นแล้วกลับเปลี่ยนเป็นขุ่นแค้น แล้วเปลี่ยนแปลงไปมาจนไม่ทราบว่าเป็นรักหรือแค้นกันแน่ ซึ่งบางทีแม้แต่นางเองก็คงไม่ทราบเช่นกันว่านางรักมันหรือแค้นมันกันแน่

ขณะนั้นประตูร้านพลันเปิดออก มีชายผู้หนึ่งเดินเข้ามา มันหยุดยืนอยู่ครู่หนึ่งแล้วค่อยๆ เดินช้าๆ ไปที่โต๊ะว่างตัวหนึ่ง พอนั่งลงเรียบร้อยก็ร้องสั่งทันทีว่า

“ขอสุรา 1 ขวด กับแกล้มเป็นอันใดก็ได้แต่ขอให้รีบนำมาโดยด่วน”

สายตาของทุกคนที่อยู่ในร้านต่างหันมามองดูมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายตาที่เป็นประกาย 3 คู่ ต่างมองสำรวจมันอย่างรวดเร็ว สองคนที่ไม่เคยกล่าววาจาต่างเคลื่อนไหวแล้ว คนหนึ่งลุกขึ้นยืน อีกคนหนึ่งถึงกลับกระโดดลงมาจากเก้าอี้

เก้าอี้ของมันก็สูงเท่ากับของผู้อื่นแต่มันยามลุกขึ้นยืนกลับต้องกระโดดลงมา นั่นก็เนื่องเพราะตัวมันสูงเพียง 1 ใน 4 ของคนทั่วไปเท่านั้น มันถึงกับเป็นคนแคระคนหนึ่ง แต่เป็นคนแคระที่มีร่างกายกำยำล่ำสัน ในมือของมันยังถือดาบอยู่เล่มหนึ่ง ดาบที่ตรงกันข้ามกับตัวมันโดยสิ้นเชิง ดาบที่ใหญ่และยาวอย่างยิ่ง

ยามเมื่อมันยืนบนพื้นพลันเก็บดาบเล่มนี้ไปที่ด้านหลังของมัน วิธีการเก็บก็พิศดารอย่างยิ่งคือมันพลิกข้อมือกลับไปทางด้านหลัง ชูปลายดาบขึ้นด้านบน แล้วเกี่ยวดาบอยู่ที่หลังของมัน ปลายดาบถึงกับยาวพ้นศีรษะมันขึ้นไปอีกสองเท่าตัว หากบอกว่ามันสามารถกวัดแกว่งดาบเช่นนี้ได้ย่อมนับเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่ท่าเก็บดาบของมันก็ไม่ติดขัดแม้แต่น้อย แสดงว่าคุ้นเคยกับดาบเล่มนี้

อีกคนหนึ่งที่ลุกขึ้นยืนพร้อมกันกลับเป็นยักษ์ตนหนึ่ง เมื่อยืนขึ้นมันถึงกับสูงกว่าชายหนุ่มช่างพูดอีกครึ่งเท่า ที่ด้านหลังของมันสะพายไว้ด้วยกระบอกลูกศรขนาดใหญ่ แต่ภายในกลับไม่ใช่ลูกศรเนื่องจากส่วนปลายที่อยู่นอกกระบอกไม่มีขนนก และในมือมันก็ว่างเปล่าไม่มีคันศร ดังนั้นไม่ทราบว่าอาวุธในกระบอกเป็นของสิ่งใดกันแน่ แต่นับดูแล้วมีอยู่สิบกว่าอันเลยทีเดียว

มันทั้งสองลุกขึ้นยืนพร้อมกัน และจากไปพร้อมกัน คนหนึ่งเดินเชิดหน้าออกจากประตูไป อีกคนหนึ่งกลับต้องเดินก้มตัวลอดประตูผ่านไป ผู้ที่ต่ำเตี้ยกลับเย่อหยิ่ง ผู้ที่สูงใหญ่กลับต้องนอบน้อม

บัดนี้ในร้านหลงเหลืออยู่เพียงสี่คนเท่านั้น ชายหนุ่มมองตามหลังสองคนที่เดินจากไป แล้วพลันถอนใจออกมาเบาๆ เจ้าของร้านจึงฉุดลากลูกสาวเข้าไปด้านใน มันคล้ายจะไปจัดเตรียมสุราอาหารออกมาบริการ แต่รับรองได้ว่ามันจะต้องไม่รีบร้อนกลับออกมาเร็วนัก

เนื่องเพราะมันก็รู้ว่าเรื่องราวใดกำลังจะเกิดขึ้นต่อไป มันเพียงแต่หวังให้เรื่องเหล่านี้จบลงอย่างรวดเร็วโดยที่มันกับลูกสาวไม่ต้องเข้าไปพัวพันด้วย และถ้าเป็นไปได้มันยังหวังให้ข้าวของในร้านไม่ต้องเสียหายมากนัก ถึงอย่างไรมันก็ยังเป็นพ่อค้าที่คิดห่วงผลกำไรก่อนสิ่งอื่นอยู่ดี

เมื่อสองพ่อลูกเดินหายไปในประตูหลังร้าน ชายหนุ่มก็เดินเข้าไปหาชายผู้นั้นที่โต๊ะแล้วเอ่ยทักขึ้น

“สุรา อาหาร ของท่านยังไม่มา ไยไม่มาร่วมโต๊ะกับเราก่อน”

“…”

“หรือว่าเรายังไม่คู่ควรเลี้ยงสุราท่าน”

“…”

ขณะที่ชายหนุ่มกำลังคิดจะกล่าวกระไรอีก ชายผู้นั้นก็หันหน้ามาแต่มันมิได้มองหน้าชายหนุ่ม กลับมองไปยังดาบที่คาดอยู่ที่เอวของมัน ดาบเล่มนี้มีลักษณะเป็นดาบโบราณเก่าแก่

ชายหนุ่มที่แต่งกายหรูหราผู้นี้ถึงกับใช้ดาบโบราณเยี่ยงนี้ ดูไปรู้สึกขัดแย้งกันเป็นอย่างยิ่ง แต่ดาบเล่มนี้แม้ดูเก่า คมดาบกลับคมจนเป็นประกายสีเขียว ที่ด้ามดาบสลักเป็นรูปดวงตาดวงหนึ่ง ชายผู้นั้นคล้ายหันหน้ามามองดวงตาดวงนี้โดยเฉพาะ แล้วกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ

“ท่านใยไม่พูดธุระของท่านมา”

ชายหนุ่มพลันถอนใจอีกครั้ง มันอายุยังน้อยกลับชมชอบการถอนใจจนติดเป็นนิสัย

“ขอทราบชื่อของท่าน”

“ท่านต้องการทราบชื่อของเรา”

“เราเพียงต้องการทราบ เราควรสลักหินสุสานให้ท่านว่ากระไร”

“ท่านต้องการฆ่าเรา”

“เราไม่ต้องการ เพียงแต่เราต้องฆ่าท่าน แต่เมื่อเราฆ่าท่านแล้วยังจะกลบฝังท่าน ในวันนี้ของทุกปีจะไปเยี่ยมเคารพหลุมศพท่าน หากมีญาติท่านสืบเสาะมาถึงเราจะคืนข้าวของๆ ท่านให้ไป รับรองว่าเราไม่ขโมยของๆ ผู้ตายเด็ดขาดท่านวางใจได้ แต่หลังจากนั้นเราก็ยังคงต้องจัดการกับญาติของท่านอีก ดังนั้นทางที่ดีท่านตายแล้วขออย่าให้มีผู้ใดเสาะหามาถึงที่นี้จะดีกว่า”

ชายผู้นั้นพลันลุกขึ้นยืน เห็นมันใส่ชุดรัดรูปขับเน้นให้เห็นกล้ามเนื้อที่ได้สัดส่วน สองแขนเปลือยเปล่าดูทรงพลัง มันดูท่าทางเป็นนักสู้อยู่ชัดๆ แต่ในมือขวาของมันกลับถือไม้เท้าเวทอยู่ด้ามหนึ่ง ส่วนหัวเป็นหินลักษณะประหลาดยามเมื่อไม้เท้าขยับคล้ายดั่งมีประกายสีเหลืองเคลื่อนไหววูบวาบอยู่ภายใน

ตัวไม้เท้าเป็นสีเข้มจนดำดูไม่ออกว่าทำจากสิ่งใดกันแน่ ส่วนปลายลักษณะเป็นรอยหักฉีกขาดเป็นปลายแหลม ซึ่งความจริงนี่นับเป็นไม้เท้าเวทเพียงครึ่งด้ามเท่านั้น เนื่องจากมันมีความยาวเพียงครึ่งหนึ่งของไม้เท้าเวททั่วไป

แต่ความยาวขนาดนี้กลับพอๆ กับดาบเล่มหนึ่ง

สายตาของชายผู้นั้นยังคงจับจ้องมองดวงตาบนด้ามดาบอยู่ คล้ายไม่สนใจในตัวชายหนุ่มเพียงสนใจดาบเล่มนี้เท่านั้น ปากก็กล่าวออกมาว่า

“วชิระ”

ชายหนุ่มผงกศีรษะ มือขวาพลันเลื่อนไปจับด้ามดาบ พอมือมันสัมผัสกับด้ามดาบก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น ตัวของชายหนุ่มผู้นี้คล้ายกลับกลายเป็นอีกผู้หนึ่ง แต่ทั้งใบหน้า รูปร่างก็ยังคงเป็นมันคนเดิมอยู่ชัดๆ

แต่ตัวของมันพลันเปล่งรังสีการฆ่าฟัน แรงกดดัน และความรู้สึกที่น่าสะอิดสะเอียนออกมา ประกายในดวงตาของมันก็เปลี่ยนไป หากถามว่าเหล่าภูติผีปีศาจมีดวงตาเยี่ยงใด อาจบางทีก็เป็นดั่งดวงตาของมันในตอนนี้นี่เอง

วชิระ จึงหันมามองสบตากับชายหนุ่ม แต่สายตาของมันกลับแสดงความเห็นอกเห็นใจออกมา กับศัตรูที่จับดาบยืนอยู่เบื้องหน้ามันผู้นี้ มันคล้ายมีความสงสารอยู่บ้าง

ชายหนุ่มพลันตวาดขึ้น ยามนี้แม้แต่สุ้มเสียงและวีธีการกล่าววาจาของมันก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

“ไอ้นักเวทสวะ แกไม่มีวันได้ร่ายเวทอีกต่อไปแล้ว”

ปากพึ่งกล่าววาจาดาบก็ชักออกแล้ว พอชักออกก็ฟันเฉียงลงมาจากทางขวา ดาบนี้นับว่ารวบรัดอย่างยิ่ง ธรรมดาอย่างยิ่ง เพียงชักออกก็ฟันลง แต่ด้วยระดับความเร็วและความรุนแรงเช่นนี้ มีสักกี่คนจะต้านรับไว้ได้ มีสักกี่คนจะหลบหลีกได้

และช่วงเวลาเพียงพริบตานี้ ต่อให้เป็นเวทบทที่สั้นที่สุดก็ยังไม่อาจท่องให้จบสิ้นลงได้ ดังนั้น วชิระ ไม่ได้ต้านรับ ไม่ได้หลบหลีก และไม่ได้ร่ายเวท คนก็ล้มลงไปแล้ว

ชายหนุ่มล้มลงไปแล้ว ล้มลงพร้อมกับเสียงอุทานของ รุ่ง ที่ดังออกมาจากหลังประตู


Create Date : 06 กรกฎาคม 2552
Last Update : 7 กรกฎาคม 2552 9:50:11 น. 0 comments
Counter : 629 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.