ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
 
เมษายน 2557
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
1 เมษายน 2557
 
All Blogs
 
มือปราบหลงเฉิน ภาคพิเศษ(?) คดีจอมโจรนางแอ่น

หลงเฉิน สะดุ้งลืมตาตื่นขึ้น เขารีบสงบจิตใจลง ความจริงแล้วผู้ช่วยมือปราบเช่นตัวเขาย่อมไม่สมควรนอนหลับในขณะที่อยู่ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ เขากำลังซุ่มซ่อนรอคอยจอมโจรนางแอ่นที่หมายตาสมบัติในขบวนสินค้าที่ว่าจ้างขนส่งโดยท่านอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายที่ไม่ยินยอมให้มีสิ่งใดสูญหายไปอย่างเด็ดขาด

ภายในรถขนสินค้านั้นมืดทึบ แต่ตำแหน่งที่เขาซุ่มซ่อนตัวอยู่ได้จัดทำช่องลับเพื่อให้สามารถลอบมองออกไปภายนอก และให้อากาศถ่ายเทได้ และเขารู้สึกคุ้นเคยกับบรรยากาศที่คับแคบราวกับอยู่ในหีบศพนี้อย่างประหลาด ราวกับว่ามันเคยเกิดขึ้นกับตัวเขาเมื่อนานมาแล้ว ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า

“หยุดรถได้” เสียงตวาดสั่งดังกังวานแสดงให้เห็นถึงพลังการฝึกปรือที่ไม่ธรรมดาของผู้ที่ ออกหน้า คุมขบวนสินค้าในครั้งนี้ สำนักคุ้มกันภัยม้าทอง และรองหัวหน้าผู้มีสมญา ม้าบินเกือกทอง ย่อมมิใช่การยกย่องที่ได้มาอย่างเลื่อนลอยในดินแดนป่าเถื่อนแถบนี้

“รีบตั้งค่ายล้อมขบวนรถตามตำแหน่ง เราจะพักผ่อนกันในที่นี้ นอนหลับเอาแรงไว้ให้มาก การเดินทางพรุ่งนี้เป็นเส้นทางที่หวาดเสียวอันตราย หากเราเป็นจอมโจรนางแอ่นบัดซบนั่น จึงนับเป็นจุดที่เหมาะกับการลงมือมากที่สุดแล้ว”

ม้าบินส่งเสียงดังลั่นคล้ายกับกลัวว่าผู้อื่นจะไม่ได้ยิน หลงเฉินพลันลอบหัวร่อขึ้นในใจ ‘หากเป็นเช่นนั้นจริง จอมโจรนางแอ่นย่อมไม่ลงมือในสถานที่นั้นแน่’ เพราะหากนางแอ่นเป็นโจรต่ำต้อยถึงเพียงนั้น คงถูกจับกุมตัวไปเนิ่นนานแล้ว

ทันใดนั้น หลงเฉินพลันเห็นความเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว มีวัตถุบางอย่างถูกซัดขว้างผ่านเข้ามาทางช่องเปิดเล็กๆ อย่างแม่นยำ โชคดีที่เขาไม่ได้หลับ โชคดีที่เขายังมืมืออันว่องไวอีกคู่หนึ่ง มือที่ใช้ถือกระบี่ กระบี่ที่รวดเร็วเหนือใคร

หลงเฉินไม่ทันเห็นว่าเป็นเงาร่างของผู้ใด แต่ก็รู้ว่าต้องเป็นฝีมือของม้าบินผู้นั้นอย่างไม่ต้องสงสัย บนห่อข้าวเหนียวกับเนื้อเค็มที่อยู่ในมือ ยังมีตัวอักษรเขียนไว้ด้วยว่า ‘คืนนี้’ ซึ่งเขาเข้าใจความหมายได้โดยพลัน ที่จริงแล้วม้าบินเองก็คาดว่านางแอ่นจะต้องลงมือในค่ำคืนนี้เช่นเดียวกับเขา

หลงเฉินขบเคี้ยวอาหารเพียงเล็กน้อย ก่อนจิบน้ำดื่มที่เตรียมไว้อีกอึกหนึ่ง การซ่อนตัวแบบนี้มีข้อจำกัดที่แสนทรมานประการหนึ่งสำหรับเขา แต่เขาก็ยินยอมอดทนอย่างสุดกำลัง เพราะหากแม้นสร้างผลงานในครั้งนี้สำเร็จ เขาก็อาจได้รับตำแหน่งมือปราบสมใจเสียที

วิกาลดึกสงัด ลมราตรีพัดเฉื่อยฉิว เสียงที่เคยวุ่นวายในกองคาราวานถูกแทนที่ด้วยเสียงแห่งราตรี สลับกับเสียงกรนที่ดังสอดแทรกเป็นครั้งคราว หลงเฉินรีบกลั้นลมหายใจเมื่อได้กลิ่นหอมคล้ายดอกไม้ป่าโชยมาจางๆ เพราะเขารู้ว่าในดินแดนแถบนี้มีดอกไม้ชนิดหนึ่งที่มีนามว่า หอมนิทรา ซึ่งผู้เฒ่าผู้แก่ทั้งหลายนิยมนำมาต้มดื่มในยามที่ชีวิตนั้นยากลำบากจนเกินไป ปวดร้าวจนเกินกว่าจะข่มตาให้นอนหลับลงได้

นิทราเจ้าหลับไหล หรือที่แท้ทุกสิ่งเป็นเพียงภาพฝัน

เสียงลม ที่ไม่ใช่เสียงลมโชยพัดดังขึ้น หลงเฉินจึงคาดว่าจอมโจรนางแอ่นคงเปิดเผยตัวออกมาแล้ว

“เป็นถึงจอมโจรแต่กลับใช้วิธีที่ต่ำช้ายิ่งนัก” เสียงของม้าบินไม่ได้ดังลั่นเหมือนเช่นเดิม ในยามที่มันพูดจาโผงผางคล้ายเป็นคนมุทะลุดุดัน แต่ในยามนี้กลับฟังดูเยือกเย็นจนผิดคาดหมาย

“...ม้าบินเกือกทอง นับว่าไม่ธรรมดา” หลงเฉินคาดว่านี่คงเป็นเสียงของนางแอ่น และเขาต้องระงับความตื่นเต้นเอาไว้ เพราะนั่นเป็นเสียงของสตรีอย่างไม่ต้องสงสัย ‘ที่แท้คำร่ำลือก็เป็นความจริง ผู้คนกล่าวขานกันว่าจอมโจรนางแอ่นนั้นที่แท้แล้วเป็นสตรี อีกทั้งยังเป็นสตรีอันแสนงดงาม ผู้คนที่ถูกนางปล้น บางคนยังถูกปล้นเอาดวงใจไปด้วย

หลงเฉินรีบสงบจิตใจลง เขาใช่สมควรเคลื่อนไหวแล้วหรือไม่ แต่ในเวลาเช่นนี้เขากลับลังเลไม่อาจตัดสินใจให้เด็ดขาดลงไป นางแอ่นลงมือเพียงลำพัง หรือยังมีพวกพ้องแอบซุ่มซ่อนตัวอยู่ น่าเสียดายที่ตำแหน่งของช่องลับนั้นอยู่คนละด้าน จึงทำให้เขาไม่อาจมองเห็นการต่อสู้ที่เกิดขึ้นได้ แต่เขาก็ยังได้ยินเสียงอยู่

ผู้คนทั่วไปมักจินตนาการว่าการต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือนั้นจะเพริดแพร้วพิสดารชวนติดตามเหมือนกับที่นักขับลำนำเล่านิยายในตลาดนำมาร้องเล่าเพื่อแลกเงินหาเลี้ยงชีพ แต่ส่วนใหญ่แล้วความเพริดแพร้วทั้งหลายนั้นล้วนเกิดจากจินตนาการอันยอดเยี่ยมของตัวนักเล่าเกือบทั้งสิ้น เพื่อให้เรื่องราวสนุกสมใจผู้รับฟัง เผื่อจะได้รับกำนัลเงินทองแถมเป็นพิเศษ มิใช่เกิดจากยอดฝีมือที่ต้องใช้ชีวิตของตนเป็นเดิมพันเหล่านั้น การต่อสู้ที่แท้จริงมักกระชั้นสั้น ตัดสินสูงต่ำแพ้ชนะกันในไม่กี่กระบวนท่าเท่านั้น

เสียงลมโชยพัด นางแอ่นโบยบิน เสียงฝีเท้าลึกล้ำ ม้าบินควบผยอง
หลงเฉินถึงกับมองเห็นภาพของรองเท้าสีทองอันอวดโอ่ของม้าบินผู้นั้น แต่เพียงฟังจากช่วงก้าว และจังหวะ เขาก็เข้าใจในทันทีว่าม้าบินไม่ได้อวดโอ่เลยแม้แต่น้อย ท่าเท้าเกือกทอง นับว่ารุนแรงไม่รวบรัดธรรมดา

แต่ดูเหมือนครั้งนี้ม้าบินจะพบเจอกับคู่ปรับที่เหนือกว่าเข้าเสียแล้ว ม้าที่แม้นมีปีกก็ยังไม่อาจเหินบินได้ดั่งวิหค เสียงโจมตีจากท่าเท้าที่หนักหน่วงล้วนพลาดเป้าหมายไปทั้งสิ้น

เสียงโอดโอยพลันดังขึ้นคราหนึ่ง ตามด้วยเสียงของร่างใหญ่ล้มลงสู่พื้น การต่อสู้สิ้นสุดลงแล้ว

หลงเฉินพลันสงบเยือกเย็นลงอย่างประหลาด ถึงตอนนี้มันไม่คิดถึงสิ่งใดอีกนอกจากกระบี่ที่ข้างกาย มือของมันเลื่อนไปยังตำแหน่งบนด้ามจับคล้ายกับมีแรงดึงดูดที่พิเศษพิสดาร ที่เพียรพยายามฝึกปรือกระบวนท่าต่างๆ ซ้ำไปซ้ำมาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน สุดท้ายแล้วเพียงเพื่อให้เกิดความรู้สึกเช่นนี้ขึ้นนั่นเอง เขามั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม มองเห็นตนเองแทงกระบี่ออกไปอย่างรวดเร็วเมื่อประตูรถสินค้าถูกเปิดออก

เสียงฝีเท้าของนางแอ่นเคลื่อนใกล้เข้ามา ลมหายใจของหลงเฉินผ่อนช้าลงจนแทบจะหยุดนิ่ง

ภาพในจินตนาการของหลงเฉินพลันบิดเบี้ยว เขาดีดพุ่งตัวขึ้นสุดแรงกระแทกหลังคารถจนแตกทะลุออกไป หลบรอดจากการจู่โจมที่พุ่งขึ้นมาจากพื้นรถตรงตำแหน่งที่เคยซ่อนตัวอยู่ได้อย่างเฉียดฉิว ก่อนจะรีบวนกระบี่เป็นเงาคุ้มครองกายจากดาวตกสีทองที่พุ่งเข้าใส่จากทางเบื้องล่าง

“ม้าบินเกือกทอง เป็นเจ้าเองหรือ”

ผู้ที่ลงมือจู่โจมเป็นม้าบินที่สมควรจะล้มลงสิ้นชีวิตไปแล้วจริงๆ ตรงหน้ารถสินค้านั้นยังยืนไว้ด้วยสตรีชุดแดงนางหนึ่งกับกระบี่คู่กาย ซึ่งน่าจะเป็นจอมโจรนางแอ่น แต่เขาไม่กล้าแน่ใจอีกแล้วว่าจะใช่นางแอ่นตัวจริงหรือไม่

“ท่านรองมือปราบฝีมือร้ายกาจนัก หากปล่อยให้ท่านรอดอยู่ต่อไป ภายภาคหน้ากองปราบคงกลายเป็นเสี้ยนหนามสำคัญของพวกเราขึ้นมา”

“ที่แท้จอมโจรกับสำนักคุ้มกันภัยทำงานร่วมกันเช่นนี้ จึงไม่อาจปราบปรามได้เสียที” หลงเฉินตวาด

ม้าบินแหงนหน้าหัวร่อ ก่อนที่คนของสำนักคุ้มกันภัยบางส่วนที่เคยทำท่าเป็นหลับไหลจะลุกขึ้นยืนพร้อมอาวุธในมือ

“พวกเราคือสำนักคุ้มกันภัยม้าบิน และก็เป็นจอมโจรนางแอ่นด้วยเช่นกัน หากส่งสินค้าสำเร็จ เราย่อมรับค่าจ้างอย่างงาม หากเกิดความผิดพลาด เราย่อมนำสินค้าที่ขโมยไปมาชดเชยค่าเสียหาย ชื่อเสียงของสำนักคุ้มกันภัยยิ่งเลิศเลอ สินค้ายิ่งสูงค่า การค้าที่ทำกำไรสองต่อเช่นนี้ ใยต้องให้ผู้อื่นมาร่วมแบ่งปันด้วย”

ทั้งหมดพากันส่งเสียงหัวเราะ ในขณะที่คนของสำนักคุ้มกันภัยที่เหลือยังคงนอนแน่นิ่งไม่ไหวติง

หลงเฉินพลันทอดถอนใจ “ดูเหมือนขบวนสินค้าเที่ยวนี้คงถูกจอมโจรนางแอ่นปล้นชิงไปจนหมดสิ้น แถมคนของสำนักคุ้มกันภัยยังถูกฆ่าตายไปเกือบครึ่ง ดีที่รองหัวหน้าม้าบินมีฝีมือกล้าแข็ง รอดชีวิตมาได้ แต่ก็คงได้รับบาดเจ็บไม่น้อย สำนักคุ้มกันภัยม้าทองอาจจะต้องปิดตัวลง สุดท้ายได้แต่แยกย้ายกันไป อ้อ ไม่แน่ว่ารองหัวหน้าอาจกัดฟันเปิดกิจการขึ้นใหม่ แทนที่สำนักเดิมก็เป็นได้”

ม้าบินมองดูหลงเฉินด้วยความนับถือ “ท่านรองกล่าวได้ราวกับตาเห็น แต่ท่านลืมไปประการหนึ่ง” เสียงของม้าบินพลันเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียมขึ้นมา “ว่ารองมือปราบหลงเฉินก็เสียชีวิตอยู่ในที่นี้ด้วย”

“นางแอ่น ลงมือ” ม้าบินตะโกนก้อง ร่างดีดพุ่งออกไป รองเท้าทองของมันกระทบกับก้อนหินจนมีสะเก็ดไฟพวยพุ่งออกมา

ครั้งนี้หลงเฉินนับว่าได้เห็นท่าเท้าเกือกทองได้อย่างถนัดตาแล้ว เขาความจริงต้องห่วงหน้าพะวงหลัง กับการลอบทำร้ายจากกระบี่ในมือของสตรีชุดแดงที่อยู่ทางด้านหลัง ม้าบินคำนวนมาแล้วอย่างไม่พลาดผิด ขอเพียงกระบี่ของหลงเฉินเชื่องช้าลงแม้เพียงเล็กน้อย เท้าของมันย่อมต้องโจมตีถึงก่อนอย่างไม่ต้องสงสัย

‘ถ้าเช่นนั้นกระบี่ที่จมหายเข้าไปในทรวงอกของข้านี้คืออะไรกัน’ นั่นเป็นความคิดสุดท้ายของม้าบินเกือกทอง

สมาชิกที่เหลือต่างพากันทิ้งอาวุธแตกหนีกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง เมื่อเห็นหัวหน้าที่เก่งกาจของพวกตนต้องจบชีวิตลงด้วยกระบี่เดียวกันรวดเร็วเช่นนี้

“...เหตุใดท่านจึงไม่ลังเลเลย” เสียงของสตรีผู้หนึ่งดังมาจากทางด้านหลัง สตรีที่สมควรลงมือจู่โจมประสานเพื่อปลิดชีพหลงเฉินไปแล้วตั้งแต่เมื่อครู่ สตรีที่ถูกเรียกว่านางแอ่น ไม่ว่าจะเป็นนามที่แท้จริงของนางหรือไม่ก็ตาม

“เพราะเราเห็นความลังเลในแววตาของม้าบินช่วงเสี้ยววินาทีสุดท้าย อันที่จริงแล้ว ต้องบอกว่าเป็นเพราะเราได้ยินความลังเลจากฝีเท้าของแม่นางตั้งแต่ก่อนหน้า หากไม่เป็นเพราะแม่นางจงใจทำเช่นนั้น ในตอนที่เดินมายังรถสินค้า เราก็คงจบสิ้นไปตั้งแต่การลงมือในครั้งแรกแล้ว แต่ม้าบินกลับคิดไม่ถึง บางทีมันอาจไว้ใจ หรือไม่อย่างนั้นก็คงงมงายในตัวแม่นางจนไม่ได้นึกระแวงสงสัยเลย” เขาหันกลับมาเผชิญหน้ากับนาง “ทำไมแม่นางจึงทำ...เช่นนี้”

หลงเฉินควรดีใจที่รอดชีวิต แต่เขาไม่เคยนิยมยกย่องผู้ที่หักหลังพวกพ้องของตนเอง แต่สีหน้าของนางแอ่นในตอนนี้ทำให้เขาไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรกันแน่ ใบหน้าที่งามโศกซึ้งตรึงตรา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้ากับชุดสีแดงนั้น ช่างคุ้นตาราวกับเคยพบเห็นในความฝัน ฝันที่เขาติดตามเฝ้าค้นหาเรื่อยมา

“เป็นเราหักหลังมันอย่างนั้นหรือ” นางแอ่นส่งเสียงหัวเราะ น้ำตาพลันหลั่งไหลออกมา “ใช่เราหักหลัง เราแค้น เราเกลียด และเราก็รักบุรุษโฉดชั่วผู้นั้นด้วย”

‘ตั้งแต่ในครั้งแรกที่เราพบหน้าท่าน ก่อนที่ขบวนคุ้มกันจะออกเดินทางมา เราก็เอาแต่คิดถึงท่าน เราถึงกับคิดไปว่าท่านอาจเข้าใจในความจำเป็นของชีวิตที่ผ่านมาของเรา ท่านอาจ อาจยอมรับเราอย่างที่เป็น เรา เรา’ นางย่อมไม่อาจกล่าวคำเหล่านี้ออกไป ได้แต่โทษว่าเป็นเพราะชะตาฟ้าลิขิต หรือเป็นแรงดลใจจากปีศาจให้นางตัดสินใจกระทำลงไปเยี่ยงนี้

“...แม่นางจงรีบไปเสียเถิด” หลงเฉินกัดฟันกล่าวออกไปในที่สุด

‘นางเป็นคนช่วยชีวิตเราเอาไว้ หากไม่ใช่เป็นเพราะนางเราคงจบสิ้นไปแล้ว’ ยังมีความรู้สึกวาบหวามอย่างประหลาดในใจนี้ ที่เกิดขึ้นในทันทีที่ได้พบหน้านาง เขาไม่เคยเป็นแบบนี้ รู้สึกแบบนี้มาก่อน ‘แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนของผู้อื่น ทั้งยังเป็นโจรที่มีความผิด ไม่ว่านางจะมีความเป็นมาอย่างไรก็ตาม’
เขาคือรองมือปราบหลงเฉิน เขาคิดทบทวน และเขาไม่อาจตัดสินใจทิ้งทุกสิ่งที่มีเพื่อไปกับนางได้

“...ท่านพูดจริง ท่านต้องการให้เราไป”

“ถูกต้อง...แม่นางรีบไปเสียเถิด ไม่อย่างนั้น...มือปราบย่อมต้องจับโจร” หลงเฉินเน้นเสียง

“ท่านต้องการเช่นนี้แน่หรือ” นางแอ่นถามอีกครั้ง

หลงเฉินพยักหน้า และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาได้เห็นวิชาตัวเบาของจอมโจรนางแอ่นซึ่งพุ่งทะยานออกไปได้ราวกับเป็นวิหคเหินบิน ก่อนที่นางจะหายสาบสูญไปตลอดกาล

#####

หลงเฉิน สะดุ้งลืมตาตื่นขึ้น ปีนี้เขามีอายุได้หกสิบปีแล้ว ได้เป็นถึงหัวหน้ามือปราบ ในชีวิตผ่านเรื่องราวต่างๆ มาแล้วมากมาย แต่ถึงตอนนี้ทุกสิ่งคล้ายกับเป็นเพียงความฝันตื่นหนึ่ง ไม่มีสิ่งใดเป็นจริงเหมือนอย่างที่เคยเป็นเมื่อก่อนหน้านี้เลย

แต่ก็ยังมีบางเหตุการณ์ มีบางการตัดสินใจที่ยังคงแจ่มชัดจนราวกับพึ่งเกิดขึ้น หรือเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า และการพบกับนางแอ่นก็นับเป็นหนึ่งในเหตุการณ์จำนวนน้อยเหล่านั้น

‘ในค่ำคืนนั้นมีหิ่งห้อยด้วยหรือไม่หนอ’ เขาไม่แน่ใจ แต่กลับมั่นใจว่าจะต้องมีแน่ หิ่งห้อยนับพันนับหมื่นส่องแสงระยิบระยับงามจับตาโบยบินเต็มฟากฟ้า หญิงสาวในชุดแดงเต้นรำอย่างสุขสันต์ ‘ไม่ คืนนั้นนางไม่ได้เต้นรำ’ แต่เขาก็ยังมั่นใจว่ามันเป็นอย่างนั้นอยู่ดี

ถึงตอนนี้แม้ตัวเขาจะต้องนอนอยู่บนเตียงด้วยความชรา รอคอยให้วาระสุดท้ายมาถึง เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะคิดถึงอีกทางเลือกหนึ่ง อีกเส้นทางหนึ่งที่อาจเลือกเดินออกไปในตอนนั้น ทำไมมันจึงฝังใจไม่เคยเสื่อมคลายเช่นนี้ ลมหายใจของเขาเริ่มผ่อนช้า และเขาหวังว่าอาจจะได้พบคำตอบในท้ายที่สุด

#####

ณ ช่วงเวลาก่อนหน้านั้น

ยามวิกาลอันไร้สิ้นสุด ทอดสายตาออกไปเบื้องนอก แลเห็นกลุ่มแกแลคซี่เคลื่อนคล้อย กระพริบแสงส่องราวกับเป็นฝูงหิ่งห้อยยามปลายฤดูฝน จอกสุราในมือของบุรุษหนุ่มพลันชะงักค้าง อดไม่ได้ที่จะเปล่งเสียงขับขานออกมาเป็นบทกวี

“อวกาศเวิ้งว้างกว้างไกล เพียงหวังให้มีดวงดาวอาศัยอีกครั้ง”

บุรุษผู้มีนามว่า หลงเฉิน ถอนใจยาว ยกสุราในจอกปิดผนึกขึ้นดูดจนหมดสิ้นในคราวเดียว พลันรู้สึกถึงเลือดลมที่พลุ่งพล่านไปทั่วกาย แต่ก็ยังไม่อาจดับความเดียวดายที่คล้ายจู่โจมเข้ามาจากอวกาศที่เบื้องนอก นาวาอวกาศ ‘จ้ายเจี้ยน’ เหินบินด้วยความรวดเร็ว แต่เมื่อเที่ยบกับอวกาศอันไร้ที่สุดแล้ว กลับดูคล้ายกำลังลอยนิ่ง ไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหนทั้งสิ้น

“หิ่งห้อยน้อยเหลือเพียงในเครื่องบันทึกฝัน บ้านเก่านั้นเป็นเพียงเศษดาวไม่อาจอาศัย มีผู้ใดคาดคิด สุดท้ายแล้วจะกลับกลายเป็นเช่นนี้”

เขาทอดถอนใจอีกครั้ง ก่อนได้ยินเสียงวงมโหรีบรรเลงเพลง พร้อมกับปรากฎร่างอ้อนแอ้นในชุดแพรบางเบาสีแดงชวนลุ่มหลง บนร่างของนางแม้มีอาภรณ์ แต่ก็คล้ายไม่มี ที่ใดสมควรเปิดล้วนเปิดไว้อย่างงดงาม ที่ใดสมควรปิดล้วนปิดให้ชวนค้นหา

นางงามร่ายรำตามท่วงทำนองเพลงราวกับในร่างนั้นไร้กระดูก ชวนให้เพลิดเพลินจำเริญตา ก่อนจบด้วยท่วงท่าบิดกายอันงดงาม

“คารวะคุณชาย ได้เวลาแล้ว” สายตาของนางงามยิ่งหยาดเยิ้มชวนลุ่มหลง แต่หลงเฉินเพียงวางจอกลง ใช้มือซ้ายยันข้างกาย ร่างของเขาก็ดีดพุ่งทะลุนางงามที่เป็นเพียงภาพมายาออกไป โดยไม่ต้องโคจรพลังใช้วิชาตัวเบาแต่อย่างใด โต๊ะ ต่าง ที่เขากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่เมื่อครู่พลันถูกดึงเก็บเข้าไปในผนังของยาน ภาพของอวกาศที่เคยฉายอยู่บนเพดานสลายหายไปดุจเดียวกับภาพฝัน

รอบกายนั้นที่แท้เป็นเพียงกล่องโลหะ คล้ายกับติดอยู่ในที่คุมขังชนิดหนึ่ง ไม่ว่าจะสุขสบายเพียงใดก็ตาม

“ใยเวลาพักผ่อนของเราจึงกระชั้นสั้นเช่นนี้” เขาถามออกไปทั้งที่ทราบคำตอบนั้นจนขึ้นใจแล้ว

“คุณชายก็รู้ว่าที่ต้องทำเช่นนี้ เพราะจะเป็นผลดีกับร่างกายของคุณชายเอง”

“ใช่ เรารู้ แม่นางจ้ายเจี้ยน” เขาเรียกหานางด้วยนามของนาวาอวกาศลำนี้ เพราะไม่ชมชอบชื่อที่เป็นรหัสตัวเลขซึ่งผู้ที่เขียนและบรรจุพวกนางลงในนาวาอวกาศแต่ละลำเป็นผู้ตั้งให้ ‘หากเรื่องดาวโลก สงคราม และการอพยพทั้งหมดนั้นเป็นความจริง’ แต่เขาก็ไม่มีความจริงอื่นใดให้เชื่ออีกแล้วนอกจากเรื่องนี้

“ครั้งนี้นานเท่าใด” เขาเอ่ยถามในขณะที่เตียงนอนรูปร่างประหลาดกำลังโผล่ขึ้นมาจากพื้นยาน ฝาครอบที่เป็นโลหะ เลื่อนเปิดออกช้าๆ ทุกครั้งที่เขาก้าวลงไปในเตียงนี้จะเกิดลางอัปมงคลขึ้น มันคล้ายกับโลงศพที่เขาเห็นในความฝันเหลือเกิน

“ประมาณหกสิบปีของโลก คุณชาย ไม่ทราบครั้งนี้ท่านต้องการสิ่งใดเป็นพิเศษในความฝันเพิ่มเติมหรือไม่” น้ำเสียงสังเคราะห์ของนางนั้นยังคงออดอ้อนชวนลุ่มหลงอยู่ไม่คลาย

“...เราต้องการ...เจ้า ได้หรือไม่” เขาไม่แน่ใจว่านี่เป็นครั้งแรก หรือเป็นคำถามที่ไม่รู้ว่าตนเองเอ่ยมาแล้วเป็นครั้งที่เท่าใดกันแน่

ภาพโฮโลแกรมของนางคล้ายกระพริบไหววูบวาบ แก้มทั้งสองของนางคล้ายแดงเรื่อขึ้นกว่าเดิม ก่อนที่นางจะก้มหน้าตอบเบาๆ ด้วยความเขินอาย

“หากเป็นความต้องการของคุณชาย เราย่อมไม่อาจปฏิเสธ แต่ถึงแม้เครื่องบันทึกฝันจะละเอียดลออปานใด สุดท้ายแล้วก็ไม่อาจควบคุมได้ทุกสิ่ง ทุกเหตุการณ์ล้วนแล้วแต่เป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น คุณชายจะคว้าไว้ได้หรือไม่ย่อมไม่อาจคาดเดาได้”

ฝาเตียงค่อยๆ เลื่อนปิดลง ของเหลวอันอุดมไปด้วยแร่ธาตุ สารอาหาร กาซที่จำเป็นค่อยๆ ถูกฉีดเข้ามาภายในเตียง หลงเฉินพลันตะโกนส่งเสียงออกไป

“หากเราถามถึงความต้องการของเจ้าเล่า จ้ายเจี้ยน เจ้าจะว่าอย่างไร”

เขาเห็นนางขยับปากเพื่อตอบคำ แต่ฝาเตียงพลันปิดลง ของเหลวท่วมทันจนมิด เขาเกิดอาการสำลักอย่างไม่เป็นผล ของเหลวทั้งหมดไหลเข้าแทนที่ช่องว่างของทวารทั้งหมดภายใน ชีพจรทั่วร่างพลันถูกกระแสพลังจาก เตียงสยบชีพ หยุดเอาไว้ทั้งหมด

หลงเฉินเริ่มจมดิ่งลึกลงไปในร่างของตนเอง

เครื่องบันทึกฝันพลันเริ่มต้นทำงานอีกครั้ง


Create Date : 01 เมษายน 2557
Last Update : 1 เมษายน 2557 16:03:24 น. 0 comments
Counter : 1360 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.