ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2558
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
8 มิถุนายน 2558
 
All Blogs
 

แจ้ง (ุ8)

ใหญ่ที่ยื่นหน้าออกไปดูเหตุการณ์จากทางด้านหลังรถม้ามองเห็นผู้คนจำนวนหนึ่งซึ่งนับว่ามากหากคิดตามมาตราฐานขนาดหมู่บ้านของพวกเขากำลังจับกลุ่มอยู่บนเส้นทางสายเดียวที่ใช้ผ่านเข้าออกหมู่บ้าน ทุกคนต่างมีคบไฟในมือหนึ่ง ส่วนอีกมือถืออาวุธ ซึ่งบางส่วนเป็นดาบที่ถูกดัดแปลงมาจากเครื่องมือทางการเกษตรเก่าๆ ด้วยฝีมือพ่อของอรุณนั่นเอง แต่ส่วนใหญ่แล้วอาวุธที่ว่าก็คือเครื่องมือทางการเกษตรที่พวกเขาใช้กันอยู่ทุกวัน

มันทำให้เขานึกถึงเรื่องเล่าที่เหล่าพ่อค้าเร่ใช้ดึงดูดผู้คนให้เข้ามาล้อมวงเพื่อเสนอขายสินค้าของตน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเรื่องรักซึ้งตรึงใจ โศกเศร้ารันทด สนุกสนานตื่นเต้น แต่ในบางครั้งมันก็เป็นเรื่องราวของสัตว์ประหลาด และสิ่งน่ากลัวทั้งหลาย ซึ่งในเรื่องพวกนี้ เมื่อชาวบ้านมารวมตัวกัน ถือคบไฟ ใช้เครื่องมือทางการเกษตรแทนอาวุธ และในบางครั้งอาจถึงกับมีถุงคลุมหน้า มันคือการบอกให้รู้ว่าเรื่องกำลังจะจบลงในไม่ช้า

มันต้องเป็นเวลากลางคืนเสมอ เมื่อไม่มีแสงสว่าง เมื่อโลกไร้สีสัน เหลือไว้เพียงสีเทาเลือนลางอยู่ในความมืดดำ จากชาวบ้านธรรมดาจะเปลี่ยนกลายเป็นกลุ่มคนที่พร้อมจะทำลาย เผาผลาญทุกสิ่งให้มอดไหม้ไปด้วยกฎหมู่ หรือ พลังแห่งฝูงชน ซึ่งบ่อยครั้งที่มันไม่ใช่สิ่งเดียวกันกับความยุติธรรม และจะไม่มีใครอยากพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ในท่ามกลางแสงสว่าง เมื่อยามเช้าเวียนมาถึงอีกครั้ง

ไม่ว่าจะเป็น แม่มด สัตว์ประหลาดที่สามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ หรือบางครั้งก็อาจเป็นมนุษย์ที่จิตใจสามารถแปรเปลี่ยนไปเป็นสัตว์ประหลาด ทั้งหมดนั้นมักจะไปจบลงในกองไฟที่ลุกโชนพร้อมกับเสียงกรีดร้องโหยหวน

โดยไม่รู้ว่าเป็นฝ่ายใดที่มีความเป็นสัตว์ประหลาดอยู่ภายในมากกว่ากัน

ใหญ่รู้สึกเป็นห่วงอีกอร่า กับนายท่านของเธอขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ตอนจบแบบนั้นยังไม่ควรจะมาถึง เพราะเรื่องราวของทั้งสองพึ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น

“ฉันเห็นพ่อแล้ว” ใหญ่บอกกับอรุณ คนส่วนใหญ่ล้วนเป็นอาสาสมัครที่จัดตั้งขึ้นเพื่อรับมือกับเหตุสัตว์มืดตั้งแต่ก่อนที่พวกเด็กหนุ่มในหมู่บ้านจะถูกส่งไปเข้ารับการฝึก “...แต่ยังไม่เห็นพ่อของนาย” พ่อของอรุณเองก็เป็นหนึ่งในอาสาสมัครด้วยเช่นกัน “ดูเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่” แต่เขาก็ยังนึกไม่ออกว่ามันจะเป็นเรื่องอะไรไปได้

“หยุดก่อน หยุดก่อน หยุด”

พ่อของใหญ่ตะโกนบอก ซึ่งอันที่จริงอีกอร่าเองก็กำลังทำอย่างนั้นอยู่แล้ว เธอหยุดรถม้าไว้ในระยะห่างพอควร ก่อนจะรีบซ่อนปืนเอาไว้ในมือข้างซ้ายที่ถนัด แสงจากคบไฟทำให้ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ไฟฉาย เธอนับจำนวนอย่างรวดเร็วได้ทั้งหมดยี่สิบสองคน ท่าทางไม่เหมือนโจร แต่ก็ยังไม่น่าวางใจ

“สสวัสดียามค่ำ ทท่านทั้งหลาย มมีปัญหาอะไรกันหรือ” เธอรู้ว่าม้าดำทั้งสองพร้อมที่จะออกวิ่งตามคำสั่งได้ในทันทีหากมีเหตุจำเป็นเกิดขึ้น ด้วยรอยยิ้ม หน้าตา และวิธีการพูดอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอรวมเข้าด้วยกัน ทำให้พ่อของใหญ่ที่กำลังเดินเข้ามาถึงกับต้องชะงักไปครู่หนึ่ง ส่วนคนอื่นๆ ก็พากันซุบซิบส่งเสียง และมีอยู่คนหนึ่งถึงกับทำจอบในมือหล่นลงพื้นพร้อมกับหน้าซีด ปากอ้าค้าง

“เงียบก่อน เงียบก่อน” เขาพยายามรวบรวมความกล้าของฝูงชนเข้าด้วยกันอีกครั้ง “ขอโทษด้วยถ้าหากพวกเราทำให้ตกใจ” เขากลืนน้ำลาย ไม่รู้ว่าใครทำให้ใครตกใจกันแน่ “ฉันชื่อยอด เป็นหัวหน้าหมู่บ้าน คงไม่สะดวกที่จะให้คนแปลกหน้าเดินทางเข้าไปในตอนนี้...พอดีว่ามีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น”

“แตต่...” ช่องสนทนาบนรถม้าถูกเลื่อนเปิดออก เสียงสูงๆ ต่ำ ๆ ของเจ้านายปริศนาดังออกมาให้ทุกคนได้ยิน ซึ่งยิ่งทำให้ชาวบ้านต่างรู้สึกถึงความลี้ลับ และหวาดกลัวผู้มาเยือนในยามค่ำคืนนี้มากขึ้น

“เกิดอะไรขึ้นหรือพ่อ” ใหญ่ตะโกนถามพร้อมกับกระโดดลงมาจากด้านหลังรถม้า อรุณเองก็รีบติดตามลงมาด้วยความสงสัยเช่นกัน

“อ้าว ลูกเองหรอกหรือ แล้วก็อรุณด้วย ทำไมถึงพึ่งมากันเอาป่านนี้” ยอดทำหน้าเข้ม แต่ก็ปกปิดความดีใจ และความโล่งใจไว้ได้ไม่มิด บรรยากาศของฝูงชนผ่อนคลายลง กลับกลายเป็นว่าทั้งสองคือต้นเหตุของความวุ่นวายในครั้งนี้นั่นเอง เด็กหนุ่มคนอื่นๆ ที่ไปเข้ารับการฝึกพร้อมกันต่างเดินทางกลับมาถึงตั้งแต่ช่วงสาย และบ่ายกันจนหมดแล้ว เหลือเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่จวบจนเวลาค่ำก็ยังไม่โผล่มาให้เห็น ยอดทนรอต่อไปไม่ไหวจึงรวบรวมคนมาเพื่อที่จะออกติดตามค้นหาทั้งสอง

ที่จริงแล้วเขาก็ยังไม่คิดจะถามอะไรลูกชายให้มากไปกว่านี้เพราะต้องการจัดการกับปัญหาของผู้มาเยือนยามวิกาลให้เสร็จเสียก่อน แต่ในระหว่างที่ทั้งหมดกำลังรอคอยให้การสนทนาด้วยภาษาประหลาดนั้นจบลง เขาก็พบเห็นรอยเลือดบนเสื้อของลูกชายเข้า

“...ลูกได้รับบาดเจ็บอย่างนั้นหรือ” เขาถามด้วยความเป็นห่วง

“ครับ แต่ไม่เป็นอะไรมาก มันเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเรามาถึงช้ากว่าที่ควรจะเป็น” เขาพยักหน้าก่อนถามต่อ “แล้วลูกไปโดนอะไรมา”

“...มันเป็นสัตว์มืดตัวหนึ่ง พวกเราเจอกับมันเมื่อคืนก่อน...แต่ว่า มันค่อนข้างจะ...ประหลาดทีเดียว” คำว่า สัตว์มืด นั้นทำให้คนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เริ่มหันมาสนใจ

“ไว้ค่อยกลับไปคุยกันต่อที่บ้านก็แล้วกัน” พ่อของเขารู้สึกได้จากคำพูด และท่าทางของลูกชายว่าเรื่องราวนี้คงไม่ปกติธรรมดา เขาไม่อยากให้มีข่าวแปลกๆ แพร่กระจายออกไปโดยไม่จำเป็น แค่นี้หมู่บ้านก็วุ่นวายมาเกินพอแล้ว

“แล้วทำไมลูกถึงมากับ...คนพวกนี้ได้” เขาลดเสียงให้เบาลง

“พวกเราเจอกันบนทางเกวียนสายเก่าก่อนถึงทางแยก ช่วงนั้นฝนกำลังตกพอดี พวกเขาตั้งใจที่จะมาทางนี้อยู่แล้ว เราเลยขอติดรถมาด้วย”

“...แล้วลูกรู้ไหมว่าพวกเขาเป็น...ใคร” ที่จริงแล้วเขาอยากจะใช้คำว่า ตัวอะไร มากกว่า แต่คิดว่าคงไม่ค่อยเหมาะสมนัก “มาจากไหน แล้วมาทำอะไรกันแถวนี้”

“ผมไม่รู้” ใหญ่มองหน้าพ่อ “หัวหน้าหมู่บ้านควรจะเป็นคนถามพวกเขาไม่ใช่หรือ มันเป็นหน้าที่ของพ่อต่างหาก” เขายกมือขึ้นผลักหัวลูกชายไปเบาๆ แต่เด็กหนุ่มก็พูดถูก มันเป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องทำ คนอื่นอาจไม่แน่ใจว่าคำถามพวกนี้จะเป็นการรุกเร้ามากเกินไปหรือไม่ แต่เขาสามารถไต่ถามทุกอย่างได้อย่างเต็มที่โดยหน้าที่ที่เขามีอยู่

“อ้อ จริงสิ” ยอดหันไปทางอรุณ “...เอ่อ...ฉันว่าเธอควรรีบกลับไปที่บ้านก่อนจะดีกว่า” อรุณไม่ชอบคำพูด และท่าทางของยอดที่แสดงออกมา เพราะมันทำให้เขาคิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากการพยายามบอกข่าวร้ายอย่างค่อยเป็นค่อยไปอะไรแบบนั้น แถมพ่อของเขาก็ไม่ได้ร่วมขบวนมาด้วย

“อย่าพึ่งคิดอะไรไปไกล พ่อของเธอยังสบายดี” ดูเหมือนยอดเองก็อ่านท่าทางเขาได้เช่นกัน “...เพียงแต่ปู่ของเธอไม่ค่อยสบาย พ่อของเธอก็เลยต้องคอยอยู่ดูแล...เขาแก่มากแล้ว”

พักหลังมานี้ ปู่เจ็บป่วยบ่อยครั้ง ปู่ชอบบอกว่ามันเป็นเพราะการใช้ชีวิตในวัยหนุ่มอย่างเสี่ยงภัยโลดโผนที่ได้สร้างผลกระทบสะสมมาถึงร่างกายในวัยชรา แต่เขาคิดว่ามันอาจเป็นเพราะเครื่องดื่มกลิ่นฉุนเฉียวที่ปู่หมักขึ้นเอง และแอบนั่งดื่มเกือบจะทุกคืนนั่นมากกว่า

“อย่างไรก็แล้วแต่ เธอรีบกลับบ้านไปก่อนดีกว่านะ”

แม้อรุณจะยังอยากรู้ว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร คนที่อยู่ในรถม้าจะมีหน้าตาเป็นเช่นไรกันแน่ แต่คำพูดของหัวหน้าหมู่บ้านทำให้เขาเกิดความรู้สึกกังวลอย่างช่วยไม่ได้ “...ถ้าอย่างนั้นผมกลับบ้านก่อนนะครับ”

“ดีแล้ว รีบกลับเถอะ พ่อของเธอจะได้หายกังวลด้วย เขาเองก็อยากจะออกมาช่วยตามหาพวกเธอด้วยตัวเองถ้าทำได้”

“ไปก่อนนะ” เขาหันไปบอกลาเพื่อน “ไปเถอะ แล้วค่อยเจอกันพรุ่งนี้” ใหญ่ขยิบตาให้ “อย่าลืมเรื่องที่คุยกันเอาไว้ล่ะ” ทั้งสองยิ้มให้กันราวกับว่ามันเป็นเรื่องสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดทั้งมวล ก่อนอรุณจะหันกลับไปหาอีกอร่า แต่การสนทนานั้นยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง เขาจึงไม่มีโอกาสที่จะกล่าวคำขอบคุณ “ฝากขอบคุณให้ด้วยก็แล้วกัน” เขาบอกเพื่อนก่อนจะเริ่มออกเดินไปตามเส้นทางกลับบ้านที่คุ้นเคยเพียงลำพัง

“เฮ้อ หวังว่าคงไม่เป็นอะไรหรอกนะ” พ่อของใหญ่บ่นพึมพำตามหลัง “ปู่ของอรุณอาการไม่ดีหรือครับ” ใหญ่เองก็พอฟังออกเช่นกัน “อือ ครั้งนี้ดูเหมือนอาการหนักทีเดียว แต่คนแก่ก็เป็นอย่างนี้แหละ...”

ในตอนนั้นเอง การสนทนาด้วยภาษาประหลาดระหว่างนายบ่าวทั้งสองก็สิ้นสุดลงพอดี

“เอ่อ ถ้าพวกเธออยากจะเข้าไปในหมู่บ้านตอนนี้ก็คงไม่เป็นไรแล้ว...” หัวหน้าหมู่บ้านบอก “แต่คงต้องขอให้บอกเล่ากันก่อนว่าพวกเธอเป็นใคร มาจากไหน มาทำไม และมีอะไรอยู่ในรถม้า” ใหญ่พลันนึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ เขาจึงรีบกระซิบบอกพ่อทันที สีหน้าของพ่อก็เปลี่ยนเป็นขึงขังขึ้นมา

“และคงต้องขอให้แสดงอาวุธที่พกมาให้ดูด้วย และฉันหมายถึงอาวุธทุกชิ้น”

อีกอร่าปั้นรอยยิ้มค้างไว้บนใบหน้าก่อนเหลือบมองมาทางใหญ่ ซึ่งทำให้เขารู้สึกเสียวสันหลังวาบยิ่งกว่าตอนที่ขึ้นไปนั่งบนรถม้าเสียอีก เธอกระโดดลงจากที่นั่งคนขับได้อย่างคล่องแคล่วผิดกับสภาพร่างกายโดยเฉพาะหลังที่ค้อมเป็นโหนกเล็กๆ ของเธอ

เธอโค้งให้กับทุกคนอย่างงดงาม “ฉฉันชื่อ ออีกอร่า แลละฉันมีปืนกระบอกหนึ่ง” เธอแสดงปืนในมือให้ทุกคนได้เห็น “มมันมีเอกสารรับรองจากมหานครอย่างถูกต้อง กการเดินทางแบบนี้มีอาวุธติดตัวมาบ้างคงไม่แปลกอะไร” ชาวบ้านต่างพากันพยักหน้าเห็นด้วย บางคนก็เบียดเข้ามาเพื่อขอดูปืนให้ชัดๆ มีอยู่หลายคนที่ไม่เคยเห็นปืนของจริงมาก่อน

“ใตต้ที่นั่งของฉันยังมีดาบ กกับมีดที่ใช้เป็นกระสุนปืน ในนตัวรถโดยสารก็มีดาบซ่อนไว้อีกเล่มใต้พื้นกระดาน ตตามที่ควรจะมี แตต่นายท่านใช้มันไม่เป็นหรอก” เธอทำท่านึกขึ้นได้ “ออ้อ ฉฉันยังมีแส้ติดตัวอยู่อีกเส้นหนึ่งด้วย พพวกคุณอยากตรวจสอบดูก็ได้”

“แล้วคนที่อยู่ในรถม้าล่ะ” เขาถามต่อ

“มมี นนายท่าน เพพียงคนเดียวเท่านั้น กกับของส่วนตัว ฉฉันต้องขอเตือนไว้ก่อนว่า ขของพวกนั้นบางชิ้นบอบบาง แตตกหักเสียหายง่ายมาก หหลายชิ้นนายท่านไม่ยินยอมให้ใครแตะต้อง หหากต้องการค้นดู คคงต้องขอให้เห็นใจกันบ้าง”

“พวกเราจะระวัง และไม่เรื่องมากก็แล้วกัน” เขาเริ่มคุ้นเคยกับสำเนียงของเธอ “แลล้ว...จะมาทำอะไรที่หมู่บ้านนี้กันล่ะ” จนต้องพยายามที่จะไม่เลียนแบบออกไปโดยไม่ตั้งใจ

“...นนายท่านกำลังทำการศึกษาเรื่องที่ฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก แตต่มันเกี่ยวข้องกับก้อนหิน แลละแร่ธาตุบางอย่าง” แม้จะไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจน แต่มันก็สื่อความหมายได้ว่าเจ้านายของเธอเป็น นักเล่นแร่แปรธาตุ งานที่แปลกไม่แพ้ตัวเธอเช่นกัน เธอกรอกตาที่ไม่ค่อยเท่ากันนั้นรอบหนึ่ง “บบางครั้งฉันเองก็มีปัญหาในการพูดคุยกับนายท่านอยู่เหมือนกัน หหลายครั้งที่มันฟังดูสับสน ไมม่น่าเป็นไปได้ แลละถึงขั้น...งงี่เง่าน่าขันเลยก็มี”

“แต่แถวนี้ไม่มีสินแร่มีค่าอะไรสักอย่าง” มันคือความจริงที่พวกเขารับรู้กันมานานแล้ว สิ่งที่มีค่าที่สุดใต้ผืนดินแถบนี้ก็คือความอุดมสมบูรณ์ที่สายน้ำพัดมามาทับถมให้ทุกปีนั่นเอง

“ไมม่ใช่แร่มีค่าอะไรแบบนั้น แตต่เป็นบางสิ่งที่พิเศษ” ถึงตรงนี้ชาวบ้านหลายคนต่างเริ่มให้ความสนใจ

“เอาล่ะ เอาล่ะ แล้วเราค่อยไปคุยรายละเอียดกันอีกทีก็แล้วกัน” เป็นอีกครั้งที่เขาต้องรีบตัดบท ด้วยเหตุผลเดิมคือต้องการจะประเมินเรื่องราวก่อนที่จะกลายเป็นข่าวลือแพร่กระจายออกไป เขาไม่ต้องการให้ชาวบ้านเริ่มลงมือขุดหาอะไรตามตามกันจนไม่อาจควบคุม โดยที่สุดท้ายแล้วสิ่งนั้นอาจก่อให้เกิดผลเสียมากกว่ามูลค่าที่แท้จริงของมัน

“เอ่อ ว่าแต่เจ้านายของเธอจะไม่ยอมออกมาทักทายกันเลยเชียวหรือ” เขารู้สึกสงสัยมากกว่าที่จะไม่พอใจ “พวกฉันก็จะได้สำรวจภายในรถคร่าวๆ แล้วค่อยเข้าหมู่บ้านไปพร้อมกัน”

ประตูรถม้าถูกเปิดออกอย่างแรง ราวกับว่าคนที่อยู่ภายในนั้นสามารถเข้าใจบทสนทนาที่กำลังดำเนินไป และรอคอยจังหวะเวลานี้อยู่ สายลมเริ่มพัดแรงขึ้นอีกครั้ง กลุ่มเมฆลอยผ่านเข้ามาบดบังแสงจันทร์ รถม้าสีดำสนิทหวนคืนสู่บรรยากาศอันน่ากลัวของมันอีกครั้ง แสงจากคบไฟแม้ยังคงสว่างแต่คล้ายกับถูกหรี่ลง เงาของผู้คนที่อยู่รวมกันทอดยาวราวกับตัวประหลาดสีดำโลดเต้นไปมาอยู่บนทุกสิ่ง

จากในความมืดเบื้องหลังประตู มือเหี่ยวย่นซีดขาวข้างหนึ่งยื่นออกมา อีกอร่าที่ขยับไปยืนรออยู่ที่ข้างประตูโดยที่ไม่มีใครมองตามทัน ยื่นแขนออกไปเพื่อรับมือข้างนั้นเอาไว้ ทุกคนต่างเผลอกลั้นหายใจอย่างลืมตัว เสียงหัวใจของทั้งหมดดังประสานเสียงราวกับจะเต้นไปด้วยจังหวะเดียวกัน

แล้วเจ้าของมือข้างนั้นก็ก้าวออกมา




 

Create Date : 08 มิถุนายน 2558
0 comments
Last Update : 8 มิถุนายน 2558 14:36:45 น.
Counter : 698 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.