ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2557
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
24 พฤศจิกายน 2557
 
All Blogs
 

ทอย (64)

น่าเสียดายที่สิ่งของที่ทอยซัดขว้างออกไปนั้นไม่อาจสร้างโอกาสที่อัลฟาต้องการขึ้นมาได้ โอเมกาใช้มือขวาคว้ามันไว้อย่างไม่ยากเย็นก่อนพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลของนางจะสามารถม้วนกลืนร่างของอัลฟาเอาไว้ได้ การต่อสู้สิ้นสุดลง ดูเหมือนว่าในท้ายที่สุดแล้ว จุดจบจะสามารถกลืนกินความเป็นจริงทุกสิ่งให้สูญสิ้นไป อีกเพียงชั่วครู่ อีกเพียงชั่วพริบตา โอเมกาซึ่งในตอนนี้ราวกับเป็นคู่แฝดอีกคนของอัลฟาเพียงแต่แต่งกายด้วยชุดยาวสีดำค่อยๆ ยกมือซ้ายขึ้นอย่างช้าๆ ราวกับจะเป็นการให้สัญญาณสิ้นสุดการแสดงแห่งความเป็นจริงทั้งมวล

“...นี่...คือ...อะไร...” แขนซ้ายของโอเมกาชะงักค้างอยู่เพียงครึ่งทาง ใบหน้าของนางแสดงความสับสนออกมาอย่างเห็นได้ชัด “...ความรู้สึก...ความคิด...สิ่งเหล่านี้...ทั้งหมดนี้ มันคืออะไร”

เสียงกรีดร้องของ สโนว ไวท์ ที่ดังก้องอยู่ภายในตรอกแคบๆ เงียบลงแล้ว แต่น้ำตาของเธอยังคงไหลรินลงมา “พอเสียที พอได้แล้ว มันจบแล้ว...มันจบแล้ว” เธอตะโกนเสียงดังพร้อมกับสะอื้นไห้

“เดี๋ยว เดี๋ยว ใจเย็นๆ ไว้ก่อนคุณสโนว” คุณครอสกลับคืนสู่ความเป็นคุณครอสคนเดิมอีกครั้ง “ผมกำลังจะอธิบายว่ามันเป็นการเข้าใจผิดกันเท่านั้น ผมไม่ได้ร่วมมือกับโอเมกา หรืออัลฟา หรือใครทั้งนั้น พวกเราทุกคนยังมีโอกาสรอดอยู่” คุณครอสหันไปทางแซนแมน “เพียงแต่มีใครบางคนใจร้อนเกินไปหน่อย”

“ปล่อยลูกผมเดี๋ยวนี้” แซนแมนไม่ยอมฟัง เขามุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่โฮม ซึ่งรีบปล่อยมือพร้อมกับดึงร่างของเด็กชายให้ลุกขึ้น “ผมแค่กลัวว่าจะต้องหายไปโผล่ในที่แปลกๆ เท่านั้นเอง ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เขาเจ็บ...ผมขอโทษ” แม้โฮมจะไม่ค่อยชอบหน้าแซนแมน แต่เขาก็รู้ตัวว่าทำเกินไป

“ผมไม่เป็นอะไรครับพ่อ” เด็กชายบอก “แค่ตกใจเท่านั้นเอง” ทรายที่พัดรุนแรงอยู่บนร่างของเด็กชายค่อยๆ กลับคืนสู่ความสงบ ซึ่งทำให้แซนแมนสงบลงเช่นกัน

“การบอกเรื่องของโอเมกาให้ทุกคนได้รู้นั้นเป็นความคิดของสารวัตรโฮม เขามีเหตุผลบางอย่าง...ซึ่งฟังดูแล้วผมเองก็ค่อนข้างเชื่อว่าน่าจะเป็นไปได้ เพียงแต่ปรับเปลี่ยนนิดหน่อยเพื่อให้เหมาะกับคืนแห่งของขวัญเท่านั้น” คุณครอสบอก

“...เพื่ออะไรกัน เราไม่ควรทำแบบนั้นไม่ใช่หรือ” แซนแมนยังคงไม่วางใจ

“เพื่อให้โอเมกากลายเป็น...คนเก่าแก่อีกคน” โฮมตอบอย่างลังเล เขาไม่แน่ใจ แต่มันเป็นคำตอบที่น่าลองเสี่ยงดูสักครั้ง ดีกว่าจะไม่ลงมือทำอะไรเลย

ด้วยความเชื่อจากผู้คนทำให้เกิดเป็นพลัง ก่อเกิดเป็นรูปธรรมขึ้นมา แต่โอเมกาจะไม่ได้รับมาแค่เพียงร่างกายเท่านั้น เมื่อเป็นเทพีของมนุษย์ นางก็ต้องรับเอาสิ่งต่างๆ ของมนุษย์มาด้วย สิ่งที่นางไม่เคยมีมาก่อน ทั้ง อารมณ์ ความรู้สึก ตัวตน และสิ่งอื่นๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน

นางยังไม่เข้าใจพวกมัน แต่กลับรับรู้ได้ถึงผลกระทบที่เกิดกับตนเอง นางที่ไม่เคยเป็น ใครคนหนึ่ง แบบนี้มาก่อน การทำลายล้างทุกสิ่งเพื่อกลับคืนสู่ความว่างเปล่าซึ่งเคยเป็นเพียงกระบวนการอย่างหนึ่ง แต่ในตอนนี้กระบวนการที่ว่านั้นหมายรวมถึงการจบสิ้นลงของสิ่งที่เป็น ตัวตน ของนางไปด้วย ตัวตนที่นางไม่เคยมีมาก่อน

มันทำให้นางเกิดความรู้สึกลังเลขึ้นเป็นครั้งแรก

“...ทำแบบนั้นแล้วมันจะได้ผลหรือ” แซนแมนถาม

“ก็อาจจะ” คุณครอสเป็นคนตอบ “...มีใครในพวกเราไม่เคยคิดอยากจะทำลายล้างมนุษย์ให้หมดสิ้นไปบ้างไหม” โฮมไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำถามแบบนี้จากปากของซานต้าครอสโดยเฉพาะในคืนแห่งของขวัญ ไม่มีคำตอบ มีเพียงการแลกเปลี่ยนสายตากันระหว่างบุคคลเก่าแก่ที่ทรงพลังทั้งสาม ครอส ฟรอส และ แซนแมนเท่านั้น

อัลฟามีความต้องการที่จะลบล้างมนุษยชาติออกไปเสมอ เมื่อนางมีโอกาส แต่ก็เพื่อเป็นการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เผื่อว่าจะพบบางสิ่งที่ต่างออกไป บางสิ่งที่ดีขึ้นกว่าเดิม “แล้วดูสิ มนุษย์และพวกเราก็ยังคงอยู่กันมาจนถึงทุกวันนี้” คุณครอสสรุป

“สิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญานั้นนับเป็นสิ่งพิเศษ ความเป็นจริงจะเกิดมีขึ้นทำไมหากไร้ซึ่งสิ่งที่สามารถรับรู้ มนุษย์นั้นสับสนยากแยกแยะ แต่มันก็คือลักษณะเฉพาะตัวของมนุษย์ เป็นปัญหาซึ่งอาจไม่มีคำตอบที่ถูกต้อง มีเพียงคำตอบที่เหมาะสมกับชั่วขณะนั้น ความผิดพลาด หรือถูกต้องที่เราตัดสินกันไปเอง กับความไร้สาระที่มีความหมายสำหรับแต่ละบุคคลได้อย่างคาดไม่ถึง” คุณครอสส่ายหน้าช้าๆ พร้อมยิ้มอย่างระอา 'โดยเฉพาะกับคุณ แซนแมน ที่มีทั้งครอบครัว และทำตัวเหมือนพวกมนุษย์ยิ่งกว่าใคร' ก่อนจะหันไปทางสารวัตรโฮม

“คุณตำรวจ คุณรู้ไหม มันนับเป็นกรงขังที่ร้ายกาจที่สุดเท่าที่ผมเคยรู้จักมาเลยทีเดียว ผมไม่รู้ว่าจะชื่นชมคุณดีหรือไม่กับเรื่องในครั้งนี้”

โฮมไม่รู้ว่าเขาควรจะทำหน้าอย่างไรดี

มือซ้ายของโอเมกาลดลงช้าๆ ก่อนที่มือขวาจะยกขึ้น ความว่างเปล่าของมิติแห่งนี้พลันเกิดการสั่นคลอน กลุ่มพลังที่เคยกลืนกินร่างของอัลฟาเอาไว้พลันคลายตัวออกเผยให้เห็นร่างของหญิงสาวที่อิดโรยในชุดขาวนอนขดตัวอยู่ราวกับทารกที่อยู่ในครรภ์

โอเมกามองดูสิ่งที่อยู่ในมือขวาของนาง สิ่งที่ทอยซัดขว้างมาด้วยความสนใจ ทอยเองก็ได้เห็นมันอย่างชัดเจนอีกครั้ง มันเป็นตลับโลหะสีเงินไร้ลวดลาย โอเมกาเปิดมันออก ภายใต้ฝานั้นเป็นหน้าปัดทำด้วยกระจกใสเปิดเผยให้เห็นกลไกฟันเฟืองชิ้นเล็กๆ จำนวนมาก หลากรูปแบบ หลายขนาด แต่ทั้งหมดหยุดนิ่งอยู่ จนถึงชั่วขณะนี้

กลไกทั้งหมดพลันขยับหมุนขึ้นพร้อมกัน ตามจังหวะที่ถูกกำหนดเอาไว้ในการวัดความยาวของเวลา เข็มวินาทีของมันขยับ และเสียงการเดินก็ก้องดังไปทั่วทั้งความว่างเปล่า นางยืนตะลึง เมื่อได้รับรู้ถึง เวลา วินาทีแรก

“นางจะกลายเป็นเทพีโอเมกา เทพีแห่งความสงบ และการสิ้นสุด ไม่ใช่ความสิ้นสูญ ไม่ใช่หลุมดำขนาดยักษ์ที่จะคอยกลืนกินทุกสิ่งอีกต่อไป ผมไม่ได้หมายความว่าความสิ้นสูญพวกนั้นจะหายไปจากความเป็นจริง เพียงแต่นางจะไม่ใช่สิ่งนั้นอีกต่อไป” คุณครอสพูดต่อ

“...แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าแผนนี้สำเร็จหรือไม่” แซนแมนถาม
คุณครอสผายมือไปรอบๆ “ทุกอย่างยังคงอยู่ รวมถึงพวกเราด้วย และผมคิดว่ามันเป็นคำตอบที่เพียงพอแล้ว จนกว่าทุกสิ่งจะหายวับไป ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น...” คุณครอสทำท่ายักไหล่

อัลฟาลุกขึ้นอย่างช้าๆ เทพีทั้งสองต่างมองดูซึ่งกันและกัน การที่เกือบจะต้องสูญสลายไปนั้นทำให้นางต้องขบคิดใหม่อีกครั้งเกี่ยวกับการลบทุกสิ่งเพื่อเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง นางพลันยื่นของสิ่งหนึ่งออกมา สิ่งของอีกชิ้นที่เคยอยู่ในความครอบครองของทอยเช่นกัน เขาไม่รู้ว่านางเก็บมันมาตั้งแต่เมื่อใด เหรียญนั้นลอยขึ้นจากฝ่ามือพร้อมกับหมุนคว้างขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่า หัว ก้อย หัว ก้อย หมุนวนไปไม่รู้จบ มันคือความน่าจะเป็น มันคือโอกาส มันคือความเป็นไปได้ มันหมุนไปพร้อมกับเสียงของเข็มวินาที เสียงของเวลาที่กำลังเคลื่อนไป

ถึงตอนนี้อัลฟามีอีกทางเลือกหนึ่งแล้ว ขาว และ ดำ เทพีทั้งสองต่างเคลื่อนเข้าหากัน พลังของทั้งคู่ทั้งดึงดูดและผลักกัน หมุนวนจนคล้ายเป็นวงกลม ในสีดำนั้นมีสีขาว และในสีขาวก็มีสีดำ พลังงานเร่งทรีคูณขึ้นอย่างก้าวกระโดด ร่างของทอยพลันถูกผลักให้ลอยห่างออกไปด้วยแรงดันมหาศาลเกินจินตนาการ เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มันคล้ายกับการระเบิดที่รุนแรงที่สุดซึ่งไม่มีใครสามารถจินตนาการได้ ความว่างเปล่าทั้งหมดพลันถูกเติมเต็มด้วยบางสิ่ง ก่อนที่มันจะผลักร่างของเขาให้กระเด็นหลุดออกไป

“...เขาฟื้นแล้วค่ะ” เสียงที่เต็มไปด้วยความยินดีของสโนวปลุกให้ทอยได้สติ เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ราวกับว่าเขาพึ่งตื่นจากความฝันอันยาวนาน ฝันที่เขาจดจำรายละเอียดได้อย่างลางเลือน “...ผม...เกิดอะไรขึ้น...”

“คุณตกลงมาจาก...กลางอากาศ” สโนวไม่แน่ใจว่ามันเป็นคำที่ถูกต้อง ในตอนนั้นภาพของมิติประหลาดที่อยู่บนท้องฟ้าคล้ายสว่างวาบขึ้นก่อนหายวับไปเหลือไว้เพียงท้องฟ้ายามราตรีตามปกติ สิ่งที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นการบ่งบอกถึงการสิ้นสุดของเหตุการณ์ครั้งนี้ “พวกเรากำลังเดินออกมาจากตรอกข้างร้านซีเอฟ แล้วคุณก็ร่วงหล่นลงมาตรงหน้า ฉันดีใจมากที่พบว่าคุณยังคงหายใจอยู่”

“ว่าแต่ มันเกิดอะไรขึ้นที่นั่นคะ” ทุกคนต่างก็อยากรู้

“...ผม...ไม่รู้ ผม จำอะไรไม่ได้เลย...แต่ผมคิดว่ามันจบแล้ว” คำตอบของทอยทำให้ทั้งหมดรู้สึกผิดหวัง

“ผมจะลองออกตามหาพวกนางดู เผื่อว่าจะได้เบาะแสอะไรบ้าง ถึงอย่างไรมันก็เป็นหน้าที่ของผมที่ต้องคอยดูแลเส้นทางระหว่างโลกแห่งความฝันทั้งหลายอยู่แล้ว” แซนแมนบอกพร้อมกับถือโอกาสกล่าวคำอำลา “ผมไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องของพวกคุณที่นี่อีกแล้ว ผมจะพาลูกกลับบ้านไปพักผ่อน ยังมีเรื่องเรียนรอเขาอยู่อีก”

“ผมขอคุยกับคุณเป็นการส่วนตัวสักครู่ได้ไหมครับ” โฮมถามด้วยท่าทางแบบตำรวจอย่างเป็นทางการ

“ได้สิครับ” แซนแมนตอบพร้อมกับเดินแยกไปกับโฮมเพียงสองคน

“ผมคงไม่ต้องบอกกับคุณว่าการกระทำของคุณบางอย่างนั้นอาจเข้าข่ายบุกรุกได้ แม้จะไม่มีกฎหมายของมหานครระบุไว้อย่างชัดเจนก็ตาม” โฮมไม่อ้อมค้อม

“ได้ ผมจะไม่ไปพบกับคุณวสันต์ในความฝันอีก” แซนแมนจ้องตาเขา “แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่มาพบกับเธออีกครั้ง หวังว่าคุณคงเข้าใจ”

“ไปก่อนนะสารวัตรโฮม” โดยไม่รอคำตอบร่างของแซนแมนก็ลอยขึ้นพร้อมกับประกายสีทองก่อนจะคว้ามือของลูกชายเอาไว้ แล้วลอยหายไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้โฮมได้แต่สบถเบาๆ กับตัวเอง

“ถ้าอย่างนั้น พวกเราจะแยกย้ายกันเลยดีไหมครับ” ทอยถามขึ้น

“ดูเหมือนว่าชาวมหานครส่วนใหญ่จะยังรวมตัวกันอยู่ที่ลานหน้าตึกนคราภิวัฒน์ เราไปบอกข่าวดีพร้อมกับร่วมฉลองคืนแห่งของขวัญกับพวกเขาเลยดีไหม” คุณครอสเสนอ “ไปด้วยกันนะฟรอส” คุณครอสรีบดักคอเพื่อไม่ให้ฟรอสปฏิเสธ

“ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องขอตัว...ผมไม่ค่อยคุ้นกับที่ที่มีคนเยอะๆ แบบนั้น” ทอยบอกพร้อมกับจะถอยหลังออกมาจากกลุ่ม ร่างของเขาพลันกลมกลืนไปกับฉากหลังของยามราตรีโดยที่ไม่รู้ตัว

“ไปด้วยกันสิคะ”

มีมือข้างหนึ่งเอื้อมมาจับมือของเขาเอาไว้ เขาเงยหน้าขึ้นสบกับสายตาคู่นั้น สองสามวันที่ผ่านมานี้นับว่ามีเรื่องราวแปลกประหลาดมากมายเกิดขึ้นกับตัวเขา ร่างของเขาถูกฉุดดึงเบาๆ และเขาคิดว่าการติดตามเจ้าของมือข้างนี้ไปในค่ำคืนนั้นนับเป็นสิ่งแปลกประหลาดที่สุดที่เคยเกิดกับตัวเขาเลยทีเดียว

บทส่งท้าย

“ได้มีการกำหนดวันเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ของมหานครออกมาอย่างเป็นทางการแล้วนะคะ ซึ่งเป็นการต่อสู้กันระหว่างท่านผู้ว่าคนปัจจุบัน เอ เฮช ลินคอน ที่ครอบครองตำแหน่งมาอย่างยาวนาน กับผู้ท้าชิงหน้าใหม่ไฟแรงอย่าง เอฟ เค สไตน์ อดีตทนายความซึ่งเป็นที่จับตามอง และได้รับกระแสตอบรับจากการหยั่งเสียงของชาวมหานครอย่างล้นหลาม”

ผู้ดำเนินรายการสาวพลันเปลี่ยนหัวข้อใหม่

“หลังจากที่ต้องนอนพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บที่ได้รับในการสำรวจครั้งล่าสุด ในที่สุดอาจารย์แจ็คก็สามารถกลับไปทำการสำรวจได้อีกครั้ง โดยในครั้งนี้...” เสียงประกาศจากโทรทัศน์ดึงความสนใจของทอยจากข้อมูลในเอกสารตรงหน้า คุณนายวิกเซ่นจึงรีบหรี่เสียงลงเพราะเข้าใจว่ารบกวนเขา

“ขอโทษค่ะหัวหน้า” นางรีบบอก

“เรียกผมเหมือนเดิมดีกว่าครับ” ทอยเคยบอกเรื่องนี้กับนางมาหลายครั้งแล้ว

“ไม่ได้หรอกค่ะ เมื่ออยู่ในเวลางาน หัวหน้าก็ต้องเป็นหัวหน้าค่ะ” เขาจึงได้แต่ส่ายหน้า

หลังจากงานเลี้ยงในคืนแห่งของขวัญเลิกลา เมื่อทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน เขาก็นอนรู้สึกแปลกๆ ไปจนถึงรุ่งเช้า และตัดสินใจย้อนกลับไปที่สำนักงานร้านของเล่นซีเอฟในตอนสาย เขาพบกับช่างกลุ่มหนึ่งที่กำลังทำการเปลี่ยนป้ายเครื่องหมายร้านของเล่นใหม่ มันยังคงเป็นตัวอักษร ซี และ เอฟ เช่นเดิม เพียงแต่ครั้งนี้ตัวอักษรทั้งสองนั้นมีขนาดเท่าเทียมกันแล้ว คุณฟรอสที่ออกมายืนคุมงานด้วยตัวเองรีบหุบยิ้มเมื่อหันมาพบเห็นเขาเข้า

“มีอะไรหรือคุณทอย เรากำลังมีงานยุ่ง” ฟรอสรีบบอก

“คืนแห่งของขวัญก็ผ่านพ้นไปแล้ว ยังยุ่งเรื่องอะไรอีกหรือครับ” ทอยถามด้วยความสงสัยจริงๆ

“ก็ต้องยุ่งสิ ปีนี้คุณครอสแจกของขวัญนอกรายการไปตั้งมากมาย การ์ดพวกนั้นไม่ได้โผล่มาจากอากาศอย่างที่คุณคิดหรอกนะ เราต้องรีบผลิตพวกมันให้ทัน”

ทอยมึนงงเล็กน้อยกับเรื่องที่ฟรอสพูด แต่นั่นไม่ใช่เป้าหมายของเขา

“...เอ่อ...ไม่ทราบว่า...เอ่อ...คุณสโนวเข้ามาทำงานหรือยังครับ” เขารู้สึกได้ว่าใบหน้าร้อนผ่าว เขากำลังหน้าแดง

“เธอลาออกไปแล้ว” ฟรอสรู้สึกสงสารขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าของทอยในตอนนั้น “เธอบอกว่าเธอตัดสินใจได้แล้ว และจะกลับไปสะสางปัญหาที่ปล่อยทิ้งค้างคาเอาไว้”

'อย่าบอกว่าฉันจะไปที่ไหนนะคะ โดยเฉพาะกับคุณทอย ฉันไม่อยากให้เขาต้องมาเดือดร้อนกับเรื่องนี้ไปด้วย มันเป็นเรื่องส่วนตัว และฉันอยากจะย้อนกลับไปแก้ไขมันด้วยตนเอง' ถึงฟรอสจะคิดว่ามันอันตรายเกินไป แต่เขาก็ไม่อาจขัดความตั้งใจของเธอได้

“คุณครอสเองก็คงไม่ยอมบอกเหมือนกัน และเรากำลังประกาศรับสมัครเลขาคนใหม่ แต่ตำแหน่งนี้ไม่เหมาะกับคุณแน่” ฟรอสรีบบอก

ทอยเองก็ไม่ได้คิดที่จะสมัครงานในร้านของเล่นอีกแล้ว เขากำลังคิดถึงอีกอาชีพหนึ่ง อาชีพที่ยังไม่เคยมีใครในมหานครทำมาก่อน อาชีพที่เขาจะได้ใช้ความสามารถที่มี ไม่ใช่เพื่อลอบสังหารใครอะไรแบบนั้น

“หัวหน้าคะ มีลูกค้ามาค่ะ” คุณนายวิกเซ่นได้ย่องออกไปต้อนรับลูกค้าในระหว่างที่เขานั่งใจลอยไปชั่วครู่ ทั้งหมดนั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน และวันนี้เขาพึ่งใช้บ้านเช่าของคุณนายวิกเซ่นเป็นสำนักงาน และได้นางมาทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยด้วย

“เชิญนั่งก่อนครับ” ทอยลุกขึ้นต้อนรับลูกค้ารายแรกของเขา ในขณะที่นางก็รีบไปเตรียมเครื่องดื่ม คุณยายในชุดดำพร้อมกับเสียงหัวเราะ 'อิ อิ อิ' อันแสนคุ้นเคยเดินมานั่งลงตรงข้ามกับเขา นางก็คือเจ้าของร้านพิซซ่าที่เขาเคยกินกับปู่แจ็คนั่นเอง

“มีเรื่องอะไรให้ผมช่วยครับคุณยาย”

“อิ อิ อิ คุณนักสืบ คุณต้องช่วยยายนะ ยายน่ะอายุมากแล้ว และยายก็มีความฝันเรื่องหนึ่งที่อยากทำให้สำเร็จ คุณนักสืบยังจำร้านของยายได้ไหม”

ทอยได้ตัดสินใจเปิดสำนักงานนักสืบเอกชนแห่งนี้ขึ้น และแขกคนแรกที่มาเยี่ยมเยือนเมื่อเช้าก็เป็นคนที่เขานึกไม่ถึง “ผมคิดว่าจะมาชวนคุณไปทำงานด้วยเสียหน่อย” สารวัตรโฮมที่มีผู้ช่วยวสันต์ติดตามมาด้วยบอกอย่างนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองนั้นยังคงดูเหมือนเดิม แต่ทอยก็ไม่แน่ใจ “ตอนนี้ผมพึ่งได้เป็นหัวหน้าแผนกที่จัดตั้งขึ้นใหม่เพื่อการสืบสวนเรื่องพิเศษโดยเฉพาะ ผมหมายถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ...” โฮมลดเสียงให้เบาลง “คนเก่าแก่พวกนั้น ผมคิดว่าเราควรต้องติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเขาเอาไว้” ซึ่งทอยได้ปฏิเสธข้อเสนอไป “อย่าพึ่งพูดแบบนั้น ผมยังรอคอยคำตอบจากคุณเสมอ” โฮมทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจากไป

“จำได้ครับคุณยาย” ร้านที่เต็มไปด้วย ห่อขนมหวาน อย่างเป็นเอกลักษณ์แบบนั้นใครจะลืมได้ง่ายๆ

“ถึงจะมีร้านนั้นแล้ว แต่ยายก็ยังแอบฝัน ยังอยากที่จะได้นอนหลับในบ้านขนมหวานของจริงสักครั้งให้ได้” ดวงตาที่พร่าเลือนคู่นั้นพลันเป็นประกายขึ้นมาทันที “ยายได้ข่าวมาด้วยว่าบ้านแบบนั้นยังมีอยู่”

“ข่าว...จากที่ไหน หรือใครครับ” ทอยเริ่มสงสัย เขากำลังคิดไปถึงใครบางคน ใครบางคนที่คุ้นเคยกับเขา

“...จะเป็นข่าวจากใครก็ช่างเถอะ แต่ยายอยากให้คุณนักสืบพายายไปค้นหาบ้านขนมหวานหลังนี้ และแน่นอน ยายจะมีค่าเดินทาง ค่าใช้จ่าย และค่าตอบแทนที่คุ้มค่าให้กับคุณนักสืบด้วย”

หูของคุณนายวิกเซ่นกระดิกทันทีเมื่อได้ยินคำว่า 'ค่าตอบแทนที่คุ้มค่า' นางรีบออกมาพร้อมกับเครื่องดื่มจนเกือบทำมันหก “เรายินดีรับงานนี้เลยค่ะคุณยาย ดื่มอะไรก่อนไหมคะ”

“เอ่อคุณ...คุณผู้ช่วย ผมยังไม่ได้คุยในรายละเอียด...” ทอยพยายามบอกกับนางอย่างสุภาพ “หัวหน้าคะ” นางกระซิบเบาๆ พร้อมกับยังคงทำหน้ายิ้มแย้ม “อย่าลืมเรื่องค่าเช่าห้อง ค่าเช่าสำนักงาน กับเงินเดือนของฉันด้วยนะคะ ฉันคิดว่าหัวหน้าไม่ควรจะเกี่ยงงานตั้งแต่งานแรกแบบนี้ค่ะ”

ทอยได้แต่ถอนหายใจ “ครับคุณยาย ไม่ทราบว่าคุณยายได้ข่าวว่าบ้านขนมหวานหลังนี้ตั้งอยู่แถวไหนหรือครับ” คุณยายยื่นหน้าเข้ามาใกล้พร้อมกับลดเสียงลงให้สมกับที่มันเป็นความลับ

“มันอยู่ในอาณาจักรเทพนิยาย คุณนักสืบเคยได้ยินไหมคะ อิ อิ อิ”




 

Create Date : 24 พฤศจิกายน 2557
0 comments
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2557 0:29:45 น.
Counter : 1566 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.