ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2556
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
15 มิถุนายน 2556
 
All Blogs
 

โธพิ (ุ9) ดวงดาวสีฟ้า

ดาวสีฟ้าดวงนี้กับระบบของมัน มีอดีตอันแสนยาวนานเกินกว่าที่ผู้ใดจะคาดคิด มีนามมากมายเกินกว่าที่ผู้ใดจะจดจำได้ มันโคจรวนเวียนไปภายใต้การเปลี่ยนแปลงของอวกาศอันไม่สิ้นสุด จนถึงช่วงเวลานี้จึงถูกรู้จักกันในนามของ ดาวสภาแห่งระบบชีน่า อันเป็นที่พำนักของประธานของสหดวงดาวแห่งจักรวาล

เสินกวง ประธานคนปัจจุบัน เดินไปตามเส้นทางที่ทอดยาวขึ้นสู่ขุนเขา สองฟากข้างนั้นเต็มไปด้วยความเคลื่อนไหวของผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ภายในหมู่บ้านเล็กๆ เป็นสังคมเกษตรกรรมแห่งยุคโบราณ แต่จิตใจของเขาจดจ่ออยู่ในย่างก้าวแห่งตน โดยไม่สนใจใครทั้งสิ้น

เคยมีความเข้าใจว่าวิวัฒนาการจะนำพาร่างกายมนุษย์ให้เปลี่ยนแปลงไปจากที่เคยเป็นอยู่ สมองจะใหญ่โตขึ้น ร่างกายจะลีบเล็กลง แต่มันก็ไม่เคยเกิดขึ้น สมองไม่จำเป็นต้องใหญ่ไปกว่านี้ มันมีเพียงพอ และยังคงเหลือที่ว่างอีกมากมายภายในนั้น ถึงแม้มนุษย์จะชมชอบความสบาย แต่ร่างกายก็ไม่อาจอยู่นิ่งเฉยจนไร้ประโยชน์แบบนั้นได้

นับตั้งแต่ที่มนุษย์เริ่มใช้ความสามารถภายในสมองเพื่อทำการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมรอบกาย ร่างกายก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปอีกเลย

ชีวิตมนุษย์ในแต่ละวันยังคงเป็นเช่นเดิม แม้ว่ารายละเอียดอาจเปลี่ยนแปลงไปก็ตาม ถึงแม้เทคโนโลยีทางการแพทย์จะเจริญก้าวหน้าขนาดไหน อวัยวะเทียม การรักษายีน หรือสิ่งใด มนุษย์ก็ยังคงต้องกิน ต้องหายใจ ต้องขับถ่าย ต้องหลับนอน วงจรชีวิตของมนุษย์ยังคงเป็น เกิด แก่ เจ็บ ตาย เหมือนเดิม

แม้แต่ ความสุข ความเศร้า ทั้งหลายก็ยังคงมีอยู่อย่างครบถ้วน

เด็กชายผู้หนึ่งใช้ไม้คานหาบน้ำเดินผ่านมา ทั้งสองด้านนั้นแขวนไว้ด้วยถุงหนังใบใหญ่ที่มีน้ำบรรจุอยู่เต็ม น้ำหนักทำให้คานไม้แอ่นขึ้นลงอย่างน่ากลัว เป็นความสมดุลที่อันตรายซึ่งพร้อมจะแตกสลายลงได้ทุกเมื่อ แล้วเขาก็ก้าวพลาดล้มลงทำน้ำหกกระจายไปทั่ว เสินกวงที่เดินอยู่ด้านข้างพอดี สมควรต้องตัวเปียกปอน แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น น้ำเหล่านั้นคล้ายไม่อาจสัมผัสกับร่าง ผู้คนทั้งหลายต่างวุ่นวายกับเด็กชาย แต่ไม่มีใครสนใจเขาเลยแม้แต่น้อย

เสินกวงพลันโบกมือ ผู้คน หมู่บ้านทั้งหมดนี้ที่เกิดจากเครื่องฉายภาพสามมิติที่ซับซ้อนก็หายวับไป เหลือไว้เพียงเส้นทางเดินกับขุนเขาสูงเบื้องหน้าเท่านั้น

'ที่แท้แล้ว สิ่งใดคือความเป็นจริงกันแน่'

เขาก้าวเดินต่อไป ในใจหวนนึกถึงรายงานภารกิจลับที่ดาวคันธาซึ่งพึ่งได้รับมา ทุกอย่างจบสิ้น ไม่มีผู้ใช้พลังซาโตนอกจากตัวเขาหลงเหลืออยู่อีกแล้ว 'อย่างน้อยก็ในช่วงเวลานี้' เขารู้ว่าพลังซาโตนั้นมีอยู่ในทุกสิ่ง นาโนแมชชีนแปลกประหลาดอันเป็นที่มาแห่งพลังรอคอยให้ถูกค้นพบมาเนิ่นนาน และจะยังคงเป็นเช่นนั้นไปตลอดกาล

นาโนแมชชีนไม่อาจนับเป็นชื่อเรียกหาที่ถูกต้อง สำหรับพวกมันแล้ว แม้แต่ พิโคแมชชีน ก็ยังคงไม่ถูกต้อง พวกมันเป็นเครื่องจักรที่มีขนาดเล็กกว่าทุกสิ่งที่มนุษย์จะสามารถจินตนาการไปถึงได้ บางทีคำว่า อนุภาคเครื่องจักรแห่งความเป็นจริง อาจใกล้เคียงกับสิ่งที่มันเป็นมากที่สุด

เพราะพวกมันคือ ความเป็นจริง คือรากฐานทั้งหมดของจักรวาลแห่งนี้ พวกมันคือความลึกลับที่ไม่อาจหยั่งรู้ และเขาหวังว่ามันจะเป็นเช่นนั้นไปตลอดกาล

'เพราะบางทีการเข้าใจพวกมัน อาจหมายถึงจุดจบของทุกสิ่ง'

เขารู้ว่าตัวเองนั้นเข้าใกล้พลังซาโตมากกว่าผู้ใด แม้แต่อาจารย์ตาระผู้เก่งกาจของเขาก็ยังไม่อาจเทียบได้ 'ข้าจำเป็นต้องฆ่าท่านถึงสองครั้งเลยทีเดียว' ครั้งแรกด้วยมือของตนเองจากการต่อสู้เสี่ยงชีวิต และอีกครั้งด้วยการออกคำสั่งทำลายชีวิตทั้งหมดที่อยู่บนดาวดวงนั้นด้วยลำแสงจากยานหนอนอวกาศ

การไม่ยอมตายของอาจารย์ตาระนับเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้คาดคิด แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ และมันยิ่งยืนยันถึงอันตรายของผู้ที่สามารถเข้าถึงพลังซาโตให้มากขึ้นไปอีก

'การสามารถยุ่งเกี่ยวกับ ชีวิต ซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นจริงที่สำคัญ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นชีวิตของเขาเองก็ตาม'

ในตอนที่ตาระพบเจอกับความพ่ายแพ้ และกำลังรอคอยความตาย ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาดขึ้นกับร่างของเขา พลังซาโตภายในกายพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ดึงดูดเอานาโนแมชชีนที่อยู่ในบริเวณนั้นให้เข้ามารวมกันจนกลายเป็นหนึ่งเดียวกับร่าง ก่อนที่พลังงานกับร่างทั้งหมดนั้นจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย จนกระทั่งไปปรากฎขึ้นที่ดวงดาวซึ่งเขากำลังเฝ้าเสาะหา ดวงดาวที่ถูกทำนายว่าจะได้พบกับผู้นำมาซึ่งสมดุลแห่งพลัง

ตาระที่ต้องตายไปแล้วกลับสามารถทำลายความเป็นจริง เดินทางข้ามจักรวาล และมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง 'ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ชีวิตที่แท้จริงก็ตาม' ร่างของเขาในภายหลังนั้นประกอบขึ้นจากนาโนแมชชีนที่ยึดเหนี่ยวกันเอาไว้ด้วยความมุ่งมั่นในบางสิ่ง มันเป็นร่างกายที่อาจเปลี่ยนแปลงไปได้ตามสภาวะแห่งจิต ไม่คงที่ อาจมีอยู่หรือสูญสลายไปได้ทุกเมื่อ

'พลังซาโตมีอันตรายมากเกินไป ทุกสิ่งที่ทำลงไปนั้นถูกต้องแล้ว' เขารู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่ตนแบกรับเอาไว้บนไหล่บ่าทั้งสอง ทั้งการถล่มสำนักของตนเองเข่นฆ่าจนย่อยยับหมดสิ้น และการเข้าครอบครองสหดวงดาวแห่งจัรวาลเพื่อใช้เครือข่ายของมันคอยเฝ้าระวัง และกำจัดผู้มีพลังซาโตที่จะเกิดขึ้นอีกในภายหลัง

พลังซาโตอาจจำเป็นต้องถูกจับใส่หน้ากากแห่งความน่ากลัว เพื่อให้มันถูกเหล่าผู้สืบทอดของเขาไล่ล่าไปตลอดกาล 'นี่คือเส้นทางที่ถูกต้อง' มีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมในความคิดนี้

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่เขาก้าวเดินขึ้นมาถึงยอดเขา เบื้องหน้านั้นเป็นฟอสซิลต้นไม้ขนาดยักษ์ที่ยืนต้นตายแล้วถูกเปลี่ยนสภาพให้กลายเป็นก้อนหินทั้งหมด มีโพรงขนาดใหญ่อยู่ในลำต้นที่ดูราวกับเป็นถ้ำ เขาหยุดยืนอยู่ครู่หนึ่งก่อนมุดหายเข้าไปภายใน เบื้องหน้าเป็นผนังถ้ำอันมืดมิด

เขาโบกมืออีกครั้ง ต้นไม้ที่กลายเป็นหินนี้ก็หายไป เหลือไว้เพียงหินสีดำแปลกประหลาดก้อนหนึ่งซึ่งเคยซ้อนทับเป็นหนึ่งเดียวกันกับผนังภายในถ้ำ ก้อนหินที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่าขานมากมาย และหนึ่งในนั้นเกี่ยวพันกับวิหคเพลิงในตำนาน ผู้นำมาซึ่งชีวิต และความเป็นอมตะ

เขานั่งลงที่เบื้องหน้าก้อนหิน 'บางทีผู้สืบทอดอาจไม่จำเป็น' พลังซาโตภายในกายถูกกระตุ้นให้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว 'ถ้าหากว่าสามารถมีชีวิตอยู่ไปได้ตลอดกาล' ความคิดนี้ผุดขึ้นภายหลังจากกรณีของอาจารย์ตาระนั่นเอง

ภายในก้อนหินคล้ายถูกพลังจากภายนอกกระตุ้นจนเกิดประกายไฟเล็กๆ จุดสว่างขึ้น

'ข้าคือวิหคเพลิง' เสียงนั้นคล้ายดังออกมาจากภายในก้อนหิน

#####

ในความมืดมิด เรื่องราวความทรงจำในช่วงชีวิตสั้นๆ ได้ถูกเล่นย้อนกลับไปมาจน โธพิ เกิดความเบื่อหน่าย เหลือเพียงต้องการให้ความสุข และความเศร้าทั้งหมดนั้นยุติลงเสียที

ร่างของวิหคเพลิงโบกปีกโบยบินไปในความมืดมิด เศษเสี้ยวขี้เถ้าจากตัวมัน เศษเสี้ยวของเหล่านาโนแมชชีน เศษเสี้ยวของเหล่าอนุภาคเครื่องจักรแห่งความเป็นจริง แพร่กระจายออกไปในความว่างของอวกาศด้านใน จุดเหล่านั้นคล้ายดั่งเป็นเม็ดไข่ เป็นจุดเริ่มต้นแห่งชีวิตที่พร้อมจะถือกำเนิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

ที่แท้แล้วอวกาศด้านในให้กำเนิดหมอนอวกาศพวกนั้นขึ้นมาได้อย่างไรกัน

ในช่วงระยะเวลาเพียงสั้นๆ ของอวกาศด้านในก่อนที่วิหคเพลิงจะกลับออกมาสู่ห้วงอวกาศปกติ เศษขี้เถ้าเหล่านั้นยังล่องลอยผ่านไปในทุกช่วงเวลาที่เกี่ยวเนื่องกับอยู่อวกาศด้านในอย่างแนบแน่น นับตั้งแต่เมื่อเวลาได้เริ่มยืดตัวออกเป็นครั้งแรก จนถึงการสิ้นสุดซึ่งเวลาทั้งหมดจะหดหายไป

จึงมีนาโนแมชชีนเหล่านี้อยู่ในทุกสิ่ง หรือที่จริงแล้วคือ ความเป็นจริงทุกสิ่งล้วนเริ่มต้นขึ้นจากพวกมันทั้งสิ้น แล้วสิ่งใดเกิดก่อน สิ่งใดเกิดหลัง เมื่อเป็นเช่นนี้ใครกันจะให้คำตอบได้

ร่างของวิหคเพลิงได้ร่วงหล่นลงมา และกลายสภาพเป็นวัตถุคล้ายหินอยู่บนดวงดาวสีฟ้าที่ครั้งหนึ่งเคยถูกเรียกว่า โลก แห่งระบบสุริยจักรวาล ล่องลอยผ่านไปในกาลเวลาอันแสนนาน ดวงดาวที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นถิ่นเกิด ดาวของมารดา มาตุภูมิของเหล่ามนุษยชาติ ได้ถูกลบเลือนหายไปจากความทรงจำทั้งมวล มันได้ถูกเรียกขานด้วยหลายชื่อ และจะยังคงมีอีกหลายชื่อกว่าที่ดาวดวงนี้จะสิ้นอายุลงไป

ช่วงหนึ่งในความยาวนาน มันได้ถูกเรียกว่า ดาวสภาแห่งระบบชีน่า

#####

เงาของเสินกวงทอดยาวลงบนก้อนวัตถุนั้น และภายในก้อนวัตถุเองก็คล้ายมีเงาทอดยาวจากภายใน ก่อเกิดเป็นเงารวมขึ้นที่บนพื้นผิว เงาที่ไม่เหมือนทั้งสิ่งที่อยู่ภายใน และภายนอก เป็นรูปเงาที่มีปีกหางคล้ายวิหคเพลิงในตำนาน

เสินกวงพลันรับรู้ได้ถึงพลังซาโตอันน่าแตกตื่นที่แผ่พุ่งออกมาจากภายใน วัตถุก้อนนี้มีอายุเก่าแก่จนไม่อาจวัด แต่ในตอนนี้มันกลับคล้ายเป็นสิ่งอื่นที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน

โดยไม่ต้องขบคิด เขาประกบฝ่ามือทั้งสองพลันกระแทกจู่โจมออกไปทันที

ผิวหน้าของก้อนวัตถุเกิดการเปลี่ยนสภาพอย่างน่าแตกตื่น มีฝ่ามือหินสองข้างยื่นออกมาจากภายใน พลังซาโตที่เข้มแข็งสองสายกระแทกเข้าใส่กัน ร่างของเสินกวงพุ่งถอยออกไปทางด้านหลังก่อนหยุดยืนนิ่ง เขาหยุดความแตกตื่นจากความเข้มแข็งของพลังที่สัมผัสได้ ก่อนเริ่มรวบรวมพลังในกายขึ้นใหม่อีกครั้ง

วัตถุก้อนนั้นเริ่มการเปลี่ยนสภาพอย่างรวดเร็ว คล้ายกับภาพเงาที่พร่าเลือนของวัตถุที่สั่นไหวด้วยความเร็วสูง จากก้อนวัตถุ กลายเป็นวิหค จากวิหคกลายเป็นร่างเปลือยของเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง โธพิลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ความฝันอันยาวนานพลันยุติลง ชีวิตที่เวียนว่ายอยู่ในความมืด ชีวิตที่เกิดดับอย่างไม่รู้จักจบสิ้นภายในความหลับไหลได้ตื่นขึ้นสู่ความเป็นจริง

ความจริงแห่งชั่วขณะนี้

ชีวิตที่ผ่านมาคล้ายเป็นอดีตชาติเกิดตายไม่รู้จบ และก็คล้ายพึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวาน ซึ่งในกรณีนี้นับว่าถูกต้องทั้งสองอย่าง ดวงดาวของเขาพึ่งถูกทำลายลงเมื่อวาน และตัวเขาก็ได้หลับไหลอยู่ในก้อนหินนี้มาเนิ่นนานแล้ว

เด็กหนุ่มเหลียวมองไปรอบกาย ในนี้มีเพียงห้องกว้างใหญ่ที่อาบไล้ไปด้วย แสง สี กลิ่น การเคลื่อนไหวของอากาศ ซึ่งล้วนหลอกลวงประสาทสัมผัสให้เข้าใจไปว่ากำลังยืนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติบนยอดเขาสูง เบื้องหน้ายืนไว้ด้วยชายกลางคนไว้เคราสั้นๆ ทั่วร่างของเขาเป็นประกายด้วยพลังซาโตที่เกิดจากเหล่านาโนแมชชีนที่อยู่ภายในกาย และภายในสถานที่แห่งนี้

“...ท่านคือ เสินกวง” เด็กหนุ่มพูดช้าๆ คล้ายกับไม่เคยชินกับการออกเสียง

“เจ้ารู้จักเรา” คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

“ท่านเหมือนกับที่ท่านอาจารย์ตาระเคยบอกไว้”

“เจ้ารู้จักกับท่านอาจารย์” เสินกวงงงงัน “...แต่เจ้าพึ่งออกมาจากหินก้อนนี้ และหินก้อนนี้ก็อยู่ที่นี่มาเนิ่นนานเกินกว่าที่ใครจะสามารถบอกเวลาได้”

“ใช่ ข้าติดอยู่ภายในนั้น และอยู่บนดาวคันธาที่ท่านออกคำสั่งทำลายล้างไปด้วย”

“เราไม่เข้าใจ...” เสินกวงไม่ทันพูดจบ ร่างก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว จุดเด่นของหมัดสายฟ้าอยู่ที่ความรวดเร็ว พุ่งลัดตัดตรง จู่โจมเข้าสู่จุดตายของคู่ต่อสู้โดยไม่เว้นทางถอย แต่การจะทำเช่นนั้นได้ก็มีแต่ต้องพาตัวเองเข้าสู่จุดอับ ตั้งใจมุ่งมั่น ไม่เกรงกลัวสิ่งใดทั้งสิ้น

พลังซาโตที่รวมไว้ในหมัดกรีดผ่านอากาศก่อเกิดเป็นเสียงประหลาด “ริ” สิ้นเสียงคำราม หมัดตรงก็พุ่งเข้าสู่ตำแหน่งหัวใจของเด็กหนุ่ม พลังทำลายไหลเวียนไปทั่วร่างแต่กลับไม่อาจพบเจอเป้าหมาย พวกมันพุ่งไปจนกระทั่งผ่านออกทางใต้เท้า ไหลลงไปสู่ผืนดินเบื้องล่าง ไม่อาจส่งผลกระทบกับดวงดาวได้แม่แต่น้อย

พลังที่ไม่ปะทะ กับสิ่งปะทะที่ยิ่งใหญ่เกินไปนั้นให้ผลที่แทบไม่แตกต่างกัน

เสินกวงพุ่งถอยกลับออกมาอีกครั้ง 'เจ้าสัตว์ประหลาด' เขาคิดในใจ 'มันเป็นตัวอะไรกันแน่' ในใจของเขาคิดแต่จะหาหนทางทำลายร่างที่หลอมรวมไว้ด้วยพลังซาโตที่ยืนอยู่ตรงหน้า

'มันบอกว่ารู้จักกับท่านอาจารย์ ซ้ำยังอยู่บนดวงดาวแห่งคำทำนายนั้น หรือว่า มันจะเป็นผู้นำมาซึ่งสมดุล'

#####

ต้นหนกำลังค่อยๆ นำยานหนอนอวกาศเข้าเทียบท่าภายในอู่ซ่อมซึ่งเป็นสถานีอวกาศขนาดยักษ์ ภายในอู่แห่งนี้ยังมียานจอดเทียบอยู่อีกหนึ่งลำ

“พวกเราไปพักได้”

กัปตันออกคำสั่งอย่างเหนื่อยล้า ในใจคิดถึงระเบียบ งานเอกสาร และคำอธิบายต่างๆ เกี่ยวกับความเสียหายที่ตัวยานได้รับมา ฉับพลันทุกสิ่งก็ตกอยู่ในความมืดมิด เกิดการสั่นสะเทือน สะพานเดินเรือหมุนคว้างราวกับถูกจับโยนด้วยมือขนาดยักษ์ ไม่มีใครได้ทันเอ่ยถาม ไม่มีใครได้ทันรู้ตัว

ความวุ่นวายครั้งใหญ่พลันเกิดขึ้นพร้อมกันทั่วทั้งจักรวาล




 

Create Date : 15 มิถุนายน 2556
1 comments
Last Update : 15 มิถุนายน 2556 18:21:47 น.
Counter : 513 Pageviews.

 

อ๋อ...อย่างนี้นี่เอง

 

โดย: อาณาจักรแห่งเรา 19 มิถุนายน 2556 13:04:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.