|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
เทพมารสะท้านมิติ ตอนที่ 12
พลังงานที่เก็บสะสมมาตลอดทั้งชีวิตไหลทะลักออกจากร่างของสูญ เมื่อเปรียบเทียบกับของมนุษย์อย่างเต๋า และผู้กล้าแล้ว นับว่ามีปริมาณมากกว่าหลายเท่านัก พวกมันถูกสายน้ำตกพลังงานดึงดูด แล้วกลืนหายเข้าไปในเบื้องหลังของภาพจำลองท้องทะเลอันไร้ที่สิ้นสุด จบเสียที นางพึมพำกับตัวเองเบาๆ การเฝ้ารอคอยถึงสิบสองปีนับว่าสิ้นสุดลงแล้ว ความจริงนางสมควรดีใจ แต่ภายในกลับมีเพียงความเวิ้งว้างว่างเปล่า 'สำเร็จแล้วจะเป็นไร ล้มเหลวจะต่างกันตรงไหน' ตอนนี้ยังคงหลงเหลืออีกเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น 'มีความลับใดซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังท้องทะเลแห่งนี้กันแน่' มายาก้าวเท้าไปข้างหน้า เด็กน้อยลุกขึ้น และเริ่มติดตามนางไปเงียบๆ ถึงรู้แต่นางก็ไม่ใส่ใจ 'อยากจะตามก็ตามไป' นางเดินลุยลงไปในทะเล คลื่นซัดสาดใส่เท้าทั้งสองราวกับมันมีตัวตนอยู่จริง นางยื่นมือออกไป และมันทะลุหายเข้าไปในอากาศเบื้องหน้า นางกลั้นใจแล้วเดินผ่านเข้าไป เด็กน้อยเองก็เดินตามเข้าไปด้วย สิ่งก่อสร้างที่ตั้งอยู่ตรงหน้านั้นเป็นประกายสีเงินอย่างแปลกประหลาด มันมีลักษณะเป็นแท่งทรงกระบอกขนาดใหญ่ที่มีฐานกว้างกว่าส่วนบน ปลายด้านบนนั้นน่าจะเป็นช่องเปิดที่คอยรองรับสายน้ำตกพลังงานที่ไหลลงมา บนพื้นที่ทั้งสองกำลังยืนอยู่มีพื้นผิวที่ขรุขระ เมื่อมองดูให้ดีจึงพบว่าพวกมันเป็นท่อที่ถูกวางอย่างซับซ้อนต่อเนื่องไปไม่สิ้นสุด เมื่อมองสำรวจไปโดยรอบทั้งสองจึงพบว่า พวกตนกำลังยืนอยู่ในภายในโดมรูปครึ่งทรงกลมที่มีรูเปิดอยู่ทางด้านบนสุด สิ่งก่อสร้างที่พบเห็นในตอนแรกนั้นตั้งอยู่ตรงกลางของโดมกว้างนี้อีกที เมื่อหันกลับไปมองทางเดินที่พึ่งผ่านเข้ามา ก็พบเพียงผนังเรียบสีขาวที่ทอดยาวไปทั่วทุกทิศทาง ทะเล เกลียวคลื่น และท้องฟ้ากว้างเมื่อครู่นี้ ไม่รู้หายไปที่ใดแล้ว ...นี่มัน ที่ไหนกัน เด็กน้อยเอ่ยถามด้วยความสงสัย สถานที่แห่งนี้มีชื่อเรียกว่า เตาอนันตกาล เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น ก่อนที่ร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งจะปรากฏกายออกมายืนอยู่ตรงหน้าจากความว่างเปล่า เด็กน้อยจดจำได้ในทันทีว่านั่นคือเสียงที่เธอเคยได้ยินจากในตำราฟ้าดินนั่นเอง มายารีบชิงลงมือจู่โจม หมัดของนางทะลุร่างนั้นไปอย่างง่ายดาย เพราะมันไม่สัมผัสถูกสิ่งใดทั้งสิ้น ในขณะที่กำลังงงงันว่าเกิดอะไรขึ้น มือเรียวงามของร่างลึกลับนั้นก็ยื่นมาสัมผัสที่บริเวณหน้าอก พลังทำลายที่แฝงอยู่ส่งร่างของนางให้ลอยไปปะทะชนกับกำแพงทางด้านหลัง ข้อสงสัยที่ว่าร่างลึกลับนั้นมีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ ยิ่งยากเข้าใจขึ้นไปอีก ท่าน...ท่านคือ...ตำราฟ้าดิน แม้แต่เด็กน้อยเองก็ยังไม่เข้าใจคำพูดนี้ของตนเองเลย เราคือจ้าวสำนักฟ้าดินรุ่นปัจจุบัน มายาค่อยๆ ตะกายลุกขึ้นมา ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวนี้ทำให้พลังของนางถึงกับถูกผนึกเอาไว้อีกครั้ง และการถูกผนึกในครั้งนี้สร้างความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเดิมด้วย นางคาดว่าการปลดผนึกในครั้งต่อไปคงไม่ง่ายเหมือนที่เคยผ่านมาแล้ว เจ้าเป็น...เป็นตัวอะไรกันแน่ นางถามด้วยความแค้นเคือง แต่หญิงงามดูเหมือนไม่ใส่ใจ เด็กน้อยที่รู้สึกคุ้นเคยกับเสียงนั้นจึงเอ่ยถามต่อไป ที่แท้เตาอนันตกาลคือสิ่งใดกันแน่ เหตุใดจึงต้องถูกซุกซ่อนเอาไว้ลึกลับถึงเพียงนี้ ท่านทราบดีอยู่แล้วมิใช่หรือ เรา...เราไหนเลยจะทราบได้ เด็กน้อยที่น่าสงสารเอ๋ย หญิงสาวลงมือจู่โจมอีกครั้ง มีพลังงานจำนวนหนึ่งไหลออกจากร่างของเด็กน้อยล่องลอยไปยังเตาอนันตกาล และเมื่อมือของนางสัมผัสถูกร่างของเธอ แทนที่จะถูกพลังจู่โจมเข้าใส่เหมือนกับมายาเมื่อครู่ มือของนางข้างนั้นกลับเป็นฝ่ายที่แตกสลายหายไปแทน แต่เพียงชั่วครู่มันก็กลับมารวมกันใหม่อีกครั้งเหมือนกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ในที่สุดเราก็ได้พบกัน เด็กน้อยเอ่ยพร้อมรอยยิ้มที่อ่อนโยน น้ำเสียงและท่าทางของเธอเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม กรุณาจากไปพร้อมกับพลังงานเมื่อครู่นี้แล้ว ที่ยืนอยู่ตรงนี้เป็นอีกคนหนึ่งที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ยินดีต้อนรับท่านเมตตา หรือจะให้เราเรียกว่าท่านกามาดี ท่านจะเรียกเราว่าต้นไม้ หรือสุนัขก็ย่อมไม่แตกต่างแต่อย่างใด มันเงยหน้าขึ้นพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะก้อง ทารกน้อยที่ถูกพบพร้อมกับแผ่นหินที่กักขังสังหาญสิ้นเอาไว้ที่แท้คือเมตตาจริงหรือ แล้วเมตตตาแห่งสวรรค์ กับกามาแห่งบาดาลคือบุคคลเดียวกัน เรื่องเช่นนี้จะมีผู้ใดยินยอมเชื่อ ...พวกเจ้าพูดเรื่องอะไรกัน มายาที่เคยเข้าใจตลอดมาว่าตนเองเป็นผู้คอยผลักดันทุกสิ่งทุกอย่างให้เคลื่อนไปตามความคิดของตนนั้น กลับพึ่งเข้าใจว่าตนเองต่างหากที่เป็นคนนอกซึ่งไม่รู้เรื่องราวอะไรทั้งสิ้น หุบปาก เจ้าของชำรุด เมตตาเพียงโบกมือร่างของนางก็ไม่อาจขยับเขยื้อนได้อีก เราไม่คิดว่าเจ้าสามคนนั้นจะกล้าทำอะไรลับหลังแบบนี้ แถมยังส่งของชำรุดอย่างเจ้าลงมาให้ขายหน้าอีก เปรียบกันแล้วเจ้าเทียบไม่ได้เลยสักนิดกับสังหารสิ้น... เสียงของมันเปลี่ยนเป็นของกามาที่กำลังเคียดแค้น ...เจ้ากล้าทำลายผลงานชิ้นเอกของข้า... มายาส่งเสียงกรีดร้องเมื่อความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่าง ...แต่อย่างน้อยร่างกายของเจ้าก็ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง ท่านพ่ายแพ้แล้ว หญิงสาวกล่าวแทรกขึ้น มันหันไปหานางพร้อมกับสายตาที่เป็นประกายวาววับ ท่านเสียตัวหมากที่สำคัญไปแล้ว แม้ว่าท่านจะสามารถเข้าถึงสถานที่แห่งนี้ แม้ว่าพลังของท่านจะไม่ถูกจำกัดอีกต่อไปแต่เพียงแค่ส่วนเสี้ยวของตัวท่าน ย่อมไม่อาจทำสิ่งที่ต้องการได้ อย่าพึ่งมั่นใจนัก มันเป็นชีวิตที่ถูกสร้างขึ้นมา และตรงนี้ก็ยังมีแท่งพลังงานอยู่อีกอันหนึ่ง...ถึงแม้จะชำรุดก็ตามที มายารู้ตัวตั้งแต่แรกแล้วว่า ตนเองนั้นเป็นเพียงชีวิตเทียมที่ถูกสร้างขึ้นมา แกนร่างกายของเธอนี้ที่แท้คือแท่งพลังงานที่มีชื่อรหัสว่า ลูกท้อเซียนสวรรค์ ทั้งในสวรรค์ และบาดาลต่างมีแท่งพลังงานเช่นนี้อยู่จำนวนหนึ่ง พวกมันคือที่มาของพลังงานทั้งหมดที่มีใช้ในสวรรค์ และบาดาล จำนวนที่แตกต่างคือความแตกต่างของปริมาณพลังงานที่มีอยู่ นั่นหมายถึงระดับของความสุขสบายในการใช้ชีวิตนั่นเอง สวรรค์มีแท่งพลังงานอยู่มากที่สุด รองลงมาคือบาดาล ส่วนบนเกาะเวียนเกิดนี้กลับไม่มีพวกมันอยู่เลย สงครามแย่งชิงพื้นที่ระหว่างสวรรค์ และบาดาลนั้น คาดว่าน่าจะเริ่มต้นขึ้นเพราะเหตุนี้นั่นเอง นางคือแท่งพลังงานชำรุดที่ถูกนำมาใช้ทดลองสร้างชีวิตเทียมขึ้น การยุ่งเกี่ยวกับแท่งพลังงานนั้นนับเป็นข้อห้ามสูงสุดไม่ว่าจะเป็นในสวรรค์ หรือบาดาล แต่เพราะนางเป็นของชำรุดจึงอยู่นอกเหนือกฏนั้น เราเป็นคนทำให้เจ้าเป็นของชำรุดเอง คำพูดของมันทำให้ความสงสัยที่มีมานานของนางกระจ่างในที่สุด แท่งพลังงานทั้งหมดทำงานได้ดีเยี่ยมตลอดมา แล้วเหตุใดนางจึงเกิดความเสียหายขึ้นได้ เพื่อให้การทดลองสร้างชีวิตเทียมเกิดขึ้นได้ เราจึงต้องทำเช่นนั้น และเจ้าคือต้นแบบที่นำไปใช้ในการสร้าง กระบองสมปรารถนา หรือ สังหารสิ้น ผลงานชิ้นเอกของเรา ...ทำไม ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะนาง... มันหันไปทางจ้าวสำนักฟ้าดินรุ่นปัจจุบัน ก่อนมองเลยผ่านไปยังเตาอนันตกาลที่อยู่เบื้องหลัง ...มิใช่สิ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเจ้า... มันหันกลับมายังมายาอีกครั้ง ...เจ้าเป็นแท่งพลังงานก็จริง แต่ทำได้เพียงสะสมเอาไว้ ไม่สามารถสร้างพลังงานทั้งหมดขึ้นมาเองได้ เจ้าเคยสงสัยหรือไม่ว่าพลังงานมหาศาลเหล่านั้นมาจากที่ใด มันหันกลับไปยังสิ่งก่อสร้างสีเงินนั้นอีกครั้ง ทั้งหมดล้วนมาจากเตาอนันตกาลนี้ มนุษย์คือแหล่งที่มาของพลังงาน เกาะเวียนเกิดแห่งนี้ที่แท้คือหน่วยผลิตพลังงานขนาดยักษ์ พลังงานที่เกิดจากการใช้ชีวิตของผู้คนจะถูกเก็บสะสมเอาไว้ในร่าง และปลดปล่อยออกมาในยามสิ้นชีวิต พลังงานทั้งหมดจะไหลเข้าสู่เตานี้ เปลี่ยนส่วนหนึ่งให้กลับไปกำเนิดเป็นมนุษย์ ส่วนที่เหลือจะถูกเปลี่ยนสถาพให้อยู่ในรูปคลื่นความถี่ก่อนส่งไปเก็บไว้ในแท่งพลังงานอย่างพวกเจ้า เพื่อให้ความสุขสบายแก่พวกเราอีกที ...แน่นอน พวกเราเองก็ไม่มีข้อยกเว้น แต่เนื่องจากช่วงชีวิตที่ยาวนานยิ่งกว่า กระบวนการจึงเกิดอย่างเชื่องช้า พลังงานส่วนใหญ่จึงได้มาจากพวกมนุษย์นั่นเอง เตาอนันตกาลถูกติดตั้งเอาไว้บนเกาะเวียนเกิด ควบคุมโดยจ้าวสำนักฟ้าดิน...ที่เป็นปัญญาประดิษฐ์รูปแบบหนึ่ง ร่างที่เห็นอยู่ตรงนี้เป็นเพียงภาพโฮโลแกรมที่ถูกสร้างขึ้นมา นางไม่มีตัวตนอยู่จริง ด้วยพลังที่น้อยนิดของเหล่ามนุษย์ ย่อมไม่สามารถบุกรุกเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ได้ พวกมันจึงทำได้เพียงใช้ชีวิตและหมุนเวียนพลังงานไปเรื่อยๆ เท่านั้น หญิงสาวแย้งขึ้น ...ข้อนั้นท่านผิดแล้ว ยังมีมนุษย์ที่สามารถผ่านเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ และบางคนถึงกับสามารถเล็ดรอดออกจากวงจรหมุนเวียนพลังงานนี้ได้ด้วย ซึ่งอยู่เหนือความเข้าใจของเรา และเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับชาวสวรรค์ หรือบาดาลมาก่อนเลย มันกล่าวต่อโดยไม่ใส่ใจคำพูดของนาง เราไม่อาจยื่นมือยุ่งเกี่ยวกับเตาอนันตกาลได้เพราะเกาะเวียนเกิดมีระบบป้องกันอย่างรัดกุม หากชาวสวรรค์ หรือบาดาลเหยียบย่างเข้ามา ก็จะถูกระบบป้องกันจำกัดระดับพลังงานเอาไว้ทันที ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราได้ทำการทดลองมากมายเพื่อหาหนทางเข้าถึงสถานที่แห่งนี้ ทั้งดาบวัชระสีนิล ตัวเจ้า สังหารสิ้น และ ร่างมนุษย์ของเด็กน้อยผู้นี้ แต่ที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นสังหารสิ้นอยู่ดี มันยื่นมือข้างหนึ่งไปยังเตาอนันกาล อีกข้างหนึ่งไปยังร่างของมายา ชีวิตเทียมไม่เหมือนกับพลังงานทั่วไป มันจึงไม่อาจรวมเข้าด้วยกันได้ พลังงานจำนวนหนึ่งถูกดึงออกมาจากภายในเตาแล้วไหลเข้าไปในร่างของมายา นางรู้สึกได้ถึงการบุกรุกของจิตที่มีอำนาจเหนือกว่า จิตที่เต็มไปด้วยความดำมืด ก่อนที่มันจะท่วมทับจนนางจมหายไป มันปลดปล่อยร่างของมายาจากการควบคุม เพราะตอนนี้ภายในร่างนั้นไม่ใช่มายาอีกต่อไปแล้ว เกล็ดสีดำงอกออกมาปกคลุมทั่วร่าง แม้รูปกายภายนอกยังคงเป็นหญิง แต่เมื่อจ้องเข้าไปในดวงตาที่มืดมน มันย่อมเป็นสังหารสิ้นอย่างไม่ต้องสงสัย มนุษย์ที่เกิดจากร่างที่แบ่งแยกออกมาของมันซึ่งเคยส่งมายังเวียนเกิดเมื่อนานมาแล้วนั้น ไม่อาจทนต่อดาบวัชระสีนิลที่สามารถตัดผ่านระบบป้องกันได้ และต้องสิ้นชิวิตไปในทันทีเมื่อใช้มัน ชีวิตเทียมที่ถือกำเนิดขึ้นจากแท่งพลังงานชำรุด มีพลังไม่มากพอจะทำในสิ่งที่มันต้องการ ส่วนสังหารสิ้นที่ต้องใช้เวลาเตรียมการอย่างยุ่งยากกว่าที่จะพร้อมใช้งาน ก็ยากแก่การควบคุมโดยตรง สุดท้ายมันจึงตัดสินใจส่งร่างแบ่งที่เป็นมนุษย์ของมันลงมาอีกครั้ง พร้อมกับสังหารสิ้นที่อยู่ในสภาพคาร์บอนฟรีสเพื่อรอคอยเวลาให้มันเติบโต มันส่งทั้งหมดนั้นไปยังตำแหน่งที่ตรวจพบตำราฟ้าดินซึ่งถูกนำออกมาจากเตาอนันตกาลในช่วงเวลานั้นพอดี มันมั่นใจว่าตำราฟ้าดินจะต้องดึงดูดทั้งหมดให้กลับมายังสถานที่แห่งนี้ และมันจะตื่นขึ้นภายในร่างของเด็กน้อยเพื่อทำสิ่งที่จำเป็น การสูญเสียสังหารสิ้นไปก่อนหน้านี้เกือบทำให้แผนทั้งหมดต้องล้มเหลว แต่การขัดคำสั่งของสามแม่ทัพสวรรค์กลับสร้างโอกาสให้มันอีกครั้ง รวมถึงการได้พบเจอกับดาบวัชระสีนิลเล่มนั้นด้วย ทั้งหมดนี้ล้วนอยู่นอกเหนือจากการเตรียมการของมันทั้งสิ้น 'นั่นคงเป็นเพราะเรากระทำในสิ่งที่ถูกต้อง ทุกอย่างจึงดำเนินไปอย่างประจวบเหมาะเช่นนี้' ...ขอท่านทบทวนอีกครั้งด้วย เตาอนันตกาลส่งเสียงผ่านภาพโฮโลแกรมของจ้าวสำนักฟ้าดิน เมตตายิ้มให้นางอย่างอ่อนโยน เราได้ทบทวนมาเนิ่นนานแล้ว เรามือเมตตาแห่งราชสีห์ ความเมตตาของเราจะฉีกกระชากวงจรอันไร้สิ้นสุดนี้ทิ้งไป นั่นหมายถึงการทำลายชีวิตทั้งมวล ชีวิตมิได้ถูกทำลายลงเลย โดยแท้จริงแล้วพวกมันเป็นเพียงพลังงาน ชีวิตทั้งหมดจะกลับคืนสู่สภาพของพลังงานบริสุทธิ์อีกครั้ง ไม่ต้องรับรู้ถึงสิ่งอื่นใดอีก กลับคืนสู่สภาพที่แท้จริงของตัวมันเอง มันหันไปหาสังหารสิ้น เพื่อการนี้มันต้องผลักดันจนกระทั่งสังหารสิ้นสามารถสร้างหลุมดำขึ้นมาได้ และตอนนี้ที่มันต้องการคือหลุมดำที่มีพลังงานสูงกว่าในการต่อสู้บนสวรรค์ที่ผ่านมา หลุมดำที่แม้แต่เมตตาแห่งแดนสวรรค์ หรือผู้ใดก็ไม่อาจควบคุมเอาไว้ได้ หลุมดำที่สร้างขึ้นจากพลังงานของเตาอนันตกาลนี้โดยตรง กามาส่งเสียงหัวเราะลั่นเหมือนที่มันเคยทำมาโดยตลอด เจ้าได้รู้ความจริงทั้งหมดแล้ว อิสรภาพที่แท้จริงกำลังรอคอยเจ้าอยู่ จงทำลายทุกสิ่งอย่างที่เจ้าต้องการเถอะ สุดท้ายแล้วความหมายของชีวิตที่ข้าเฝ้าตามหาก็ไม่มีอยู่จริง...ทุกสิ่งจงหายไปให้หมด มันชูมือทั้งสองขึ้นเหนือหัว จุดสีดำเล็กๆ เริ่มก่อกำเนิดขึ้น เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของเมตตาดังสะเทือนเลื่อนลั่น เตาอนันตกาลมองผ่านสายตาของจ้าวสำนักฟ้าดินอย่างเงียบงัน จุดดำนั้นยิ่งขยายขนาดออกไปเรื่อยๆ พลังงานจำนวนมากจากเตาอนันตกาลถูกดึงผ่านท่อที่สังหารสิ้นยืนเหยียบอยู่ เร่งให้หลุมดำขยายตัวอย่างรวดเร็ว 'จบเสียที' ในฉับพลันมิติทั้งหมดก็กลายเป็นจุดพลังงานเล็กๆ ที่เข้มข้น ไม่มีสิ่งใดนอกจากนั้น ไม่มีแม้แต่เวลา ไม่มีแม้แต่ความว่างเปล่า ไม่มีสิ่งใดอยู่เลย ห้วงความคิดสุดท้ายที่ปรากฏขึ้นในหน่วยประมวลผลของเตาอนันตกาลก็คือ 'พลังงานของมนุษย์อย่างเต๋า และผู้กล้าหายไปยังที่แห่งใดกัน นอกจากมิติแห่งนี้แล้ว ยังมีสิ่งอื่นใดอยู่อีกหรือไม่'
##### พลังงานที่แตกต่างสองส่วนเล็กๆ ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาหากัน มันไม่เหมือนกับพลังอื่นๆ ที่อยู่โดยรอบ แต่มันก็ยังคงเป็นเพียงพลังงานไม่มีสิ่งอื่นใดอยู่ภายในนั้นอีก ทั้งสองส่วนเริ่มหมุนวนไปมาจนในที่สุดกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน หนึ่งเดียวที่แตกต่าง แตกต่างแต่เป็นหนึ่งเดียว จากจุดเล็กๆ นี้พลังงานบริสุทธิ์ทั้งหมดแตกกระจายออกไปทุกทิศทุกทาง ก่อเกิดเป็นมิติใหม่ขึ้นอีกครั้ง แต่ทั้งหมดก็ยังคงเป็นเพียงพลังงาน กลุ่มพลังงานที่ขยายตัวออกไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีความหมาย การคงอยู่ของมันไม่สร้างสรรให้เกิดสิ่งใดทั้งสิ้น มันจะคงอยู่หรือแตกสลายล้วนไม่แตกต่างเลย วงจรเช่นนี้วนเวียนเรื่อยไปไม่รู้จบ แตกออก รวมเข้า จนในที่สุดห้วงความคิดหนึ่งก็ก่อกำเนิดขึ้นภายในแกนพลังงานที่กำลังหมุนวนนั้น 'นี่มิใช่คำตอบที่เราเฝ้าค้นหา เราจะสามารถพบมันได้ในชีวิตเท่านั้น' ระบบของดวงดาวแห่งหนึ่งพลันถือกำเนิดขึ้นมา โดยมีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง ณ ดาวเคราะห์ดวงที่สามซึ่งมีน้ำเป็นองค์ประกอบจำนวนมาก ได้มีการเปลี่ยนแปลงที่มหัศจรรย์ถือกำเนิดขึ้น
Create Date : 15 พฤษภาคม 2554 |
|
5 comments |
Last Update : 15 พฤษภาคม 2554 12:50:17 น. |
Counter : 2473 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: zoi 17 พฤษภาคม 2554 14:03:33 น. |
|
|
|
|
|
|
|
แต่เนื้อหาตอนท้ายเนี่ย สำนวนมันฟ้องว่าจบแล้วนะครับ