ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2554
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
14 พฤษภาคม 2554
 
All Blogs
 

เทพมารสะท้านมิติ ตอนที่ 11

เด็กน้อยส่งเสียงกรีดร้อง โลหิตของสูญฉีดพุ่งออกมาเป็นสาย ดูเหมือนว่ามายายังคงไม่สาสมใจแค่นั้น นางบิดข้อมือเพื่อเปิดปากแผลบนหน้าอกของเขาให้กว้างขึ้น คล้ายกับต้องการจะควักเอาดวงใจของเขาออกมาชมดู

ผู้กล้ารับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก่อนใคร และสำนึกเสียใจที่ปล่อยคนเหล่านี้ไว้นานเกินไป 'ต้องรีบลงมือแล้ว' เขาเริ่มใช้วิชาลับทันที

มายาถอนดึงวัชระสีนิลออกมา พร้อมกับรีบถอยห่าง เสียงเดิมในหัวของเด็กน้อยดังซ้ำขึ้นอีกครั้ง 'ตรวจพบระดับพลังงานสูงผิดปกติในหน่วยผลิต กระบวนการป้องกันฉุกเฉินเกิดความผิดพลาด' ผู้กล้าเคลื่อนกายมาอยู่ตรงหน้าตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ กรงเล็บทั้งสองแทงเข้าใส่ร่างที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือดนั้นอย่างไม่ปราณี

“...สายไปแล้ว”

มายาพึมพำเบาๆ กับตนเองพร้อมร้อยยิ้ม วัชระสีนิลเล่มนี้มีความสามารถที่แปลกประหลาดซุกซ่อนอยู่ นั่นคือมันสามารถตัดผ่านระบบป้องกันที่เวียนเกิดใช้กับผู้บุกรุกได้ แต่ต้องภายหลังจากที่คนผู้นั้นสามารถรอดชีวิตจากคมของมันเท่านั้น ไม่รู้ว่าเป็นโชควาสนา หรือคราเคราะห์ที่ทำให้นางได้พบ และเกือบตายจากการที่ร่างของตนตกลงมาบนคมของดาบอัปมงคลเล่มนี้เข้าพอดี

ถึงแม้เวลารอบกายจะเชื่องช้าลงหลังจากที่เริ่มใช้วิชาลับ แต่เขากลับไม่อาจขยับกรงเล็บทั้งสองผ่าร่างของคู่ต่อสู้ให้ขาดออกจากกัน ตอนนี้แม้แต่จะถอนดึงอาวุธของตนกลับมาก็ยังไม่อาจทำได้เลย

'วงจรไร้สิ้นสุด เร่งปฏิกิริยา ไร้ตัวตน ถูกปลด' เด็กน้อยเห็นร่างกายของเทพวานรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทในชั่วพริบตา แต่ในสายตาของผู้กล้า เขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างชัดเจน

ในขณะที่ใช้วิชาลับ จิตของเขาจะเคลื่อนเข้าสู่มิติเวลาที่มีความเร็วเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง การตอบสนองของร่างกายทุกส่วนก็จะถูกเร่งเร้าขึ้นด้วยเช่นกัน สิ่งต่างๆ รอบกายจึงดูเชื่องช้าลงในสายตาของเขา แต่เขาไม่อาจใช้มันอย่างต่อเนื่องยาวนานได้ เพราะยังตกอยู่ภายใต้ขีดจำกัดของร่างกายนั่นเอง

เกล็ดสีดำแทงทะลุออกมาจากผิวของสูญ ปกป้องบาดแผลที่มีอยู่ทั่วร่างเอาไว้ แต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องหวาดกลัวอย่างแท้จริง คือความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในดวงตาคู่นั้น ดวงตาที่เต็มไปด้วยความว่างเปล่าดำมืด ราวกับจะสามารถดูดกลืนทุกสิ่งให้จมหายไป เขาตัดสินใจปล่อยอาวุธของตน แต่แม้จะรวดเร็วเพียงใดก็ยังช้าไปก้าวหนึ่งอยู่ดี

สังหารสิ้นตวัดมือทั้งสองได้รวดเร็วยิ่งกว่า เมื่อผนึกถูกปลดออก มันก็สามารถก้าวเข้าสู่มิติเวลาเดียวกันกับเขาได้อย่างง่ายดาย เกล็ดสีดำบนสองแขนที่คมกรีบยิ่งกว่าดาบเล่มใด ตัดมือทั้งสองของศัตรูให้ขาดออกอย่างง่ายดาย แทนที่จะปล่อยอาวุธ เขากลับต้องเสียอาวุธพร้อมกับมือของตนไปพร้อมกัน

ผู้กล้าเร่งผนึกลมปราณเพื่อหยุดโลหิตที่กำลังหลั่งไหลออกมา แม้ต้องสูญเสียมือทั้งสองข้าง แต่เขาก็ไม่แตกตื่นลนลาน รีบพุ่งร่างถอยกลับไปยังริมทะเลอีกครั้ง

สังหารสิ้นแหงนหน้าพร้อมกับส่งเสียงกู่ร้องดังยาวนาน เด็กน้อยตกตะลึงกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น แม้แต่มายาเองก็ไม่คาดคิดว่าพลังที่แท้จริงของเขาจะมีมากมายถึงเพียงนี้ 'พลังของเขามีมากเกินไป แต่ก็ยังพอรับมือได้' นางรีบเร้นกายออกจากวงต่อสู้ทันที

ภาพของท้องทะเลและผืนฟ้าเบื้องหลังของผู้กล้า คล้ายถูกคลื่นเสียงนี้สั่นไหวจนเกิดการบิดผันอย่างแปลกประหลาด เงาของโลหะสีเงินแปลกตาที่ถูกซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังปรากฏออกมาให้ทุกคนได้เห็น การคาดเดาของสูญตั้งแต่แรกนั้นถูกต้องแล้ว ท้องทะเลกว้างไกลที่อยู่เบื้องหน้าเป็นเพียงภาพลวงตา ที่คอยปกป้องสิ่งก่อสร้างลึกลับนี้เอาไว้เท่านั้น

“หลีกไป”

สังหารสิ้นโบกมือให้ผู้กล้าหลีกทาง มันไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้เลย เพราะในตอนนี้ไม่มีสิ่งใดจะสามารถหยุดยั้งพลังในการทำลายล้างของมันได้อีกต่อไปแล้ว ร่างต้องสาปของมันกลับคืนมาพร้อมกับความทรงจำ และความเจ็บปวดที่มันเคยเผชิญมาทั้งชีวิต ตอนนี้มันยิ่งต้องการรับทราบคำตอบต่อข้อสงสัยของมันยิ่งกว่าที่ผ่านมาเสียอีก

“...ไม่มีทาง”

ความสงสัยที่เคยมีอยู่ในใจของเขาเลือนหายไปแล้ว 'ความลับนี้ต้องไม่เปิดเผยออกไปเด็ดขาด' เมื่อข้ามพ้นจากความลังเล ความเข้าใจต่อวิชาลับที่ได้รับการถ่ายทอดมาก็ก้าวข้ามไปสู่อีกระดับ ข้อจำกัดสุดท้ายของร่างกายที่คอยถ่วงรั้งเขาเอาไว้ถูกปลดออกในที่สุด

เมื่อก้าวเข้าสู่มิติเวลาที่รวดเร็วนั้นอีกครั้ง ร่างเนื้อของเขาก็ถูกทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง กายเนื้อของเขายังยืนอยู่ในตำแหน่งเดิม แต่ร่างที่กลายสภาพเป็นแสงนั้นหลุดออกมา แม้แต่แขนทั้งสองพร้อมกรงเล็บอินทรีที่ขาดหายไปก็กลับงอกออกมาด้วย กรงเล็บแสงทั้งคู่พุ่งจู่โจมเข้าใส่สังหารสิ้น

มันใช้ร่างเนื้อต้านรับร่างแสงเอาไว้ ความเคลื่อนไหวของมันนับว่าเชื่องช้ากว่าร่างแสงอยู่ขั้นหนึ่ง กรงเล็บแสงฉีกเกล็ดสีดำของมันกระจายออก แต่ทุกครั้งก็จะมีเกล็ดใหม่งอกซ้อนขึ้นมาแทนที่ ร่างแสงของผู้กล้ากลายสภาพเป็นนกอินทรียักษ์ฝังกรงเล็บเข้าใส่หัวไหล่ทั้งสอง พร้อมกับก้มหน้าลงเพื่อจิกหัวของมันให้ขาดออกจากร่าง

เสียงคล้ายแมลงจำนวนมากมายมหาศาลสั่นปีกพร้อมๆ กันดังขึ้น ร่างของมันดูพร่าเลือนไม่คมชัด เกล็ดสีดำนั้นสั่นไหวจนอากาศรอบกายถูกสั่นสะเทือน แม้แต่ร่างแสงของนกยักษ์ก็ยังได้รับความกระทบกระเทือนไปด้วย ผู้กล้าจึงต้องล่าถอยกลับคืนสู่ร่างเนื้อของตนอีกครั้ง

สิ่งที่เด็กน้อยพบเห็นคือมีเงาประหลาดเคลื่อนไหวไปมาระหว่างร่างของทั้งสอง ในช่วงเวลาเพียงพริบตานั้น เธอไม่มีทางรู้เลยว่าได้เกิดการต่อสู้เสี่ยงชีวิตขึ้นหลายครั้งหลายหนติดต่อกัน แม้แต่มายาเองก็ยังไม่สามารถติดตามการต่อสู้ได้โดยตลอด นางเพียงแค่มองเห็นรายละเอียดได้มากกว่า และคาดเดาการต่อสู้ในส่วนที่เหลือเองเท่านั้น

'เร่งมือเข้า เวลาของเจ้าใกล้หมดลงแล้ว' ไม่รู้ว่ามายาหมายความถึงผู้ใดกันแน่ สังหารสิ้นมองดูคู่ต่อสู้ของตนอีกครั้ง คล้ายกับพึ่งจะได้พบเห็นเขาก็ไม่ปาน

“...เจ้าตอบคำถามข้อหนึ่งได้หรือไม่”

“เชิญถามมา”

“เจ้าต่อสู้เพื่อสิ่งใดกัน”

ผู้กล้าเองก็คอยเฝ้าถามคำถามนี้กับตนเองมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้เขายังไม่อาจพบเจอคำตอบที่เหมาะสม แต่ตอนนี้นับว่ามีอยู่ข้อหนึ่ง และหนึ่งข้อนั้นก็เพียงพอแล้ว

เมื่อได้รับรู้ถึงสิ่งที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้ รับรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเวียนเกิด สิ่งที่ผุดขึ้นมาในตอนนั้นคือความหวาดกลัว ความกลัวที่งอกรากฝังลึก และเติบโตอย่างรวดเร็วออกมาจากส่วนลึกในดวงใจ เขาจึงตัดสินใจเข้าร่วมกับจ้าวสำนัก ปล่อยให้ตนเองตกอยู่ภายใต้พลังที่เหนือกว่า

เขาลังเลอยู่เสมอมาว่าการตัดสินใจในครั้งนั้นของตนถูกต้องหรือไม่ การปกปิดความจริงในเรื่องนี้ถูกต้องหรือไม่ บางทีเต๋าอาจจะเป็นฝ่ายที่ถูกก็เป็นได้

“ข้าต่อสู้...เพราะข้ายังมีชีวิตอยู่”

เช่นนี้นับเป็นคำตอบหรือไม่ แต่สังหารสิ้นกลับพยักหน้าช้าๆ คล้ายกับเข้าใจ มันดึงกรงเล็บอินทรีที่ยังคงปักอยู่บนหน้าอก และหน้าท้องออกมาโยนทิ้งลงบนพื้น เกล็ดทั่วร่างสั่นพร้อมกันอีกครั้ง เกิดเป็นเสียงประหลาดทำให้ผู้ที่ได้ยินต้องขนลุก

ผู้กล้าหลับตาลงไม่มีความลังเลสงสัยเหลืออยู่ภายในใจอีกต่อไป เมื่อเขาก้าวเท้าออกไปเวลารอบกายคล้ายจะหยุดนิ่งไปแล้ว เขาเหลียวมองกลับไปเห็นร่างที่ไร้มือของตนยังคงยืนอยู่ในที่เดิม แม้แต่สายลมก็ดูเหมือนจะสามารถเอื้อมมือออกไปคว้าลงมาได้จากกลางอากาศ

เกล็ดสีดำโบกสะบัดช้าๆ เหมือนกับใบไม้กำลังเริงระบำอยู่ในสายลม เขารู้สึกแปลกใจที่แม้แต่ในห้วงเวลาที่เกือบจะหยุดนิ่งเช่นนี้ พวกมันกลับยังคงสามารถเคลื่อนไหวอยู่ได้

กรงเล็บแสงข้างขวาแทงออกอย่างรวดเร็ว เกล็ดสีดำชั้นนอกหลุดกระจายออกมาพร้อมกับสะท้อนการโจมตีนั้นกลับไป และก่อนที่เกล็ดใหม่จะงอกขึ้นทดแทน กรงเล็บข้างซ้ายก็พุ่งทะลวงเข้าไปแล้ว

ผู้กล้าสบสายตากับสังหารสิ้น ในห้วงเวลาที่เกือบจะหยุดนิ่งเช่นนี้ มันกลับยังสามารถกรอกตา ไม่เพียงแค่นั้นมันถึงกับสามารถเคลื่อนไหวได้ด้วย เกล็ดสีดำสั่นสะเทือนด้วยความถี่สูงขึ้นพร้อมกัน เขาเร่งพลังของตนไปจนถึงขีดสุด ร่างแสงเปล่งประกายอย่างเจิดจ้า แปรเปลี่ยนเป็นอินทรียักษ์อีกครั้ง

พลังงานยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนจุดร่างของนกอินทรีให้ลุกโชติช่วงขึ้นด้วยเปลวเพลิงพลังงาน เปลี่ยนมันให้กลายสภาพเป็นวิหคเพลิง นกในตำนานที่มีชีวิตเป็นอมตะ

สังหารสิ้นชูนิ้วชี้ขึ้นหนึ่งนิ้ว คล้ายกลับจะบอกให้ทุกสรรพสิ่งกลับคืนสู่ความเงียบงัน จุดสีดำเล็กๆ ปรากฏขึ้นที่ปลายนิ้วนั้น ในครั้งนี้มันใช้พลังเพียงหนึ่งในสิบส่วนจากที่เคยใช้ในการต่อสู้กับเมตตา หลุมดำแม้มีขนาดเล็กแต่กลับมีพลังงานลึกล้ำจนไม่อาจหยั่งถึง

เปลวเพลิงพลังงานที่เจิดจ้าจากวิหคเพลิงถูกดูดหายเข้าไปในจุดสีดำ ก่อนที่หลุมดำจะดูดตัวมันเองจนหายไปทั้งหมด เหลือทิ้งไว้เพียงปัจจุบันที่เคลื่อนต่อไปอีกครั้ง

เด็กน้อยกระพริบตาครั้งหนึ่ง แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็สิ้นสุดลง สังหารสิ้นยืนอยู่อย่างเดียวดาย ร่างของผู้กล้าจ้าวอินทรีทรุดลงไปกองอยู่บนพื้น การต่อสู้จบลงแล้ว และเธอไม่เห็นอะไรเลยแม้แต่น้อย มายาเองก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้นางจะปลดระบบป้องกันทั้งหมดออกเช่นเดียวกัน แต่นางกลับไม่สามารถรับรู้ถึงการต่อสู้ที่เกิดขึ้นได้เลย

'พลังที่แท้จริงของมันน่ากลัวจนเกินไปแล้ว' ดูเหมือนว่านางพึ่งสำนึกเสียใจที่ใช้วัชระสีนิล ปลดปล่อยพลังที่แท้จริงของมันออกมา

สังหารสิ้นเดินผ่านร่างของผู้กล้าไปอย่างไม่ใส่ใจ ทันใดนั้นพลังงานที่เก็บสะสมเอาไว้ภายในร่างของเขาก็ล่องลอยออกมา แต่แทนที่มันจะไหลไปรวมกับสายของพลังงานขนาดยักษ์ที่กำลังตกลงมาเหมือนน้ำตก จากแม่น้ำพลังงานที่พาดผ่านเหนือเวียนเกิด ซึ่งมาสิ้นสุดลง ณ ที่แห่งนี้ มันกลับเกิดการสั่นอย่างผิดปกติ คลื่นกลืนกินคลื่น ลบล้างกันเองจนสูญสลายหายไปหมดสิ้น

'เหมือนกับเต๋าไม่มีผิด' สังหารสิ้นไม่รู้เลยว่า ทั้งสองเคยเป็นสหายต่างวัย ก่อนที่การตัดสินใจเลือกเส้นทางเดินของแต่ละคน จะนำพาพวกเขาไปสุดอยู่ที่คนละด้าน สุดท้ายแล้วผู้ใดกันแน่ที่เป็นฝ่ายถูก มีผู้ใดสามารถบ่งบอกได้หรือไม่

“หยุด”

เด็กน้อยที่กำลังก้าวเดินติดตามมาหยุดยืนตัวแข็ง แต่ผู้ที่สังหารสิ้นกล่าววาจาด้วยกลับไม่ใช่เธอ

“สามแม่ทัพสวรรค์ส่งเจ้ามาจัดการกับข้า”

“...ถูกต้อง”

มายาที่กำลังจะติดตามทั้งหมดไปด้วยตอบอย่างระวัง แม้จะยังอยู่ในระยะห่าง แต่นางรู้ดีว่าด้วยระยะเพียงเท่านี้ ย่อมไม่เป็นอุปสรรคต่อการลงมือของมันแม้แต่น้อย 'เร็วเข้า' ตอนนี้นางได้แต่พยายามถ่วงเวลาเอาไว้

“เป็นเพราะเจ้าช่วยปลดปล่อยข้า...อย่าให้ข้าพบเห็นเจ้าอีกเป็นครั้งที่สอง”

นางเข้าใจดีว่าเขาหมายความเช่นไร 'หากพบเจอกันอีกครั้งเจ้าต้องตายแน่นอน' และนางรู้ตัวดีว่าแม้ผนึกจะถูกปลดออกเช่นเดียวกัน แต่นางไม่มีทางสู้กับสัตว์ประหลาดอย่างมันได้เลย

“ลาก่อน”

พูดจบนางก็พริ้วกายจากไปทันที มันเริ่มออกเดินอีกครั้ง เด็กน้อยกำลังจะขยับติดตามต่อไป

“เจ้าเป็นใครกันแน่”

เด็กน้อยงงงัน แต่ในที่นี้หลงเหลือเธอเพียงผู้เดียวแล้ว คำถามนี้ย่อมหมายถึงตัวเธอ

“เรา เราคือกรุณา หลานของท่านเต๋า ผู้ที่ปลดปล่อยท่านออกมาจากแผ่นหิน”

“เจ้าเองก็ไม่ใช่มนุษย์ เจ้าเป็นอะไรกันแน่ และข้ายังรู้สึกคุ้นเคยกับเจ้าอย่างประหลาดอีกด้วย”

“...ก็พวกเราเดินทางมาด้วยกัน”

“ข้าหมายถึงก่อนหน้านั้น ก่อนหน้าที่ข้าจะถูกส่งมายังเกาะเวียนเกิดแห่งนี้”

“เราไม่รู้ว่าท่านเทพวานรหมายถึงอะไร”

“ข้าไม่ใช่เทพวานร ข้าคือสังหารสิ้น”

มันเป็นชื่อที่ฟังดูอัปมงคล แต่ก็เหมาะสมกับร่างที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดแห่งหายนะนี้ได้อย่างประหลาด มีอีกชื่อหนึ่งผุดขึ้นมาในความคิดของเธอ และเธอก็เอ่ยปากถามออกไปโดยไม่ทันคิด

“ท่านรู้จักกระบองสมปรารถนาหรือไม่”

คำที่ไม่เคยได้ยินนี้สั่นไหวเข้าไปในจิตใจของมันอย่างประหลาด 'ต้องเคยมีใครบางคน เรียกหาข้าด้วยชื่อนั้นแน่'

“เจ้ารู้จักคำนี้ได้อย่างไร”

“มันมีอยู่ในตำราฟ้าดิน...แย่แล้ว ตำรายังอยู่ที่นาง”

เมื่อพูดถึงเด็กน้อยจึงพึ่งรู้สึกตัว เมื่อครู่นี้มายาช่วงชิงไปทั้งตำราฟ้าดิน และดาบ แต่นางจงใจรีบซุกซ่อนตำราไว้อย่างรวดเร็วจนทำให้ทั้งหมดลืมนึกถึงมันไปในที่สุด

“เราต้องรีบติดตาม...”

คำตอบที่มันเฝ้าค้นหากำลังรอคอยอยู่ตรงหน้า และตำราเล่มนั้นก็มิได้มีความหมายอะไรต่อมันเลยแม้แต่น้อย เหตุใดมันต้องย้อนกลับไปด้วย

“เจ้าไปเถอะ ข้า...”

มันรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกายอย่างฉับพลัน แต่นั่นไม่เท่ากับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในจิตใจ สังหารสิ้นกำลังจะเลือนหายไปอีกครั้ง เกล็ดสีดำทั่วร่างพากันหลุดร่วงลงสู่พื้น

'กระบวนการป้องกันฉุกเฉินทำงาน พลังงานกลับคืนสู่สภาวะปกติ' นั่นคือสิ่งที่เด็กน้อยได้ยิน สูญพลันคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น ร่างของเขาต้องกลับมาเปลือยเปล่าอีกครั้ง

“ข้ากลับมาให้เจ้าเห็นเป็นครั้งที่สองแล้ว”

มายายกมือขึ้นปิดปากหัวเราะอย่างเบิกบาน เมื่อครู่นี้นางจากไปแล้วชัดๆ แต่ตอนนี้นางกำลังยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมเหมือนกับเมื่อตอนก่อนจากไปอย่างไม่ผิดเพี้ยน

“คืนตำราฟ้าดินให้กับเรามา”

เด็กน้อยรีบทวงถามสิ่งของของตนทันที

“หากเจ้ามีปัญญา ก็เข้ามาหยิบฉวยไปเองเถอะ”

“...อย่า”

สูญรีบร้องห้าม พร้อมกับพุ่งเข้ามาขวางระหว่างทั้งสองเอาไว้ ครั้งนี้มายาย่อมไม่ใช้วัชระสีนิลเล่มนั้นอีก นางเพียงต่อยหมัดที่รวดเร็วเข้าใส่ ร่างของเขาก็กระเด็นออกไป เด็กน้อยคิดใช้มวยกระเรียนออกมา แต่เพียงแค่คิดหมัดของนางก็จู่โจมถึงตัวแล้ว สูญกัดฟันรีบลุกขึ้นมารับร่างของเธอเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นเด็กน้อยก็ยังได้รับบาดเจ็บมิใช่น้อย

“วัชระสีนิลเพียงสามารถปลดผนึกออกชั่วคราวเท่านั้น”

แม้แต่ตัวนางเองก็ไม่มีข้อยกเว้น เพียงแต่นางมีเวลาเรียนรู้จนสามารถปลดผนึกออกได้ด้วยตัวเอง แต่ก็ยังมีช่วงเวลาที่จำกัด และการปลดผนึกแต่ละครั้ง ยังต้องมีระยะห่างที่เหมาะสม ไม่สามารถใช้ติดต่อกันได้

“จบสิ้นกันที”

มายาเคลื่อนกายมาอยู่ตรงหน้าทั้งสองอย่างรวดเร็ว สูญรีบผลักร่างของเด็กน้อยออกไปทางด้านข้าง นางปล่อยหมัดที่เคยชกติดต่อกันทุกค่ำคืนออกมาแล้ว ฝ่ามือซ้ายกระแทกลงตรงกลางหน้าผาก จากฝ่ามือเปลี่ยนเป็นหมัด จากหมัดเปลี่ยนเป็นดรรชนี การจู่โจมต่อเนื่องเลื่อนไหล กระแทกใส่ในตำแหน่งเดียวกันโดยไม่ผิดพลาด คลื่นพลังทำลายสั่นกระเพื่อมไปทั่วร่างกายของเขา ก่อนย้อนกลับคืนมาสู่จุดเดิม

ทุกสิ่งกลายเป็นความมืดมิด 'จบเสียที' ไม่มีความรู้สึกอื่นใดอีกนอกจากนั้น ไม่มีดีใจ ไม่มีเสียใจ ไม่มีวิตก ไม่มีสงสัย มีเพียง 'จบเสียที' เท่านั้น

ศีรษะของสูญแตกทะลุเป็นรูขนาดใหญ่โลหิตจำนวนมากสาดกระจายไปทั่วทุกทิศ เด็กน้อยทำได้เพียงอ้าปากค้าง ครั้งนี้เธอตกใจจนไม่อาจแม้แต่จะส่งเสียงกรีดร้องออกมาแล้ว




 

Create Date : 14 พฤษภาคม 2554
0 comments
Last Update : 14 พฤษภาคม 2554 21:37:36 น.
Counter : 557 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.