ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2554
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
8 พฤษภาคม 2554
 
All Blogs
 

เทพมารสะท้านมิติ ตอนที่ 10

“หลีกไป”

“อย่า ท่านเต๋า”

“ทุกคนต้องได้รู้ความจริงเรื่องนี้”

ผู้กล้าลอยตัวขึ้นก่อนพุ่งทะยานลงมา ก่อเกิดเป็นเงาที่มองดูคล้ายนกอินทรีตัวใหญ่กำลังโผบินลงจากฟากฟ้า เพื่อจัดการกับเหยื่อ เต๋าทำมือเป็นกรงเล็บพยัคฆ์ มือซ้ายอยู่เหนือมือขวา รวมพลังลมปราณไว้ที่กลางหน้าอก เมื่อเขาหมุนมือทั้งสองออกจากกันอย่างช้าๆ ก็เกิดสภาวะนิ่งงันอย่างประหลาดขึ้น

แก้วตาของชายหนุ่มพลันหดเล็กลง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเห็นเพลงมวยชุดนี้ มันมิใช่มวยพยัคฆ์ที่เขาคุ้นเคย ชายชราได้คิดค้นมันขึ้นมาด้วยตัวเอง และเรียกว่า 'เต๋า' ตามชื่อของตน

กรงเล็บอินทรีทั้งคู่ของเขา ถูกสยบเอาไว้ได้โดยที่การต่อสู้ยังไม่ทันได้เริ่มต้นด้วยซ้ำ สภาวะวงว่างเปล่าที่ห่อหุ้มร่างของชายชราเอาไว้ในตอนนี้ คล้ายกับจะสามารถปิดกั้นการโจมตีได้ทุกชนิด ผู้กล้าก้าวถอยหลังไปอย่างลืมตัว

“...วิชาเคลื่อนย้ายจักรวาล...เป็นไปไม่ได้ ท่านพึ่งพบเจอตำราฟ้าดินเมื่อครู่นี้เอง”

ชายชราคิดจะส่ายหน้า แต่แล้วกลับเปลี่ยนเป็นพยักหน้าแทน 'ไม่ว่าจะเป็นเต๋า หรือ เคลื่อนย้ายจัรวาล ก็ล้วนเป็นเพียงชื่อที่ใช้เรียกหาเท่านั้น ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่าทั้งหมดต่างเป็นสิ่งเดียวกันนั่นเอง'

ชายชราก้าวเดินต่อไป แต่ทันใดนั้นสภาวะของเขาก็ถูกสั่นคลอน เขาไม่อาจก้าวไปข้างหน้า และไม่อาจหันกลับไป เมื่อครู่นี้ความคิดของเขาเพียงสั่นไหวไปชั่วครู่ แต่คนผู้นี้สามารถฉวยโอกาสเพียงพริบตานั้นจู่โจมเข้ามาได้ แน่นอนว่าคนผู้นี้ย่อมไม่ใช่ผู้กล้าจ้าวอินทรีอย่างแน่นอน

เขาทอดถอนใจยาว เขาประมาทเกินไปที่คิดว่านางไม่อาจลงมือ

“ท่านจ้าวสำนักไม่ยินยอมให้ข้าจากไป”

เสียงทอดถอนใจที่แสนรัญจวนดังมาจากทางด้านหลัง

“ขออภัย เราไม่อาจปล่อยท่านไปจริงๆ “

คำพูดยังกล่าวไม่ทันจบ คนก็ลงมือแล้ว นิ้วมือทั้งห้าที่เรียวงามของนางจมหายเข้าไปในศีรษะของเขา โดยไม่มีโลหิตหลั่งไหลออกมาแม้แต่น้อย ในจังหวะนั้นเองเขาก็ฉวยโอกาสลงมือเช่นกัน สภาวะวงว่างเปล่าเกิดการไหลกลับย้อนคืน ร่างของคนก็ดีดพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

นางยืนเหม่อมองดูเงาหลังของชายชราอย่างซึมเซา ดูเหมือนไม่มีความคิดจะออกติดตามไปแม้แต่น้อย

“ท่านจ้าวสำนัก...”

“ปล่อยเขาไป เมื่อครู่นี้เราได้ทำลายวรยุทธของเขาไปแล้วบางส่วน เขาไม่อาจใช้วิชาเคลื่อนย้ายจักรวาลได้อีก นอกจากนี้ความทรงจำต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็จะจางหายไปอย่างรวดเร็วด้วย เขาไม่สามารถย้อนกลับมายังสถานที่แห่งนี้ได้อีกแล้ว”

“...แต่ว่า ตำราฟ้าดินยังอยู่กับเขา”

นางทอดถอนใจอีกครั้ง

“นำตำรากลับมา หากเขาไม่ขัดขวางก็แล้วไป แต่หากเขาไม่ยินยอม...”

ร่างของนางสลายหายไปกลางอากาศ คล้ายกับไม่เคยมีตัวตนมาก่อน ผู้กล้าจ้าวอินทรีทำหน้าที่ถ่ายทอดคำสั่งของจ้าวสำนักออกไป นับตั้งแต่นั้นการไล่ล่าติดตามตำราฟ้าดินก็เริ่มต้นขึ้น

ผู้กล้ามักเฝ้าถามตัวเองถึงการตัดสินใจในครั้งนั้นอยู่เสมอ หากเขาตกลงร่วมมือกับเต๋า จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในเวียนเกิดได้หรือไม่ 'ไม่หรอก' แต่นั่นเป็นคำตอบที่เขาไม่เคยมั่นใจตลอดมา

#####

วัชระสีนิลตัดผ่านอากาศเหมือนกับสายฟ้าสีดำพาดผ่านท้องฟ้าในวันที่อากาศแจ่มใส มันคือลางร้ายแห่งความวิบัติทั้งกับศัตรูและผู้ใช้ การฟันของสูญเรียบง่ายจนไม่อาจนับเป็นเพลงดาบ แต่เป็นวิธีการฟันที่ถูกต้องอย่างถึงที่สุด ทุกการเคลื่อนไหวไม่มีขาดเกินแม้แต่น้อย หากเป็นเมื่อกาลก่อนเขาคงไม่อาจรับดาบเช่นนี้ได้

#####

“คารวะท่านจ้าว...”

ถึงแม้ว่าหน้าตา เรือนร่าง และเสื้อผ้าของนางยังคงเป็นเช่นเดิม แต่มีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้ผู้กล้ารู้สึกแปลกไป

“เจ้ารู้ตัวด้วย ถูกแล้ว เราเป็นจ้าวสำนักคนใหม่ของพวกเจ้า”

“...คารวะท่านจ้าวสำนัก”

เขาต่อคำพูดของตนที่ค้างเอาไว้ให้จบ นางยิ้มอย่างอ่อนหวานก่อนกล่าวต่อ

“จ้าวสำนักคนก่อนของพวกเจ้าทำงานผิดพลาด นางจึงต้องถูกกำจัดทิ้งไป นับแต่นี้เราจะทำหน้าที่แทนนางเอง”

ที่มาที่ไปของจ้าวสำนักฟ้าดินแต่ละรุ่นนั้นไม่เคยถูกเปิดเผยมาก่อน แม้เขาจะได้รับรู้ถึงความลับที่ยิ่งใหญ่บางประการ แต่ก็ยังไม่อาจเข้าใจเรื่องทั้งหมดได้

“ขออภัย...ท่านจ้าวสำนักนับเป็นรุ่นที่เท่าใดแล้ว”

“เรื่องนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้”

“...ไม่ทราบว่าท่านมีคำสั่งใด”

“เราจะให้เจ้ามาประจำอยู่ในที่นี้”

“แล้วเรื่องตำราเล่มนั้น”

“ปล่อยให้ผู้อื่นจัดการต่อไป และเพื่อให้เจ้าสามารถรับมือกับผู้ที่อาจจะบุกรุกเข้ามาในอนาคต เราจะถ่ายทอดวิชาลับของสำนักให้กับเจ้า”

#####

'คำสั่งพิเศษ ปลดระบบป้องกันให้กับเป้าหมาย' เสียงกระด้างไร้อารมณ์ของผู้ชายคนเดิมดังขึ้นในหัวของกรุณา เธอไม่ทันพบเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ดาบที่เพียบพร้อมไร้ร่องรอยของสูญ กลับถูกกรงเล็บทั้งคู่ของผู้กล้าคว้าเอาไว้ได้ ร่างของเขาถูกพลังที่แผงมาในอาวุธดีดกระเด็นออกไปโดยแรง หลาดโลหิตฟุ้งกระจายรอบกายมองดูคล้ายไอหมอกสีเลือด

ผู้กล้าปักดาบโค้งเล่มนั้นลงบนพื้น เลิกสนใจสูญ และหันมายังเป้าหมายต่อไป

“ตอนนี้เจ้าไม่มีผู้คุ้มกันแล้ว มอบตำราฟ้าดินออกมาแต่โดยดีเถิด”

กรุณาถึงกับตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เธออาจเคยคิดถึงแต่ไม่ได้จริงจังมากมายนัก ว่าการเดินทางค้นหาในครั้งนี้ อาจเป็นการนำพาชีวิตของตนเองมาพบกับจุดจบก็เป็นได้ ความตายที่เคยอยู่ในความคิดของเธอ ที่เธอเคยคิดว่าตัวเองรู้จักมันดี ช่างแตกต่างจากความตายที่กำลังเดินเข้ามาหานี้อย่างสิ้นเชิง

แรงกดดันไร้สภาพที่ส่งออกมาจากร่างของเขาทำให้ลมหายใจเริ่มติดขัดอีกครั้ง เธอล้วงมือที่สั่นเทาเข้าไปในอกเสื้อพร้อมกับหยิบตำราฟ้าดินออกมา

“...เอา...เอา...ไป”

เสียงกระด้างไร้อารมณ์ของผู้ชายคนเดิมดังขึ้นอีกครั้ง 'ตรวจพบระดับพลังงานสูงผิดปกติในหน่วยผลิต กระบวนการป้องกันฉุกเฉินเกิดความผิดพลาด' เงาร่างสายหนึ่งโฉบผ่านกึ่งกลางระหว่างทั้งสองไปอย่างรวดเร็ว ทั้งตำราฟ้าดิน และดาบวัชระสีนิลล้วนตกอยู่ในเงื้อมมือของนางทั้งสิ้น

“...มายา”

เด็กน้อยพึมพำชื่อของนางออกมาอย่างเลื่อนลอย แม้แต่ผู้กล้าเองก็ดูเหมือนจะคาดคิดไม่ถึงเช่นกันว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้ เขาหันเหความสนใจทั้งหมดไปที่นางทันที

“เจ้าเป็นใครกันแน่”

“ข้ามีนามว่ามายา”

“ดาบวัชระสีนิล เป็นของบิดาเจ้าจริงหรือ”

“นั่นไม่สำคัญแต่ประการใด เพราะตอนนี้ดาบอยู่ในมือของข้าแล้ว”

ผู้กล้าพยักหน้า ที่นางกล่าวแม้ฟังดูยอกย้อน แต่ก็นับว่ามีส่วนถูกอยู่บ้าง เด็กน้อยลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะความกดดันที่ได้รับเมื่อครู่นี้สลายหายไปแล้ว เธอคิดจะเข้าไปดูอาการของเทพวานร แต่ยังคงไม่กล้าเคลื่อนไหว และพอเธอเหลียวมองดูตำราเล่มนั้น ความรู้สึกสูญเสียอย่างรุนแรงก็เกิดขึ้น

เมื่อครู่นี้เธอถึงกับสามารถยอมแลกทุกสิ่งเพียงเพื่อให้รอดพ้นจากความตาย แต่ตอนนี้เมื่อเห็นตำราฟ้าดินตกอยู่ในมือของผู้อื่น เธอกลับคิดเสียดายจนอยากจะลองเสี่ยงชีวิตช่วงชิงมันกลับมาดูสักครั้ง เด็กน้อยคิดทบทวนดูสิ่งที่เกิดขึ้นภายในใจของตนเอง ไม่อาจหาข้อสรุปให้กับความรู้สึกที่ขัดแย้งกันนี้ได้

มือของมายาสัมผัสกับหน้าปกของตำราฟ้าดิน 'ระบุตัวบุคคล ผิดพลาด ระบุตัวบุคคล ผิดพลาด เริ่มทำการค้นหาข้อมูล' เสียงของผู้หญิงที่คุ้นเคยดังขึ้นในหัวของเด็กน้อย 'เหมือนกับตอนที่ท่านเทพวานรสัมผัสกับมันเลย' เธอจ้องมองหน้าของนางอย่างพิศวง ดูคล้ายกับว่ามันกำลังค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างช้าๆ

“ท่าน...ท่านใช่มายา คนที่พวกเราพบเจอในเมืองน้อยแน่หรือ”

นางหันมายิ้มให้เด็กน้อย ใบหน้าที่งดงามนั้นแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

“ข้าเพียงบอกว่าชื่อมายาเท่านั้น แต่มิได้บอกว่าเป็นคนเดียวกันกับที่พวกเจ้าเคยพบเจอ”

ผู้กล้าเองก็ดูมีท่าทางแปลกใจในความเปลี่ยนแปลงที่เห็นเช่นกัน 'ระบุประเภทวัตถุ แท่งพลังงาน ชื่อเรียก ลูกท้อเซียนสวรรค์ ข้อมูลมีการป้องกัน โปรดบอกรหัสผ่าน โปรดบอกรหัสผ่าน' เด็กน้อยไม่เข้าใจในสิ่งที่ได้ยินเลย 'แท่งพลังงานอีกแล้ว เหมือนกับท่านเทพวานรเลย' มีเพียงชื่อเรียกเท่านั้นที่แตกต่างกัน กระบองสมปรารถนา กับ ลูกท้อเซียนสวรรค์

คำถามต่อมาของผู้กล้าจ้าวอินทรียิ่งทำให้เด็กน้อยเกิดความงุนงงมากขึ้นไปอีก

“...เจ้ามาจากสวรรค์ หรือบาดาลกันแน่”

“ข้ามาจากสวรรค์”

สีหน้าของนางบ่งบอกว่ารู้สึกแปลกใจเช่นกัน ที่ชายผู้นี้รับทราบความลับมากกว่าที่ควร

“...เจ้าเป็นเพียงมนุษย์ แต่กลับมีระดับพลังงานสูงถึงเพียงนี้”

“เจ้าลักลอบเข้ามายังเวียนเกิด แต่กลับสามารถใช้พลังได้ถึงระดับนี้...”

ทั้งสองต่างมองหน้ากัน คล้ายกับพยายามจะเจาะลึกเข้าไปภายในใจของฝ่ายตรงข้าม เด็กน้อยฉวยโอกาสนี้ค่อยๆ เคลื่อนกายอย่างระวังเข้าไปดูอาการของเทพวานร

ตลอดทั้งร่างของเขามีร่องรอยขีดข่วนที่เกิดจากตะขออันแหลมคมของกรงเล็บอินทรีอยู่ทั่วทั้งตัว เธอไม่เข้าใจว่าเหตุใดการลงมือเพียงครั้งเดียวของจ้าวอินทรี จึงสามารถสร้างความเสียหายได้มากมายปานนี้

ถึงแม้จะมีคราบโลหิตติดอยู่ทั่วกาย แต่ทั้งหมดเป็นเพียงบาดแผลตื้นๆ เท่านั้น แสดงว่าผู้กล้าไม่ได้คิดจะปลิดชีวิตของเขาตั้งแต่แรกแล้ว เธอค่อยๆ ประคองศีรษะของเขาขึ้นมา เขาลืมตาขึ้นช้าๆ ยังคงมีความร้อนแรงแห่งชีวิตอยู่ในดวงตาคู่นั้น เธอกระซิบถามเบาๆ

“ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”

เขาไม่ตอบคำ แต่กลับค่อยๆ พยุงร่างของตัวเองให้ยืนขึ้นอย่างช้าๆ

“อย่าพึ่งขยับตัวจะดีกว่า”

เธอพยายามห้าม แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจ คู่ต่อสู้ที่กำลังจดจ้องกันอยู่ ต่างหันกลับมามองดูความเคลื่อนไหวของเขาเกือบจะพร้อมกัน

“...ดาบข้าคืนให้เจ้าแล้ว ส่วนมันยังคงเป็นคู่มือของข้า”

เขาชี้มือไปยังผู้กล้า มายาส่ายหน้ายิ้มเศร้าๆ

“เจ้าในตอนนี้ไม่อาจรับมือมันได้”

เขาได้แต่ยืนนิ่งไม่โต้เถียง คล้ายกับรู้ตัว และยอมรับในคำพูดของนาง 'ผู้หญิงคนนี้ก่อให้เกิดความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างแปลกประหลาด ข้าต้องเคยพบเจอกับนางมาก่อนแน่' เขาย้อนนึกไปถึงคืนแรกที่พักแรมในป่ากับเด็กน้อย และศัตรูที่ลอบเฝ้าดูจากในเงามืด

“...เจ้าคือผู้ที่เฝ้าดูพวกเราบนต้นไม้ในคืนนั้นใช่หรือไม่”

เด็กน้อยไม่เข้าใจคำถามของเขา

“ถูกแล้ว เป็นข้าเอง”

'มิใช่เพียงแค่คืนนั้น แต่เป็นทุกคืนติดต่อกันตลอดเวลาสิบสองปีที่ผ่านมาต่างหาก' ที่แท้นางคือเงาภูติพรายที่เฝ้าวนเวียนอยู่รอบแผ่นหินนั่นเอง ทุกคืนนางต้องไปหาเขาแล้วต่อยใส่หนึ่งหมัดเป็นประจำ

ในวันนั้นเมื่อสิบสองปีก่อน มีดาวตกลงมาพร้อมกันสองดวง หนึ่งคือสังหารสิ้นที่เมตตาส่งมาด้วยการคาร์บอนฟรีส อีกหนึ่งที่เต๋าไม่ได้พบเห็นคือมายาที่ ศีล สมาธิ และ ปัญญา สามแม่ทัพใหญ่แห่งแดนสวรรค์ลอบส่งติดตามมาเพื่อจัดการกับเขานั่นเอง

“แล้วเหตุใดเจ้าจึงไม่ลงมือ”

ด้วยฝีมือที่เห็นเมื่อครู่นางย่อมสามารถจัดการกับเขาได้ไม่ยาก 'นั่นสิเป็นเพราะเหตุใดกัน' นางเองก็เฝ้าถามตัวเองด้วยคำถามนี้เช่นกัน นับตั้งแต่สังหารสิ้นหลุดออกจากแผ่นหิน นางก็เฝ้าติดตามเขามาโดยตลอด การสังหารจ้าวมังกรคุณธรรมก็เป็นฝีมือของนาง

คำสั่งเพียงหนึ่งเดียวที่นางได้รับมาคือ 'จงทำลายสังหารสิ้น' เพียงเท่านั้น ทุกคืนวันนางเพียงต้องการจบภารกิจของตน ไม่เคยมีสิ่งอื่นใดอีก แต่ในคืนนั้นบนต้นไม้ เมื่อร่างของเขาอยู่ห่างออกไปเพียงมือเอื้อม ขอเพียงนางต่อยหมัดออกไปเหมือนเช่นทุกคืนที่ผ่านมา ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะจบสิ้นลง

'จบแล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป' จบแล้วจะมีอะไรเหลืออยู่อีก ความคิดนั้นหยุดหมัดของนางเอาไว้ 'คนผู้นี้ออกเดินทางเพื่อค้นหาคำตอบบางอย่างให้กับตัวเอง อาจบางทีคำตอบนั้นจะสามารถตอบคำถามนี้ของข้าได้เช่นกัน' นางจึงลอบติดตามทั้งสองคนเรื่อยมา 'ถึงตอนนั้นค่อยจัดการกับมันก็ยังไม่สาย'

ผู้กล้ามองทั้งสามคนไปมาด้วยความงงงัน

“พวกเจ้าล้วนมาจากสวรรค์”

“ใช่”

“ไม่ใช่”

"...”

'ใช่' คือคำตอบของมายา 'ไม่ใช่' คือคำตอบของกรุณา ความเงียบคือคำตอบของสูญ มายาฉวยโอกาสนี้เคลื่อนกายมาอยู่เคียงข้างกับอีกสองคน ที่ตอนนี้อาจนับเป็นฝ่ายเดียวกันเป็นการชั่วคราว เขาส่ายหน้ากับคำตอบของทั้งหมด

“ไม่ถูกต้อง เรื่องนี้ไม่ถูกต้อง”

เขาชี้มือไปยังมายา

“หากเจ้ามาจากสวรรค์ พลังของเจ้าจะต้องถูกจำกัดเอาไว้ ไม่อาจใช้ออกเช่นนี้ได้”

สูญคือลำดับต่อไป

“พลังของเจ้าถูกจำกัดเอาไว้แล้ว แต่กลับสามารถข้ามขีดจำกัดของมนุษย์ขึ้นไปได้อีก”

สุดท้ายคือกรุณา

“ส่วนเจ้า...เจ้าคล้ายกับมนุษย์มาก”

ด้วยวิชาลับที่จ้าวสำนักฟ้าดินรุ่นปัจจุบันถ่ายทอดให้ เขาจึงสามารถมองเห็นระดับพลังงานของแต่ละบุคคลได้ นอกจากนี้ยังมีความสามารถอีกอย่างหนึ่ง ความสามารถที่เขาใช้จู่โจมใส่สูญเมื่อครู่นี้ ความสามารถที่ทำให้เขาไม่รู้สึกเกรงกลัวต่อผู้ใดอีกต่อไป

“ความลับของข้าอยู่ในดาบเล่มนี้”

มายาชูวัชระสีนิลขึ้น ดึงดูดสายตาทุกคู่ไปที่มัน ในช่วงจังหวะพริบตานั้น ร่างของสูญพลันพุ่งถอยไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว แต่เขายังคงช้าไปก้าวหนึ่ง

ในสายตาของผู้กล้าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นคล้ายเป็นภาพช้าชุดหนึ่ง มายาตวัดดาบอัปมงคลนั้นด้วยความรวดเร็ว สายฟ้าสีดำสำแดงอานุภาพของมันอีกครั้ง แต่เป้าหมายกลับกลายเป็นสูญที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาลังเลวูบหนึ่งเพราะเป้าหมายของนางกลับไม่ใช่ตัวเขา สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดจึงผ่านไปอย่างรวดเร็วอีกครั้ง

เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาเกิดความลังเล ครั้งแรกคือตอนที่มายาแย่งชิงตำราฟ้าดินไปจากมือของกรุณา เขามองเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แต่ด้วยเหตุผลที่ยังไม่กระจ่าง เขาจึงไม่ได้ลงมือเช่นกัน

วัชระสีนิลจมลึกเข้าไปในทรวงอกของสูญ ดูเหมือนว่ามายาคงตัดสินใจที่จะจบหน้าที่ของนางลงในบัดนี้แล้ว รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง เป็นรอยยิ้มที่งดงามที่สุดเท่าที่สังหารสิ้นเคยเห็นมาตลอดชั่วชีวิตของมัน




 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2554
3 comments
Last Update : 8 พฤษภาคม 2554 20:57:42 น.
Counter : 532 Pageviews.

 

อิอิ ทักทายนะจ่ะ ถ้าไปเยี่ยมบล็อกเราช่วยจิ๊กอะไรข้างขวา ที่มันอยู่ล่างข้อความแนะนำนตัวให้เราด้วยนะ จิ๊กสองจิ๊กห้ามเกินนี้จ่ะ ถ้าเข้าอีกก็จิ๊กอีกเนอะ อิอิ เดี๋วเราจิ๊กให้ 2 จิ๊กเนอะ อิอิ

 

โดย: ตะวันเจ้าเอย 8 พฤษภาคม 2554 22:19:51 น.  

 

บทนี้ค่อนข้าง งง เล็กน้อย เพราะเรื่องตัดสลับไปมาอย่างรวดเร็วจริง ๆ แต่ก็รู้นะว่าเป็นความตั้งใจของผู้เขียน โดยตอนต้นของบทนั่นแหละที่ผมงงมากมายยังไงช่วยอธิบายแบบพอสังเขปก็พอว่าผมเข้าใจถูกไหมว่า เค้ากำลังเล่าย้อนไปที่อดีตใช่หรือไม่ หรือยังไง

 

โดย: อาณาจักรแห่งเรา 9 พฤษภาคม 2554 15:19:32 น.  

 

เข้าใจถูกแล้วครับ

ช่วงต้นตัดกลับไปในช่วงเวลาที่เต๋าได้รู้ความลับของเวียนเกิด
และนำตำราฟ้าดินหลบหนีออกมา
ในตอนนั้นเขาสามารถบรรลุเคล็ดวิชาสูงสุดได้แล้ว
แต่ถูกจ้าวสำนักทำลาย และลบความทรงจำไป

ผู้กล้าเป็นอีกคนที่อยู่ในเหตุการณ์
แต่เขาตัดสินใจเข้าเป็นฝ่ายจ้าวสำนัก
ซึ่งการตัดสินใจในครั้งนั้น
ทำให้เขาเฝ้าถามตัวเองเรื่อยมา ว่าทำถูกต้องหรือไม่

 

โดย: zoi 9 พฤษภาคม 2554 15:47:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.