ร่างต้นแห่งความฝัน
Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
3 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
Global Changing : Citizen Partnership vs. Neo-Colonialism

อีกไม่กี่วันนับจากนี้ หลังจากที่ ผลคะแนนการเลือกตั้ง ประธานาธิบดีของ สหรัฐอเมริกาแฮมเบอร์เกอร์แลนด์ ได้ถูกประกาศออกมา มันจะกลายเป็น “การเปลี่ยนแปลง” ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของดาวเคราะห์ดวงนี้ และหากเกิดขึ้นจริง ก็จะเป็นอีกครั้งที่ “ความเปลี่ยนแปลง” เกิดจาก “ความร่วมมือกันของคนทั้งโลก”

หรือที่ผมเรียกว่า Citizen Partnership

ปฏิเสธไม่ได้ครับว่าตลอด 20-30 ปีที่ผ่านมา สภาพความเป็นอยู่ของคนทั้งโลกนั้น ติดอยู่ในกับดักของ “เงิน” มาตลอด และมันก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นรูปธรรม อย่างน้อยที่สุดมีกว่า 85 เปอร์เซนต์ ของโลกที่เป็นอย่างนั้น และอีก 10 เปอร์เซนต์ ที่ไม่รู้เลยว่าอะไรคืออะไร นั่นคือ กลุ่มคนที่อยู่ตามป่าเขาลำเนาไพร ส่วนที่เหลืออีก 5 เปอร์เซนต์ นี่แหล่ะ คือ ปัญหาที่แท้จริง นั่นคือ....
กลุ่มนายทุน คือ Neo-Colonialism

นายทุนไม่เคยมีสัญชาติ ไปทุกที่ที่จะด้ประโยชน์ นั่นคือ กำไร

การค้าเสรี ยิ่งทำให้คนกลุ่มนี้ หาเศษ หาเลยกับชีวิตของคนอื่นๆ ได้จนไม่รู้จักจบสิ้น และนับวันยิ่งมากขึ้น มากขึ้น มากขึ้น

แต่วันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป ทั่วโลกตระหนักแล้วว่า หากปล่อยให้คนกลุ่มนี้ยังคงมีพฤติกรรมชั่วร้าย ไม่ต่างจาก “ซาตาน” คนทั้งโลกย่อมจะทนไม่ไหว และ สงครามโลกครั้งที่ 3 คงจะเกิดขึ้นแน่นอนครับ มันคือ Citizen Uprising และหากเกิดจริง ทุกอย่างจะรุนแรงมากที่สุดเพราะมันเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน ไม่มีใครเป็นหัวหน้า และเป็นลูกน้องของใคร ทุกคนจะทำเพื่อเอาชีวิตรอด และ “สัญญาณ” ของเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นมาได้ระยะหนึ่งแล้ว

แต่ไม่มีใครต้องการที่จะให้เรื่องนี้เกิดขึ้น จึงจำเป็นต้อง “หาทางออก” เอาไว้ และเมื่อไปดูสภาวะการณ์ที่เป็นจริงของโลกนั้น ก็พบว่า เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจากประเทศอเมริกา และมันก็ถูกผูกเอาไว้กับทุกประเทศทั่วโลก ดังนั้น หากจะแก้ไข ก็ต้องแก้ที่ต้นเหตุ นั่นคือ ต้องเริ่มต้นที่ ประเทศอเมริกา และมันก็คือ “การทำลายทุนนิยม”

ณ เวลานี้ กระบวนการทำลายทุน ก็เริ่มต้นมาแล้วในระยะแรก นั่นคือ การทำลายระบบธนาคาร และสถาบันการเงินให้พังทั้งระบบ การเข้าไปอุ้มของรัฐ นั่นก็ยิ่งเป็นการทำให้ระบบการเงินยิ่งพังหนักเข้าไปใหญ่ มันจะพังไปเรื่อยๆ พังๆๆๆๆๆๆ ในขณะเดียวกัน กระบวนการ Active Citizen ก็เกิดขึ้นแล้วในโลก กระบวนการนี้ ที่คุณสามารถเห็นอยู่ก็คือ “การประท้วง การหยุดงานประท้วง” ไม่ว่าจะในภาคธุรกิจอะไร คุณสามารถเช็คข่าวได้เองเลยครับ

ทั้งหมด นี่คือ สิ่งที่โลกต้องการให้เกิด แล้วเค้าก็ร่วมกันทำในทุกภาคส่วนทุกประเทศทั่วโลก โดยใช้พื้นฐานของมนุษย์ คือ “การมีชีวิตรอด” นั่นเองครับ ในขณะเดียวกันคนในระดับชั้นปกครอง ระดับสูงต่างก็เริ่มพูดในสิ่งเดียวกัน คือ “ปัญหาเศรษฐกิจทุกวันนี้ การค้าเสรี คือ ตัวการ” ทั้งหมดทุกฝ่าย แม้แต่ล่าสุด นายอลัน กรีนสแปน อดีตผู้ว่าการฯ Fed ก็ให้สัมภาษณ์เช่นนั้น

และถ้าคุณดูดีดี นะครับ การประท้วงทั้งหมดที่เกิดขึ้น เกิดจาก “คนชั้นกลาง” ของโลก ทั้งสิ้น เพราะนี่คือ คนกลุ่มใหญ่ที่สุดในโลก รวมๆ แล้วในทุกประเทศ คนชั้นกลางมีจำนวนมากกว่า “50 เปอร์เซนต์” และที่ผ่านมา คนกลุ่มนี้ คือ คนขับเคลื่อนเศรษฐกิจทุกอย่างของโลกอย่างแท้จริง อย่าปฏิเสธ เพราะ สินค้าและบริการต่างๆ ที่อยู่ในตลาด ต่างก็ทำมาเพื่อให้ คนชั้นกลาง นี่แหล่ะ จ่ายเงิน และสุดท้ายก็คือ “เป็นหนี้” ดังนั้น ณ วันนี้ คนชั้นกลางทั่วทั้งโลก กำลัง “ตกงาน” กันอย่างมหาศาล เพราะงั้น เค้าก็ทนไม่ไหวกันแล้ว โลกก็เลยต้องจัดระบบใหม่เข้าไปช่วย....

หลายๆ ประเทศมีผู้นำที่เป็นตัวแทนชนชั้นกลางขึ้นบริหารประเทศ ทั้งเยอรมัน ชิลี ออสเตรเลีย เป็นต้น และอีกหลายๆ ประเทศก็เริ่มตามกัน และที่สำคัญที่สุด ที่อเมริกา วุฒิสมาชิก บารัค โอบามา ก็คือ ตัวแทนของคนชั้นกลางของโลกอย่างเต็มตัว เพราะเค้าคือ คนผิวดำ เค้าเคยอยู่ในเอเซีย เค้าอยู่กับชนชั้นแรงงาน มาตลอด นี่คือ Symbolic หรือสัญลักษณ์ อย่างหนึ่ง

ถูกต้องครับ โอบามา คือ คนที่โลกทั้งโลกหนุน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เชื่อเถอะครับว่า หาก โอบามา เป็น ปธน.แฮมเบอร์เกอร์แลนด์ ได้ละก็ สิ่งสำคัญที่จะเกิดขึ้นคือ “เศรษฐี นักลงทุน นักค้าหุ้น ทั่วโลก” จะหายไปกับตาเลย ภายในเวลาไม่เกิน 2 ปี เพราะคนกลุ่มนี้ จะโดนรีดภาษ๊แบบ ยุบยับ ในทุกๆ อย่างที่ทำเริ่มตั้งแต่หายใจเข้าจนหายใจออก แล้วก็เข้านอน จนความร่ำรวยตัวเลขที่พวกเค้ามี จะค่อยๆ ลดลงๆๆๆๆๆ นี่แหล่ะครับ คือ เหตุผลที่ทำให้ ข่าว “การลอบสังหาร” โอบามาเริ่มมีมากขึ้น และเริ่มรุนแรงขึ้น เพราะแผนการชั่วพวกนี้ ก็เกิดจาก พวกนายทุน ที่กำลังโดนริบผลประโยชน์ ความร่ำรวย หรูหรา หายไปนั่นเอง และคนกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่ เป็นคนผิวขาว และ หลายๆ คนยังคงมีทัศนคติที่ไม่ดีเรื่องสีผิวอยู่

คุณลองดูที่ผ่านมาก็ได้ครับ ตั้งแต่วิกฤติการแฮมเบอร์เกอร์ มีมหาเศรษฐีกี่คนที่ออกมาแสดงตนในการเข้าช่วยเหลือเพื่อ ผยุงวิกฤติในครั้งนี้

คำตอบคือ 1 คน นั่นคือ นายวอร์เรน บัฟเฟท เพราะคนๆ นี้ ไม่ต้องกลัวอะไร มีเงินจริง ไม่ได้มีแค่ตัวเลขอย่างเดียว พร้อมช่วยเหลือเกื้อกูลคนอื่นเสมอ ในขณะที่เศรษฐีคนอื่นๆ ของโลก ตัวเลขทรัพย์สินหายไปแบบกราวรูด มีเพียง บัฟเฟท คนเดียว ที่ไม่ลดลงไปเลย ถ้านี่คือ คนฝั่งอเมริกา ฝั่งยุโรปก็มี เซอร์ริชาร์ด แบรนสัน ทรัพย์สินเค้าไม่ลดลงเลยแม้แต่นิดเดียว สองคนนี้นี่แหล่ะครับ คือ 2 คนจากหลายๆ คนที่อยู่ในกระบวนการ Reset โลก ในครั้งนี้ และเมื่อเศรษฐีเริ่มหายไป ทรัพย์สินต่างๆ ก็จะถูกเอามาขายอย่างต่อเนื่อง
และ Citizen Partnership แบบเต็มกระบวนการ จะเริ่มขึ้น.....

นั่นคือ การที่ “รัฐ” แต่ละรัฐ จะส่ง “กองทุนประชาชนแห่งรัฐ” ทุกระดับ ทั้งประเทศ ตามวิชาชีพ และตามเมืองต่างๆ เข้า “ยึด” ทรัพย์สินต่างๆ เหล่านี้มาเป็นเจ้าของ หลังจากได้ยึดระบบการเงินไปแล้ว ต่อมาก็คือ ทรัพย์สินต่างๆ และในเมื่อเป็นเช่นนี้ รัฐ ก็จะร่ำรวย ดังนั้น รัฐจำเป็นต้องเอาเงินออกไป และมีวิธีที่ดีที่สุดเพียงวิธีเดียว

คือ การลงทุนเพื่อสร้างงาน

ทั้งในรูปแบบของกิจการใหญ่ เพื่อให้เกิดการสมัครงาน และกิจการขนาดเล็ก สำหรับเจ้าของกิจการ การทำงานก็จะเกิดขึ้น สมดุลย์ต่างๆ ก็เริ่มดีขึ้น และมันก็จะเป็นแบบนี้ โดยจะค่อยเป็นค่อยไป
ทั้งหมดก็ตั้งอยู่บนพื้นฐานของ “เศรษฐกิจพอเพียงแบบทุนนิยม”
ใครที่ยังอยากรวย อยากเป็นเศรษฐี คุณเลิกล้มความตั้งใจนี้ซะ เพราะจะไม่มีใครเป็นได้ เพราะยิ่งรวย ทรัพย์สินคุณยิ่งหายไปเยอะ จำไว้นะครับ เศรษฐี คือ กลุ่มคนที่ไม่มีความจำเป็น ที่จะต้องมีของการดำเนินชีวิตของมนุษย์ในโลกแห่งอนาคตที่กำลังจะมาถึง

สำหรับประเทศไทย จะมีคนไทยเพียงแค่กลุ่มเดียวที่จะรอดจากวิกฤติต่างๆ ได้ คือ “กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย”

เพราะตลอดระยะเวลากว่า 4 ปีที่คนกลุ่มนี้รวมตัวกัน พวกเค้าได้สร้างสิ่งที่มหัศจรรย์ให้เกิดขึ้นบนโลก นั่นคือ All for One, One for All

ใช่ครับ พื้นฐานของพันธมิตร คือ เรื่องการเมือง และมีเรื่องการปกครองเข้ามาเกี่ยวข้อง คือ ราชอาณาจักร และสธารณรัฐ หรือ Kingdom vs. Republic แต่ผมไม่ขอพูดถึง ผมขอพูดเรื่องเดียว คือ System หรือระบบที่ พันธมิตรสร้างขึ้น โดยที่ไม่รู้ตัว และระบบดังกล่าว นานาชาติต่างก็สนใจและศึกษามาตลอด นั่นคือ การปกป้อง Real Sector…..

เพราะปัญหาเศรษฐกิจตอนนี้ กลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด คือ Real Sector ซึ่งก็คือ คนชั้นกลาง นั่นเอง และพี่น้องพันธมิตร โดยส่วนใหญ่ ก็คือ คนชั้นกลาง

จากจุดเริ่มต้น จนวันนี้ พวกเค้า พูดเรื่องเดียวกัน คิดแบบเดียวกัน และที่สำคัญที่สุด คือ “ปฏิบัติอย่างเดียวกัน” อันหลังนี่แหล่ะ คือ การปกป้องรักษา Real Sector ส่วนหนึ่งของประเทศ

จาก Network หรือ เครือข่าย มาเป็นกระบวนการ หรือ Solutions ณ วันนี้ พันธมิตรคือระบบที่แข็งแกร่งมากที่สุดของประเทศไทย ทำไมหรือ?

ก็เพราะสิ่งที่เค้าปฏิบัติร่วมกันไงครับ พวกเค้าเริ่มคุยกันจากเรื่องๆ เดียวกัน คือ การเมือง พวกเค้าอยู่ด้วยกัน ผ่านทางการดู ASTV และเข้า เว๊ป Manager เค้าทำอย่างนี้เรื่อยมา จนหลายๆ คนเริ่มรู้จักกันมากขึ้น ผ่าน hi5 ผ่าน MSN อีเมล์ จากที่เค้าคุยเรื่องๆ เดียว ก็เริ่มคุยกันมากขึ้น และกว้างขึ้น การแนะนำตัวก็เริ่มขยายมากขึ้น อย่าลืมนะครับว่า พี่น้องพันธมิตรหลายๆ คน ที่บ้านเป็นเจ้าของกิจการ ถึงแม้จะไม่ใช่ใหญ่โต มโหฬารอะไร แต่เค้าก็ไม่เดือดร้อน

ยิ่งนานวันเข้า หลายๆ คนที่เริ่มติดต่อกัน ก็เริ่มคุยกันว่า นายทำอะไร เธอทำอะไร คุณทำอะไร แล้วจากจุดนี้ เค้าก็เริ่ม “ส่งต่อ” สิ่งที่เค้ามี “ให้แก่กันและกัน”

นาย ก. มีโรงสีข้าว นางสาว ข. มีร้านอาหาร นาง ค. มีตลาด เอ้างั้นเอางี้มั้ย เดี๋ยวนาย ก. จะขายข้าวให้ นางสาว ข. ในราคาของ พันธมิตร จะได้มีต้นทุนการทำอาหารลดลง รายได้ก็จะได้มาก นาง ค. ก็บอกว่างั้นเอางี้ ให้นาย ก. มาขายข้าวได้ที่ตลาดของ นาง ค. คิดราคากันเอง

ทั้งสามคนก็จะมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ความสามารถในการใช้จ่ายก็เริ่มดีขึ้น วันหนึ่ง นาย/นางสาว ง. จ. ช. ฮ. ซึ่งเป็นพันธมิตร ก็เริ่มกระจายข่าวให้พันธมิตรคนอื่นๆ ว่า

ที่จังหวัดนี้ มีนาย ก. เป็นเจ้าของโรงสีนะ ให้พี่น้องพันธมิตร ไปซื้อข้าวที่นี่นะ
ที่จังหวัดนี้ นางสาว ข. มีร้านอาหารนะ ใครอยู่แถวนั้น อย่าลืมไปช่วยกันอุดหนุน
ที่จังหวัดนี้ มีนาง ค. เค้ามีตลาด ใครอยากค้าขาย ก็ไปคุยกับ นาง ค. นะ

มันเป็นแบบนี้มาหลายปีแล้ว และเพิ่มขึ้นๆ เพราะ ทุกคนทำพร้อมๆ กัน ทำเหมือนกันหมด และก็ทำให้ ทุกอย่าง “ถึงกันหมด” พร้อมกับ “ส่งต่อ” ให้พี่น้องพันธมิตรคนอื่นๆ ต่อไป นี่คือสิ่งที่คนไทยอีกกว่าครึ่งของประเทศ ไม่สนใจ แต่ต่างชาติ เค้าสนใจและศึกษาเรื่องนี้มาอย่างน้อยที่สุดก็ 3 ปีแล้ว

นี่ไงครับ Citizen Partnership แบบไทยๆ

ผมเชื่อว่า หลังจากวันที่ 4 พฤศจิกายน หลายๆ อย่างจะเปลี่ยนแปลงมากขึ้นๆ ไปทั่วโลก หาก ผู้ชายที่ชื่อ บารัค โอบามา เป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

ทั้งหมดนี่คือ สิ่งที่ผมได้รับจากการทำ Documentary Case เรื่อง Active Citizen




Create Date : 03 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 27 มกราคม 2553 23:09:55 น. 1 comments
Counter : 1115 Pageviews.

 
เมื่อก่อนเห็นด้วยกับพันธมิตร แต่ตอนนี้เห็นอีกด้านของความคิดของแกนนนำแล้วแจ่มชัด ก็เลยไม่เอาพันธมิตร เราเป็นคนที่อยู่ในพื้นที่เสื้อสีเหลืองเราเห็นหลายอย่าง แต่ตอนนี้ไม่คิดอย่างนั้นแล้ว ถ้าคุณจะพิจารณาด้วยตัวเอง ด้วยเหตุผล ด้วยความหมายแอบแฝงดังที่แกนนำเป็นอยู่ คุณจะเห็นในความจริง คนที่เคยอยู่หน้าเวทีอย่างเราเห็น ได้ยิน กับตัวเองคุยกับใครในนั้นไม่มีใครเชื่อ ไม่มีใครฟัง ฉะนั้นไม่พูดเลยดีกว่า สิ่งที่หลาย ๆ คน ขึ้นมากล่าวบนเวที บางเรื่องเป็นเรื่องโกหกพกลม ไม่มีความจริง บางเรื่องจริงแค่ สิบเปอร์เซ็นและไม่ได้ดำเนินไปอย่างที่เค้าพูดมันเป็นเรื่องยากที่จะทำใจได้ว่าสิ่งที่เราศรัทธามีวาระแอบแฝง แต่หากเรายอมรับ แล้ว ถอยออกมานึกคิดตรึกตรองจากความจริงที่เราเจอทุกวัน กับถ้อยคำบนเวทีมันเป็นคนละเรื่องเดียวกัน เราถึงกล้าบอกว่าเราไม่เอาพันธมิตร
แนวทางการเดินหรือความคิดของเจ้าของบล๊อกอาจไม่ตรงกัน แต่มั่นใจว่า เราคืนคนที่รักประเทศไทยเหมือนกัน


โดย: คนเคยอยู่หน้าเวที (สวนผักบุ้ง ) วันที่: 25 พฤศจิกายน 2551 เวลา:23:46:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เด็กคน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add เด็กคน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.