เมื่อคืน ฉันขึ่นโรงพัก
ผมอยู่พัทยามาตั้งแต่ 10 ขวบ จนตอนนี้ 32 เข้าไปแล้ว ถึงจะไปเรียนอยู่ กทม. แถมยังดอดไปทำงานหลายปีก็เถอะ แต่ผมก็วนไปเวียนมาที่พัทยาตลอดจนตอนนี้กลับมาอยู่อย่างถาวรได้ 5 ปี รู้สึกชินกับพัทยามากกว่ากรุงเทพแล้วก้ตาม แต่ก็ยังมีสิ่งนึงที่ยังไม่เข้าใจ เกี่ยวกับพัทยาอยู่ดีพัทยา ขึ่นชื่อว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก แต่ไม่รู้ทำไม ชีวิตผมถึงได้เจอแต่ นักท่องเที่ยวกวนส้งติง ตลอดกวนมันตั้งแต่ หนุ่มๆ ไปจนถึง แก่จะลงโลงแล้วมันก็กวน โอเคร ผมเป็นคนกวนติง แต่ไม่เคยไปกวนกับลูกค้า ในเวลาทำงาน ผมว่าผมดูแลพวกเค้าดีเลยละแต่สิ่งที่ได้รับกลับมา เหอ ๆ ๆ ท่าจะต้องต่อยอย่างกรณีสุดท้าย ที่ต้องขึ่นถึงโรงพักเนี่ย จริง ๆแล้วไม่ได้เกี่ยวกับผมเลย แค่ผมไปเป็นเพื่อนน้องชายเท่านั้นเอง กลับได้เรื่อง 55555+.........................................................................21.00 โดยประมาณ ผมปิดร้านของตัวเองเสร็จ แล้วก็เดินทางกลับมาที่ร้านของ แม่ผม ร้านของน้องชายซึ่งอยู่ติดกับร้านแม่ก็ปิดแล้ว เรากำลังจะกลับบ้าน แต่ยามเดินเข้ามาบอกว่ามี เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย กับฝรั่งรายหนึ่งเข้ามาเขย่าประตูหน้าร้าน พวกเราจึงเดินออกไปดู แต่ไม่พบ จึงเดินกลับ แต่มาจ๊ะเอ๋กันตรงหน้าประตูร้านแม่แทน เท่านั้นแหละครับ ฝรั่งนายนั้น ออกงิ้ว ทันที ว่าให้จับน้องชายผม แล้วโวยวายถามหาชายในชุดสีดำ ( man in black ) ผมงง บอกตรง ๆ งงโคตรว่าเรื่องอะไร แต่จับใจความได้ว่า น้องชายผม และ พนง ของร้านเราในชุดดำทำร้ายร่างกายเค้า 5555 + เอาละซิ น้องกรูเนี่ยนะ อัดฝรั่ง ขำว่ะจนผมบอกให้ทุกคนเงียบแล้วให้น้องเล่าให้ฟังว่าเรื่องอะไร สรุปใจความได้ว่ากระทาชายนายนี้ เดินเข้ามาในร้านแล้วถามหา taxi ร้านน้องผมทำทัวร์ครับลืมบอกไป พนง สาวของที่ร้านแจ้งกลับว่า แท็กซี่ มิเตอร์ไป กทม ราคา 800 บาท แต่ถ้าเป็น รถเก๋งส่วนตัว 1200 บาท และทั้ง 2 ราคานี้ ยังไม่รวมค่าทางด่วนและค่าจอดรถแค่นั้นแหละครับ มันด่าเป็นไฟ ด่าว่าร้านเราหลอกลวง ไม่ลงราคาให้เรียบร้อย แล้วมาเรียกเก็บกับลูกค้าที่หลัง ไม่ตรงกับป้ายที่ติดไว้ ซึ่งในป้ายก็บอกแล้วว่า ยังไม่รวมค่าทางด่วนและค่าจอด มันบอกว่า ตัวเล็กมองไม่เห็น หลอกลวง แล้วมันก็ด่าด่าด่าด่า ด่าจน พนง ร้องไห้ ลามไปจน น้องผมสองคนซึ่งติดลูกค้าอยู่ ต้องทิ้งลูกค้าเข้ามาคุย แต่มันก็ยัง ด่าด่าด่าด่า และ ด่าจน พนง ผู้ชายร้านแม่ผมคนหนึ่งได้ยินเสียงแล้วเดินมา แต่ดันมาพร้อม ไม้เมตร ( ร้านแม่ผมขายผ้าไหม ) มันก็หาว่าจะมาทำร้ายมัน กรรมเจง ๆ จนสุดท้ายไล่มันออกไปจากร้าน แต่มั๊นก็ยังเดินวนกลับมายืนด่าอยู่หน้าร้าน จน พนง ที่ร้านทนไม่ได้ เลยถอดร้องเท้า ขว้างไล่มัน แต่เพ่น้องครับ มันกลับคว้ารองเท้าแล้ววิ่งหนี เท่านั้นแหละ เลยมีการวิ่งตามเอารองเท้าคืน สรุป วิ่งได้ซัก ร้อยกว่าเมตร มันดันล้ม แล้วก็ตามทัน มาถึงตรงนี้ ท่านอ่านคิดว่าเกิดการกระทืบ เปล่าครับ พนงเรา เอาแค่รองเท้า แล้วก้กลับ ไม่ได้แตะตัวมันเลย วิน มอเตอร์ไซด์รับจ้างตรงนั้นเป็น พยานแต่มันกลับมาพร้อม ตำรวจครับเหอ ๆ ๆ แถมถกกางเกงโชว์ ผ้าพันแผลบริเวณ หน้าแข้งว่ามันได้รับบาดเจ็บผมเลยต้องถ่อสังขารไปโรงพัก กับน้องชาย เพื่อลงบันทึกกับร้อยเวรตลอดทาง น้องชายซึ่งรู้นิสัดว่าผมใจร้อน ย้ำตลอดว่า อย่าทำอะไรมัน ไม่เช่นนั้น กิจการ ทัวร์ที่ทำอาจมีปัญหา ผมรับคำ ไม่ต้องห่วง แค่อยากดูว่า มันจะแหลอะไรอีก ผมตอบในห้องร้อยเวร มันยืนกรานให้จับ พนง ชายในชุดดำซึ่งทำร้ายมันและ เรียกร้องหาเสียหายจากทางร้าน ทำขนาดถ่ายก๊อปปี้เบอร์แบงค์ของมันที่ ไปซื๊อพวกผ้าพันแผลมาโชว์ตำรวจ ถามว่าทำไมไม่ไปโรงบาล ก็ไม่บอก ขอดุแผล ก็ไม่ให้ดู ตำรวจขอที่อยู่มันก้ขอเขียนให้ กลัวพวกผมจะรู้ ผมถึงกับนั่งขำ มันก็ด่า ว่าเดี๋ยวผมจะขำไม่ออก ผมก้ตอบไปว่า ทำไมผมจะขำไม่ได้ มีตลกมาโชว์อยู่ตรงหน้าก็ต้องขำ สุดท้ายพอลงบันทึกเสร็จ ตำรวจก้บอกว่า ให้มาใหม่พรุ่งนี้ เท่านั้นแหละครับ มันโวยวายเป็นการใหญ่ มันบอกต้องจัดการให้มันภายในคืนนี้ เพราะพรุ่งนี้มันจะไป กรุงเทพ พอตำรวจบอกว่ายังไงก็ไม่ได้ ต้องพรุ่งนี้ มันก้เรียกร้องให้เรียกนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่มาพบมัน ไม่งั้นมันจะร้องเรียน หาว่าตำรวจนายนั้น เข้าข้างพวกผมเอากะมันดิ แต่แล้วชนวนของเรื่องทั้งหมดก็ก้เริ่มขึ่น มันบอกว่า เดี๋ยวมันจะร้องเรียนกับ king ของเรา มันอ้างว่ามันเป็นเพื่อนกับ queen ของเรา แล้วก็พล่ามต่อไม่เลิก ของขึ่นเลยพี่น้อง ผมหันไปชี้หน้ามันทันทีว่า ให้หุบปากและอย่าเอา king กับ Queen ของเรามาพูดเล่น แต่มันกลับไม่ยอมหยุด แถมยังดังขึ่นเรื่อย ๆ จนในที่สุดก่อนที่ผมจะทนไม่ไหว น้องผมก็ให้ผม ออกไปสูบบุหรี่ข้างนอกก่อน ก่อนที่ผมจะสติแตกตอนเดินออกมา สายตรวจที่ไปที่ร้าน ถามผมว่าเรียบร้อยมั๊ยน้องเรียบร้อยอะไรละพี่ ฝรั่งมันบ้า นี่มันว่ามันรู้จะ ในหลวง กับ ราชินี ผมทนไม่ไหวเลยออกมาก่อนเนี่ย ไหนใครพูด เสียงมาจากด้านหลัง ผมหันไปเจอ นายตำรวจ ประมาณ 5 นาย ยืนขึ่นมา สีหน้าไม่พอใจ พี่เข้าไปดูเองดิ มันพล่ามไม่หยุดเลยเนี่ยแล้วผมก็ออกไปสูบบุหรี่ราวสิบนาทีผมถึงกลับเข้าไปในห้องสืบสวนอีกครั้ง แต่ครับ แต่ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มันยังแร๊พเรื่องมัน เป็นคนสวิสต์เป็นเพื่อนกับ ราชินี และมันจะร้องเรียนไม่เลิกแค่นั้นแหละครับ ตบะก็แตกทันที แม้ว่าขาจะเจ็บอยู่ จากการเตะบอล ผมพุ่งเข้าไปกระโดดถีบมันทันที แล้วหลังจากนั้นก็ ล่อกันนัว 55555555+ มันส์สรุป มันแจ้งจับผมขอหาทำร้ายร่างกาย เรียกร้องเอาค่าเสียหาย ต่าง ๆนา ๆ แต่ผมก็สวนมันทันที เพราะคิดไว้แล้วตอนไปสูบบุหรี่ผมฟ้องมันกรณี หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งมีตำรวจชั้นสัญญาบัติ เป็นพยานให้ผมหลายนาย ผมฟ้องมันกรณีแจ้งความเท็จเนื่องจากมีมอเตอร์ไซด์รับจ้างหลายรายเป็นพยาน ว่า พนงร้านผมไม่ได้ทำร้ายมันผมบอกมันว่าจะแจ้งสถานฑูตมัน อย่างเป็นทางการและให้มีการขึ่นบัญชีดำมันให้เข้าประเทศไทยอีกไม่ได้ แถมพอมันรู้ว่าตำรวจพร้อมเป็นพยานให้ผมทำนั้นแหละ 5555+ หงอแดกไปเร๊ย สรุป ผมกระทืบคนฟรีครับ กระทืบในโรงพักด้วย แถม มันต้องจ่ายค่าเสียหายช่วงที่ตีกัน ให้กับตำรวจ เพราะเก้าอี้พังไป 2 ตัว บอกตรง ๆ ผมเซ็งนะกับการกระทำของชาวต่างชาติพวกนี้ คุณเชื่อมั๊ยว่ามีฝรั่งเคยพูดว่า มีเงิน อยู่เมืองไทยทำอะไรก็ได้ โดยที่ไม่สนใจ ว่าบ้านเมือง ใคร เรากำลังขายชาติ ขายเกียรติ ขายศักดิ์ศรีของเรา ของปู่ย่าตายาย พวกเรารึเปล่าฝรั่งดี ๆมีเยอะผมทราบแต่ถ้าไอ้แบบนี้มาอีก รับรอง ผมก็ต่อยกับมันอีก แถมถ้ามันยังมาจาบจ้วงเบื้องสูง ของเราอีก หนหน้า ผมว่ามีตายยยป.ล. ขาเลยเดี้ยงหนักกว่าเก่าเลย ฮือ ๆ ๆ
(แวะเข้าไปเยี่ยมบล็อกผมเมื่อไหร่ รบกวนช่วยคลิ๊กป้ายโฆษณา "ทำงานผ่านเนท" ให้สัก 1 ครั้งนะครับ จักเป็นพระคุณยิ่งครับ แหะๆ )