ข่าวสารยานยนต์ เรื่องชอบกลของเครื่องเสียงรถยนต์

นำมาจาก Automotivedesignline.com วันที่ 3 พฤษภาคม 2550 ว่าด้วยเรื่อง
Connectivity drives car audio technology หลาย ๆ ท่านคงคุ้นเคยกับเครื่องเสียงติดรถยนต์กันดีอยู่แล้ว โดยมากก็จะเห็นติดที่กลางคอนโซลหน้า มีให้เล่นทั้งวิทยุ เทป CD ฯลฯ แต่ด้วยปัจจุบัน มีอุปกรณ์เล่นดนตรีเหล่านี้มากมายให้ใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น MP3 Player, DVD, SD memory, iPod......ฯลฯ และการใช้ File Compress แบบต่าง ๆ (ที่คุ้นเคยกันก็คงเป็น MP3) ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีอยู่หลากหลายมาตรฐาน และมีความต้องการจะนำไปใช้ในรถยนต์มากขึ้น อาจจะรวมไปถึงเทคโนโลยี Wireless สำหรับการถ่ายโอน File ที่เริ่มมีให้เห็นกันใน Consumer Product ทั้งหลาย ความหลากหลายเหล่านี้ กำลังเป็นแนวทางในการกำหนดความต้องการของลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ นั่นคือ มาตรฐานอันหลากหลายเหล่านี้ หากนำไปใช้กับภาคยานยนต์ จะทำให้การออกแบบเครื่องเสียงชิ้นเดียว แต่รับรองมาตรฐานหลากหลาย ทำให้เกิดแนวคิดใหม่ขึ้นมาคือ การใช้ชิปควบคุมหลักที่มีอยู่แล้ว มาเชื่อมต่อกับชิปที่ทำหน้าที่สื่อสารกับมาตรฐานหลากหลายเหล่านี้ต่อเพิ่มเข้าไป ด้วยวิธีนี้ ทำให้ประหยัดไฟมากขึ้น อีกทั้งสามารถเลือกใช้ชิปมาตรฐานเหล่านี้ได้อย่างหลากหลาย หากท่านต้องการใช้แค่ iPod ก็ใช้ชิปราคานึง แต่หากท่านต้องการให้เครื่องเสียงรถยนต์ของท่านรู้จักอุปกรณ์อื่นมากขึ้น ก็เปลี่ยนชิปสื่อสารเหล่านี้ให้เก่งขึ้น (และแพงขึ้น) ทำให้ไม่ต้องซื้อเครื่องเสียงทั้งชุดใหม่ แต่ก็ยังคงหลักการ การเชื่อมต่อ แบบยืดหยุ่นเหล่านี้ได้ จะว่าไป มันก็ไม่ใช่หลักการอะไรใหม่หรอกครับ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในข่าวนี้คือ การผันเอา Technology ที่ใช้ใน Consumer Product ไปใช้ในภาคยานยนต์ กำลังจะบอกให้เรารู้ว่า หากท่านเคยเป็นผู้ผลิตสินค้ายานยนต์อย่างเดียวแล้วไซร้ พึงสังวรณ์ไว้ว่า ภาค Consumer Product ก็อาจตีตลาดของท่านได้ในไม่ช้า หากท่านไม่พัฒนา ก็จะถูกแย่งตลาดอย่างรวดเร็ว เพราะฝ่าย Consumer Product นั้น ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ จะออกกันแทบทุก 6 เดือน แต่ภาคยานยนต์นั้น 6 ปีก็ว่าได้ (แม้ว่า บางค่ายจะลดลงเหลือ 5 ปี และ 4-3 ปี ในระยะอันใกล้นี้ก็ตาม)
สรุปคือ เครื่องเสียงรถยนต์ของท่าน จะเชื่อมต่อกับ อุปกรณ์เครื่องเสียงอื่น ๆ ได้อย่างไร้ขีดจำกัดในอนาคตอันใกล้ (ไร้ขีดจำกัดแค่ไหน ขึ้นกับตังค์ในกระเป๋าท่านด้วยครับ)

ต่อมา ว่าด้วยเรื่องของสถานการณ์การเงินของอุตสาหกรรมยานยนต์กันบ้าง เดากันได้คร่าว ๆ ว่า ไตรมาสแรกของปีนี้ คงแย่กันทั่วหน้า มีไม่มากทีผลประกอบการดี มาลองดูรายหัวดีกว่า

เริ่มที่ Continental AG อ้างอิงจาก just-auto.com 2/5/07 ว่า ผลประกอบการในไตรมาสแรกอยู่ในเกณฑ์ดี โดยปัจจัยหลักคือ พัฒนาด้านการผลิตรถยนต์ในยุโรป และเอเซีย และรองลงมาคือ การขายยางรถยนต์ในอเมริการเหนือ และยุโรป โดยยอดขายเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วกว่า 9.8% เป็นตัวเงิน 3,964.8 ล้านยูโร โดยปีที่แล้วเวลาเดียวกันอยู่ที่ 3,611.6 ล้านยูโร ในการนี้ เป็นผลมาจากภาคธุรกิจของMotorola ที่ไปซื้อกิจการเขามาถึง 284.6 ล้านยูโร กระนั้นก็ตาม ยังคงเป็นกังวลถึงราคาวัตถุดิบที่ไม่แน่นอน ซึ่งก็ได้แต่หวังว่าคงจะแก้ปัญหานี้ได้ และจะทำการเพิ่มงบประมาณภาควิจัย และพัฒนาไปอยู่ที่ 185.2 ล้านยูโร
จะว่าไป Continental เป็นบริษัทที่มีกิจการหลักคือ การผลิตยาง ระบบเบรค ระบบ Stability, Chassis และอิเล็กโทรนิคส์ที่เกี่ยวข้องกันกับระบบเหล่านี้ ศูนย์กลางอยู่ที่เยอรมัน นับว่า เป็นไม่กี่บริษัทที่มีข่าวดีในไตรมาสแรกของปี 2007 นี้

รายต่อไปคือ ฮุนได ซึ่งประกาศว่า มีผลกำไรลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 5 นำมาจาก just-auto.com วันที่ 2 พฤษภาคม 2550 เช่นกัน โดยผลกำไรลดลง 10.2 % อยู่ที่ 329 ล้านเหรียญ โดยได้รับผลกรรมจากการสไตรค์ เมื่อต้นปี ผสมกับการแข่งขันที่เมืองจีน ทำให้ต้องลดราคาสู้ แต่มีข่าวดีคือ ยอดขายในเดือนเมษาฯที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 10 % เป็น 225,178 คัน (กำไรลดลงไม่ใช่เหรอ แสดงว่าอะไรเอ่ย)

มาที่สถานการณ์ของอเมริกากันบ้าง จาก just-auto.com วันที่ 2 พฤษภาคม 2550 ยอดขายโดยทั่วไป ลดลงหมดไม่เว้นแม้กระทั่ง Toyota ซึ่งเป็นเดือนแรกในรอบ 2 ปีที่ยอดขายลดลง ยอดขายรวมในเดือนเมษายนอยู่ที่ 1.33 ล้านคัน ลดลง 7.8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และยอดรวม 4 เดือนแรกนี้ อยู่ที่ 5.2 ล้านคัน ต่ำกว่าปีที่แล้ว 3%

Ford ลดลง 14% อยู่ที่ 220,627 คัน
GM ลดลง 9.5% อยู่ที่ 307,754 คัน

ปัญหาหลักของ Ford คือ การยกเลิก Ford Taurus ไปในสิ้นปีที่แล้ว แต่ก็รักษาสถานภาพไว้ได้กับรถในกลุ่ม Cross Over Platform อย่าง Ford Edge และ Lincoln MKX. ในขณะที่ Ford Fusion มียอดขายลดลงเล็กน้อย โดย Ford จะเพิ่มกำลังการผลิตในไตรมาสทที่ 2 นี้

GM มียอดขายเพิ่มขึ้นจากGMC Acadia แต่ก็ปรับลดเป้าการผลิตเหลือ 1.15m คันในไตรมาสที่ 2 นี้ ลดลงจากการปรับลดเป้าหมายครั้งที่แล้วถึง 15,000 คัน และน้อยลงกว่าปีที่แล้ว 7.4%

สวนกระแสชาวบ้านไปกับ Chrysler ที่ยอดขายเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 1.6% เป็น 193,104 คัน จาก Jeep Wranglerและแคมเปญใหม่สำหรับรถ Minivans.

Edmunds said Chrysler led all major manufacturers in incentives with an average of about US$4,000 per vehicle, and the company had not decreased its low margin sales to fleet buyers as much as Ford and GM have.

Toyota sales รวม Lexus และ Scion ลดลง 4.3% อยู่ที่ 210,457 คันเทียบกับ 219,965 คันในเดือนเมษายน 2006 นับเป็นเดือนแรกที่ยอดขายลดลงในรอบ 2 ปี

ฟาก BMW ก็ยอดขายลดลงเช่นกัน ได้ข่าวมาจาก just-auto.com วันที่ 3 พฤษภาคม 2550 ว่า ผลกำไรลดลง 34% อยู่ที่ 852 ล้านยูโร เป็นผลมาจาก ความไม่แน่นอนเรื่องค่าเงิน ราคาวัตถุดิบที่ไม่แน่นอน และค่าใช้จ่ายในการเริ่มต้นโมเดลใหม่ที่กำลังเปิดตัว โดย BMW เปิดตัวรถใหม่ไปแล้วหลายโมเดล เช่น BMW X5 หรือจะเป็น new Mini และยังมีอีกที่จะเปิดตัวคือ MINI One และ MINI Cooper D ในสิ้นเดือนเมษายน และ MINI Clubman โดย BMW Series 1 แบบ 3 ประตู ก็จะเปิดตัวราวเดือนนี้ และ BMW M5 Touring ในสิ้นเดือนนี้ ส่วนรถ Rolls-Royce Phantom Drophead Coupés ประมาณไว้ที่ ฤดูร้อนปี 2007 (น่าจะประมาณ เดือนมิถุนายน หรือ กรกฏาคม) แต่ว่า ยอดขายเพิ่มขึ้นนะ โดยข่าวจาก autonews.com วันที่ 8 พฤษภาคม 2550 บอกไว้ว่า ยอดขาย(เป็นจำนวนคัน) ของ กลุ่ม BMW เพิ่มขึ้น 3.0 % ในเดือนเมษายน อยู่ที่ 118,456 คัน
ที่เป็น brand BMW เพิ่มขึ้น 0.5 %เป็น 100,141 คัน ในขณะที่ brand Mini เพิ่มขึ้น 19.2 % เป็น 18,263 คัน

สรุปในรอบสี่เดือนที่ผ่านมา ทั้งกลุ่มมียอดขายเพิ่มขึ้น 0.8 % เป็น 451,683 คัน

นับว่า ปีนี้ เศรษฐกิจไม่สวยหรูเท่าไหร่เนาะ

Create Date : 12 พฤษภาคม 2550		4 comments
Last Update : 12 พฤษภาคม 2550 21:06:34 น.
Counter : 679 Pageviews.
Share Tweet