Group Blog
 
<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
9 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
[Code Geass] ฉบับ Fiction จินตนาการด้วยแรงบันดาลใจต่อจาก Spoil ตอนที่ 22



[Code Geass] ฉบับ Fiction
จินตนาการด้วยแรงบันดาลใจจาก Spoil ตอนที่ 22


หมายเหตุก่อนอ่าน : ด้วยความคิดที่กระจายออกมาจากการอ่านสปอยล์ Code Geass ตอนที่ 22 ทำให้หงส์ฯ ได้คิดเนื้อเรื่อง Fiction นี้ขึ้นมา โดยส่วนตัวแล้ว เพิ่งจะเริ่มใส่ใจ Code Geass ได้เมื่อไม่นานมานี้ อ่านสปอยล์มาแค่ในภาค 2 ตั้งแต่ตอนที่ 17 – 22 ฉะนั้นเนื้อเรื่องภาคหนึ่งทั้งหมดกับภาค 2 ตอนต้นๆ เราอาจไม่ค่อยรู้รายละเอียดมากนัก Fiction เรื่องนี้จึงอาจมีบางสิ่งที่ไม่เข้ากันกับกฎเกณฑ์ของ Code Geass ต้นฉบับเดิมอยู่บ้าง และเนื้อหาหลักของ Fiction นี้ก็อาจจะไม่อิงกับส่วนที่เป็นตัวอย่างตอนต่อไปของ Code Geass ตอนที่ 23 ด้วย เรียกได้ว่าเป็นแบบ “นอกบท” ก็ว่าได้ เพียงแต่อาจจะแค่อิงจากตอนที่ 22 เท่านั้นเอง หากผิดพลาดไม่เป็นที่ชอบใจก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย เพราะเขียนไปด้วยใจรัก แต่ก็ยังไม่รู้ลึกมากนักในเรื่อง Code Geass ด้านการคิดชื่อต่างๆ ขึ้นมาใหม่ หรือชื่อตัวละครที่เพิ่มมา ก็เป็นไปตามความชอบของเรา บางชื่อก็ไม่ได้มีความหมายพิเศษอะไร แต่เสียงอักษรเพราะดี ก็เลยตั้งเป็นชื่อซะงั้น และสุดท้ายนี้ ขอบอกว่า เพราะเราจินตนาการแต่งต่อจากตอนที่ 22 บางทีก็เลยอาจนับเป็น Spoil อยู่บ้าง ถ้าไม่ชอบใจให้สปอยล์ ก็ไม่ควรอ่าน Fiction นี้นะจ้ะ !



ช่วงปฐมบท ความจริงและสิ่งหลอกลวง



เมื่อลูลูชได้ฟังคำกล่าวที่แข็งกร้าวของนานาลีว่า “เขา” ซึ่งเป็นพี่ชายที่เคยอยู่เคียงข้างเธอ ได้กลายเป็น “ศัตรู” ของเธอไปแล้ว ลูลูชก็อึ้งเงียบตะลึงงันไปครู่ใหญ่

ผลจากการทำลายเมืองหลวงแห่งบริทาเนีย ทำให้เชื้อพระวงศ์ที่เกี่ยวข้องกับฐานันดรการสืบราชสมบัติต้องสูญสิ้นไป การอ้างยกนานาลีขึ้นเป็นจักรพรรดินี จึงเป็นสิ่งที่เอื้อให้ทำได้ง่ายอย่างไร้ข้อโต้แย้ง และโดยเฉพาะเธอผู้นั้น เปรียบเสมือนเป็นชีวิตจิตใจของลูลูชด้วยแล้ว ชไนเซลที่รู้เช่นนั้นและคิดจะใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนนี้ของเขา การยกนานาลีไว้ในฐานะกษัตริย์ ย่อมจะส่งผลให้เดินเกมต่อต้านการเมืองของลูลูชได้ทะลุปรุโปร่งยิ่งขึ้น

ชั่วขณะหนึ่งที่บรรยากาศรอบๆ ตัวลูลูชเงียบงัน ก็ได้ปรากฎสัญญาณการออกอากาศของบุคคลผู้มาใหม่อย่างฉับพลัน ด้วยถ้อยความที่สื่อสารมาถึงชาวโลก มีใจความว่า...

“ จากการประกาศเมื่อสักครู่นี้ ... ฉัน...ไม่ยอมรับฐานะ “จักรพรรดินี” ของเจ้าหญิงนานาลี เพราะว่านั่นไม่ใช่การสืบราชบัลลังก์อันถูกต้อง....”

ชไนเซลหลุบเปลือกตาลงอย่างเฉียบคม พลางนึกในใจว่า
“ ผู้หญิงคนนี้....!? ”

หญิงสาวผมสีชมพูอ่อนกล่าวอย่างหนักแน่น และอธิบายเหตุผลต่อไปว่า...

“ ที่ฉันต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวทั้งที่ไม่เคยออกมามีบทบาทกับเรื่องแบบนี้ เพราะว่าฉันไม่อาจทนดูการฆาตกรรมสังหารหมู่อย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้ได้ และขอต่อต้านการกระทำของกลุ่มเจ้าหญิงนานาลีอย่างที่สุด”

คานอนกล่าวขึ้นในช่วงที่หญิงสาวกำลังกล่าวปราศัย

“เธอมีหลักฐานอะไร ที่จะมาว่าเจ้าหญิงนานาลีน่ะไม่ใช่จักรพรรดินีที่ถูกต้อง ทั้งๆที่...”
ยังไม่ทันที่คำกล่าวนั้นจะจบลงตรงความคิดของเขาที่ว่า “นานาลีก็เป็นเชื้อพระวงศ์คนหนึ่งของบริทาเนีย” สาวใหญ่ผมชมพูก็กล่าวโต้เหมือนรู้เห็นในความคิดนั้นว่า...

“ ฉันมีหลักฐานที่ยืนยันได้ว่า ใครคือจักรพรรดิที่ถูกต้องตามกฎมนเทียรบาลการสืบราชบัลลังก์ของราชวงศ์บริทาเนีย ....” จบประโยคนี้แล้ว เธอก็หยิบยกเผยสาส์นที่บรรจุด้วยข้อความ และกล้องจับสัญญาณได้เล็งไปที่สาส์นแผ่นนั้น ซึ่งมีตราแห่งจักรพรรดิประทับอยู่อย่างชัดเจน

ชไนเซลเมื่อได้เห็นหลักฐานนั้นแล้ว ก็ให้นึกประหลาดใจ ที่อยู่ๆ สิ่งนั้น ก็พลันไปปรากฎอยู่ในมือของหญิงสาวแปลกหน้าผู้นั้นได้

ลูลูชเองก็ยังคงสับสนกับสถานการณ์ที่ลึกลับนี้ เขาทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการฟังถ้อยความนั้นอย่างเงียบเฉย พลางคิดอยู่ในใจว่า “ ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน ทำไมเธออยู่ๆ เธอจึงปรากฎตัวออกมาแบบนี้ ที่สำคัญ...เธอต้องการอะไรกันแน่!?” และอดคิดไปถึงสิ่งที่นานาลีพูดออกมาไม่ได้ เพราะนั่นทำให้ลูลูชต้องก้มหน้าลงรับฟังถ้อยความจากฝ่ายนิรนามที่ยังคงดำเนินรายการประกาศต่อไป

“ นี่คือ พระราชพินัยกรรมระบุการสืบทอดตำแหน่งจักรพรรดิองค์ต่อไปของบริทาเนีย ที่องค์จักรพรรดิลำดับที่ 97 ได้ทรงกระทำไว้ ระบุพระนามขององค์รัชทายาทที่จะสืบสันตติวงศ์ในรุ่นต่อไปอย่างชัดเจน รวมทั้งได้ทรงลงพระปรมาภิไธยกำกับไว้อย่างครบถ้วนกระบวนความ เจ้าหญิงและเจ้าชายผู้ที่อยู่ตรงนั้น คงไม่มีวันลืมรายพระหัตถ์และตราประทับแห่งองค์จักพรรดินี้ได้หรอกนะ”

หญิงสาวผมม่วงผู้อยู่เคียงข้างนานาลีในที่นั้น ขมวดคิ้วด้วยความสนเท่ห์ หากแต่ไร้ถ้อยคำ ในขณะที่ชไนเซลยืนนิ่งกำมือแน่น สายตาสั่นไหวด้วยความสงสัยในใจว่า “ทำไม...สิ่งนั้น...จึงไปอยู่ในมือของผู้หญิงที่ไม่รู้ที่มาที่ไปคนนั้นเสียได้ ”

การประกาศนั้นยังคงดำเนินต่อไป ด้วยท่าทีเข้มแข็งของหญิงสาวผมชมพู

“ ด้วยความพระราชประสงค์อันอยู่ในที่แห่งนี้ ซึ่งได้ถูกลืมเลือนและละเมิดไปนับแต่รัชสมัยของจักรพรรดิชาร์ล....บัดนี้ ฉัน...ในนามของ “เฟรย์ลีน่า ซาฟีล”...ตัวแทนของกลุ่มคนแห่ง “ฮิคาริ” ขอประกาศสนับสนุนองค์จักรพรรดิ์ที่ถูกต้องตามกฏมนเทียรบาลนี้ และคัดค้านการใช้อำนาจอันมิชอบธรรมที่นำมาซึ่งทำลายล้างเพนดราก้อน และการประกาศตัวเป็นใหญ่ของฝ่ายเจ้าหญิงนานาลี...เรา...กลุ่มคนแห่ง “ฮิคาริ” จะขอดำเนินการตามเจตนารมณ์ขององค์จักรพรรดิที่แท้จริง นับจากบัดนี้เป็นต้นไป... ”

นานาลีเองมีสีหน้ากังวลและสับสนอยู่ ในขณะที่สุซาคุได้แต่มองดูจอภาพประกาศที่ปิดฉากลาลับไปอย่างเฉยชา และลูลูชที่ยังคงมีแววตาแห่งความเคลือบแคลงสงสัยอยู่ไม่เสื่อมคลาย แม้เธอผู้นั้นจะปิดฉากปราศัยไปแล้วก็ตาม ด้านชไนเซลยังคงคิ้วชนกันเป็นปม ดวงตาที่มองไปเบื้องหน้าอย่างอยากจะค้นหาความจริงในสิ่งที่ปรากฎออกมาอย่างสายฟ้าแลบ

ณ ห้องลับของหญิงสาว เมื่อวางมือลงจากการประกาศนั้น เธอถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง และแล้ว...เสียงกริ่งโทรศัพท์ข้างกายพลันดังขึ้น เธอยกสายขึ้นมาสนทนาอย่างสบายอารมณ์ อันขัดกับสีหน้าตึงเครียดเมื่อครู่นี้

“สวัสดี... “โยดะ ทาดาคัทสึ” ! การที่นายโทรมาหาฉันเนี่ย มันแปลกมากเลยนะ ! ”

สิ้นคำทักทาย เสียงพูดของผู้ติดต่อ ก็ดังรอดออกมาอย่างเฉียบคมและคุกกรุ่นไปด้วยแววดุดันแห่งการตำหนิ

“ เฟรย์ลีน่า !... นี่เธอรู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป แบบนี้ มีแต่จะทำให้ท่าน “ฮิคาริ” ต้องตกอยู่ในอันตรายนะ !...ใครอนุญาตให้เธอทำแบบนั้นกัน !?”

หญิงสาวเอียงหน้าเล็กน้อย แววตาผ่อนคลายลง แต่คงแฝงนัยเจ้าเล่ห์ลองเชิงผู้มาโมโหใส่ พลางโต้ตอบ“เขา” อย่างหยอกเย้าไปว่า

“ใครอนุญาตฉันงั้นเหรอ?... ตอนนี้ “โคโตโนริ” ไม่อยู่ในฐานะที่จะทำหน้าที่ได้แล้ว ฉันจึงต้องรักษาการ “ผู้พิทักษ์” ท่าน “ฮิคาริ” แทน เพราะงั้น...การตัดสินใจของฉันเท่ากับเป็นสิ่งที่คนอย่าง “นาย” ไม่มีมีสิทธิจะมาติติงได้นะ”

อีกฟากหนึ่งของชายหนุ่มผู้โทรมา สีหน้าเหยียดเกร็งทันทีที่ได้ยินตำตอบเช่นนั้น “โยดะ ทาดาคัทสึ” จึงเค้นเสียงหนักหน่วง แต่ก็กักเก็บความไม่พอใจอย่างคนมีมารยาทสุภาพบุรุษไว้ในที

“ เรื่องนั้นผมเข้าใจดีอยู่หรอกนะ การที่ “มิยาโมโตะ โคโตโนริ” เป็นผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุการณ์ที่เพนดราก้อน...แต่ว่าเธอทำแบบนั้น เพียงเพื่อแก้แค้นให้เขา โดยไม่คำนึงถึงสถานภาพของท่าน “ฮิคาริ” น่ะ แค่จุดนี้ ผมก็มีสิทธิที่จะอยู่นอกเหนืออำนาจของเธอได้นะ “กลุ่มคนแห่งฮิคาริ” ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเวทีการเมืองของโลกที่สับสนวุ่นวาย โดยเฉพาะสถานการณ์ที่จะทำให้ท่าน “ฮิคาริ” ต้องลำบาก ถ้าเป็น “โคโตโนริ” เขาเองก็คงคิดแบบนี้ ”

“ อุดมการณ์นั้นน่ะ ไม่สามารถป้องกันท่าน “ฮิคาริ” ได้ตลอดไปหรอก เพราะว่าตัวตนของท่าน “ฮิคาริ” มีความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์บริทาเนียอย่างใกล้ชิด หากไม่ทำแบบนี้ในวันนี้ สักวัน...ความลับต้องห้ามนั่น ก็คงจะรั่วไหลกระจายไป และเกิดเหตุร้ายอย่างไม่คาดฝันขึ้นแน่ๆ “โคโตโนริ” น่ะ ก็คงอยากจะดำเนิน ‘เกม’ นี้ให้เป็นไปแบบนี้ด้วย”

“ ‘เกม’เหรอ !?...“โคโตโนริ” น่ะ ไม่เคยพูดว่า เรื่องเกี่ยวกับท่าน “ฮิคาริ” เป็น ‘เกม’ หรอกนะ!”

“ฮึ... ถ้าไม่ชอบใจ ก็คิดซะว่า ฉันพูดไม่เก่ง แต่ความหมายไม่ได้แปลว่า ฉันจะนำท่าน “ฮิคาริ” ไปสู่อันตรายนะ เพราะว่าตอนนี้ คนที่เป็นเงื่อนไขในอำนาจน่ะ กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก และคนทั้งโลกกำลังถูกหลอกลวงอยู่ ฉันแค่นำเอาความจริงมาเปิดเผย เพื่อสนองสัจธรรมที่ว่า “โลกนี้ไม่มีความลับ” และ “ความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ตาย” ยังไงล่ะ !”

“ การเผยความลับของเธอ กับความจริงที่เธอเอาออกมานั่นแหละ มันมีเดิมพันอยู่ที่ความปลอดภัยของท่าน “ฮิคาริ” ไม่ใช่รึไง!? จะยังไงก็ตาม ผมจะไม่วางมือกับเรื่องนี้แน่ ”

“จะมาทั้งที่ธุรกิจรัดตัวงั้นเหรอ...ก็ดีนะ คนยิ่งมาก ท่าน “ฮิคาริ” ก็จะยิ่งปลอดภัย งานนี้น่ะ คิดว่าคนที่จะมา คงไม่ใช่แค่นายคนเดียวหรอกนะ แต่เป็น “กลุ่มคนแห่งฮิคาริ” ทุกคนนั่นแหละ!...”

เสียงตัดสายจากไปกระทันหัน เหมือนจะบ่งบอกถึงความระอาใจของฝ่ายตรงข้ามอย่างชัดแจ้ง ทันทีเมื่อสิ้นสุดบทสนทนาเคร่งเครียด สีหน้าขี้เล่นเจ้าเล่ห์แสนกลของเธอก็พลันสงบลง กลายเป็นความกังวลผสมห่วงหา สายตาหันไปมองชานระเบียงเรือนพักที่โอบล้อมไปด้วยสายน้ำอันสั่นไหว เหมือนในแววตานี้ที่หวั่นไหวต่อสิ่งที่ตนเองกำลังเผชิญอยู่ พร้อมกันนั้น เธออุทานถ้อยคำออกมาแผ่วเบาว่า “โคโตโนริ !...”จบคำเรียกนั้น ริมฝีปากเรียวงามเม้มลงดั่งรอยเจ็บแค้นที่ฝังลึก

ช่วงที่ 2 ทายาทของตัวจริงที่แท้จริง


ณ ห้องรับรองของสถาบันแอชฟอร์ด กลายเป็นสถานที่ซึ่งลูลูชเผชิญหน้ากับ “เฟรย์ลีน่า ซาฟีล” เขากล่าวถึงเรื่องที่เธอประกาศไปเมื่อวานก่อนและการที่เธอติดต่อขอเข้าพบเขาในวันนี้

“ จะยังไงก็ตาม ฉันไม่เคยพบเห็นเธอมาก่อน เธอไม่น่าจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ แล้วทำไมถึงได้...”

ยังไม่ทันจบคำถามดีนัก เฟรย์ลีน่าก็พูดตัดบทขึ้นมาว่า

“ จะถามว่า “ทำไมฉันถึงได้มีพินัยกรรม” นั่นสินะ .... ที่จริงแล้ว ฉันก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับบริทาเนียนี่หรอกนะ แต่ว่า “คนที่ฉันรับใช้อยู่” น่ะ เขามีความเกี่ยวข้องกับพวกคุณอย่างลึกซึ้งเลยล่ะ ”

ลูลูชหรี่ตาลงอย่างเฉียบคม หญิงสาวไม่สะทกสะท้านต่อท่าทีระแวงระวังของลูลูชเท่าใดนัก หากแต่ยังกล่าวต่อไปว่า

“ ที่สำคัญ คือ “เขา” เป็นตัวจริงที่ยิ่งกว่า “นานาลี” ของคุณเสียอีกนะ ”

ลูลูชสะบัดท่าทีแข็งกร้าวออกไปอย่างสิ้นเชิง กลายเป็นความแปลกใจอย่างชัดเจนอยู่กึกหนึ่ง ก่อนที่จะขมวดสีหน้าถามเจ้าหล่อนกลับไปว่า

“ แสดงว่า “เจ้านาย” ของเธอเป็นผู้สืบทอดความเป็น “จักรพรรดิที่ถูกต้องตามพินัยกรรม” ของอดีตจักรพรรดิที่กลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้วงั้นเหรอ ” ลูลูชกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันราวกับไม่ใยดีต่อกฎมนเทียรบาลนั้นสักเท่าไหร่

หญิงสาวเอียงใบหน้า ยิ้มลึกที่มุมปากข้างหนึ่งอย่างรู้ทันว่าลูลูชคงจะต้องเข้าใจไปแบบนี้ ใบหน้าที่ช่างเย้าแหย่ของเธอ ซึ่งสื่อความหมายกลายๆ ว่า “ลูลูชคิดไม่ถูก” นั้น ออกจะทำให้รอยหยักบนหน้าผากของลูลูชเพิ่มมากยิ่งขึ้น แม้อย่างนั้นเธอก็ยังนิ่งเฉย เหมือนจงใจให้เขาตะเบ็งเสียงถามไปว่า

“ แล้วที่เธอพูดมาทั้งหมดน่ะ มันหมายความว่าไงกันแน่ นี่จะตีสีหน้าและใช้คำพูดที่กำกวมแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่กัน!?”

สิ้นคำพูด ลูลูชถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะลุกขึ้นกำมือแน่นและหันหลังกลับไป คล้ายจะเดินจาก คราวนี้...เจ้าหล่อนจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นมาว่า

“ เธอน่ะ ถูกหลอกมาตลอดเลยนะ รู้ตัวบ้างไหม ไม่ว่าเรื่องในตอนนี้หรือเรื่องในอดีต ”

คำพูดนั้นชะงักเท้าของลูลูชที่กำลังจะก้าวออกไป และเหมือนเป็นมนต์สะกดที่จับร่างของเขาให้หันกลับมาทางหญิงสาวผมชมพูยาวสลวยอีกคราหนึ่ง พร้อมกับคำถามที่สวนทางออกไปว่า

“ เรื่องอะไรกัน ? “

“ ก็เรื่องที่เธอคิดว่าชาร์ลกับมาริแอนเป็นพ่อแม่ กับนานาลีเป็นน้องสาว น่ะสิ...รวมทั้งเรื่องที่เธอถูกตีตราว่าเป็นทรราชอีกด้วย ”

ความเงียบเข้าปกคลุมอยู่พักใหญ่ ก่อนที่ลูลูชจะรวบรวมสติที่คล้ายจะตะลึงงันไป และเค้นคำถามออกมาอย่างยากเย็นว่า

“ แล้วเรื่องที่เธอจะบอกว่าเป็น “ความจริง” น่ะ คืออะไรกันแน่ล่ะ ? ”

หญิงสาวตอบสั้นๆ ว่า

“ เราจะสนับสนุนท่านในฐานะ “จักรพรรดิ” ที่แท้จริงยังไงล่ะคะ ”

ลูลูชแปลกใจอย่างมาก ถามกลับสั้นๆ อย่างสั่นเครือว่า
“ทำไม!?...”

คำตอบที่ได้รับจากหญิงสาว คือ

“ เพราะคุณ คือ คนที่ควรได้รับเลือกไว้ ก่อนหน้า “ชาร์ล” และ “นานาลี” พวกเขาน่ะเป็นตัวปลอม แต่คุณคือทายาทของ [ตัวจริง] ”

ไม่มีถ้อยคำใดใดไปพักหนึ่ง เมื่อหยุดเพื่อคิดหนักจนหยั่งรู้ลึกถึงเจตนาและความจริงที่แน่ชัดแล้ว ลูลูชยิ้มกริ่มอย่างหาญเหี้ยม มันเป็นรอยยิ้มที่เขาเคยใช้ทักทายชาร์ลมาแล้ว และเป็นรอยยิ้มที่มอบไว้เป็นที่ระลึกให้ชาร์ลเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ลูลูชจะได้ก้าวมาสู่ตำแหน่งจักรพรรดิในวันนี้ พร้อมกันนั้นลูลูชก็กล่าวกับเฟรย์ลีน่า ด้วยท่าทีอันแกร่งกล้า

“ งั้น...เธอก็เป็น “ฝ่ายเดียว” กับฉันสินะ คิดว่าฉันคงจะเข้าใจถูกแล้วใช่ไหม?”

เฟรย์ลีน่ายิ้มเหี้ยมตอบกลับลูลูช และบอกอย่างหนักแน่นว่า

“ ยินดีที่ท่านเข้าใจเรา “กลุ่มคนแห่งฮิคาริ” ต่อไปคงต้องรบกวนแล้ว”

“ ฉันต่างหากที่ควรพูดคำนี้ ยินดีต้อนรับนะ [เฟรย์ลีน่า ซาฟีล] ”



โปรดติดตามตอนต่อไป






Create Date : 09 กันยายน 2551
Last Update : 9 กันยายน 2551 23:44:30 น. 0 comments
Counter : 634 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หงส์อรุณ
Location :
ราชบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add หงส์อรุณ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.