Little Miss Sunshine: ไม่ใช่ขี้แพ้.. แค่ยังไม่ชนะ
บ่อยครั้งที่เราเอาจริงเอาจังกับชัยชนะและความพ่ายแพ้ในชีวิตมากจนลืมคนที่อยู่ข้าง ๆ ว่าเขาต้องการเราอยู่
หนังดีที่ติดรางวัลมาเพียบ...
ดูแล้วชอบมาก หนังที่ว่าด้วยครอบครัวอันไม่สมประกอบ มีพ่อผู้เป็นนักบรรยายเรื่องการทำชีวิตให้ประสบความสำเร็จ ภรรยา (ไม่รู้ว่าทำงานอะไร แต่ทั้งวันคงวิ่งวุ่นอยู่กับคนในบ้านจนไม่รู้จักหยุดหย่อน) มีลุง (พี่ชายพ่อ) อดีตนักเรียนทุนผู้ไม่ประสบความสำเร็จในการฆ่าตัวตาย ปู่ที่บ้าเซ็กส์ขึ้นสมอง พี่ชายที่วัน ๆ ไม่ยอมพูดและตั้งปณิธานว่าจะสอบเข้าโรงเรียนนักบินให้ได้ และน้องสาวอายุเจ็ดขวบผู้กำลังจะไปประกวด Little Miss Sunshine
ด้วยความที่ทุนน้อย พ่อยังรอคำตอบจากเอเย่นต์ที่เอาเรื่องที่เขาเขียนไปเสนอสำนักพิมพ์ ทั้งหมดก็เลยตกลงใจร่วมทางกันไปโดยรถตู้สีเหลืองเก่า ๆ มุ่งหน้าข้ามรัฐไปยังคาลิฟอร์เนียเพื่อการประกวดครั้งนี้
ผมชอบตั้งแต่ title หนังแล้ว
LITTLE MISS SUNSHINE ตัวหนังสือค่อย ๆ โตขึ้น
หวังว่าดูจบแล้วจะโตขึ้นบ้างอย่าง title ทำไว้...
มันเป็นหนังเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ดูแล้วอึ้งไปพักหนึ่ง สมควรแล้วที่ได้ขึ้นแถวหน้าในการประกวดออสการ์ ใจผมให้เรื่องนี้ดีกว่ Babel ที่ได้รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในปีเดียวกันอีก มันเป็นหนังที่สัมผัสได้ง่าย ใกล้ตัว และทำให้เรามองย้อนกลับมาในชีวิตตัวเองได้เป็นอย่างดี
..........
ทั้งพ่อและแม่หัวรั้นที่ฝากทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไว้กับหนังสือบันไดสู่ความสำเร็จที่ผู้พ่อพยายามเขียนและนำไปเสนอเอเย่นต์ รูปการณ์มันบอกอยู่แล้วว่าผลของมันจะออกมาอย่างไร
พี่ชายของพ่อผู้ล้มเหลวและแตกสลายทางจิตวิญญาณและพร้อมจะระเหยกลายเป็นไอไปในอากาศได้ทุกเมื่อคอยเข้ามาเพิ่มความเหม็นเปรี้ยวให้กับครอบครัวขึ้นไปอีก
ลูกชายคนโตก็พร่ำบอกตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าเขาไม่ใช่พวกขี้แพ้.. ก่อนที่การเดินทางครั้งนี้จะเปลี่ยนทัศนคติของเขาต่อชีวิตไปตลอดกาล
ปู่ผู้ซึ่งยึดติดกับอดีตและแสดงบทบาทอันน่าเบื่อของ "คนแก่" ที่ไม่เคยพูดจาเข้าหูใครในบ้านแม้แต่ประโยคเดียวก็ทำให้การเดินทางครั้งนี้มีสีสรรค์ยิ่งขึ้น
ลูกสาวคนเล็ก ผู้ที่กำลังจะถูกวัฒนธรรมครอบครัว (และวัฒนธรรมอเมริกัน) จูงไปสู่เส้นทางที่ไม่มีใครในครอบครัวจะคาดการณ์ล่วงหน้าได้ จะถูกตัดสินจากการเดินทางครั้งนี้
..........
ตัวละครพวกนี้มีชีวิตชีวาและดูเหมือนคนทั่วไปที่เดินสวนกับเราตามท้องถนนอยู่ทุก ๆ วัน (ไม่แน่ว่าบางครั้งอาจเป็นตัวเราเองด้วยก็ได้ !) แต่ละชีวิตมีเส้นแบ่งระหว่างความเป็นผู้ชนะและความเป็นพวกขี้แพ้อย่างชัดเจน ทุกคนต่างก็รู้ตัวดีว่าพวกเขาเป็นอะไร ชนะอะไรและแพ้อะไร
เพียงแต่เงื่อนไขของแต่ละคนแตกต่างกันไป แต่ละคนมีชีวิตที่ผูกติดกับการแข่งขันและต่อสู้กับอะไรสักอย่าง (แม้กระทั่งกับตัวเอง) ซึ่งแน่นอนว่าคนบ้านนี้ล้วนแพ้ด้วยกันทั้งนั้นถ้าคิดตามมาตรฐานของพวกเขาเองในเวลาก่อนออกเดินทางโดยรถตู้เก่า ๆ คันนี้ แต่เมื่อได้เดินทางออกไปสู่ประสบการณ์ที่พวกเขาต่างไม่เคยพบด้วยสถานการณ์ที่ต้องยัดทะนานกันเข้าไปในรถเก่า ๆ ที่ต้องเข็นก่อนสตาร์ทคันนี้ ความรู้สึกของคนแพ้ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไปตามระยะทางและประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้น มาคิดดูแล้ว การเดินทางเที่ยวนี้ (ไม่ใช่รอบนี้ !) สำหรับครอบครัวนี้ หากไปเพียงสองสามคน.. ประสบการณ์ที่ได้รับและการเรียนรู้ซึ่งกันและกันก็จะไม่ได้เพียบพร้อมแบบนี้แน่
ฉากที่อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวขี้แพ้นี้ได้ดีที่สุดคือฉากการพูดคุยระหว่างหลานชายกับลุงที่ริมทะเล ...หากคนพูดไม่ได้มองโลกในแง่ดีจนตัวลอยก็ต้องเป็นพวกหลอกตัวเองอย่างร้ายกาจ ฉากเด็ดในหนังที่ดูแล้วต้องกลับมาคิด
ในท่ามกลางความหอมหวานของชัยชนะในชีวิตที่นำไปสู่ความหวานชื่นและเพียบพร้อมนั้นทำให้คนเราได้เรียนรู้อะไรบ้าง และในทางตรงข้ามกัน ความผิดหวังและระทมขมขื่นจากความพ่ายแพ้ทำให้แต่ละคนมีประสบการณ์อันเข้มแข็งอย่างไร ??
..........
ผมว่าบางครั้งคนเราก็ไม่รู้หรอกว่าเขากำลังแข่งกับอะไร แล้วพวกเขาแพ้(หรือชนะ)จริงหรือเปล่า บางครั้งคนเราก็ไม่ได้เป็นพวกขี้แพ้ไปเสียตลอดเวลาหรอก เพียงแต่เรายังไม่ชนะเท่านั้นเอง
Create Date : 12 มีนาคม 2551 |
Last Update : 13 มีนาคม 2551 13:06:56 น. |
|
2 comments
|
Counter : 1018 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ดูแล้วรู้สึกว่าชีวิตเราก็เหมือนรถเบรคแตกเลยนะคะ ต้องเดินหน้าไปเรื่อยๆ เวลารถเสียก็ต้องช่วยกันเข็นให้มันแล่นต่อไปให้ได้
ชอบคำที่ว่า"บางครั้งคนเราก็ไม่ได้เป็นพวกขี้แพ้ไปเสียตลอดเวลาหรอก เพียงแต่เรายังไม่ชนะเท่านั้นเอง" ขอบคุณสำหรับแง่คิดดีๆค่ะ