Bloggang.com : weblog for you and your gang
บันทึกของเด็กชายกำลังโต
Group Blog
แค่อยากจะบอก
นานาสาระ
อ่านขำขำ
รอยรองเท้า
มือใหม่หัดอ่าน
มุมที่มองไม่เห็น
Tag ของผมคับ
รู้จักฉัน ไม่รู้จักเธอ
กรกฏาคม 2548
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
24 กรกฏาคม 2548
กำเนิดโลกตามแมวคิดเทวนิยม ( ตะวันตก )
ประวัติ ปาท่องโก๋
โดราเอมอน แมวอ้วนสีฟ้าผู้น่ารัก
All Blogs
"ผู้ก่อตั้ง เคเอฟซี"
เรื่องจาก FW Mail
เทพ โพธิ์งาม กับความล้มเหลวที่แสนภูมิใจ
กุญแจสู่ความสำเร็จ
Mind map สาระสำคัญของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมาแห่งชาติ ฉบับที่ 10
+-+-+-+-+ ดอกสร้อยสุภาษิต +-+-+-+-+
นักวิชาควาย
+++ทำไมเวลาที่ฝนตก เรามักจะคิดถึงคนที่เรารัก +++
15 วิธีบำบัดอาการอกหักด้วยตัวเอง
~~~ 10 สื่อแทนคำว่ารัก ~~~
Murphy's laws ความซวยของอีตาเมอฟีร์
การเลือกตั้งของร่างกาย
กำลังใจในความล้มเหลว
เนติบัณฑิตท่านแรก
7 สิงหา วันรพี รำลึกพระบิดาแห่งกฎหมายไทย
สัญลักษณ์แห่งความยุติธรรม
เปาบุ้นจิ้น เทพเจ้าแห่งความเที่ยงธรรม
สืบ นาคะเสถียร นักต่อสู้เพื่อธรรมชาติ
เช เกวาร่า ในต่อสู้ในอุดมคติ
ศาลพระภูมิ
ตอนจบโดราเอมอน
ประวัติ หลวงพ่อพุทธทาสภิกขุ อริยสงฆ์แห่งสวนโมก
มหาตมะ คานธี มหาวีรบุรุษ ตัวแทนแห่งสันติภาพ
วันแม่ วันแห่งความรักของลูก
ขนมไทย เป็นยิ่งกว่าของกิน
เรื่องขนมขนม ที่บางคนยังไม่รู้
20 บริษัทเงินเดือนสูงที่สุดของไทย
กำเนิดโลกตามแมวคิดเทวนิยม ( ตะวันตก )
ประวัติ ปาท่องโก๋
โดราเอมอน แมวอ้วนสีฟ้าผู้น่ารัก
ประวัติ ปาท่องโก๋
สำหรับประวัติของปาท่องโก๋นั้น ย้อยไปถึงประวัติศาสตร์จีนท่านหนึ่งคือ งักฮุย
งักฮุย* หรือชื่อเรียกในภาษาจีนกลางคือ เย่ว์เฟย (岳飞; ค.ศ.1103-1142) เกิดในยุคปลายของราชวงศ์ซ่งเหนือ (ค.ศ.960-1127) ที่มณฑลเหอหนาน เมื่อครั้งยังเล็ก ณ บ้านเกิดของเขาเกิดอุทกภัยใหญ่จากการแตกของเขื่อนกั้นแม่น้ำเหลือง (黄河) มารดาของงักฮุยต้องอุ้มบุตรชายไว้ในอ้อมกอด อาศัยซุกตัวอยู่ในโอ่งลอยตามน้ำไปเรื่อยๆ เพื่อรักษาชีวิตให้รอด
เมื่อล่วงเข้าสู่วัยหนุ่ม ในภาวะที่ประเทศกำลังตกอยู่ในวิกฤตเนื่องจากฮ่องเต้สองพระองค์ของราชวงศ์ซ่งเหนือ คือ ซ่งฮุยจง (宋微宗) และซ่งชินจง (宋钦宗) ถูกพวกจิน (金; ค.ศ.1115-1234) จับตัวไปเป็นเชลยศึก จนในที่สุดนำมาสู่จุดจบของราชวงศ์ซ่งเหนือ งักฮุยเมื่อพบเห็นกับเหตุการณ์เช่นนี้จึงตั้งปณิธานกับตัวเองไว้ว่าจะต้องกอบกู้ดินแดนที่สูญเสียและชาติกลับคืนมาให้ได้
ความตั้งใจนี้เมื่อประกอบกับการสนับสนุนมารดา เขาจึงสมัครเข้าเป็นทหารรับใช้ให้กับราชวงศ์ซ่งใต้ (南宋; ค.ศ.1127-1279) ที่ขณะนั้นองค์ฮ่องเต้คือ ซ่งเกาจง (宋高宗) ได้ย้ายเมืองหลวงหนีมาทางใต้ จากเปี้ยนเหลียง (汴梁; ปัจจุบันคือเมืองไคเฟิง) มาอยู่ที่หลินอัน (临安; ปัจจุบันคือเมืองหางโจว)
โดยก่อนที่งักฮุยจะออกจากบ้านไปรับใช้ชาติ มารดาได้สลักอักษรจีน 4 ตัวไว้ที่กลางแผ่นหลังของบุตรชาย ความว่า
尽忠报国
จิ้นจงเป้ากั๋ว
รู้รักภักดี พลีชีพเพื่อชาติ
เมื่อเข้ารับราชการทหาร งักฮุยที่พกความมุ่งมั่นไว้เต็มเปี่ยมก็แสดงความกล้าหาญและสามารถรบชนะสังหารข้าศึกไปเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งผลงานไปเข้าตาแม่ทัพนาม จงเจ๋อ (宗泽) ต่อมาแม่ทัพจงเจ๋อก็ถ่ายทอดวิชาความรู้ในการทำศึกสงครามนานาประการให้กับงักฮุยโดยหมดสิ้น โดยหวังว่างักฮุยจะเป็นกำลังสำคัญในการกู้ชาติต่อไป
หลังจากที่แม่ทัพจงเจ๋อเสียชีวิต งักฮุยก็ได้เป็นผู้สืบทอดในตำแหน่งแม่ทัพต่อตามคาด และสร้างผลงานจนได้ดำรงแม่ทัพใหญ่ในตำแหน่งเจี๋ยตู้สื่อ (节度使) เมื่ออายุเพียง 32 ปีเท่านั้น แต่ทั้งนี้งักฮุยก็มิได้แสดงอาการยโสโอหังต่อตำแหน่งใหญ่ของตัวเองแต่อย่างใด สังเกตได้จากที่ครั้งหนึ่งฮ่องเต้เคยออกปากว่าจะสร้างจวนหลังใหม่ให้ งักฮุยกลับตอบปฏิเสธโดยกล่าวกับฮ่องเต้ไปว่า
"ในเมื่อยังกวาดล้างศัตรูได้ไม่สิ้นซาก กระหม่อมจะมีมาคำนึงถึงเรื่องบ้านของตัวเองได้อย่างไร?"
เมื่อก้าวขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ ชื่อเสียงของงักฮุยก็ยิ่งขจรขจาย โดยเฉพาะในแง่ของความเข้มงวดและระเบียบวินัยของกองทัพ มีอยู่ครั้งหนึ่งขณะที่ฝึกซ้อมการรบอยู่นั้น เมื่อบุตรชาย (เย่ว์หยุน:岳云) ของงักฮุยบังคับม้าศึกควบขึ้นเนินลาดแล้วเกิดบังคับม้าไม่อยู่จนทั้งคนทั้งม้าเสียหลักล้มลง ด้านงักฮุยเมื่อทราบดังนั้นก็มิได้แสดงความอาทรต่อบุตรของตัวเองเหนือกว่าพลทหารนายอื่นแต่อย่างใด ออกคำสั่งให้ดำเนินการลงโทษบุตรชายของตนไปตามกฎระเบียบ
มากกว่านั้น สิ่งที่ทำให้กองทัพของงักฮุยครองใจชาวบ้านมากไปกว่านั้นก็คือ "ความซื่อสัตย์" และ "ซื่อตรง"
เมื่อพบว่าพลทหารขอเชือกปอจากชาวบ้านหนึ่งเส้นเพื่อนำมามัดไม้ฟืน งักฮุยก็สั่งให้ลงโทษพลทหารผู้นั้นไปตามระเบียบ ขณะที่เมื่อกองทัพของงักฮุยผ่านไปยังหมู่บ้านใดก็จะตั้งค่ายนอนกันริมทาง แม้ชาวบ้านเชิญให้เหล่าทหารเข้าไปพักผ่อนในบ้านอย่างไรก็ไม่ยินยอม ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่เลื่องลือกันไปทั่วว่าในกองทัพของงักฮุยมีคำขวัญที่ได้รับการปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดประการหนึ่ง คือ
"แม้ต้องหนาวตายก็ไม่ขอเบียดเบียนบ้านชาวประชา แม้ต้องอดตายก็จะไม่ปฏิบัติตัวเยี่ยงโจร-ขโมย"
ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างงักฮุยกับเหล่าทหารในกองทัพก็เป็นไปด้วยความแนบแน่นยิ่ง โดยเมื่อมีพลทหารคนใดป่วยงักฮุยก็จะไปเยี่ยมด้วยตัวเอง พร้อมส่งคนไปให้การดูแลครอบครัวของพลทหารผู้นั้น ขณะที่หากเบื้องบนตบรางวัลอะไรให้มา งักฮุยก็จะจัดสรรแบ่งปันให้พลทหารของตนอย่างเท่าเทียมโดยที่ไม่คำนึงว่าจะเหลือตกถึงตนเองหรือไม่
ด้วยเหตุฉะนี้ กองทัพของงักฮุยจึงมีความแข็งแกร่งอย่างยิ่ง และเมื่อประกอบกับความรู้ความสามารถในด้านสงครามของงักฮุยแล้วก็ทำให้ในการรับทุกครั้งกับชนเผ่าจินนั้น กองทัพงักฮุยได้รับชัยชนะอยู่เสมอๆ จนพวกจินนั้นเกิดความเกรงกลัวอย่างมาก จนกระทั่งมีคำกล่าวกันว่า "โยกภูเขานั้นง่าย คลอนทัพงักฮุยนั้นยากยิ่ง"
ทัพงักฮุยประสบชัยชนะกรีฑาทัพขึ้นภาคเหนือเพื่อยึดดินแดนคืนได้มากมาย บุกจนกระทั่งตั้งทัพอยู่ห่างจากเมืองหลวงเดิมเพียง 20 กิโลเมตรเท่านั้น**
เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ฉินฮุ่ย (秦桧) ขุนนางกังฉิน (ว่ากันว่าฉินฮุ่ยและภรรยาแซ่หวังเคยถูกกองทัพของจินจับตัวเป็นเชลยศึก แต่สุดท้ายก็ถูกปล่อยตัวกลับมายังซ่งโดยให้สัญญาว่าจะเป็นสายลับให้กับทางจิน***) ผู้ซึ่งเชลียร์ฮ่องเต้ซ่งเกาจงจนได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จึงกราบทูลต่อองค์ฮ่องเต้ว่าทัพของงักฮุยนั้นเป็นอุปสรรคต่อการเจรจาสงบศึกกับเผ่าจิน
ด้านฮ่องเต้ซ่งเกาจงก็เชื่อในคำของฉินฮุ่ย และออกโองการบัญชาให้งักฮุยถอนทัพกลับมายังเมืองหลวง ทางฝั่งงักฮุยแม้จะทักท้วงและออกอาการดื้อดึงเช่นไรก็ไม่สำเร็จ จนกระทั่งพระบัญชาของฮ่องเต้ส่งมาเป็นฉบับที่ 12 งักฮุยจึงถอดใจ พร้อมกับทอดถอนใจรำพึงกับตัวเองด้วยความช้ำใจอย่างสุดแสนว่า ความพากเพียร 10 ปีของตนกลับต้องกลายเป็นเพียงเถ้าธุลีในพริบตา
เมื่องักฮุยปฏิบัติตามพระบัญชาถอนทัพกลับมายังเมืองหลวง ฉินฮุ่ยก็ใส่ร้ายว่างักฮุยนั้นมักใหญ่ใฝ่สูง คิดการณ์ใหญ่จะก่อกบฎล้มล้างราชสำนัก งักฮุยได้ฟังดังนั้นก็ไม่โต้ตอบอะไรด้วยคำกล่าวอะไร เพียงแต่คลายชุดท่อนบนของตนออก เผยให้ฉินฮุ่ยเห็นถึงคำว่า '尽忠报国' อักษรสี่ตัวที่มารดาสลักไว้ด้านหลัง ขุนนางกังฉินเมื่อเห็นดังนั้นก็ชะงัก เอ่ยปากอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว
อย่างไรก็ตาม ฉินฮุ่ยก็ยังไม่ยอมลดละความพยายามในการป้ายสีงักฮุยต่างๆ นานา แม้จะตรวจไม่พบความผิดใดๆ ก็ตาม แต่ในที่สุดฉินฮุ่ยก็ปั้นเรื่องจนทำให้งักฮุยต้องถูกโทษประหารจนได้ โดยเมื่อมีขุนนางฝ่ายงักฮุยคนอื่นๆ ทักท้วง และตั้งคำถามฉินฮุ่ยว่ามีหลักฐานในการกล่าวโทษงักฮุยหรือไม่ ฉินฮุ่ยก็ตอบว่า "อาจจะมีก็ได้ (莫须有)" คำตอบของฉินฮุ่ยที่ว่า "อาจจะมีก็ได้" นี้ ภายหลังกลายเป็นศัพท์ที่ถูกจารึกไว้ต่อๆ มาว่ามีความหมาย คือการให้ร้ายผู้อื่นโดยปราศจากหลักฐาน
ทั้งนี้ในวันที่งักฮุยถูกประหารชีวิต ก็มีพลเมืองดีที่รู้เรื่องราวและเคารพรักในตัวงักฮุยนำศพของเขามาทำพิธีฝังศพ โดยเวลาต่อมาได้มีการเคลื่อนย้ายหลุมฝังศพของงักฮุยมาตั้งไว้ริมทะเลสาบซีหู ณ เมืองหางโจว
อย่างไรก็ตาม เมื่อแผนการขายชาติ 'นายกรัฐมนตรีกังฉิน' ถูกเล่ากันจากปากต่อปากราษฎรไปจนทั่วเมืองหลวง เพื่อระบายความแค้นใจที่มีต่อฉินฮุ่ย ภรรยาและพรรคพวกที่ให้ร้ายงักฮุย ขุนศึกผู้รักชาติจนเสียชีวิต ราษฎรจึงนำแป้งสองชิ้นมาบีบติดกันแล้วทอดรับประทานเพื่อระบายความแค้น โดยเปรียบเอาว่าแป้งชิ้นหนึ่งคือฉินฮุ่ย ส่วนอีกชิ้นหนึ่งก็คือ ภรรยาแซ่หวัง
แป้งทอดที่ว่าก็คือ ปาท่องโก๋**** หรือที่ชาวไทยเชื้อสายจีนนิยมเรียกกันว่า 'อิ่วจาก้วย' ส่วนในภาษาจีนกลางนั้นเขาอ่านว่า โหยวจ๋าฮุ่ย (油炸桧) แปลว่า น้ำมันทอดฉินฮุ่ย ซึ่งก็เป็นการนำชื่อของ ฉินฮุ่ย ขุนนางกังฉินผู้ขายชาติมาตั้งเป็นชื่ออาหาร เพื่อถ่ายทอดให้คนรุ่นหลังจดจำถึงผู้ทรยศต่อประเทศชาติ (ส่วนทางประเทศจีนภาคเหนือเขารับประทานปาท่องโก๋กันเป็นชิ้นใหญ่ยาว เรียกว่า โหยวเถียว (油条))
สำหรับหลุมศพของงักฮุย วีรบุรุษผู้รักชาติ ปัจจุบันก็ยังตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออก ริมทะเลสาบตะวันตก (西湖) ณ เมืองหางโจว โดยคนในรุ่นต่อๆ มาได้มีการปรับปรุงยกระดับให้มีฐานะเป็นศาลเจ้า ซึ่งก็เปรียบเสมือนว่ายกย่องให้งักฮุยกลายเป็นเทพแห่งความซื่อสัตย์องค์หนึ่งนั่นเอง
ณ วันนี้หากมีโอกาสได้เข้าไปเยือนศาลเจ้างักฮุยริมทะเลสาบซีหู ติดกับโรงแรมแชงกรีลา ก็จะพบกับรูปปั้นสูงตระหง่านของงักฮุย โดยด้านบนรูปปั้นเป็นลายมือของงักฮุยตวัดพู่กันอย่างมีพลังเป็นตัวอักษร 4 ตัวอ่านว่า
"เอาแผ่นดินของข้าคืนมา (还我河山)"
ขณะที่รูปปั้นของงักฮุย แสดงความองอาจ น่าเกรงขาม และเป็นที่ชื่นชมของบุคคลที่มาเยี่ยมเยือน ข้างหน้าหลุมศพของงักฮุยในเวลาต่อมาประชาชนก็ได้หล่อรูปโลหะขึ้นมา 4 รูป ประกอบไปด้วย คนขายชาติทั้ง 4 คือ ฉินฮุ่ย ภรรยาแซ่หวัง ม่อฉีเซี่ย (万俟卨) และ จางจุ้น (张俊) นั่งคุกเข่าเอามือไพล่หลังอยู่หน้าหลุมศพ ไว้เป็นอุทาหรณ์แก่คนรุ่นหลัง
แหล่งข้อมูล
//www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9480000093714
Create Date : 24 กรกฎาคม 2548
Last Update : 24 กรกฎาคม 2548 21:32:27 น.
14 comments
Counter : 2071 Pageviews.
Share
Tweet
อืม...น่าจะเอาชื่อรัฐมนตรีของรัฐบาลไทยมาทอดบ้างนะ
จะได้กินมังบ้าง
แต่จะให้ชื่ออะไรดีน้อ
โดย:
เด็กชายก้อง
วันที่: 24 กรกฎาคม 2548 เวลา:21:50:52 น.
โดย: กะตุ่น IP: 203.150.101.92 วันที่: 20 ธันวาคม 2549 เวลา:10:18:08 น.
คนชั่วน่าจะเอามาหม่ำให้หร่อยไปเรย์
คิคิคิ
โดย: กะตุ่น IP: 203.150.101.92 วันที่: 20 ธันวาคม 2549 เวลา:10:21:17 น.
น่าจะเอาสนธิทั้งสองมาทอดรวมกัน ให้ชื่อว่า ขนมทำลายชาติ คริคริคริ
โดย: จีน IP: 203.156.166.2 วันที่: 25 พฤษภาคม 2550 เวลา:13:16:55 น.
โดย: ก IP: 203.113.80.142 วันที่: 14 กรกฎาคม 2550 เวลา:15:44:50 น.
โดย: dudee IP: 203.156.84.3 วันที่: 14 กันยายน 2550 เวลา:9:46:53 น.
โดย: 555+ IP: 203.131.212.40 วันที่: 2 ตุลาคม 2550 เวลา:14:19:22 น.
น่าสงสารงักฮุยเนอะแต่ทำไงได้ถ้าไม่ทำก็ไม่ซื่อสัตย์ต่อจีนเหมือนกันนะแล้วฮ่องเต้ไม่สงสัยเลยเหรอกล่าวหาตั้งหลายเรื่องเลยแน่ะ
โดย: ฑีน IP: 124.120.84.113 วันที่: 27 มีนาคม 2551 เวลา:10:13:39 น.
ชอบกินปาท่องโก๋จังงงงงงงงงงง แล้วก็สงสารงักฮุยด้วย
โดย: อากิระ IP: 61.7.181.171 วันที่: 13 สิงหาคม 2551 เวลา:20:26:32 น.
เอาขนมสน(กะ)ทิ ดีมะครับ เอามาทอดในน้ำมันร้อนๆเลย
โดย: เจฟ IP: 87.194.121.22 วันที่: 6 กันยายน 2551 เวลา:20:50:58 น.
ความจริงแล้วไม่เกี่ยวกับที่กล่าวมาแต่อย่างใด ถ้าอ้างถึงหลักความเป็นจริงแล้วเป็นแค่เรื่องที่เค้าเล่าว่าเท่านั้น ถ้าจริงๆแล้วปาท่องโก๋เป็นขนมอีกชนิดเป็นสีขาว หรือไปอ่านที่ถูกต้องได้ที่//th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B9%8B
โดย: TomiE IP: 118.173.40.230 วันที่: 20 ตุลาคม 2552 เวลา:8:26:16 น.
ปาท่องโก๋ที่คนไทยเรียกนั้น แท้จริงแล้วมีชื่อเรียกว่า อิ่วจาก้วย โดยมีที่มาจาก สมัยราชวงศ์ซ้อง ที่มีขุนนางกังฉินชื่อว่า "ฉินข้วย" หรือ "ฉินฮุ่ย" มีความอิจฉาริษยา นายทหาร "เยียะเฟย" หรือ แม่ทัพงักฮุย จึงได้วางแผนให้ฮ่องเต้เรียกตัวงักฮุยกลับจากแนวหน้า และ ฉินข้วย ทำให้เขาถึงแก่ชีวิตในเวลาต่อมา ข่าวล่วงรู้ไปถึงประชาชนจึงโกรธแค้นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ช่วงนั้นชาวจีนนิยมรับประทานแป้งทอดอยู่แล้ว จึงมีคนคิดเอาแป้งสองชิ้นมาประกบกันเพื่อเป็นตัวแทนขุนนางกังฉินกับภรรยาแซ่หวัง แล้วนำมาทอดกินเพื่อระบายความแค้น เรียกว่า อิ่วจาก้วย หมายถึง น้ำมันทอดฉินข้วย
ส่วนที่คนไทย เรียกว่า ปาท่องโก๋ นั้น เพราะจำมาผิด เนื่องจาก สมัยก่อนชาวจีนที่ขายปาท่องโก๋ (ขนมน้ำตาลทรายขาว) มักจะขายอิ่วจาก้วยด้วย พอคนขายตะโกนขายปาท่องโก๋ จึงเข้าใจว่า ปาท่องโก๋ คือ แป้งทอดอิ่วจาก้วย นั่นเอง แต่ในพื้นที่ภาคใต้ผู้คนยังคงนิยมเรียกว่า อิ่วจาก้วย อยู่หรืออาจเรียกสั้น ๆ ว่า จาก้วย ตามแบบสำเนียงใต้
เราเอาประวัติจริงๆมาโพสต์ ไม่อยากให้บิดเบือนเหมือนประวัติศาสตร์ไทย
เด็กในพื้นที่
โดย: TomiE IP: 118.173.40.230 วันที่: 20 ตุลาคม 2552 เวลา:8:28:41 น.
คิดถึงทักษิณ รักทักษิณ ทักษิณดีที่สุด เอาทักษิณคืนมา
โดย: เคน กบนอกกะลา IP: 110.49.227.165 วันที่: 3 พฤษภาคม 2555 เวลา:14:53:40 น.
คิดถึงทักษิณ รักทักษิณ ทักษิณดีที่สุด เอาทักษิณคืนมา
โดย: เคน กบนอกกะลา IP: 110.49.227.165 วันที่: 3 พฤษภาคม 2555 เวลา:14:59:28 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
เติบโตและยั่งยืน
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
黒川 Kurokawa (black river) 明 Akira (bright)
บันทึกออนไลน์ของคนเล็กๆ แต่ตัวไม่เล็ก เก็บแง่มุมของคนนู่น เรื่องของคนนี้ ชีวิตของคนนั้น มาบอกเล่า เม้าท์ แซว ไปตามเรื่อง ประกอบกับรูปถ่ายเล่าเรื่องราวที่เจ้าของบล็อกกำลังหัดถ่ายอยู่ครับ
รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นว่าวที่กำลังสู้อยู่กับลม มีเพียงเชือกเส้นเล็กๆที่บอกไม่ได้ว่าคืออะไร ดึงรั้งชีวิตไว้ไม่ให้ลอยละลิ่วไปกับสายลมแรง
และหากมีใครสักคนกำลังโหยหากำลังใจ บล็อกเล็กๆนี้ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่หัวใจกำลังอ่อนล้า อยากให้รู้ว่า ที่ตรงนี้ก็มีคนๆหนึ่งยืนอยู่เป็นเพื่อนทุกข์ เพื่อนสุข เพื่อนร้องไห้ เพื่อนหัวเราะ และยินดีที่จะให้กำลังใจคุณเสมอครับ
ขอบคุณที่เข้ามาเที่ยวคับ
Friends' blogs
Badboy
pilok
BlogGang.com
dezemberza
ดอกไม้ไม่มีชื่อ
LaZyDaizY
ดอยปุย
midori-jp
chanokmai
WaN-r-Tit
someone like me
ปางหวัน
ลุงแมว
ลานสน
shnkitty
Beee_bu
Purple Wind
patmania
Chini
โสดในซอย
kayook
P_Poy
เขาพนม
วนิส
หญิงสาวจากดาวศุกร์
Rata_RG
กะเจี๊ยบหวาน
นางมารร้ายจีจี้
ชีวิตจริง
Webmaster - BlogGang
[Add เติบโตและยั่งยืน's blog to your web]
Links
หาความหมายคำราชบัณฑิตยสถาน
บันทึกเรื่องราวภูกระดึง
เทรคกิ้งไทย
เวบวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรีที่ทุกคนร่วมสร้างได้
code color
ClockLink.Com ( นาฬิกา )
2 How - ความรู้ด้านถ่ายภาพ
ความรู้เกี่ยวกับกล้องดิจิตอล
NationalGeographic - Photography
ห้องแสดงภาพ และการเดินทาง ของ pilok
หนังสือ ออนไลน์ Travels in Syria and the Holy Land
esnips
ThaiWeekender.com
ไปไหนมา - ไปเรียนรู้โลกกว้าง
FocusShot - ข้อมูลกล้องดิจิตอล
มิลินทปัญหา
Hi5 ของฉัน
thaiebook.org ศูนย์รวม E-Bookของไทย
เรียนรู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
จะได้กินมังบ้าง
แต่จะให้ชื่ออะไรดีน้อ