(ล็อคกุญแจค่ะ...ขอรหัสหลังไมค์นะคะ)
รักได้ไหม ถ้าหัวใจไม่กลัวเจ็บ
เจ้าชายสีฟ้า
น้ำตาพ่อ
ประตูที่ถูกเลือก
@เกาะหลีเป๊ะ 4วัน 3 คืน มือใหม่หัดรีวิว \(^o^)/-------> ภาค 1
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับเกาะสิเป๊ะหรือเกาะหลีเป๊ะกันสักนิดนะคะ เกาะหลีเป๊ะเป็นเกาะเล็กๆ ตั้งอยู่ที่ จ.สตูล อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตาค่ะ มีความยาวจากหัวเกาะถึงท้ายเกาะแค่ 3 กิโลเมตรเท่านั้นค่ะ(ขอบคุณข้อมูลจาก //เกาะหลีเป๊ะ.com/)ทริปนี้เราไปกับเจ้านาย หวานใจเจ้านาย และเพื่อนซี้มาถึงการเดินทางกันบ้าง การเดินทางจากกรุงเทพฯ - ท่าเรือปากบารา มีให้เลือกตามความสะดวก ความชอบอีกเช่นกันทางรถยนต์ - ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 รถไฟ - สอบถามรายละเอียดที่ โทร. 223-7010, 223-7020 หรือ //www.railway.co.th รถทัวร์ - รถธรรมดา โทร. 434-5557-8 รถปรับอากาศ โทร. 435-1199 หรือ //www.transport.co.th ส่วนเราไปเครื่องบินโลด ไปเที่ยวเช้าสุดคือ 06.30 น. ถึงสนามบินหาดใหญ่ 08.05 นี่คือที่เขาแจ้งไว้ในตั๋วเครื่องบิน แต่จริงๆแล้วเครื่องไปถึงประมาณ 07.30 น. ค่ะมาช้าไปหน่อยเกือบตกเครื่องแหนะ เขาต้องมาเช็คอินก่อนเครื่องออก 1 ชม. เสล่อมากกับการนั่งเครื่องครั้งที่ 2 ในชีวิต เกือบตกเครื่องทั้ง 2 ครั้งเก็บภาพสนามบิน และบนเครื่องมาฝากกันด้วยบรรยากาศจากบนเครื่อง ภาพไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ รีบออกตัวก่อนเพราะถ่ายด้วยกล้องคอมแพคดิจิตอลค่ะ13 มีนาคม 07.30 น. (ล้อแตะพื้นสนามบินหาดใหญ่แล้ว ตื่นเต้นจัง) เดินทางถึงสนามบินหาดใหญ่ โดยมีน้าติ้วกับน้าพล ซึ่งเป็นคุณน้าของหวานใจนายเรามารับที่สนามบิน ลืมถ่ายรูปน้าทั้ง 2 คนเฉยเลยจากนั้นน้าทั้ง 2 ก็พาพวกเราไปกินข้าว เพื่อนซี้เราเป็นมุสลิมก้เลยแยกวงมากินฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นร้านอาหารมุสลิม และด้วยความเสล่อ (อีกแล้วครับท่าน)บวกตะกละ เพราะชอบกินผัดเครื่องในไก่แต่ไม่ดูตาม้าตาเรือว่าผัดเครื่องในที่สั่งน่ะมันไม่ใช่ ดีที่เพื่อนเราเป้นหน่วยกล้าตายลองชิมก่อนถึงได้รู้ว่ามันคือผัดไข่ดันวัวท้องอิ่มแล้วมาเดินทางกันต่อ ^^ถ้าใครมาโดยไม่มีคนท้องที่มารับก็สามารถต่อรถจากสนามบินเพื่อไปตลาดเกษตร และต่อรถตู้ไปท่าเรือปากบารา ค่ารถก็คนละประมาณ 90 บาท แต่ต้องรอคิวให้รถตู้เต็มถึงจะออก พวกเราจึงตัดสินใจเหมาทั้งคันในราคา 1350 บาท10.00 น. ออกจากท่ารถตลาดเกษตร ไปถึงท่าเรือปากบารา 11.30 น. รอเรือสปีดโบ๊ทเที่ยว 12.00 น. แต่กว่าเรือจะออกก็เที่ยงครึ่งล่ะค่ะสำหรับค่าเรือก็ราคาแตกต่างกันไปแล้วแต่ว่าเลือกเดินทางตรงไปเกาะหลีเป๊ะเลย หรือว่าจะแวะตามเกาะต่างๆ เช่นเกาะบุโหลน เกาะตะรุเตา เกาะไข่ ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 450-650 ค่ะ อ้อ! ถ้าใครอยากแวะตามเกาะต่างๆก็ควรไปถึงท่าเรือก่อน 11. โมงค่ะ แต่เรามัวแวะกินข้า ซื้อของกันเลยไปถึงท่าเรือช้าไปหน่อย ตรงไปเกาะโลดๆๆๆว้า! ลืมถ่ายรูปป้ายราคามาฝากเพื่อนๆ อีกแล้วบรรยากาศบนเรือสปีดโบ๊ท** ถ้าใครเมาเรือก็เลือกนั่งท้ายๆไว้นะคะ **นั่งกินลมชมวิวmทะเลบนสปีดโบ๊ทได้ประมาณ 2 ชม. ก็จะเห็นเกาะอยู่แค่เอื้อมแล้วล่ะค่ะ เราต้องลงที่โป๊ะแล้วต่อเรือหางยาวเข้าไปที่เกาะค่ะเจ้านายเรานั่งเท่อยู่ที่หัวเรือหางยาว** ค่าเรือหางยาวเข้าฝั่งคนละ 50 บาทไม่ขาดไม่เกินค่ะอย่าเพิ่งขยาดกับการเดินทางซะก่อนะคะ เพราะว่าถ้าคุณได้เห็นน้ำทะเลใสๆที่เกาะแล้วหายเหนื่อยทันทีเลยค่ะด้านหน้าของเกาะจะเป็นหาดชาวเลหรือซันไรซ์ บีช ซึ่งจะเงียบสงบกว่าหาดพัทยาที่ตั้งอยู่ด้านหลัง ชอบบรรยากาศแบบไหนก็เลือกันตามใจอัธยาศัยค่ะ ส่วนใครชอบดูพระอาทิตย์ตกก็ต้องซันเซ็ท บีช ค่ะ3...2...1 มาเหยียบเกาะพร้อมกันเลยค่ะในที่สุดก็มาถึงแล้ว "เกาะหลีเป๊ะ"เราทั้ง 4 พักที่ มูนไลท์ บังกะโล ซึ่งตั้งเด่นอยู่หน้าหาดพัทยา พอดีหวานใจเจ้านายเราเป็นเพื่อนกับเจ้าของน่ะค่ะ ที่นี่เป็นบังกะโลที่ไม่ใหญ่นักมี 10 กว่าหลัง และเพิ่งเปิดได้เพียงปีเดียวเท่านั้น จึงดูใหม่สะอาดสะอ้าน ราคาย่อมเยานั่นแหละเราชอบ แต่ถ้าใครชอบความสะดวกสบายอาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่ ที่นี่ไม่มีแอร์ ตู้เย็น หรือทีวีค่ะ เน้นมาพักผ่อนจริงๆ และถ้าใครมาช่วงเมษาอาจจะร้อนเกินไปสำหรับคนขี้ร้อนก็ได้ แต่โดยส่วนตัวเราชอบบรรยากาศแบบนี้ค่ะเรากับเพื่อนนอนหลังที่ 4 ค่ะ ที่นี่เขาจะตั้งชื่อห้องพักมาจากชื่อปลาค่ะ ของเราห้อง MAM TARAY เขาบอกว่ามันคือปลากระเบน แต่จริงๆ เราคิดว่าเขาคงตั้งแบบเพี้ยนๆ ให้น่ารักน่ะค่ะ บ้านเราเลยออกเสียงกลายเป็นแหมมทะเลไปน่ารักดี เพราะจริงๆ ปลากระเบนราหูมันคือ MANTA RAYบรรยากาศภายในห้องบรรยากาศของบังกะโลเจ้าของบังกะโลบอกว่าช่วงไฮซีซั่นจะหมดเดือนเมษายน แต่จะมีนักท่องเที่ยวมาเรื่อย จำนวนไม่มากนัก ชาวต่างชาติโดยเฉพาะฝรั่งเนี่ย บางคนมาอยู่เป็นเดือนๆเลยทีเดียว ใครที่อยากแบกเป้มาคนเดียวบอกได้เลยว่ามาเถอะค่ะ ไม่อันตราย ผู้คนที่นี่ก็ดูเป็นมิตรไม่น่ากลัว ยิ่งใครเป็นมุสลิมไม่ต้องห่วงมีอาหารกินเพียบ บนเกาะมีร้านยานะคะอยู่ในถนนคนเดิน ไม่ต้องเตรียมมาก็ได้ แต่อาจแอบแพง ราคาเครื่องดื่มแพงเกือบเท่าตัวเลยค่ะ แต่ก็ต้องเห็นใจเขาจากการเดินทางก็เข้าใจว่าขนส่งกันหลายทอดอยู่ ถ้าใครอยากปาร์ตี้ก็แบกๆๆ กันมาเองก็ได้ส่วนสัญญาณโทรศัพท์ของทรูใช้ไม่ได้นะคะ โทรไม่ติดเลย (true จะด่าเรามั้ยเนี่ย)พอมาถึงห้องพักเรากับเพื่อนก็จัดแจงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกมาถ่ายรูป และนั่งเล่นกันริมระเบียง ซึ่งมีเปลผูกไว้ให้ทุกหลัง ดีจังจะได้นอนอ่านหนังสือที่เตรียมไป ^^จากนั้นเรากับเพื่อนก็ไม่รอช้า ไปประเดิมที่ Walking Street ทันที เพราะคุณเพื่อนอยากกินไอติมกับช็อคโกแล็ตเย็นอย่างแรง ส่วนเจ้านายกับหวานใจขึ้นไปนอนนวดรับลมทะเลอยู่บนชั้น 2 ของ Moonlight สบายใจเฉิบโน่นค่ะเห็นอยู่ไกลๆ ป้าย Walking Street ถ้าเดินมาจากหาดอื่นสังเกตง่ายๆค่ะ จะอยู่ข้างๆ วารินทร์ รีสอร์ทภาพฝรั่งอุ้มลูกจูงหลานกลายเป็นภาพปกติของคนที่นี่ไปแล้วสำหรับใครที่ชอบการส่งโปสการ์ดบนเกาะก็มีบริการหลายร้านค่ะ มีตู้ไปรษณีย์อยู่ประมาณ 2-3 จุด ตอนแรกตุนแสตมป์มาซะเยอะที่ไหนได้มีขายเกือบทุกร้านเลยค่ะมัวแต่ตื่นเต้นเรื่องโปสการ์ดเลยลืมถ่ายรูประหว่างเดินมาฝากเลยค่ะ ถนนคนเดินนี้เป็นถนนทอดยาวตัดจากหาดพัทยาเดินเลาะไปหาดซันไรซ์ได้ แถมยังมีร้านอาหารให้เลือกเพียบ แล้วเราก็ประเดิมมื้อเย็นมื้อแรกบนเกาะด้วยอาหารทะเลชุดใหญ่ โดยมีคุณหนู เจ้าของบังกะโลและไกด์กิตติมศักดิ์คอยแนะนำ ปกติเราก็จะกินกันแบบย่างๆ เผาๆ ธรรมดาแต่ขอกระซิบบอกว่า ถ้าสั่งให้ร้านเผาแบบชาวเกาะจะอร่อยมาก เพราะเขาจะใส่เครื่องเทศสมุนไพร พวกข่า ขมิ้น ตะไคร้ผสมไปด้วย เสียดายที่แบตกล้องหมดเลยไม่มีภาพมาฝากยั่วน้ำลายทุกคน แต่ขอบอกว่าสดมากๆค่ะ ^^วันแรกบนเกาะหลีเป๊ะของเราก็จบลงด้วยอาหารมื้ออร่อยกับมิตรภาพใหม่ๆ เพราะคุณหนูและคุณจรเจ้าของบังกะโลพาเพื่อต่างชาติมาร่วมแจมอีก 3 คน หนึ่งในนั้นเป็นสาวสวยที่มาพักที่นี่และติดใจในฝีมือการนวดของ Moonlight ก็เลยมาเช้ามาเย็นจนเป็นขาประจำ และกลายเป็นเพื่อนกันไปแล้ว คืนนั้นเรานอนหลับฝันดีมีรอยยิ้มเปลื้อนหน้าเต็มไปหมด พรุ่งนี้จะตื่นแต่เช้าแล้วไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันค่ะ
ขนาดพึ่งหัดนะเนี่ย 55+
คนพลุกพล่านดีเนอะ
น้ำทะเลสวย บังกะโลน่านอนดี
อ่า...อยากไปมั่งจัง