โรงเรียนที่เราเรียนชื่อภาษาจีนว่า 地球村 (Diqiucun) หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า Beijing Global Village School ค่ะ รร.นี้เจ้าของเป็นคนเกาหลีเปิดมาตั้งแต่ปี 1993 ค่ะ นักเรียนส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนเกาหลี แต่ก็จะมีต่างชาติเยอะแยะมากมาย เรียกว่ามีแทบทุกชาติค่ะ คอร์สเค้าจะมีหลายอย่างให้เลือก และระยะเวลาเราก็สามารถเลือกได้เองค่ะว่าต้องการเรียนนานแค่ไหน คอร์สของเค้าจะมีตั้งแต่ beginner-professional course, HSK course, ติวเพื่อสอบเข้ามหาลัย, ภาษาจีนสำหรับครูสอนภาษาจีน มากมายหลายอย่างค่ะ มีทั้งแบบตัวต่อตัว เรียนเป็นกลุ่ม เรียนวันธรรมดา เรียนเฉพาะ เสาร์-อาทิตย์ เวลาเรียนก็มีตั้งแต่ 9 โมงเช้า- 3 ทุ่มค่ะ แล้วแต่ความสะดวกของคนเรียนว่าต้องการระดับไหน เวลาไหน นานแค่ไหน เลือกได้ตามใจเลยค่ะ ห้องเราที่เรียนอยู่จะมีประมาณ 5-6 คนค่ะ นักเรียนก็จะเปลี่ยนหน้าไปเรื่อยเพราะช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมซัมเมอร์ บางคนก็มาเรียนเดือนเดียวก็กลับไป บางครั้งก็เรียนคนเดียว หรือแค่สองคนก็บ่อยค่ะ ส่วนเรียนในมหาลัยนักเรียนในห้องจะ 10 คนขึ้นไปค่ะ บางที่ 20 คนอัพก็มี แบบนั้นเราว่าโอกาสในการฝึกพูดในห้องเรียนมีค่อนข้างน้อยค่ะ

ของเรานี่แน่นอนเริ่มที่ระดับ Beginner เราลงเรียน 6 เดือนค่ะ พร้อมกับให้เค้าช่วยทำวีซ่านักเรียนให้ด้วย (รับทำวีซ่าเฉพาะคนที่ลงเรียน 6 เดือนขึ้นไป) ค่าเรียน+วีซ่า ของเราประมาณ 6000 หยวนค่ะ ถ้าเรียนอย่างเดียวไม่ต้องการวีซ่าก็จะถูกกว่านี้ค่ะ ส่วนในมหาลัยจะตกเทอมละประมาณ 10,000 หยวนขึ้นไปค่ะ มหาลัยจะเรียนวันละ 3 ชั่วโมง จ-ศ สัปดาห์ละประมาณ 3-4 วิชาค่ะ (พูด,อ่าน,เขียน,แกรมม่า) ที่โรงเรียนจะลงเรียนกี่วิชาก็ได้ตามที่เราต้องการ ส่วนเราเรียนแค่วิชาเดียวคือ 汉语口语 คือเรียนพูดภาษาจีน แต่เค้าก็สอนทุกอย่างนะคะ พูด อ่าน เขียน พร้อมทั้งแกรมม่าไปในเวลาเดียวกัน ถ้าเทียบแล้วรุ่นน้องบอกว่าเรียนในมหาลัยจะได้เนื้อหามากกว่า และเรียนเครียดกว่า จะมีสอบเก็บคะแนนวัดผลอะไรเหมือนเรียนปกติทั่วไปค่ะ ตอนนี้เราเรียนมาเกือบสี่เดือนแล้ว เราก็พอพูดได้ ฟังคนจีนพูดเข้าใจ แต่ถ้าที่เค้าคุยกันเยอะๆ ยาวๆ ก็จะจับใจความได้ แต่ไม่รู้เรื่องทั้งหมดนะ แต่แฟน หม่อมแม่ รวมทั้งเพื่อนแฟนก็บอกว่าเราก็เรียนได้เร็วนะ พูดได้ ฟังออก สื่อสารเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ส่วนอ่านนี่ก็อ่านออกเป็นคำๆ เฉพาะคำที่เคยเรียนมา เพราะอาจารย์ที่สอนเค้าจะมีสอบเขียนคำศัพท์ทุกครั้งเวลาเริ่มเรียนบทใหม่ค่ะ ก็ทำให้เราจำตัวหนังสือ และคำศัพท์ได้ไปในตัว ถ้าเข้าเรียนแล้วไม่ชอบอาจารย์ หรือไม่ชอบคลาสนั้น ก็สามารถขอเปลี่ยนคลาสได้ตลอดค่ะ ของเราจะให้เลือกคลาสทุกสองอาทิตย์ แต่เราก็เลือกเรียนคลาสเดิมมาตลอดตั้งแต่มา บางครั้งก็คิดว่าเค้าสอนช้าเหมือนกัน แต่เราว่าน่าจะเป็นวิธีการสอนของที่นี่กำหนดมาแบบนี้ แต่ถ้าเราเรียนในห้องด้วย กลับไปเรียนด้วยตัวเองด้วย แล้วคิดว่าอยากเรียนเร็วขึ้นก็ไปขอเปลี่ยนคลาสที่เรียนเร็วกว่าได้ค่ะ หรือจะข้ามไปเรียนระดับที่สูงขึ้นหน่อยก็ได้ค่ะถ้าเราคิดว่าเราเรียนรู้ถึงระดับนั้นๆ แล้ว

โรงเรียนนี้มีทั้งหมด 3 สาขา เราเรียนที่สาขา 五道口 (wudaokou) แถบนี้นี่เรียกได้ว่าเป็น Korean Town ของปักกิ่งค่ะ จะมีร้านรวงเกาหลีเต็มไปหมด คนเกาหลีส่วนใหญ่ที่มาอยู่ปักกิ่งก็จะอยู่แถวนี้กัน เพราะจะสะดวกตรงที่มีสถานีรถไฟฟ้า Line 13 ชื่อสถานี 五道口 เลยค่ะ ลงจากสถานีมาก็เดินต่อมาแค่ประมาณ 100 เมตร ถือว่าสะดวกมากสำหรับเรา แฟนเราบอกว่าไกลบ้านไปหน่อย เพราะเวลาไปเรียนเรานั่งรถเมล์ประมาณ 5-6 ป้าย แล้วต่อรถไฟฟ้าอีก 3 สถานี ระยะเวลาก็ประมาณ 30-40 นาที เวลาแค่นี้สำหรับคนกรุงเทพอย่างเราถือว่าเร็วแล้วเหอะ ปกติอยู่ไทยไปไหนก็ขับรถเป็นชั่วโมง นั่งรถมาเรียนแค่นี้ชิวมาก เราเรียนเวลาบ่ายโมง-บ่ายสองครึ่ง ซึ่งเป็นเวลาที่คนไม่วุ่นวายมาก รถไม่ติด นั่งฟังเพลงชิวๆ แป๊บเดียวก็ถึงแล้วค่ะ 

โรงเรียนเป็นเหมือนตึกๆ นึงค่ะ มีประมาณ 6 ชั้น หาไม่ยากค่ะ

ข้างโรงเรียนมีมินิมาร์ทเกาหลีอยู่ เครื่องปรุง หรือของอะไรเกี่ยวกับเกาหลีมีหมดค่ะ มีขายอาหารเกาหลีด้วย แต่เราไม่เคยลองกิน

ด้านล่างจะเป็นบอร์ดติดประกาศต่างๆ (อ่านไม่ออกหรอกค่ะ)จะมีพวกกำหนดการสอบ HSK พวกนี้ค่ะ

ออฟฟิศจะอยู่ชั้น 2 ค่ะ สมัครเรียน สอบถาม ตามวีซ่า เลือกคลาส ทุกอย่างอยู่ห้องนี้หมดค่ะ พนักงานก็จะพูดภาษาอังกฤษได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แรกๆ เราก็จะโทรหาแฟนแล้วให้แฟนคุยกับเค้าให้ แต่เดี๋ยวนี้คุยเองพอได้แล้วค่ะ

ตัวอย่างหนังสือเรียนค่ะ ค่าเรียนที่จ่ายไปไม่รวมค่าหนังสือค่ะ ที่นี่ก็จะมีหนังสือขายราคาก็ตามปกเลยค่ะ เล่มสองเราซื้อในเนตราคาปก 70 หยวน เราซื้อมาแค่ 49 หยวนเอง

เล่มนี้เป็นเล่มที่เราใช้เรียน ตอนนี้เราเรียนระดับ Beginner เล่ม 2 อยู่ค่ะ ระดับนึงจะมี 3 เล่มค่ะ

อันนี้เป็นฝึกเขียนช่วงแรกๆค่ะ อาจารย์จะทำกระดาษสอนเขียนมาให้ว่าขีดเส้นไหนก่อนแล้วต่อด้วยเส้นไหน เดี๋ยวนี้ไม่ต้องแล้วค่ะ ดูตัวอย่างในหนังสือแล้วก็เขียนเองได้แล้ว จำไวขึ้นด้วยค่ะ ถ่ายรูปในห้องเรียนไว้แต่หาไม่เจอ ในห้องก็จะเหมือนโรงเรียนสอนพิเศษทั่วไปค่ะ ไม่ได้สวยงามอะไรมาก

อันนี้เป็นแหล่งช้อปปิ้งข้างโรงเรียนมีขายเสื้อผ้า เครื่องสำอางค์ กิ๊ฟช้อปมีหมดค่ะ แฟนเราไม่ให้ซื้อเพราะแถวบ้านเราอยู่ใกล้ 动物园 (ต้งอู้หยวน) สวนสัตว์ปักกิ่ง ตรงข้ามจะเป็นแหล่งขายส่งที่เหมือนแพลตตินั่ม ประตูน้ำเมืองไทย ซึ่งซื้อได้ถูกกว่า แต่เดินกันขาลากกว่าจะเจอเสื้อสวยๆ สักตัว

ร้านตัดผมข้างโรงเรียน ไม่รู้จะเป็นสไตล์เกาหลีด้วยหรือเปล่ายังไม่กล้าลองค่ะ

ตึกขาวๆ ข้างหลังนั่นคือตึกโรงเรียนค่ะ หาไม่ยาก

ร้านขนมปังน่าจะเป็นแบรนด์มาจากเกาหลี ขนมปัง ขนมเค้กที่จีนไม่ค่อยอร่อยค่ะ สู้ขนมบ้านเราไม่ได้ จะจืดๆ และไม่ค่อยนุ่มๆ ฟูๆ เหมือนบ้านเราค่ะ ลองกินหลายอย่างแล้ว ก็ยังไม่เจอขนมที่ถูกใจ ใช่เลย ชั้นเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ยังไม่เจออารมณ์นี้ค่ะ

ที่เห็นนี่เป็นสถานีรถไฟฟ้าค่ะ ตึกที่เห็นไกลๆ เป็นห้างให้ไปเดินช้อปปิ้งชิวๆได้ ร้านอาหารก็มีค่ะ

สี่แยกวัดใจ ถึงจะมีสัญญาณไฟคนข้าม แต่ก็จะข้ามกันมั่วๆ และรถก็มากันแบบมั่วๆค่ะ ประมาณไฟเขียวให้คนข้าม แต่รถที่เลี้ยวขวาผ่านตลอดมันก็จะมีมาเรื่อยๆ และไม่คิดจะหยุดให้คนข้าม

ถึงสี่แยกแล้วมองหา Global Club นะคะ โรงเรียนจะอยู่ถัดจากตึกนี้ค่ะ

ถ้าตรงไปสุดถนนเส้นนี้จะเจอมหาลัยปักกิ่ง กับมหาลัยชิงหัว ค่ะ ระหว่างทางก็จะมี Lotus ซุปเปอร์มาเก็ตค่ะ ด้านล่างจะมีร้าน CP Food อยู่ด้วย แต่ยังไม่ได้ลองกินเห็นรุ่นน้องบอกอร่อยเหมือนกัน ย่านนี้จะเป็นย่านมหาลัย ถ้าไปอีกฝั่งก็จะเป็น BLCU  แล้วมีอะไรอีกก็จำไม่ได้เหมือนกันค่ะ

ใกล้ๆ โรงเรียนจะมี KFC, Pizza Hut อยู่ค่ะ วันไหนเราไม่ได้กินข้าวจากบ้านไป ก็จะมาอาศัยกินที่นี่ล่ะ ง่ายๆ แต่นานๆ กินทีก็แก้เบื่ออาหารจีนได้เยอะเหมือนกัน

ทางเดินไปโรงเรียน มีจักรยานจอดกันอย่างแออัด บางคนทำจักรยานล้มทีก็ล้มกันไปเป็นแพค่ะ แต่มันก็ไม่คิดจะยกขึ้นคืนเค้านะคะ ปล่อยตะแคงไปอย่างนั้นเหมือนเดิม อย่าไปคาดหวังน้ำใจอะไรจากคนในประเทศนี้ค่ะ หายากถ้าไม่ใช่เพื่อนหรือครอบครัวตัวเองก็จะไม่มีให้ค่ะ

ปิดท้ายด้วยมินิมาร์ทด้านล่างอีกสักรูป เราเสียเงินให้มันทุกวันเพื่อซื้อน้ำที่ไม่ค่อยเย็น แถมบางวันหยิบพลาดไปเจอน้ำของเกาหลี แพงไปอีกเป็นเท่าตัว แล้วยังไม่อร่อยด้วย ชะนีจะเซ็งไปเลยทั้งวัน อ้อ ข้างๆมีโรงแรมด้วยนะคะ มาถึงยังหาที่พักไม่ได้ ก็มาพักที่นี่ก่อนได้เลย ชื่ออะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน

หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมเข้าดูในเวปไซต์เค้าได้ค่ะ มีเวอร์ชั่น เกาหลี  กับอังกฤษ