แม่น้ำหลีเจียง เมืองกุ้ยหลิน กุ้ยหลิน (桂林, Guilin) ถือเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงรื่องความงดงามตามธรรมชาติ จัดป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศจีน ในด้านความงามของขุนเขาและแม่น้ำ ท่ามกลางสายหมอก จนชาวจีนได้ยกย่องให้มีสมญานามว่า “เมืองสวรรค์บนพิภพ”หรือ“ซื่อไหว้เถาหยวน” มีคำกล่าวเปรียบเปรยว่าจิตรกรใดก็ตามที่ยังไม่เคยมาเยือนเมืองกุ้ยหลิน ก็จะไม่สามารถวาดรูปขุนเขาให้สวยงามได้อย่างแท้จริงเลย กุ้ยหลิน (桂林, Guilin) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในเขตปกครองตนเองกวางสี ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศจีน และมีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาว“จ้วง” ซึ่งถือเป็นชนกลุ่มน้อยที่มีจำนวนมากที่สุดของชนกลุ่มน้อยทั้งหมด กุ้ยหลิน มีที่มาของชื่อมาจาก ต้นขี้เหล็ก(桂化) ซึ่งส่งกลิ่นหอมไปทั่วทั้งเมืองยามดอกบานในฤดูใบไม้ร่วง (กุ้ยหลิน 桂林 ในภาษาจีนกลาง แปลว่า ป่าต้นขี้เหล็ก) การเดินทางครั้งนี้ของผมก็มาจากรูปในแบงค์ 20 หยวนครับ มีวันหนึ่งเพื่อนผมถามผมว่า รู้ไหม เคยเห็นไหม สวยเหมือนในแบงค์รึปล่าว ทำให้ผมมีความรู้สึกว่าหลายครั้งที่ไปกุ้ยหลิน(สี่ครั้ง) ผมไม่เคยได้สังเกตเลยว่า วิวทิวทัศน์ตรงจุดนี้ อยู่ ณ ตรงจุดใด จึงเกิดการเดินทางครั้งนี้ขึ้น ซึ่งเป็นครั้งที่ห้า ของผมสำหรับการไปเยือนกุ้ยหลิน มาร่วมเดินทางตามหาไปพร้อมกับผมน๊ะครับ การเดินทางล่องเรือชมความงามของแม่น้ำหลีเจียงในครั้งนี้ ผมเลือกที่จะแตกต่าง โดยเลือกลงเรือเล็กที่ท่าเรือซีผิง 西平 แทนที่จะลงเรือใหญ่แบบนักท่องเที่ยวทั่วไป ซึ่งที่ท่าเรือซีผิง 西平 นี้ แม้จะเป็นท่าเรือเล็กๆ สำหรับเรือเล็กและแพต่างๆ แต่ก็มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม และสงบเงียบ ไม่มีนักท่องเที่ยวพลุกพล่าน ผมและเพื่อนๆได้ลงเรือสำหรับท่องเที่ยวขนาดเล็ก ซึ่งนั่งได้ราวสิบที่นั่ง แบบในภาพ โดยปกติ เรือเหล่านี้จะใช้ขนส่งสินค้า เมื่อมีนักท่องเที่ยวสนใจใช้บริการ คนเรือก็จะเอาเก้าอี้ไม้เล็กๆแบบเก้าอี้โรงเรียนเด็กอนุบาลมาวางให้นั่งภายในเรือ แล้วเราก็ไปต่อแพขนาดเล็กระหว่างทางเพื่อเดินทางต่อไปยังหยางซั่ว โดยเราจ่ายค่าเรือและแพรวมทั้งสิ้นเพียง 400 หยวน ตลอดระยะเวลาการเดินทาง ซึ่งรวมๆแล้ว ถูกมากๆ เนื่องจากกลุ่มเพื่อนๆรวบผมมีกัน 6 คน หากนั่งเรือใหญ่ ต้องจ่ายค่าท่องเที่ยวกันราวคนละ 240 หยวนเลยทีเดียว เรือใหญ่ ก็จะเป็นแบบในภาพ มีสองชั้น มีห้องแอร์ มีดาดฟ้าไว้ให้ชมวิว และมีอาหาร ห้องน้ำไว้คอยบริการ แต่อาหารก็ไม่ดีและไม่อร่อยนัก ข้อเสียของการนั่งเรือใหญ่ก็คือ เรือต้องวิ่งตามคิว วิ่งกันเป็นแถวๆ ทำให้เรือลำหน้าบดบังทัศนียภาพ และมีกลิ่นน้ำมันโชยมาให้ได้กลิ่นเป็นระยะๆ อีกทั้งขาดอิสรภาพในการหยุดจอดเรือระหว่างทางเพื่อลงไปสัมผัสธรรมชาติ เดินเล่น ผ่อนคลายอริยาบทในบริเวณของสองฝากฝั่งแม่น้ำที่งดงาม พื้นที่ของเมืองกุ้ยหลินโดยรอบประกอบด้วยภูเขาน้อยใหญ่ ที่ผ่านการกัดกร่อนของกาลเวลาเกิดเป็นรูปร่างแปลกตามากมาย มีภูเขาหินน้อยใหญ่กว่า 27,000 ยอด รวมถึงแมกไม้ สายธาร และถ้ำอันตระการตา นับเป็นความอัศจรรย์ที่ธรรมชาติบรรจงสรรค์สร้างขึ้น สำหรับการล่องเรือไปตามแม่น้ำหลีเจียงในวันนี้จุดหมายปลายทางคือหมู่บ้าน หยางซั่ว ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก หยางซั่ว เป็น หมู่บ้านเล็กๆ เงียบสงบท่ามกลางขุนเขาน้อยใหญ่ นับเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากอีกแห่งหนึ่ง แม่น้ำหลีเจียงได้รับการชื่นชมในเรื่องความงามและความเงียบสงบ สายน้ำแห่งนี้มีความยาวกว่า 400 กิโลเมตร ลัดเลาะคดเคี้ยวไปตามหุบเขา ภูเขาหินอันสลับซับซ้อนอีกหลายแห่งที่มีหมอกบางๆปกคลุมยอดเขา รวมทั้งเงาสะท้อนของเขาบนสายน้ำนิ่งซึ่งมีความงามราวกับภาพวาด ที่กุ้ยหลินในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกรกฎาคมจะมีฝนตกประปราย ซึ่งมีอุณหภูมิโดยเฉลี่ยประมาณ 20 องศาเซลเซียส และในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์จะมีอากาศหนาวเย็น อุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงหน้าหนาวคือ 8 องศาเซลเซียส ซึ่งไม่หนาวจนเกินไปนัก ฤดูที่เหมาะสำหรับการล่องแม่น้ำมากที่สุดก็คือฤดูน้ำหลาก ช่วงเดือนเมษายนถึงสิงหาคม การล่องเรือไปตามแม่น้ำหลีเจียงถือเป็นการพักผ่อนหย่อนใจและชมเมืองกุ้ยหลินที่ดีที่สุด แต่สำหรับผมแล้ว การเดินทางครั้งนี้ผมเลือกเดือนธันวาคมซึ่งตรงกับฤดุหนาว เพราะต้องการสายหมอกและลมหนาว และต้องการหลบหนีบรรดาเหล่านักท่องเที่ยว และแม้ว่าในฤดูหนาวนี้น้ำในแม่น้ำหลีเจียงจะน้อยนิดก็ตาม น้ำน้อยจนมองเห็นแนวหินและหาดทรายบริเวณสองฝากฝั่งแม่น้ำ แต่หมอกบางๆ กะสายลมหนาว ก็เพิ่มความงดงามโรแมนติคได้อย่างดีเยี่ยม การลงเรือเล็กและแพไม้ไผ่มีข้อดีคือ มีความเป็นส่วนตัว ไม่วุ่นวาย ได้สัมผัสกับธรรมชาติโดยตรง สามารถเลือกลงจอดหรือหยุด ในบริเวณที่อยากจะหยุดพักชมธรรมชาติ นั่งเล่นบริเวณโขดหินริมแม่น้ำได้ แต่ข้อเสียของเรือเล็กและแพก็คือ ไม่มีห้องน้ำและอาหารไว้คอยบริการ เมื่อต้องการเข้าห้องน้ำ คนเรือก็จะพาแวะเข้าฝั่งไปใช้ห้องน้ำในหมู่บ้าน ทางที่ดีควรเตรียมตัวเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนการลงเรือเล็กและแพเป็นดีที่สุด ระหว่างทางคนเรือจะแวะเข้าฝั่งให้เดินเล่นชมหมู่บ้านแวะซื้อส้มโอ และผลไม้พื้นเมือง ในเดือนธันวาคมแบบนี้ กุ้ยหลินก็จะมีสีสรรที่แตกต่างออกไป ใบไม้เปลี่ยนสี หมอกบางๆ สายน้ำใสๆ งดงามเกินคำบรรยาย หรือแม้แต่ยามที่ต้นไม้ทิ้งใบไปจนหมด ก็ทำให้เกิดวิวที่ดูแปลกตาเช่นกัน เริ่มจากตรงจุดนี้ ก็จะเข้าสู่โค้งน้ำที่มีความงดงามที่สุดของแม่น้ำหลีเจียงแห่งนี้ ว่ากันว่า ที่โค้งน้ำตรงจุดนี้ เราจะได้เห็นเงาสะท้อนของขุนเขาที่สวยงาม โดยเฉพาะเมื่อยามลมสงบนิ่ง ผิวน้ำจะใสเรียบราวกระจก เงาสะท้อนของขุนเขาก็จะปรากฏให้เห็น จนแยกไม่ออกว่า อันไหนจริง อันไหนเงา ฮั่นหยู (Hanyu) ปราชญ์ในราชสมัยราชวงศ์ถังเคยกล่าวกวีไว้บทหนึ่งว่า "แม่น้ำนี้งดงามราวสายเข็มขัดไหมสีมรกต ส่วนภูผานั่นเล่าเป็นดั่งจุฑามณีสีหยก" น่าเสียดาย ในวันที่ผมไปครั้งนี้ มีหมอกและฝนปรอย ทำให้ไม่มีแดด และไม่มีเงาสะท้อนของขุนเขาบนผิวน้ำที่ชัดเจนนัก ทิวทัศน์บริเวณนี้ หลายๆท่านคงคุ้นตากันมาก เนื่องจากบรรดาช่างภาพ และศิลปินทั้งหลายนิยมที่จะมาเก็บภาพ และถ่ายทอดลงบนภาพวาดโดยใช้วิวทิวทัศน์ ณ ตรงจุดนี้ ขุนเขาตรงจุดนี้ เห็นเป็นหลายยอดซ้อนๆกัน ดูกันจนเพลิน เริ่มนั่งเรือกันตอนเก้าโมงเช้า มาถึงจุดนี้เราแวะพักลางทางไปหนึ่งครั้ง ตอนนี้ก็ได้เวลาเที่ยงกว่าๆ ท้องใส้เริ่มประท้วงเรียกหาอาหารมื้อกลางวัน คนเรือก็ถามเราว่า จะจอดแวะพักทานมื้อเที่ยง ชิมอาหารพื้นเมืองกันไหม หรือว่า จะไปกินที่หมู่บ้านหยางซั่ว กันเอง ซึ่งคนเรือได้ให้คำแนะนำว่า แวะกินที่ร้านอาหารพื้นเมืองสองฟากฝั่งจะได้กินอร่อยและราคาย่อมเยาว์กว่า ดังนั้นเราเลยลองเชื่อคนเรือดูสักครั้ง และก็พบว่าจริงครับ อาหารอร่อย ราคาไม่แพงเลย เราสั่งกันมาหลายอย่าง อิ่มอร่อยทีเดียว อาหารที่สั่งมา ตามภาพเลย มีปลาช่อนนึ่งเบียร์ ไก่อบหน่อไม้ และเต้าหู้ยัดใส้ วิวและบรรยากาศรอบๆร้านอาหารก็สวยงามสงบร่มเย็นดี สามารถเดินเล่นหลังอาหาร และถ่ายรูป ได้โดยรอบ ว่าแต่ ตอนนี้ชักเริ่มเครียดแล้วสิ กับคถามที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งนี้ วิวทิวทัศน์ในแบงค์ยี่สิบหยวนของจีน มันอยู่ตรงไหนกันน๊ะ ทำไมยังไม่เห็นผ่านตา ทั้งๆที่เราก็ร่องเรือชมวิวกันอย่างช้าๆ และนี่มันก็ใกล้จะถึงหมู่บ้านหยางซั่วแล้ว มันใช่ตรงจุดนี้หรือเปล่าน๊ะ หรือว่าฤดูนี้น้ำลดไปมาก ทำให้ดูวิวได้แตกต่างออกไป สุดท้ายก็เลยต้องสอบถามกับคนเรือว่า วิวในธนบัตรยี่สิบหยวนอยู่ตรงหนใด คนเรือบอกว่า อย่าร้อนใจ อีกไม่เพียงอึดใจ ก็จะเห็นแล้ว ผมและเพื่อนๆจึงรีบเอาแบงค์ยี่สิบหยวนออกมารอกางดูเพื่อเปรียบเทียบ เรือถึงฝั่งจุดหมายปลายทางที่หมู่บ้านหยางซั่วแล้ว แต่พวกเราก็ยังมองไม่เห็นวิวดังกล่าว เลยต้องสอบถามคนเรือกันอีกรอบ คนเรือบอกให้ขึ้นฝั่ง เดินขึ้นเนินเขาไป แล้วหลังหลังกลับมามอง พวกเราก็ยิ้มออกด้วยความดีใจ พวกเรามาถึงและค้นพบแล้ว สมความตั้งใจ เหมือนไหมครับ ภาพวาดในแบงค์ กะวิวทิวทัศน์ของจริงตามธรรมชาติ ทริปการเดินทางล่องเรือชมความงามของแม่น้ำหลีเจียงแห่งเมืองกุ้ยหลิน จึงจบลงอย่างมีความสุข กุ้ยหลิน ดินแดนที่เป็นดั่งเสมือน สวรรค์บนดิน สำหรับเมืองกุ้ยหลินยังคงมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามอยู่อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นถ้ำหินงอกหินย้อย ป่าและสวน บ้านเมืองที่สวยงาม ผมจะนำมาให้ได้ชมเมื่อโอกาสเอื้ออำนวย และขออภัยที่ห่างหายจากการอัพเดทไปนาน ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมครับ สำหรับบล็อกก่อนหน้านี้ Click : Kremlin Palace , Moscow , Russia Click : St.Basil , Moscow , Russia Click : Haerbin Ice Festival 2008 Click : Shangri - La แชงกรีล่า สวรรค์บนดิน 01 และเวปบล็อก เมืองฮาร์บิน ประเทศจีน ซึ่งเมืองคู่แฝดของกรุงมอสโคว์ Click เพื่อเข้าชม Snow World Festival คลิ๊กที่นี่เพื่อเข้าชมเมืองผลึกน้ำแข็ง คลิ๊กที่นี่เพื่อเข้าชมโบสถ์ St.Sophea คลิ๊กที่นี่เพื่อเข้าชมปฎิมากรรมกลางสวน และบล็อกสาระบันการท่องเที่ยวทั้งหมดของเวปบล็อกนี้ คลิ๊กที่นี่เพื่อเข้าชมสารบันท่องไปในโลกกว้าง Thailand Best Blog : World Travelling Blog เวปบล็อกยอดนิยมอันดับหนึ่ง สาขาการท่องเที่ยวต่างประเทศ BlogGang Popular Award #2 : 2006 And BlogGang Popular Award #4 : 2008

Create Date : 11 เมษายน 2551
Last Update : 3 ธันวาคม 2551 10:29:32 น.		123 comments
Counter : 7983 Pageviews.
Share Tweet