หลังจากที่ตระเวนมาทัวร์ยุโรปตะวันตกเป็นส่วนใหญ่แล้ว ยุโรปตะวันออกเคยไปมาไม่กี่ประเทศและตอนนี้ตั้งเป้าไว้ว่าจะเก็บยุโรปตะวันออก ทริปปรากเป็นทริปที่อยากไปมานานแล้ว และวันที่ 4 เมษายนก็ได้โอกาสเสียที การเดินทางในทริปนี้ค่อนข้างเวลาดีทีเดียวเพราะไปถึงที่โน้นประมาณห้าโมงครึ่ง นั่งรถเข้าเมืองอีกก็เป็นเวลาเที่ยงพอดีก็ได้เวลาอาหารเที่ยง และจบลงที่เคเอฟซี เมื่ออิ่มแล้วก็ตระเวนหาที่พัก ซึ่งจองไว้ในย่านเมืองเก่าที่หนทางซอกซอยต่างๆ ค่อนข้างไม่เป้นระเบียบและสลับซับซ้อน ต้องใช้ไอแพดช่วยหาพิกัดของที่พักป่านนั้นก็เล่นเอาหลงเหมือนกัน แต่เดินหลงไปหลงมาก็เจอที่พักจนได้ แต่ที่พักที่จองไว้เป็นอาพาร์ทเม้นที่อยู่บนตึกเก่า อารมณ์แบบปราสาทโบราณ แต่ได้ห้องใหญ่มาก เพราะนึกว่ามาบ้านคนรู้จักเพราะ เราได้ครอบครองคอนโดส่วนตัวเลย มีทั้งห้องนอน ครัวทำกิน ห้องน้ำ โต๊ะสนุกเกอร์ ทีวี แถมวิวยังมองลงไปเห็นบรรยากาศเดินเที่ยวของนักท่องเที่ยวและเห็นแหล่งท่องเที่ยวอยู่ต่อหน้าเลยทีเดียว ที่สำคัญเดินลงมาจากตึกไปอีกไม่กี่เมตรก็เป็นสะพานชาส์ล ซึ่งเป็นไฮไลท์ของกรุงปราก เพราะฉะนั้นเก้บข้าวของเสร็จแล้วพวกเรา(มีกันอยู่สองคน) ก็ออกล่าเอ้ยออกเดินเที่ยวกันเลย
โดยเริ่มจากเดินไปสะพาน ในช่วงบ่ายคนเยอะมากจริงๆ บนสะพานก็จะมีซุ้มขายของที่จัดระเบียบได้เป็นอย่างดี และสะพานก็เก่าๆสุดแสนจะโรแมนติก เพราะฉะนั้นนักท่องเที่ยวเลยเยอะ จึงตั้งใจไว้ว่าจะลงมาเก็บภาพในตอนเช้าๆของวันรุ่งขึ้นเพราะคิดว่าจะไม่มีคน(แต่ถึงเวลาจริงๆก็ลุกไม่ขึ้น) พวกเราพวกไปถ่ายรูปไปจนถึงปลายสะพานอีกด้านหนึ่ง และเดินไปเรื่อยๆ มองเห็นปราสาทอยู่ลิบๆ ก็ตามตามทางขึ้นเนินไปเรื่อยๆ จนถึงโบสถ์ที่อยู่บนภูเขา และวนกลับลงมาอีกทางด้านหนึ่ง ซึ่งบรรยากาศดีกว่าฝั่งที่ขึ้นมา และยังมีจุดให้ชมวิวเมืองได้อีกด้วย
เดินลงมาเจอรัฐสภา แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นรัฐสภาเก่าหรือเปล่า ซึ่งมีสวนอยู่ในนั่นด้วย และเดินย้อนมาเรื่อยๆ ข้ามสะพานกลับมายังที่พักและออกไปหาอาหารฝรั่งทานกัน สรุปเป็นวันที่เหนื่อยๆมากๆอีกวันหนึ่ง แต่ดันนอนไม่หลับเพราะชาเขียว เพราะฉะนั้นเช้าวันถัดมาเลยนอนตื่นสาย
วันที่สองเป็นวันที่อากาศดีจริงๆ เป้าหมายวันนี้ก็ไปดูสถานที่สำคัญต่างๆภายในเมือง และไปขึ้นหอคอยที่รูปร่างคล้ายหอไอเฟล และก็นั่งรถรางชมเมือง ซึ่งก็เจอจุดที่ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวแต่มีอะไรแปลกๆ เช่นไปเจอสถานที่แห่งหนึ่งที่เดิมทีเป็นโกดัง แต่ดัดแปลงเป็นตลาดเสื้อผ้าบรรยากาศคล้ายๆตลาดขายเสื้อผ้าบ้ายเราเลย แต่คนขายนี้สิเป็นคนเอเชียหมด น่าจะแปดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นคนเวียดนาม มีคนไทยอยู่เล็กน้อย เหอะๆ ตกกลางคืนก็ออกมาถ่ายรูปกบสะพานยามค่ำคืนและสถานที่ต่างๆแถวจตุรัสเมืองเก่า และก็เข้านอน
วันถัดมาเป็นวันที่จะเดินทางกลับแล้ว แต่ยังมีเวลาก็เลยมาเก็บภาพสะพานตอนแปดโมงเช้า ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะโล่งจากผู้คนได้มากขนาดนี้ เมื่อเรียบร้อยแล้วก็เดินทาง กลับ
หายไปนานมากนะ เคยเข้ามาดูบล็อกของเธอ ยังเห็นเป็นเกาหลีอยู่ เลยไม่ได้เข้ามาบล็อกเธอนานเหมือนกัน วันนี้แวะมา ชมบล็อกเธอ เขียนถึงกรุงปราก เธอไปวันที่ 4 เมษา ครูออกจากกรุงเทพฯ วันที่ 7 แต่ไปฮังการีก่อน สองวันแล้วจึงไปกรุงปราก เลยไม่ได้เจอกันเลยเนอะ อิอิ สะพานชาล์ลที่เธอเขียนถึง ครูก็ได้ไป คนเยอะมาก ครูยังถ่ายรูปนักบุญทุกคนไว้เลย ชอบแม่น้ำและบ้านของเขามากจ้ะ ครูยังไม่มีเวลาเขียนในช่วงนี้ ขอให้ครูสอบ ภาษาจีนของ ม.สุโขทัยเสร็จก่อน มีทริปหลายทริปที่ยังค้างอยู่ ไม่ได้เขียนมานานแล้วน่ะ
เป็นไง ทริป เขาคิชฌกูฏ ที่ครูเขียน ภาพต่าง ๆ พัฒนาขึ้นบ้างเล็กน้อยแล้วนะ เพราะได้แรงบันดาลใจจากรูปของเธอนั่นเอง หยุดไปนาน ๆ มาทำใหม่ ยังไม่รู้จะลืมหรือเปล่าน่ะ เธอไปคิชฌกูฏหรือยังจ๊ะ ถ้ายัง ก็ไปนะ ครูว่าเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ยังคงสภาพธรรมชาติที่สวยงามอยู่จ้ะ