* * * * สารพิษในอาหาร * * * * บล็อกที่ 1092
สารพิษในอาหาร
รูปภาพประกอบบล็อกนำมาจากเว็บทั่วไป ไม่ตรงกับเนื้อเรื่องนะครับ ขออภัยด้วย
ข้อมูลจากเอกสารเผยแพร่ (แผ่นพับ) ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข
สารพิษปนเปื้อนในอาหารมีอยู่หลายชนิด ซึ่งเป็นทั้งอันตรายต่อสุขภาพผู้บริโภคโดยตรงและเป็นต้นเหตุให้เกิดโรคร้ายในภายหลัง ปัญหาก็คือผู้บริโภคไม่รู้ว่ามีสารพิษในอาหาร หรือไม่ค่อยนึกถึงอันตราย หรือจำเป็นต้องบริโภคอาหารเหล่านั้นเพราะไม่สามารถปรุงเองได้ ต้องซื้อจากพ่อค้าแม่ค้า
1. สารบอแรกซ์ (Borax) มีลักษณะเป็นผงสีขาว มีชื่ออื่นๆ เช่น ผงกรอบ น้ำประสานทอง สารข้าวตอก ผงกันบูด ผงเนื้อนิ่ม และ เม่งแซ .. สารบอแรกซ์ เป็นสารที่ใช้ในอุตสาหกรรม เช่น ทำแก้ว (เพื่อให้ทนความร้อน) , เป็นสารประสานในการเชื่อมทอง , ใช้ชุบและเคลือบโลหะ , เป็นสารหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราในแป้งทาตัว เป็นต้น .. แต่พ่อค้าแม่ค้าบางคนมักจะนำมาผสมในอาหาร เพื่อให้อาหารมีความหยุ่นกรอบ คงตัวได้นาน ไม่บูดเสียง่าย .. อาหารที่มักพบว่ามีสารบอแรกซ์ ได้แก่ หมูบด ปลาบด ลูกชิ้น ทอดมัน ไส้กรอก แป้งกรุบ ผลไม้ดอง ทับทิมกรอบ เป็นต้น
อันตรายจากสารบอแรกซ์ ถ้าได้รับในปริมาณสูงจะเกิดอาการ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ อุจจาระร่วง เป็นต้น และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
หลีกเลี่ยงสารบอแรกซ์ในอาหาร โดยไม่ซื้อหมูบดสำเร็จรูป ปลาบดสำเร็จรูป ควรซื้อเป็นชิ้นแล้วนำมาบดหรือสับเอง , เนื้อหมู เนื้อไก่ที่ซื้อมาควรล้างด้วยน้ำก่อนนำไปปรุงอาหาร , ไม่รับประทานอาหารที่มีลักษณะหยุ่นกรอบ หรืออยู่ได้นานผิดปกติ
2. สารกันรา หรือ กรดซาลิซิลิค เป็นกรดที่มีอันตรายต่อร่างกายเนื่องจากมีคุณสมบัติยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ ซึ่งผู้ผลิตอาหารบางรายนำมาใส่เป็นสารกันราในอาหารแห้ง เพื่อป้องกันเชื้อราขึ้น , และเพื่อให้อาหารดูเหมือนใหม่อยู่เสมอ .. อาหารที่มักตรวจพบว่ามีสารกันรา ได้แก่ ผักกาดดอง หน่อไม้ดอง ขิงดอง มะม่วงดอง มะขามดอง แหนม หมูยอ เป็นต้น
อันตรายจากสารกันรา เมื่อบริโภคเข้าไปจะทำลายเซลล์ในร่างกายให้ตาย หากบริโภคมากๆ จะทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้เป็นแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ , ความดันโลหิตต่ำจนช็อก , หรือในบางรายที่แพ้ แม้จะบริโภคไม่มาก จะทำให้เป็นผื่นคันขึ้นตามตัว อาเจียน หูอื้อ มีไข้
หลีกเลี่ยงอันตรายจากสารกันรา โดยเลือกซื้ออาหารที่สดใหม่ หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารหมักดอง หากต้องการบริโภค ควรเลือกซื้อจากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้ ซึ่งได้รับการรับรองคุณภาพ มีเครื่องหมาย อย.
3. สารฟอกขาว หรือ สารโซเดียมไฮโดรซัลไฟต์ (Sodium Hydrosulfite) หรือ ผงซักมุ้ง เป็นสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรม เส้นใยไหม แห และอวน แต่พ่อค้าแม่ค้าบางรายนำมาใช้ฟอกขาวในอาหาร เพื่อให้อาหารมีสีขาว ดูคุณภาพดี น่ารับประทาน และดูใหม่อยู่เสมอ .. อาหารที่มักตรวจพบว่าใช้สารฟอกขาว ได้แก่ ถั่วงอก ขิงฝอย กระชายซอย ยอดมะพร้าว น้ำตาลมะพร้าว ทุเรียนกวน กระท้อนดอง หน่อไม้ดอง และผ้าขี้ริ้ววัว
อันตรายจากสารฟอกขาว คือ เมื่อสัมผัสโดยตรงจะทำให้ผิวหนังอักเสบ เป็นผื่นแดง และถ้าบริโภคเข้าไป จะทำให้เกิดอาการอักเสบในอวัยวะที่สัมผัสอาหาร เช่น ปาก ลำคอ กระเพาะอาหาร เกิดอาการปวดท้อง ปวดศีรษะ อาเจียน อุจจาระร่วง แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก และหากแพ้อย่างรุนแรง จะถ่ายเป็นเลือด ชัก ช็อก หายใจไม่ออก หมดสติ ไตวาย เสียชีวิตได้
หลีกเลี่ยงอันตรายจากสารฟอกขาว โดยเลือกซื้ออาหารที่มีสีใกล้เคียงธรรมชาติ ไม่ขาวจนผิดปกติ ทั้งนี้ควรปรุงอาหารให้สุกก่อนบริโภค เพราะสารโซเดียมไฮโดรซัลไฟต์จะถูกทำลายด้วยความร้อน
4. สารฟอร์มาลิน (Formalin) หรือ น้ำยาดองศพ ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเคมีภัณฑ์ พลาสติก สิ่งทอ เป็นต้น หรือใช้ในทางการแพทย์ เป็นยาฆ่าเชื้อโรค ฆ่าเชื้อรา และเป็นน้ำยาดองศพ พบว่าพ่อค้าแม่ค้าบางรายนำสารฟอร์มาลินมาแช่อาหารเพื่อให้อาหารคงความสด ไม่เน่าเสียง่าย สามารถเก็บรักษาได้นาน .. อาหารที่มักตรวจพบว่ามีสารฟอร์มาลินปนเปื้อนอยู่ เช่น กุ้ง ปู ปลา หมึก ผักสด ผลไม้สด และเนื้อสัตว์ เป็นต้น
อันตรายจากสารฟอร์มาลิน หากบริโภคโดยตรงจะมีพิษโดยเฉียบพลัน คือ จะปวดท้องอย่างรุนแรง อาเจียน อุจจาระร่วง หมดสติ และสิ้นชีวิต หากได้รับไม่มาก จะมีผลต่อการทำงานที่เสื่อมลง ของตับ ไต หัวใจ สมอง หากมีการสัมผัสผิวหนัง จะทำให้ผิวหนังเกิดการระคายเคือง ปวดแสบปวดร้อน
หลีกเลี่ยงอันตรายจากสารฟอร์มาลิน โดยให้สังเกตอาหารสดเมื่อดมกลิ่นจะต้องไม่มีกลิ่นฉุนแสบจมูก ส่วนผัก ผลไม้ ที่วางขายทั้งวัน ถ้ายังดูสด ไม่เหี่ยว ทั้งๆที่ตากลม ตากแดดทั้งวัน และเนื้อสัตว์ที่มีสีเข้มและสดผิดปกติ ทั้งๆ ที่ไม่ได้แช่เย็น ควรระวังอาจจะมีการแช่ฟอร์มาลิน ไม่ควรซื้อรับประทาน และก่อนนำอาหารสด ผักสด ผลไม้สด มาปรุง หรือรับประทาน ควรล้างน้ำให้สะอาดทุกครั้ง
5. ยาฆ่าแมลง หรือ สารเคมีกำจัดศัตรูพืช ซึ่งเกษตรกรบางคนใช้ในปริมาณที่มากเกินไป หรือเก็บเกี่ยวพืชผลออกจำหน่ายก่อนที่สารเคมีจะสลายตัว ทำให้มีการตกค้างมากับ ผักสด ผลไม้สด ปลาเค็ม ปลาแห้ง หมึกแห้ง กุ้งแห้ง ปลาร้า เป็นต้น
อันตรายจากยาฆ่าแมลง เมื่อบริโภคเข้าไปมากๆ ในครั้งเดียว จะเกิดพิษแบบเฉียบพลัน เช่น ทำให้กล้ามเนื้อสั่น กระสับกระส่าย ชักกระตุก หายใจขัด หมดสติ และอาจหยุดหายใจได้ แต่พิษที่พบได้มากที่สุดคือ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน หากได้รับในปริมาณไม่มาก ก็จะสะสมในร่างกาย ก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้
การหลีกเลี่ยงอันตรายจากยาฆ่าแมลง คือ เลือกซื้อผักที่มีรูพรุนจากการเจาะของแมลงบ้าง เลือกซื้อผัก ผลไม้ตามฤดูกาล หรือผักพื้นบ้าน เลือกบริโภคผักใบมากกว่าผักหัวเพราะผักหัวจะสะสมสารพิษไว้มากกว่าผักใบ , ล้างผักและผลไม้ด้วยน้ำยาล้างผักและผลไม้ หรือใช้เบ็กกิ้งโซดา หรือใช้ด่างทับทิม หรือใช้น้ำส้มสายชู หรือใช้เกลือป่น หรือใช้น้ำสะอาดไหลผ่านหลายๆ ครั้ง , ผลไม้ที่ปอกเปลือกได้ ควรล้างน้ำให้สะอาดก่อนปอกเปลือกแล้วบริโภค , เลือกซื้อผักอนามัย ผักกางมุ้ง หรือปลูกขึ้นเองเพื่อการบริโภคในบ้าน , ในกรณีที่เป็นเนื้อสัตว์ เช่น ปลาแห้ง ปลาเค็ม ปลาร้า ให้สังเกตจากสภาพแวดล้อม เนื่องจากปกติอาหารจำพวกนี้จะมีแมลงวันตอม หากพบว่าไม่มีแมลงวันตอมเลย ก็อย่าวางใจ หากจำเป็นต้องซื้อมาปรุง ควรนำมาล้างน้ำ และควรนำไปผ่านความร้อนก่อนบริโภค
6. สารเร่งเนื้อแดง หรือ สารซาลบูทามอล .. เป็นสารในกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ ซึ่งเป็นตัวยารักษาอาการโรคหอบหืด มีคุณสมบัติช่วยในการขยายหลอดลมและช่วยให้กล้ามเนื้อหลอดลมคลายตัว แต่ขณะนี้พบว่าเกษตรกรผู้เลี้ยงหมู มีการนำสารชนิดนี้ไปผสมในอาหารสำหรับเลี้ยงหมู เพื่อให้เนื้อหมูมีปริมาณเนื้อแดงเพิ่มมากขึ้น เพราะจะทำให้ได้ราคาดีกว่าหมูที่มีชั้นไขมันหนาๆ ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค
อันตรายจากสารเร่งเนื้อแดง หากมีสารเนื้อแดงตกค้างในร่างกายผู้บริโภคในปริมาณสูง จะมีอาการใจสั่น กล้ามเนื้อกระตุก ปวดศีรษะ หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ และเป็นอันตรายมากสำหรับผู้ที่เป็นโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไฮเปอร์ไธรอยด์ รวมทั้งทารก และหญิงมีครรภ์
หลีกเลี่ยงอันตรายจากสารเร่งเนื้อแดง โดยเลือกซื้อเนื้อหมูที่มีมันแทรกแบบมองเห็นได้ สังเกตสีของเนื้อหมูต้องไม่มีสีแดงผิดปกติ เมื่อกดดูเนื้อจะนุ่มไม่กระด้าง หรือสังเกตตรงส่วนที่เป็นหมูสามชั้น หากพบว่ามีเนื้อหมูมากผิดปกติ ควรหลีกเลี่ยง เพราะหมูที่เลี้ยงปกติตามธรรมชาติ จะมีสัดส่วนของมันหมู 1 ส่วน ต่อเนื้อแดง 2 ส่วน
7. เชื้อราแอฟลาทอกซิน (Aflaoxins) .. เป็นสารพิษที่สร้างขึ้นโดยเชื้อราชนิดหนึ่ง มีสีเขียว สีเขียวแกมเหลือง สารพิษนี้สามารถทนความร้อนได้สูงถึง 260 องศาเซลเซียส จึงไม่สามารถทำลายให้หมดไปด้วยความร้อนจากการหุงต้มปกติ .. อาหารที่ตรวจพบแอฟลาทอกซิน เช่น ถั่วลิสงเม็ด ถั่วลิสงป่น ข้าวโพด ข้าวโอ๊ต ข้าวสาลี มันสำปะหลัง หอมแดง กระเทียม พริกแห้ง พริกป่น พริกไทย กุ้งแห้ง ปลาแห้งหมึกแห้ง เป็นต้น
อันตรายจากแอฟลาทอกซิน หากได้รับในปริมาณมาก จะทำให้อาเจียน ท้องเดิน หากได้รับไม่มากจะเกิดการสะสมที่ตับ อาจทำให้เป็นมะเร็งตับ
การหลีกเลี่ยงอันตรายจากแอฟลาทอกซิน เลือกซื้ออาหารแห้ง เช่น ถั่วลิสง พริกแห้ง หอม กระเทียม ที่ใหม่ ไม่มีเชื้อรา หากดมดูต้องไม่มีกลิ่นอับหรือเหม็นหืน ... หลีกเลี่ยงการซื้อถั่วป่น พริกป่น ที่ป่นสำเร็จรูปมาบริโภค เพราะอาจเก็บไว้นาน เก็บไว้ไม่ดี มีความอับชื้น .. นำอาหารแห้งไปตากแดดให้แห้งดี ก่อนจะนำไปเก็บในที่แห้ง และหากมีราขึ้นให้ทิ้งไปทันที ห้ามเสียดายและนำมาบริโภค
อนึ่ง - การเลือกซื้ออาหารสด ผัก ผลไม้ จะต้องเลือกซื้อชนิดตามฤดูกาล สด และสะอาด มีตำหนิบ้างเล็กน้อย ไม่ควรจะซื้อชนิดที่ราคาถูกจนเกินไป เพราะมักจะไม่สด และได้สารพิษมาเป็นของแถม.
ขอขอบคุณที่ติดตาม
จาก สิน yyswim
บล็อกนี้อยู่ในสาขา Topical Blog หากจะกรุณาโหวตให้ ขอขอบคุณครับ
Create Date : 03 ตุลาคม 2556 |
|
6 comments |
Last Update : 3 ตุลาคม 2556 0:01:07 น. |
Counter : 6464 Pageviews. |
|
|
|
ปัจจุบันอาหารมีสารปนเปื้อนมากจริงๆ อย่างที่ว่า .....
จึงมีทางเลือกเป็นอาหารที่ผลิตแบบออร์แกนนิค แต่ก็ต้องแลกกับราคาที่สูงกว่าปกตินะครับ .....
ปล. ภาพอาการที่คุณสินสรรหามาประกอบบล็อกนี้ สวยทั้งนั้นเลย ขอดูไว้เป็นไอเดียในการถ่ายภาพอาหารบ้างนะครับ .....