Bloggang.com : yuttipung : The Warlords หนทางแห่งการหลุดพ้น

The Warlords หนทางแห่งการหลุดพ้น

ในผลงานเรื่องก่อนๆ ของ ปีเตอร์ ชาน มักมุ่งประเด็นการตั้งคำถามกับความรัก ซึ่งส่วนใหญ่กว่าตัวละครในหนังจะตระหนักถึงคุณค่า หรือเชื่อมั่นในคนที่ใช่ พวกเขาเหล่านั้นต้องฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกาลเวลา และผ่านการสูญเสียมาไม่ใช่น้อย ดังที่ปรากฎชัดในงานที่ดีที่สุดของเขานั่นคือ เถียนมีมี่ 3650วัน...รักเธอคนเดียว(Comrades, Almost a Love Story) ซึ่งเล่าเรื่องราวความรักของชาย-หญิงชาวจีนคู่หนึ่งที่มาหาความก้าวหน้าในชีวิตบนฮ่องกง ผ่านความไม่แน่นอนในยุคที่เกาะแห่งนี้เปลี่ยนแปลงกลายเป็นเขตการปกครองขอสาธารณรัฐจีน จนพวกเขากว่าจะได้เจอกันอีกครั้งก็ใช้เวลายาวนานร่วม 10 ปี

The Warlords งานล่าสุดซึ่งเป็นหนังมหากาพย์สงคราม อาจไม่ได้เน้นที่เรื่องของความรักเท่ากับอุดมการณ์ในการแสวงหาชีวิตที่ดีกว่า แต่กว่าพวกเขาจะตระหนักและเข้าใจในสิ่งที่กำลังไขว่คว้า ก็ถูกสงครามกัดกร่อน และสอนบทเรียนมากมายเกินจะทันได้นึกคิด

ใน ค.ศ.1870 ปลายสมัยราชวงศ์ชิงของจีน ซึ่งเกิดกลียุคเกิดการฉ้อราษฎร์บังหลวงของเหล่าขุนนาง และประชาชนจึงเริ่มก่อการต่อต้านอำนาจรัฐในนามกลุ่มกบฎไท่ผิง จนกลายเป็นสงครามกลางเมืองกินเวลาสู้รบยาวนานกว่าสิบปี ผางชิงหยุน(หลี่เหลียนเจี๋ย) อดีตแม่ทัพผู้รอดตายจากการรบครั้งหนึ่ง ได้มองโลกด้วยสายตาที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เขาชักชวน จ้าวเอ้อหู(หลิวเต๋อหัว) และเจียงอู่หยาง (ทาเคชิ คาเนชิโร่) โจรพี่น้องร่วมสาบานที่ปล้นสดมภ์เพื่อช่วยเหลือหมู่บ้านให้เข้าร่วมกองทัพเพื่อสานอุดมการณ์ในชีวิต ที่จะหลุดพ้นจากปัญหาที่รุมเร้าไร้ทางแก้

แต่ยิ่งนานหลายปี มุมมองของผางชิงหยุน ก็ต้องปรับเปลี่ยนไปตามการทำศึกสงคราม เอ้อหู่เริ่มแข็งข้อไม่เชื่อในวิธีคิดของเขา ผิดกับอู่หยางที่ยังเชื่อมั่นในตัวของพี่ใหญ่มากขึ้น พร้อมๆ กับความสัมพันธ์ที่ดำเนินไปอย่างลับๆ ตั้งแต่ช่วงต้นระหว่าง อาเหลียน(ซูจิงเล่ย) ภรรยาของเอ้อหู่ กับ ชิงหยุน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาคิดมองหาความเปลี่ยนแปลงในชีวิต

ชานสอบผ่านในการทำหนังสงครามทุนสร้างมหาศาลกว่า 40 ล้านเหรียญฯ ได้สำเร็จ กระนั้นจุดด้อยที่เห็นชัดใน The Warlords นั้นก็มาจากเจตนาในการแบ่งเรื่องราวเป็น 3 องก์ที่มีอารมณ์แตกต่างกันชัดเจน(องก์แรกเป็นการเข้าสู่โลกความรุนแรง, องก์สอง เป็นความขัดแย้งทางอุดมการณ์, และองก์สาม เป็นการปกปิด) ซึ่งแม้จะมีงานสร้างที่เพียบพร้อมแค่ไหน(โดยเฉพาะฉากรบในช่วงต้น) แต่หนังก็ยังคงขาดความสมดุล และความต่อเนื่องในบางช่วงเหตุการณ์ นอกจากนี้เรื่องของอาเหลียนที่เหมือนจะมีบทบาทในตอนต้นก็ค่อยๆ ถูกละเลยไปอย่างน่าเสียดาย

กระนั้นเองการนำเสนอประเด็นที่ซับซ้อน แตกต่าง ซึ่งผ่านการตีความอย่างแยบยล ร่วมกับประวัติศาสตร์ หรือเหตุการณ์ในยุคสมัย ยังเป็นสิ่งที่ ปีเตอร์ ชาน ทำได้ดีเสมอ โดยในหนังเรื่องนี้มีสัญลักษณ์สองอย่างที่น่าสนใจ คือ ไม้กางเขน และ เรื่องความเป็นพี่น้อง

ไม้กางเขน เป็นสัญลักษณ์ที่นำมาใช้ในหลายความหมายตลอดทั้งเรื่อง เริ่มแรกที่อู่หยางนำมาอวดให้อาเหลียน เธอบอกเขาว่าเป็นเครื่องราง ในทางศาสนาคริสต์นั้นไม่ผิดเพราะนี่คือสัญลักษณ์ของความรอดแก่บรรดาสาวกและผู้นับถือ แต่ในอีกทางหนึ่งมันก็มีความหมายในทางศาสนาว่าสาวกของพระองค์ ต้องพร้อมที่จะเผชิญกับความอับอาย ความทุกข์ทรมานและความตาย ซึ่งกล่าวได้ว่าชะตากรรมของพวกเขาต้องผ่านชะตากรรมอันเจ็บปวดกว่าที่คิดจึงได้ค้นพบสัจธรรมที่แท้ในการหลุดพ้นปัญหา (ประเด็นหลังนี้ได้ถูกเน้นย้ำชัดขึ้นในเหตุการณ์ที่เอ้อหูลอบเข้าเมืองซูโจวเพื่อไปเจรจาพบกับชายที่ผู้คนขนานนามว่า เยซู ซึ้งอ้างอิงจากผู้นำกองทัพฝ่ายกบฎที่นับถือพระเจ้า)

นอกจากนี้ความเข้าใจผิดในเรื่องไม้กางเขนดังกล่าว ยังสอดคล้องกับความเข้าใจผิดในการสาบานตนเป็นพี่น้องร่วมกันของทั้งสามคน ซึ่งจบลงเอยอย่างที่ไม่ค่อยปรากฎบ่อยนักในคตินิยมของชาวจีน

เพราะแม้จะอิงมาจากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ตอนเดียวกันกับ Blood Brothers ของ จางเชอะ แต่หนังเรื่องนี้ไม่ได้เป็นการรีเมค เพราะ ปีเตอร์ ชาน นำหนึ่งในอัตลักษณ์สำคัญของชาวจีนเรื่องความเป็นพี่น้องมาตั้งคำถามใหม่

หากภาพยนตร์จีนส่วนใหญ่มักนำเสนอภาพความสมัครรักใคร่ของคนที่นับถือกันฉันท์พี่น้องเพื่อนำพาชีวิตพวกเขาสู่จุดหมายแห่งศักดิ์ศรี การมีคุณธรรม และเส้นทางในอุดมคติ ความขัดแย้งระหว่างพี่น้องร่วมสาบานซึ่งสร้างพันธะบางอย่างเป็นการบังคับให้พวกเขาผูกติด และยึดมั่นถือมั่นต่อคำสัญญา จนทำให้เตลิดไปจากหนทางที่เคยวาดหวังไว้ (หนังมีฉากที่เสียดสีประเด็นนี้บ่อยครั้งโดยให้ ภาพการละเล่นหยอกล้อของทั้งสาม และการเล่นงิ้ว ตัดสลับกับภาพที่เป็นขั้วตรงข้าม)

เพราะ ผางชินหยุน ต้องผิดคำสัญญากับพี่น้องเพื่อสานอุดมการณ์ของตน หากแต่สุดท้ายเขาก็ไม่อาจทันเล่ห์เหลี่ยมของขุนนางที่เป็นชนชั้นปกครอง, จ้าวเอ้อหู่ ได้ตระหนักว่าพี่น้องไม่ได้มีเพียงแค่สามคน แต่เขาต้องรับผิดชอบอดีตลูกน้องทุกคนที่มาจากหมู่บ้านเช่นกัน, เจียงอู่หยาง ก็ต้องผิดหวังต่อความไว้เนื้อเชื่อใจในพี่ใหญ่ที่เขานับถือราวกับเจ้าชีวิต จากการยึดมั่นในคำสัญญาความเป็นพี่น้องที่สุดท้ายก็ไม่มีความจีรัง

ท่ามกลางช่วงเวลาที่ประเทศจีนกำลังก้าวสู่ความเปลี่ยนแปลงไปข้างหน้า พร้อมๆ กับสร้างความขัดแย้งกับอาณาเขตรอบข้างไม่เปลี่ยนแปลง หนังเรื่องนี้จึงราวสารที่บ่งบอกว่าตราบใดก็ตามที่เรายึดมั่นถือมั่นกับคติบางอย่างเอาไว้โดยปราศจากความเข้าใจตัวตนที่แท้ ...ก็ย่อมไม่มีทางพบความสุขได้อย่างแท้จริง

Create Date : 17 ธันวาคม 2550

Last Update : 17 มกราคม 2551 15:41:55 น.

15 comments

Counter : 2341 Pageviews.

ว่าจะไปดูเหมือนกันค่ะ
วันนี้ก็ยังลังเลเพราะอยากเห็นทาเคชิเหลือเกิน
แต่พอนึกได้ว่าหากไม่ได้ อภินิหารเข็มทิศทองคำก่อน
มีหวังคงต้องไปรอดูดีวีดีแหง

ขอบคุณที่เอามาเล่าให้ฟังก่อนค่ะ

โดย: เพลงฝนต้นลมหนาว

วันที่: 17 ธันวาคม 2550 เวลา:16:29:54 น.