Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
19 พฤศจิกายน 2550
 
All Blogs
 
The Host : ผลพวงจากความผิดพลาด



(หมายเหตุ : บทความนี้เคยตีพิมพ์ในนิตยสาร Financial Freedom ปีที่ 1 ฉบับที่ 3 พ.ศ.2549 - ผมนำมาลงเนื่องจากเว็บ Film Club ซึ่งเคยเก็บมีแนวโน้มว่าจะต้องปิดตัวลง จึงนำบทวิจารณ์เก่าๆ มาทยอยเก็บไว้ที่นี่ครับ อย่างไรก็ตามสำหรับบทความที่ตีพิมพ์ในนิตยสาร Financial Freedom ซึ่งไม่ใช่นิตยสารด้านภาพยนตร์ จึงเป็นการเขียนเชิงแนะนำภาพยนตร์ ผสมกับการวิจารณ์ มากกว่า จึงเหมือนเป็นการวิจารณ์-แนะนำหนังสั้นๆ เท่านั้น)

แม้ The Host จะเป็นหนังที่มีผู้ชมในเกาหลีมากถึง 12.5 ล้านคน และกลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลของประเทศภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว แต่เชื่อแน่ครับว่าพอออกฉายในประเทศไทยย่อมต้องมีคนไม่ต้องรสนิยมกับหนังสัตว์ประหลาดเรื่องนี้อยู่พอสมควรเป็นแน่

สาเหตุสำคัญก็เพราะเรามักคุ้นชินกับหนังสัตว์ประหลาดฟอร์มยักษ์ในแบบฮอลลีวู้ดเป็นหลัก เช่น Alien(1979), Anaconda(1997), Deep Blue Sea(1999) งานเหล่านี้ส่วนใหญ่พยายามหาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มารองรับในการให้ตัวละครไปเจอกับอสูรกายเหล่านี้ ตรงกันข้ามกับหนังสยองขวัญ หรือหนังสัตว์ประหลาดทุนต่ำที่มักให้เหตุผลในการเกิดสิ่งเหล่านี้แบบกำปั้นทุบดิน เช่น The Return of The Living Dead(ผีลืมหลุม-1985) ซึ่งทำให้คนกลายเป็นซอมบี้ด้วยสารพิษที่ไม่มีอยู่จริง - - The Host เองก็เป็นลักษณะอย่างหลัง หนังเพียงอิงมาจากเหตุการณ์จริงในเกาหลีใต้ ที่กองทัพสหรัฐอเมริกาได้ปล่อยสารฟอร์มัลดีไฮด์(หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ ฟอร์มาลีน สารเคมีที่ใช้ในการดองศพ และฆ่าเชื้อโรค ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต) จำนวนมหาศาลลงในแม่น้ำฮาน แม่น้ำสายหลักของประเทศ ซึ่งการกระทำดังกล่าวส่งผลให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตกลายพันธ์ตัวหนึ่งขึ้นมา

เรื่องราวเกิดขึ้นอีกครั้งในปี 2006 ครอบครัวของ ปาร์ค กังดู(ซอง กังโฮ) พ่อม่ายเมียทิ้งที่ทำงานในร้านค้าขายเล็กๆ ของ ฮีบอง(บุน ฮีบอง) ผู้เป็นพ่อบริเวณริมแม่น้ำฮาน กังดูเป็นคนไม่เอาไหนทั้งหัวทึบ และแสนขี้เกียจ จนแม้แต่ ฮยุนโซ(โค เอซัง) ลูกสาวยังระอา ข้อดีที่พอจะมองเห็นในตัวหนุ่มใหญ่ร่างท้วมผู้นี้คงเป็นความพยายามเล็กๆ ที่ไม่มีใครเห็นค่า ในการเก็บเศษเงินมาเป็นค่าซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ให้กับลูกรักของตน...ขณะนั้นเองผู้คนในสวนสาธารณะต่างก็ให้ความสนใจ หยุดมองไปที่วัตถุประหลาดใต้สะพาน และโดยไม่ทันระมัดระวังตัวมันก็ได้ปรากฏตัวขึ้นจากแม่น้ำกลายเป็นสัตว์ประหลาดยักษ์วิ่งทำลาย คร่าชีวิตผู้คนในบริเวณใกล้เคียงอย่างรวดเร็ว และหนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบจากโศกนาฏกรรมครั้งนี้คือกังดู เขารีบพาฮยุนโซหนีแต่ด้วยความสะเพร่า ลูกสาวจึงถูกสัตว์ร้ายจับตัวหายไปในอีกฝั่งของแม่น้ำฮาน

ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจในงานศพที่จัดให้กับบรรดาผู้เสียชีวิต แทนที่รัฐบาลจะประกาศหาทางจัดการกับสัตว์ประหลาดตัวนี้ กลับยินยอมให้ทางกองทัพจากสหรัฐอเมริกาเข้ามากักบริเวณผู้ที่สัมผัสตัวสัตว์และอาจติดเชื้อโรคร้ายแรงขึ้นมา...แน่นอนว่าพวกเขาไม่ฟังคำรบเร้าจากกังดูที่ชี้แจงว่าเขาได้รับโทรศัพท์จากลูกสาวที่ถูกสัตว์ประหลาดจับไปในค่ำคืนนั้น ทำให้เขาและครอบครัวต้องออกติดตาม และต่อสู้เท่าที่กำลังของตนพอจะทำได้

ด้วยเหตุผลง่ายๆ และการนำเรื่องราวของปัจเจกชนอย่างเรื่องในครอบครัวมานำเสนอของ The Host ทำให้หนังสามารถนำไปเปรียบเทียบได้กับหนังสัตว์ประหลาด 2 เรื่องนั่นคือ Godzilla อสูรกายของญี่ปุ่นที่กำเนิดจากผลพวงของระเบิดปรมาณู ซึ่งโดนใจคนแดนอาทิตย์อุทัยเพราะมันได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของโศกนาฏกรรมการพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 และ King Kong (2005) ฉบับปีเตอร์ แจ๊คสัน ซึ่งเป็นการนำหนังสัตว์ประหลาดฉบับเดิมมาทำใหม่ โดยไม่ได้เพิ่มเติมเหตุผลให้น่าเชื่อถือมากนัก แต่กลับเจาะลึกตัวละครหลักอย่างละเอียดยิบ พร้อมด้วยเทคนิคพิเศษที่สมจริงยิ่งขึ้น จนทำให้คนดูยุคใหม่สามารถตื่นเต้น และคล้อยตามไปกับคิงคองได้อีกครั้ง

งานของผู้กำกับ บอง จุนโฮ เรื่องนี้เองก็มีเทคนิคพิเศษที่สมจริงเช่นกัน(หนังได้ทีมงานจากตะวันตกซึ่งเคยทำเทคนิคพิเศษด้านภาพให้กับ Harry Potter and The Goblet of Fire) แต่ทีเด็ดและจุดแข็งของหนังจริงๆ อยู่ที่อารมณ์ตลกร้ายซึ่งเสียดสีสังคมร่วมสมัยของเกาหลีอย่างเจ็บแสบ ซึ่งอย่างหลังนี่เองที่โดนใจคนตาดำๆ แดนโสมเหลือเกิน

ถึงแม้เกาหลีใต้จะปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย แต่ก็เป็นเช่นเดียวกับอีกหลายประเทศในภูมิภาคนี้ซึ่งผ่านการเปลี่ยนแปลงพร้อมการทำรัฐประหาร และการประท้วงนับครั้งไม่ถ้วน กระนั้นประชาธิปไตยก็ไม่เต็มใบ ยังมีแนวคิดอำนาจนิยมมาใช้ปกครองประชาชนแบบเบ็ดเสร็จ และเอื้อประโยชน์ในการคอรัปชั่นต่อตนเองและพวกพ้อง ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือการที่ประเทศยังอยู่ใต้เงาของสหรัฐอเมริกามาโดยตลอดนับตั้งแต่เปลี่ยนระบอบการปกครอง หลังสงครามโลกครั้งที่ 2...ดังเช่นความเป็นจริงที่การปล่อยสารพิษลงแม่น้ำในปี 2000 ก็ไม่สามารถจับผู้กระทำผิดมาลงโทษได้

ในหนังเราจึงได้เห็นการปล่อยให้สหรัฐอเมริกาเข้ามามีบทบาทในประเทศ โดยปราศจากความรับผิดชอบ, การทำงานของรัฐบาลที่เน้นการสร้างสถานการณ์ และควบคุมประชาชนให้ตกอยู่กับความหวาดกลัว, ความเหลื่อมล้ำระหว่างชนชั้น, และกระบวนการทำงานของภาครัฐที่มีความลับมากมาย โดยที่ผู้เดือดร้อนไม่อาจเข้าใจ หรือหวังพึ่งพิงได้เลย

เช่นเดียวกับคนในประเทศที่มีความสะดวกสบายอันพร้อมสรรพ ก่อเกิดวิถีชีวิตใแบบต่างคนต่างอยู่ จนได้ทำให้พวกเขาลืมการพึ่งพาอาศัย หรือแม้กระทั่งดิ้นรนต่อสู้ด้วยตนเองไปยามที่ต้องประสบภัยพิบัติ (ชื่อหนังหมายถึงเจ้าของบ้าน ซึ่งได้แก่ธรรมชาติ สัตว์ประหลาดตัวนี้จึงเป็นผลพวงจากการทำลายธรรมชาติของมนุษย์)...แต่หนังเองก็ไม่ได้มุ่งวิพากษ์เพียงถ่ายเดียว หากประเด็นสำคัญกลับเป็นคำถามที่มีต่อผู้คนว่า “เราจะรับมืออย่างไรกับชีวิตความเป็นอยู่เช่นนี้ ?”

ครอบครัวของกังดูเองก็ไม่ได้ต่างจากที่กล่าวมานัก...กังดู ชายหนุ่มไม่เอาไหนซึ่งมีรูปลักษณ์ภายนอกตรงข้ามกับมาตรฐานพระเอกโดยสิ้นเชิง เขามีภาพเป็นตัวแทนของประชาชนผู้ถูกกระทำได้เป็นอย่างดี ทั้งอดีตซึ่งเคยเป็นเด็กลักขโมยของกินเพราะไม่ได้รับการดูแลอย่างดีพอ และปัจจุบันที่ถูกกักตัวในฐานะผู้ติดเชื้อโรคจากสัตว์ประหลาด

ส่วนพฤติกรรมของพ่อ และนัมอิล(ปาร์ค แฮอิล) น้องชายของคังดู เองก็ดูจะไม่ต่างกันนัก ระหว่างการตามหาสัตว์ประหลาด ฮีบองยอมศิโรราบให้กับอิทธิพลมืด และการติดสินบนเจ้าพนักงานอย่างง่ายดาย ราวกับทั้งชีวิตของชายแก่ผู้นี้ดำรงอยู่อย่างไม่มีปากมีเสียงจนชาชิน แต่ที่แย่ยิ่งกว่ากลับเป็น นัมอิลซึ่งมีปูมหลังเคยเป็นกลุ่มนักศึกษาต่อต้านรัฐบาล ในปัจจุบันเขาไม่เพียงแต่ตกงาน และติดเหล้า แต่ก็เชื่อในวิธีการซื้อคนด้วยเงินไม่ต่างกัน ราวกับว่าบาดแผลในอดีตไม่ได้ฝากข้อคิดเตือนใจให้กับพวกเขาแม้แต่น้อย...อาจเป็นเพราะมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนทำให้มโนธรรมในตัวมนุษย์ได้ของพวกเขาลดน้อยถอยลงทุกที

แต่ละคนต่างใช้เวลาอยู่นานในการดึงสัญชาตญาณการต่อสู้ และตัวตนที่เคยหายไปให้กลับมาอีกครั้ง เพื่อรับมือกับภัยตรงหน้า…แต่เพราะนี่เป็นการหาทางออกของคนตัวเล็กๆ เมื่อท้ายที่สุดจึงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทั้งท่าทีของรัฐบาล หรือวิถีชีวิตของคนในสังคม

ในฉากสุดท้าย โทรทัศน์ได้ออกข่าวมาชี้แจงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า “เป็นผลจากความผิดพลาดด้านการสื่อสาร” ซึ่งเป็นคำที่อาจหมายถึงความผิดพลาดในการสื่อสารระหว่าง ธรรมชาติกับมนุษย์, สหรัฐฯ กับเกาหลีใต้, รัฐบาลกับประชาชน, คนในครอบครัวปาร์ค, หรือระหว่างผู้คนกับสัตว์ประหลาดก็เป็นได้ และแน่นอนว่ามันจะเกิดต่อไป

ส่วนกังดูเขามีสภาพไม่ต่างจากครั้งแรกที่เราเห็นนัก หากดูมีอาการหวาดกลัวจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา แต่อย่างน้อยเขาก็เริ่มเรียนรู้วิธีการรับมือกับปัญหาในชีวิตมากขึ้น

…นั่นคงเป็นสารสำคัญที่เขารับรู้ได้เสียทียามที่ต้องเผชิญกับหายนะและความสูญเสีย


Create Date : 19 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2550 12:48:32 น. 12 comments
Counter : 2209 Pageviews.

 
ดูเรื่องนี้ทางช่อง 7 ตอนท้าย ๆ เรื่อง
แล้วต้องรีบไปหามาดูเต็ม ๆ เลยค่ะ
ชอบมาก
ตั้งใจจะเขียนถึงในบล็อกเหมือนกันค่ะ

^ ^


โดย: โสดในซอย วันที่: 19 พฤศจิกายน 2550 เวลา:13:02:47 น.  

 
อ้าว Film Club จะปิดซะแล้วเหรอครับ



โดย: joblovenuk วันที่: 19 พฤศจิกายน 2550 เวลา:14:24:17 น.  

 
คุณโสดในซอย
^
^
^
ได้ดูตอนท้ายๆ เหมือนกันครับ ก็เลยนำมาประเดิมการย้ายบทวิจารณ์ซะเลย

คุณจ๊อบ
^
^
^
ก็จนใจครับ เพราะเว็บมันไม่สามารถอัพเดทได้ แถมบทวิจารณ์ของคนที่มาสมัครใหม่ก็ไม่ติด แต่ดันมาติดในส่วนของผมปนกันมั่วไปหมด สอบถามคนที่วานให้ผมมาดูแล เขาก็ไม่ว่างเปิดเหมือนกัน ก็ต้องเขียนว่า "ปิดชั่วคราว" ไปก่อนล่ะครับ


โดย: yuttipung วันที่: 19 พฤศจิกายน 2550 เวลา:14:57:38 น.  

 
ยังไม่เคยดูเลยหงะ อิอิ


โดย: ann (a_mulika ) วันที่: 22 พฤศจิกายน 2550 เวลา:19:16:55 น.  

 
เตรียมตัว ในการเลือกตั้งที่จะถึงแล้วหรือยังคะเข้าไปดูรายชื่อ สส. แบบแบ่งเขตและแบบสัดส่วนได้ที่ blog ได้นะจ๊ะ


โดย: ann (a_mulika ) วันที่: 22 พฤศจิกายน 2550 เวลา:20:05:58 น.  

 
ผมชอบหนังฝั่งเอเชียมากกว่านะ ในแง่บรรยากาศมันจะดูเงียบเชียบน่าจินตนาการดี แม้ว่าบางฉากจะไม่สมจริงเท่าไหร่

Hostels


โดย: Lek IP: 58.64.79.245 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2550 เวลา:1:36:59 น.  

 
เป็นหนังที่ดูได้สนุกดีค่ะ


โดย: renton_renton วันที่: 23 พฤศจิกายน 2550 เวลา:9:01:06 น.  

 


แวะมาทักทายวันอาทิตย์หลังลอยกระทงจ้า


โดย: ann (a_mulika ) วันที่: 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา:14:41:29 น.  

 

ตัวหนังสือมากจังขีเกียจอ่าน


โดย: อาตี๋น้อย IP: 202.143.149.101 วันที่: 30 มกราคม 2551 เวลา:15:18:02 น.  

 
ผมขี้เกียดอ่านมากคับๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ 5555555555+ *0* -*- *-*


โดย: 032 IP: 202.143.149.101 วันที่: 30 มกราคม 2551 เวลา:15:21:17 น.  

 
ดูชื่อเรื่อง นึกถึง ผลพวงแห่งความคับแค้น จอห์น สไตน์เบค (ล้อเล้นน้า....)
ช่วงนี้ไม่มีเวลาดูหนังเลย เศร้าจิต!!!


โดย: nonga (normalization ) วันที่: 20 พฤษภาคม 2554 เวลา:18:27:41 น.  

 
อืมม์...ครับ พอนึกถึงผลพวง ต้องนึกถึงชื่อนิยายเรื่องนี้ทันทีจริงๆ


โดย: yuttipung วันที่: 23 พฤษภาคม 2554 เวลา:15:18:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

yuttipung
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เป็นคนไม่เป็นโล้เป็นพายคนหนึ่งที่ติดอินเตอรเน็ต จนได้งานพอประทังเลี้ยงชีพ Blog นี้มอบให้แก่หญิงสาวที่ให้กำลังใจสำหรับความฝันอันริบหรี่ของผมมาตลอด ปัจจุบันเรียนโทจบแล้ว ทำงานหลายที่ หลักๆ ตอนนี้เพิ่งเริ่มเป็น Webmaster นิตยสารแห่งหนึ่ง ส่วนงานพิเศษคือลงข่าว และข้อมูลหนัง ดูแลเว็บให้กับ Popcornmag กับ เครือข่ายคนดูหนัง และเขียนวิจารณ์ภาพยนตร์ให้กับ Filmax

Friends' blogs
[Add yuttipung's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.