Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
28 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
Son of Rambow แรมโบ้กับแรงบันดาลใจต่อเด็กสองคน

หมายเหตุ : บทความนี้เขียนเพื่อใช้ลงใน บล็อกเครือข่ายคนดูหนัง



ในปี พ.ศ.2551 พระราชบัญญัติภาพยนตร์ได้มาถึงจุดเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ท่ามกลางการเซ็นเซอร์ เบลอ และแบนหนังที่ดูจะมากขึ้นอีกครั้งต่อเนื่องจากปี พ.ศ.2550 ท่ามกลางสถานการณ์กลางเมืองที่เข้าสู่จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญเช่นกัน - ขณะเดียวกันมันยังเป็นปีที่มีหนังเข้าฉายในประเทศไทยหลายเรื่องยกประเด็นเกี่ยวกับหนังกับอิทธิพลต่อคนดูหนังอยู่หลายเรื่อง อาทิ Be Kind, Rewind ของผู้กำกับ มิเชล กอนดรี้, Serbis หนังฟิลิปปินส์ของผู้กำกับ บริลลันเต้ แมนโดซ่า, The Fall ของผู้กำกับ ทาร์เซ็ม หรือแม้แต่ ปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น ของผู้กำกับ ทรงยศ สุขมากอนันต์ หลายเรื่องนั้นเราจะกล่าวถึงในโอกาสต่อไป แต่ที่เราจะกล่าวถึงในครั้งนี้คือ Son of Rambow ซึ่งฉายแบบจำกัดโรงในโรงภาพยนตร์เครือเอเพ็กซ์

Son of Rambow เป็นหนังจากประเทศอังกฤษ ผลงานของผู้กำกับ การ์ธ เจนนิ่ง(The Hitchhiker’s Guide to the Galaxy) เล่าเรื่องย้อนไปในต้นยุค 80s กับมิตรภาพระหว่างเด็กน้อยสองคนที่แปลกแยกจากสังคมรอบข้าง วิล(บิล ไมลเนอร์) ผู้ขี้อาย เก็บตัว แต่แฝงพรสวรรค์ด้านศิลปะ ทว่าทุกอย่างก็ถูกปิดกั้นเนื่องจากครอบครัวของเขานับถือศาสนา Plymouth Brethren ซึ่งห้ามดูโทรทัศน์ ภาพยนตร์ และฟังเพลง อย่างเข้มงวด ด้วยความเชื่อว่ามันคือสิ่งชั่วร้าย และ ลี(วิล โพลเตอร์) ตัวป่วนประจำโรงเรียน พวกเขาพบกันโดยบังเอิญระหว่างถูกสั่งให้ออกจากห้องเรียน ลีชักชวนวิลให้ร่วมสร้างหนังเลียนแบบภาพยนตร์เรื่อง Rambo: First Blood (ซึ่งกลายเป็นที่มาของชื่อหนัง) เพื่อประกวดเอารางวัลจากสถานีโทรทัศน์ BBC

หลังจากจับพลัดจับผลูได้ดูหนังอย่าง Rambo: First Blood บางฉากโดยบังเอิญ ความที่วิลไม่เคยชมหนังมาก่อน จินตนาการของเขาจึงเตลิดเปิดเปิงไปไกล คิดนำประสบการณ์ของตนที่พ่อเสียชีวิตไปรวมเข้ากับหนัง จนตัดสินใจเขียนบทและร่วมแสดงในหนังโฮมวิดีโอของลี ท่ามกลางความขัดแย้งกับคนในครอบครัว และจุดพลิกผันที่เกิดจากบรรดาเด็กในโรงเรียนที่เข้ามามีบทบาทกับการถ่ายหนังกิ๊กก๊อกของทั้งคู่

จุดเด่นนอกเหนือจากอารมณ์ขันเรียบๆ สไตล์หนังอังกฤษ และภาพแทนจินตนาการของวิล ยังรวมถึงการเลียนแบบและคารวะรายละเอียดต่างๆ จากหนังดังในยุคนั้น อาทิ บุคลิกการปาลูกบอลเล่นกับกำแพงอย่างโดดเดี่ยวที่นำบุคลิกของ สตีฟ แม็คควีน จากภาพยนตร์เรื่อง The Great Escape(1963), เด็กนักเรียนแลกเปลี่ยนชาวฝรั่งเศสที่พยายามเลียนแบบบุคลิกของ แพทริค สเวย์ซี่ย์ จาก The Outsider(1983), บรรยากาศของหนังวัยรุ่นโรงเรียนที่นิยมสร้างในสมัยนั้น กับพล็อตที่คนต่างเห่อนักเรียนแลกเปลี่ยนชาวฝรั่งเศส, การเปลี่ยนแปลงการถ่ายหนังของวิล และลี ของนักเรียนคนอื่นในลักษณะ “มากคนมากความ” เช่นเดียวกับ Rambo: First Blood ที่ในภาคต่อมาก็เปลี่ยนจากหนังดราม่าให้กลายเป็นหนังแอ็คชั่นเต็มตัว และ หนังเรื่อง Yentl(1983) หนังเพลงที่เข้าฉายในตอนท้ายเรื่อง ซึ่งมีเนื้อหาใกล้เคียงกับชีวิตของวิลไม่น้อย

แต่เหนืออื่นใดการเน้นประเด็นการข้ามพ้นวัย (Coming-of-Age) ของตัวละครทั้งสองก็น่าจะเป็นจุดเด่นและเข้ากับสถานการณ์การเซ็นเซอร์ภาพยนตร์ของประเทศไทยเราได้เป็นอย่างดี ท้ายที่สุดพวกเขาก็ได้เรียนรู้ว่ามิตรภาพของคนที่ใกล้ชิดนั้นสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด อย่างน้อยๆ ดูเหมือนของแต่ละฝ่ายก็เลือกคนในครอบครัวมากกว่ากลุ่มก้อนทางสังคมใดๆ ซึ่งทำให้การเปลี่ยนอารมณ์เป็นซาบซึ้งในช่วงท้ายเป็นฉากที่ดีที่สุดฉากหนึ่งของเรื่อง

Son of Rambow บอกเราว่าแม้เด็กที่เหมือนจะมีปัญหาที่สุด การดูหนังที่มีความรุนแรงอย่าง Rambo: First Blood จนนำไปเลียนแบบ ก็อาจจะไม่ได้ส่งผลเลวร้าย หากไม่ได้มีตัวแปรสำคัญคือการปิดกั้น ไม่พยายามทำความเข้าใจจากคนในครอบครัว(ปัญหาของหนังต่างถูกคลี่คลายจากครอบครัว) ขณะเดียวกันศาสนาที่บอกว่าสื่อต่างๆ คือสิ่งชั่วร้ายและเลือกไม่ให้เราเสพมัน สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถปิดกั้นมันได้ตลอดทุกครั้ง มิหนำซ้ำเมืองที่พวกเขาอาศัยอยู่ก็มีสิ่งที่เป็นอันตรายโดยที่พวกเขาอาจไม่ได้ตระหนักเลยอย่างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เสียด้วยซ้ำ

การ์ธ เจนนิ่งส์ อิงเรื่องราวบางส่วนจากประสบการณ์วัยเด็กของเขาเอง จากความประทับใจที่เขาทำหนังแบบมือสมัครเล่น และได้ฉายในโรงภาพยนตร์

อาจกล่าวได้ว่าหนังอาจมีส่วนเปลี่ยนแปลงผู้คน หรืออาจไม่มีเลย แรมโบ้อาจเป็นตัวแทนของความรุนแรงเพื่อความเพลิดเพลินของใครหลายคน, หนังเล็กๆ ทุนต้อยต่ำขนาดสั้นฉายก่อนเข้าโรงอาจไม่มีคุณค่าอะไรสำหรับคนจำนวนมาก แต่สำหรับคนตัวเล็กๆ อย่าง วิล และลี หนังสองเรื่องนี้มีค่ามากมายมหาศาล เช่นเดียวกับที่หนังเล็กๆ ในวัยเด็กที่มีต่อตัวเจนนิ่งส์คนสร้างหนังเรื่องนี้นั่นเอง


Create Date : 28 ตุลาคม 2551
Last Update : 28 ตุลาคม 2551 14:07:52 น. 11 comments
Counter : 2570 Pageviews.

 
น่าสนใจเชียว


โดย: Untrue วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:17:09:48 น.  

 
เพื่อนบล็อคของผมคนหนึ่งได้ดูมาแล้ว เห็นบอกว่าตอนจบถึงกับน้ำตาซึมเลยทีเดียว ทำเอาปรอทความอยากดูพุ่งขึ้นสูงปรี๊ด

รอคอยดีวีดี หวังว่าคงจะออกในเร็ววันนี้



โดย: แฟนผมตัวดำ วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:22:12:59 น.  

 
อ้อ เกือบลืม จะบอกว่าอ่านที่คุณยติภังค์เมนท์ถึงน้องเมอร์แล้วขำก๊ากเลยครับ (ผมอุตส่าห์เลี่ยงแล้วเชียวนา)


โดย: แฟนผมฯ IP: 202.134.119.218 วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:17:45:37 น.  

 
เสียน้ำตาให้หนังเรื่องนี้ค่ะ
ทั้งๆ ที่หนังไม่ได้บิ๊วท์ ไม่ได้จงใจให้คนดูจะซึ้งอะไรปานนั้น
แต่เรารู้สึกได้ถึงความอบอุ่นในหนังค่ะ



โดย: ยิ่งยง นั่งยองยอง วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:21:03:55 น.  

 
คุณ Untrue
รีบหาดูนะครับ

คุณแฟนผมฯ
อ้าว รอดีวีดีซะเลย

ส่วน น้องเมอร์ก็...นะ 555

คุณยิ่งยง
ชื่อ Login ฮาจังครับ ผมเองก็เสียน้ำตาให้กับหนังในช่วงท้าย


โดย: yuttipung IP: 58.9.221.48 วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:21:36:12 น.  

 
I just watched this 3 days ago! Love the movie. It's so cute and reminded me of the 80's.

I cried for the final scene. Lee Carter was crying too!


โดย: offita วันที่: 1 พฤศจิกายน 2551 เวลา:3:46:54 น.  

 
ตอนแรกผมนึกว่าหนังต๊องๆ ซะีอีก -_-'
เดี๋ยวจะไปดูบ้างละ

ว่าแต่พี่ไม่ชอบ กอด กับ เฉิ่ม เหรอ ฮ่าๆ


โดย: วัช IP: 203.121.160.57 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2551 เวลา:12:59:42 น.  

 
^
^
^
เอ...พี่ชอบนะ แต่จะซื้อหนังสือเล่มหนึ่ง (รักเปื่อย) คงไม่ได้เอาเหตุผลมาจากคนขายน่ะ ไม่ชอบ


โดย: yuttipung IP: 58.9.221.194 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2551 เวลา:14:08:04 น.  

 
กะว่าจบงานเวิลด์ฟิล์มแล้วก็จะตะลุยดูหนังที่ค้างที่ดองไว้ต่อไป รวมทั้งเรื่องนี้ด้วย


โดย: renton_renton วันที่: 3 พฤศจิกายน 2551 เวลา:16:30:53 น.  

 
คุณหริ่ม
^
^
Worldfilm ปีนี้ผมดูแค่ 3 เรื่องเองครับ ติดธุระยาวเลย


โดย: yuttipung IP: 58.9.221.194 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2551 เวลา:17:13:31 น.  

 
เพิ่งได้ดูหนังเรื่องนี้
เพราะหลายคนยอ
ไม่ผิดหวัง ไม่ได้ดูหนังเด็กๆ สนุกๆ มานานแล้ว


โดย: คนขับช้า วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:21:59:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

yuttipung
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เป็นคนไม่เป็นโล้เป็นพายคนหนึ่งที่ติดอินเตอรเน็ต จนได้งานพอประทังเลี้ยงชีพ Blog นี้มอบให้แก่หญิงสาวที่ให้กำลังใจสำหรับความฝันอันริบหรี่ของผมมาตลอด ปัจจุบันเรียนโทจบแล้ว ทำงานหลายที่ หลักๆ ตอนนี้เพิ่งเริ่มเป็น Webmaster นิตยสารแห่งหนึ่ง ส่วนงานพิเศษคือลงข่าว และข้อมูลหนัง ดูแลเว็บให้กับ Popcornmag กับ เครือข่ายคนดูหนัง และเขียนวิจารณ์ภาพยนตร์ให้กับ Filmax

Friends' blogs
[Add yuttipung's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.