นักดูหนังฟรี
หลังจากลองสังเกตบล็อกของตนเองมาได้สักระยะหนึ่ง ก็รู้สึกว่ามันหมกมุ่นเหลือเกิน เขียนไปเขียนมาก็วนๆ อยู่กับการดูหนัง ก็แน่ล่ะว่าอาชีพผมสัปดาห์หนึ่งอย่างน้อยต้องดูหนังในโรงอยู่แล้ว แต่คิดไปคิดมาหาเวลาไปทำอย่างอื่นบ้างก็ดีเหมือนกัน (อืมม์...การเขียนบล็อก หรือบันทึกอะไรสักอย่างไว้ก็มีข้อดีอย่างนี้นี่เอง)
เข้าหัวข้อกันดีกว่า...เพราะอาชีพที่ต้องเป็นสื่อเขียนข่าว-วิจารณ์ภาพยนตร์ ทำให้มีโอกาสได้ดูหนังรอบสื่ออยู่บ่อยๆ และจากประสบการณ์ที่พานพบก็ได้เห็นคนกลุ่มหนึ่งที่พอจะเรียกว่าเป็น "นักดูหนังฟรี" จึงนำมาเล่าบอกต่อกัน
คนดูหนังฟรีในรอบสื่อนั้นมีมากมายครับ ตั้งแต่นักวิจารณ์, สื่อมวลชนหลายแขนง ตั้งแต่ วิทยุ, โทรทัศน์, หนังสือพิมพ์, นิตยสาร ไปจนถึงเว็บไซต์ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงผู้โชคดีจากเว็บไซต์-รายการต่างๆ ที่มีเกมส์ให้ร่วมสนุกเพื่อชิงบัตรชมภาพยนตร์รอบพิเศษ
หรือบางที นักดูหนังที่เขียนวิจารณ์ในพันธ์ทิพย์นี่แหละ บางคนโด่งดังจนถูกเชิญให้ไปดูหนังก่อนใครก็มีมาไม่ใช่น้อยๆ
จากการสังเกต เห็นหน้าค่าตาของคนที่ได้บัตรฟรีบ่อยๆ นั้นจะพบบุคคลหน้าเดิมๆ บ่อยๆ บางครั้งก็เป็นสมาชิกในเว็บที่มีโอกาสพบปะพูดคุยกันตามการมีตติ้ง และระหว่างรอชมภาพยนตร์ จนภายหลังก็ได้ข้อมูลมาว่าหลายคนที่เราเห็นหน้าอยู่แถวรอบสื่อฯ นั้น บางคนได้ดูหนังรอบสื่อมากกว่าสื่อมวลชนเสียอีก ทั้งนี้ด้วยวิธีสารพัด อาทิ การหาเว็บไซต์ที่จะเล่นเกมส์ชิงบัตรชมภาพยนตร์แบบเล่นทุกเจ้า, กดโทรศัพท์ชิงบัตรในรายการโทรทัศน์, ทำความรู้จักสื่อมวลชนหลายๆ คน, มีเพื่อนช่วยในการหาบัตรฟรี แล้วนำมาแบ่งปันกัน, ใช้ชื่อคนอื่น อาทิ เพื่อน ครอบครัว และญาติสนิท ในการเล่นเกมส์ โอกาสในการชิงบัตรก็จะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อคิดว่ารอบสื่อมวลชนเหล่านี้ฉายเฉพาะที่กรุงเทพฯ โอกาสที่จะได้ดูหนังก็ยิ่งมากขึ้นตามตัว ผมเผลอคิดไปเลยด้วยซ้ำว่าคนเหล่านี้มีวิธีการได้บัตรฟรีแบบอื่นๆ อีกหรือเปล่า อาทิ การเอานักเลงมาข่มขู่, เป็นแฮกเกอร์แก้ไขข้อมูล หรือ ยอมใช้ร่างกายเข้าแลกกับบัตรหนัง(ฮา)
มีครั้งหนึ่งระหว่างออกจากโรงภาพยนตร์ ได้ทักทายสมาชิกในเว็บไซต์คนหนึ่งเข้า ก่อนจะเดินจากไป...เดินไปได้พักหนึ่งก็เจอนักดูหนังฟรีอีกท่านมาทักว่า "รู้จักน้องคนเมื่อกี้ด้วยเหรอ ?" คำถามที่ถามมานั้นก็ไม่ใช่อะไร แค่จะมาบ่นว่าเห็นหน้าน้องเขาประจำจนตกใจว่า(มัน)หาบัตรมาได้ยังไง โดยหารู้ไม่ว่าตัวผู้ถามนั้นก็อยู่ในกลุ่มนักดูหนังฟรีระดับมืออาชีพที่ทุกคนสังเกตเช่นกัน
แรกๆ ผมก็รู้สึกไม่ดีกับคนกลุ่มนี้เท่าไหร่ แต่พอมาคิดดูดีๆ ถ้านักดูหนังฟรีเหล่านี้ไม่รักการชมภาพยนตร์เป็นชีวิตจิตใจ คงไม่ทุ่มเทหาบัตรขนาดนั้นเป็นแน่แท้ ยิ่งมีครั้งหนึ่งที่เว็บไซต์ของผมแจกบัตรชมภาพยนตร์เป็นการเร่งด่วน เพราะผู้โชคดีส่วนใหญ่ที่ได้รับบัตรสละสิทธิ์กันเป็นแถว....ก็ได้คนกลุ่มนี้นี่เอง หาคนมาเพิ่มให้(เนื่องจากนักดูหนังฟรีหลายคนรู้จักกันดี และช่วยกันหาบัตรฟรีให้เท่าที่จะทำได้) มิหนำซ้ำยังได้รับการรายงานจากคนเหล่านี้อีกด้วยว่า ผู้โชคดีบางท่านหัวใสเอาบัตรฟรีที่ว่าไปขายต่อในราคา 50-80 บาท ทำให้เตือนสติได้ว่าอย่างน้อย นักดูหนังฟรีเหล่านี้ก็ไม่ได้กระทำเรื่องน่าละอายแบบนั้นให้เห็น
แต่ที่สำคัญไม่ว่าใครจะเป็น นักวิจารณ์ สื่อมวลชน หรือคนทั่วไป ก็อาจกลายพันธ์ กลายเป็น "นักดูหนังฟรี" ได้ทุกคน หากเราคิดว่าหนังรอบสื่อนั้นคือสิ่งสมนาคุณ จนทำให้เกิดความรู้สึกเกรงอกเกรงใจ นักวิจารณ์ และสื่อมวลชน ที่ได้ดูหนังฟรีก็อาจจะเผลอยกยอหนังบางเรื่องเสียเลิศลอยเกินความจริง ไม่ก็เลี่ยงจะไม่กล่าวถึงเสีย หากคุณภาพย่ำแย่ และที่หนักกว่าคือไม่สนใจหนังที่ไม่ฉายรอบสื่อฯ
ผมเชื่อว่า "นักดูหนังฟรี" หลายคนที่เป็นคนทั่วไปนั้น เริ่มแรกก็มาใจรักการดูหนังทั้งสิ้น ประกอบการเห็นรอบพิเศษเหล่านี้เป็นของฟรี ไม่ต้องเสียเงินเสียทองซื้อค่าตั๋วหนังที่นับวันจะมีแต่แพงขึ้น แต่นานวันเข้าก็เคยชินกับการไล่ล่าหาตั๋วฟรีจนลืมมองไปว่า "ของฟรีไม่มีในโลก" ด้วยเช่นกัน มันมีค่าตอบแทนเสมอครับ
รอบพิเศษส่วนใหญ่ ถ้าไม่ใช่สื่อ หรือ นักวิจารณ์ชื่อดังจริงๆ ส่วนใหญ่ก็ได้นั่งแถวที่เสี่ยงต่อการแหงนหน้าจออยู่บ่อยครั้ง การฉายรอบดึกตั้งแต่ 2 ทุ่มขึ้นไป ก็เสี่ยงต่อการกลับบ้านดึกดื่น ตกรถเมล์ได้ง่ายๆ สารภาพว่าถ้าไม่ติดว่าต้องดูหนังเพื่อมาเขียน เดี๋ยวนี้ก็ไม่อยากไปดูครับ เพราะบางเรื่องทำเอาเสียเงินค่ารถแพงกว่าค่าตั๋วหนังปรกติด้วยซ้ำ
ที่สำคัญที่สุดวันใดก็ตามที่หนังฟรีเหล่านี้ ทำลายความสุขในการดูหนัง ผมคิดว่า "นักดูหนังฟรี" ต้องพิจารณาแล้วล่ะครับว่าเราเป็นคนรักหนัง หรือเพราะเสพติดการดูหนังฟรีกันแน่ ?
Create Date : 02 สิงหาคม 2550 |
|
13 comments |
Last Update : 2 สิงหาคม 2550 14:22:38 น. |
Counter : 2454 Pageviews. |
|
|
|