Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2548
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
2 กรกฏาคม 2548
 
All Blogs
 
The Aviator ชีวิตคนบินสูง

ผู้กำกับ : มาร์ติน สกอร์เซซี

นักแสดง : ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ, เคท แบลนเชต, เคท เบคคินเซล, จอห์น ซี รีลี่ย์, อลัน อัลด้า

โฮเวิร์ด ฮิวจ์ เกิดในฮุสตันปี 1905 เขาเป็นทั้งนักธุรกิจบ่อน้ำมัน, สายการบิน, ผู้อำนวยการสร้าง, ผู้กำกับภาพยนตร์, นักบิน และอีกสารพัดธุรกิจอีกหลายอย่างที่เขาไปเกี่ยวข้อง ตัวเขาเคยสร้างสถิติหลายอย่างตั้งแต่การสร้างและกำกับภาพยนตร์ที่ลงทุนสูงสุดในขณะนั้นอย่าง Hell 's Angels(1930), หรือ The Outlaw(1943) หนังที่มีฉากล่อแหลมต่อการโดนเซ็นเซอร์ที่สุดในยุคนั้น , การสร้างสถิติทางด้านการบินหลายครั้ง รวมไปถึงการเปลี่ยนคู่ควงซึ่งเป็นนักแสดงสาวไม่ซ้ำหน้า ทั้ง จีน ฮาร์โลว์, แคทเธอรีน เฮพเบิร์น, เอวา การ์ดเนอร์ และใช้ชีวิหรูหราราวกับเทพนิยายก็ไม่ปานจนอาจเรียกได้ว่าเรื่องราวของฮิวจ์เป็น American Dream อย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องราวที่ปรากฎในนิยายอย่าง The Great Gatsby ของเอฟ.สก๊อต์ ฟิทซ์เจอรัลด์

แม้ The Aviator จะเป็นหนังชีวประวัติที่แปลกแตกต่างจากชื่อเสียงของผู้กำกับอย่าง มาร์ติน สกอร์เซซี ที่โดดเด่นในแนวหนังแก็งสเตอร์และมุมมืดในสังคมนิวยอร์คอย่าง Mean Streets, Taxi Driver, Goodfellas, King of Comedy แต่มันก็ยังคงมีลักษณะความเป็นหนังของสกอร์เซซีอย่างเด่นชัด เรื่องราวส่วนใหญ่ที่เขานำมาเล่านั้นพูดถึงคนที่มีสภาพแปลกแยกจากคนทั่วไปในสังคม และถามหาศรัทธาจากพระผู้เป็นเจ้า(หรือในอีกกรณีหนึ่งก็คือเป็นคนที่ไม่เคยมีสิ่งเหล่านั้น) ไม่ต่างกับที่เขาเคยทำชีวประวัตินักมวยอย่าง แจ๊ค ลามอตต้า ใน Raging Bull, ทราวิส คนขับแท็กซี่ที่คิดแต่เรื่องความสะอาดบริสุทธิ์ของเมืองใน Taxi Driver, แซม บาวเด้น ใน Cape Fear หรือ แฟรงค์ เพียร์ซ บุรุษพยาบาลใน Bringing Out The Dead



อย่างไรก็ตามเนื่องจากโฮเวิร์ด ฮิวจ์ ได้ทำอะไรต่อมิอะไรหลายอย่างจนยากจะครอบคลุม บทภาพยนตร์ของ จอห์น โลแกน จึงขับเน้นออกมาเพียงช่วงชีวิตหนึ่ง มีการดัดแปลงเรื่องราวให้เข้ากับจังหวะของหนัง และเมื่อสกอร์เซซีมากำกับ ความถนัดในการนำเสนอภาพที่เกินจริง ของคนที่แปลกแยกนั้นก็ยิ่งขับเน้นชัดเจนตัวของฮิวจ์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ในหนังนั้นเรื่องของโฮเวิร์ด ฮิวจ์ (ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ)สามารถแยกออกมาได้สองส่วนหลักคือ เครื่องบิน และเต้านม อย่างแรกต้องการเน้นถึงการเป็นผู้อยู่สูงเหนือผู้อื่น และแสดงถึงความแตกต่างระหว่างเขากับบุคคลทั่วไป ส่วนอย่างหลังแสดงถึงความต้องการเป็นผู้บริสุทธิ์ตลอดเวลา และแสดงถึงสภาพของผู้ต้องการความรักเอาใจใส่ดั่งสภาพทารกที่ไม่ยอมโตของตัวละครแต่กลับต้องการอยู่ภายใต้ทรวงอกอันยิ่งใหญ่แทน โดยอาจแบ่งได้ดังนี้

หนัง Hell's Angels และ The Outlaw
การผจญภัยของฮิวจ์เริ่มในวัยหนุ่ม หนังเริ่มเรื่องส่วนนี้ในช่วงที่เขากำลังสร้าง Hell's Angels หนังที่ลงทุนสูงสุดในขณะนั้น ผู้คนในฮอลลีวู้ดต่างพากันหัวเราะเยาะเย้ยว่าไม่มีทางสร้างได้สำเร็จ หนังใช้เครื่องบินหลายลำ กล้องหลายตัว จนเมื่อสร้างเสร็จก็ยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีเพื่อสร้างใหม่ให้กลายเป็นหนังเสียงตามสมัยนิยม จากนั้นเขาก็สร้างหนังอีกหลายเรื่องในฐานะผู้อำนวยการสร้าง จนมากำกับอีกเรื่องคือ The Outlaw หนังมีจุดต่อในฉากหนึ่งที่ฮิวจ์พูดถึงเจตจำนงในการสร้างต่อจากหนังเรื่อง Scarface ซึ่งต้องให้เห็นถึงคนหัวขบถ และเรื่องต่อมาจะเน้นถึงความเป็นคนนอกกฎหมาย และยังเป็นหนังที่เผยส่วนหน้าอกของนักแสดงหญิงโจ่งแจ้งที่สุด ฉากที่เขาโต้แย้งกับคณะกรรมการเซ็นเซอร์ที่คิดจะหั่นฉากในหนังนั้นอาจแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาไม่ได้คิดว่าสิ่งที่เขาสร้างออกมาเป็นความผิดเลยแม้แต่น้อย

มีฉากหนึ่งในระหว่างสร้าง Hell's Angels เขาถึงขนาดบอกให้ทีมงานหาเมฆที่มีลักษณะคล้ายหน้าอกขนาดมหึมา และขณะสร้าง The Outlaw เขาก็เริ่มเป็นผู้ทำสถิติการบิน และประดิษฐ์เครื่องบินรุ่นใหม่ๆ ออกมามากมาย

อาชีพ นักบิน
แม้ฮิวจ์จะประกอบธุรกิจมากมาย แต่สิ่งที่เขาอยากเป็นที่สุดย่อมไม่พ้นนักบิน เขาได้ทำลายสถิติการบินจนอาจจะเรียกได้ว่าเขากลายมาเป็นจ้าวแห่งการบิน พร้อมกับการประสบความสำเร็จทางการงานสารพัด แต่เมื่อมีขึ้นก็ย่อมมีลง ครั้งหนึ่งขณะทดสอบเครื่องบินรุ่นใหม่ ฮิวจ์ประสบอุบัติเหตุร่วงลงพื้น เปื้อนเลือดและฝุ่นดินสภาพสาหัส เมื่อมีผู้เข้ามาช่วยเหลือ สิ่งที่เขาพูดออกไปนั้นแทนที่จะกล่าว่าตนเป็นมหาเศรษฐี กลับบอกออกไปว่า ผมเป็นนักบิน

ในช่วงที่เขาซื้อสายการบินนั่นเอง ตัวเขาก็เตรียมสร้างเครื่องบินโดยสารที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งไม่มีใครเชื่อว่าจะบินได้ อันแสดงถึงปรารถนาในความยิ่งใหญ่ ไม่ต่างจากทรวงอกขนาดมหึมา ฉากหนึ่งระหว่างในห้องตัดต่อหนัง เขาอธิบายเรื่องเครื่องยนต์ให้กับผู้ช่วย ด้วยแผ่นกระดาษที่อีกด้านเป็นบราเซียร์ของผู้หญิง ซึ่งเป็นไปได้ว่ามันเป็นแรงบันดาลใจสำหรับการสร้างเครื่องบินลำนั้นเหมือนกัน

การกิน และใช้ชีวิต
เขายึดติดกับความบริสุทธิ์ ซึ่งเริ่มจากการถูกสอนของผู้เป็นแม่ให้เขาต้องไม่ติดเชื้อจากสิ่งภายนอก ฮิวจ์แต่งกายด้วยเสื้อผ้าชั้นดี ไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น ไม่ดื่มอะไรอย่างอื่นนอกจากนม(ซึ่งแสดงถึงความสะอาด) เมื่อเขาเลิกกับเฮพเบิร์นนั้นถึงกับเผาเสื้อผ้าของตนทิ้งแล้วซื้อใหม่ รังเกียจความสกปรก และการสัมผัสจากผู้อื่น ฉากที่ฮิวจ์เข้าห้องน้ำล้างมือที่โดนผู้อื่น เขาถูสบู่อย่างรุนแรง จนเมื่อมีคนพิการมาขอให้เขาช่วยหยิบผ้าเช็ดมือแล้วเขาตอบปฏิเสธนั้น กลับเป็นฉากที่ไม่ได้แสดงถึงความเห็นแก่ตัว แต่กลับแสดงสภาพน่าสมเพชของตัวละครตัวนี้มากกว่า

อย่างไรก็ตามด้วยธุรกิจสารพัด ที่ต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งสกปรก แม้เขาจะหลีกเลี่ยงและปกปิดให้สะอาดก็ไม่อาจหลบพ้น อีกครั้งที่เขาถูสบู่ทีมือให้สะอาดแต่ยิ่งลบล้างเท่าไหร่ รอยแผลก็ยิ่งเปิดออกมาเท่านั้น ช่วงท้ายของเรื่องหลังจากการประสบอุบัติเหตุ เขาถูกตรวจค้นประวัติอย่างละเอียด การถูกฟ้องศาลจากคู่แข่งทางธุรกิจให้เขายอมจนมุม และความจำยอมที่ต้องกินอาหาร และเครื่องใช้ที่เปรอะเปื้อนอย่างที่ทุกคนบนโลกต้องเคยเป็น

ผู้หญิงและคนรัก
ฮิวจ์นั้นหากไม่มองผู้หญิงด้วยความเทิดทูน ก็มองด้วยการเป็นสิ่งของ ฉากแรกที่เราได้เห็นเขาเกี้ยวพาราสีพนักงานเสิร์ฟอาหาร ซึ่งแต่งกายด้วยชุดคลีโอพัตรา เขาก็ยกย่องเทิดทูนเกินปรกติ ขณะเมื่อยามที่บอบช้ำในชีวิต ฮิวจ์ถึงกลับจ้างผู้หญิงมาควงราวกับเป็นตุ๊กตา ซึ่งสะท้อนให้เห็นตัวตนของเขาเองว่าไม่รู้จักมนุษย์แม้แต่นิดเดียว และอาจจะรวมถึงตัวเขาเองที่ไม่อาจเรียนรู้ความเป็นคนธรรมดาทั่วไปว่าต้องการอะไร

อย่างไรก็ตาม โฮเวิร์ด ฮิวจ์ ก็มีคนรัก คนแรกคือ แคทเธอรีน เฮพเบิร์น(เคท แบลนเชต) นักแสดงหญิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฮอลลีวู้ด ซึ่งน่าจะเป็นผู้ที่เข้าใจเขามากที่สุด และรสนิยมความสมบูรณ์แบบ นิสัยที่ไม่ลงรอยกับนักข่าว หรือการเป็นราชินีหนังสครูว์บอล คอเมดี้ อันแสดงถึงสภาพชีวิตที่หลีกหนีความจริงแบบฮอลลีวู้ด ก็ทำเป็นคู่ที่ใกล้เคียงกันอย่างยิ่ง แต่ด้วยความเป็นจริงที่แตกต่างในครอบครัวและการใช้ชีวิต เธอกับเขาก็ได้แยกทางกันไป กับอีกคนหนึ่งคือ เอวา การ์ดเนอร์(เคท เบคคินเซล)ในช่วงท้ายของหนัง ซึ่งดูสูงค่าในสายตาฮิวจ์ แต่เธอกลับสอนให้เขาได้รู้จักสิ่งที่เงินซื้อไม่ได้ การเป็นผู้ให้ความรักอย่างแท้จริง และโลกที่แท้จริงไม่มีความสะอาดหรือสมบูรณ์พร้อม โดยอาจจะเรียกว่าคนทั้งสองเป็นตัวแทนของแม่ที่เขาเทิดทูนบูชากว่าผู้หญิงคนใด

การนำเสนอ
The Aviator นำเสนอชีวิตที่หลีกหนีความจริงของตัวฮิวจ์ แต่แท้จริงเขาย่อมไม่อาจหลบจากความจริงได้ แม้เขาจะทะเยอทะยานแต่ก็ยังเป็นคนธรรมดานั่นเอง ภาพที่เขาถูกนักข่าวถ่ายภาพด้วยแสงสว่างจนตาพร่านั้นบ่งบอกชัดเจนถึงสิ่งที่เขาต้องอยู่กับโลกที่เกินจริงอย่างฮอลลีวู้ด ส่วนการที่หนังให้ภาพบางช่วงประหนึ่งหลุดมาจากหนังในยุคนั้นทั้งสครูว์บอล ฟิล์มนัวร์ หนังขาวดำ การปรับสีของภาพ ดนตรีแจ๊ส หรือการนำเสนอที่แบ่งภาพเป็น 2 ส่วน นอกจากเป็นการบูชาครูแล้ว ย่อมแสดงถึงผลของขั้วตรงข้ามที่หนักกว่าคือความเป็นจริงที่จะเกิดขึ้นในชีวิต บั้นปลายที่ฮิวจ์ต้องเผชิญชะตากรรมอันหนักหนาสาหัส แม้การสร้างตนให้ สูงส่ง และ ยิ่งใหญ่ ก็ไม่อาจปฏิเสธว่าตัวเขาเป็นคนย้ำคิดย้ำทำจากสมัยก่อน สภาพจิตใจที่มีปัญหาแต่เด็กเริ่มส่งผลกับชีวิตที่ไม่อาจรับปัญหาที่เข้ามาได้ ขวดนมที่กลายสภาพเป็นที่ใส่สิ่งปฏิกูลในช่วงอับจนนั้นเป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนในตัวคนๆ หนึ่ง

อดีตและอนาคต
ท้ายที่สุดหลังจากการรอดพ้นจากคำตัดสินของกฎหมาย หลังผ่านสภาพความแปรปรวนถึงขีดสุด เขาก็เริ่มทดสอบการบินเครื่องบินโดยสารที่ใหญ่ที่สุด โดยทดสอบบินเหนือน้ำไม่กี่ฟุต นั่นคงถือเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เขาได้รู้จักความหมายของความพอดีที่ไม่ต้องบินไปจนสูงสุด ท่ามกลางปัญหา ทรัพย์สิน และสิ่งต่างๆ อันมหาศาลที่เขาแบกเกินจะรับไหว และรู้สึกประสบความสำเร็จ

มนุษย์มักสร้างอัตลักษณ์ของตนให้เป็นอุดมคติ หรือสร้างตัวตนให้คนจดจำ ฮิวจ์เองก็สร้างให้เขาสูงส่ง และยิ่งใหญ่ในระดับเสมือนตนเป็นพระเจ้า แต่ความเป็นจริงมนุษย์มีดีมีชั่วในตนเอง และเป็นสิ่งมีชีวิตมีเลือดเนื้อ สภาพของโฮเวิร์ด ฮิวจ์นั้นนอกจากคนที่ทำในสิ่งที่เกินคนธรรมดาสามัญ ยังเปรียบเสมือนเด็กที่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ผู้มีปมปัญหาจากวัยเด็กที่สูญเสียแม่แต่ยังเยาว์ ซึ่งอาจสรุปได้ว่าขณะที่เขาคิดถึงความยิ่งใหญ่ที่โลกจะจารึกเขาในอนาคต เขากลับมองจากอดีตตลอด จนไม่เคยเห็นปัจจุบัน ดั่งที่หนังให้ภาพเปรียบอดีตกับคำพูดย้ำคิดย้ำทำของตัวละครอย่าง The Way of The Future

ตัวละครอย่างฮิวจ์ ก็เหมือนกับใน King of Comedy ที่ตัวละครกว่าจะได้เป็นนักพูดตลกอย่างที่ใฝ่ฝันก็ต้องพบโลกโสมมของฉากหลัง, Taxi Driver ที่คนขับแท็กซี่กว่าจะมองเห็นภาพเมืองอันสะอาดกลับต้องแลกด้วยความรุนแรง, Raging Bull กับนักมวยที่มองตนเป็นพระเจ้าบนสังเวียนผ้าใบแต่กลับพ่ายแพ้ต่อชีวิตจริง พวกเขาเหล่านี้สร้างตนให้เป็นคนที่ผู้คนจดจำ แต่โดยสาระของหนังนั่นเองที่แม้ไม่ได้พูดเด่นชัด มันก็ตอกย้ำว่าการยอมรับความเป็นจริงต่างหากที่สำคัญที่สุดสำหรับชีวิตคน

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง: //www.theaviatormovie.com


Create Date : 02 กรกฎาคม 2548
Last Update : 2 ธันวาคม 2548 15:06:06 น. 2 comments
Counter : 6538 Pageviews.

 
สุดยอดไปเลยค่ะ นับถือๆ
ครบถ้วนทุกแง่มุมและเป็นความรู้ดีจริงๆ ค่ะ

ตอนเด็กๆ เราเคยอ่านประวัติของฮิวจ์ ยังคิดว่าเขาโรคจิตแน่ๆ
หนังเรื่องนี้ทำให้เห็นแง่มุมในชีวิตในด้านที่เราไม่เคยรู้จริงๆ
เขาเป็นคนน่าสงสารนะคะ...


ขอบคุณที่ไปแปะลิงค์อันนี้ให้นะคะ
ไม่รู้ว่าทำไมหาที่หน้าบล็อกธรรมดาไม่เจอ


โดย: กี๋พกแป้ง วันที่: 12 ตุลาคม 2548 เวลา:19:00:57 น.  

 
เสียดายนะ เรื่องของนาย ฮิวจ์ ผมพยายามหาหนังสือเกี่ยวกับ เค้าแบบเต็มๆ มาอ่าน แบบว่าแปลไทย(อังกฤษเลยไม่ไหว) แต่เรื่องนี้ยอมรับว่า ขนาดตัดมาส่วนเดียวของวีรกรรม ยังสนุกและทำได้ไม่ติดขัด..


โดย: Untrue IP: 58.10.128.51 วันที่: 30 มกราคม 2550 เวลา:19:30:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

yuttipung
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เป็นคนไม่เป็นโล้เป็นพายคนหนึ่งที่ติดอินเตอรเน็ต จนได้งานพอประทังเลี้ยงชีพ Blog นี้มอบให้แก่หญิงสาวที่ให้กำลังใจสำหรับความฝันอันริบหรี่ของผมมาตลอด ปัจจุบันเรียนโทจบแล้ว ทำงานหลายที่ หลักๆ ตอนนี้เพิ่งเริ่มเป็น Webmaster นิตยสารแห่งหนึ่ง ส่วนงานพิเศษคือลงข่าว และข้อมูลหนัง ดูแลเว็บให้กับ Popcornmag กับ เครือข่ายคนดูหนัง และเขียนวิจารณ์ภาพยนตร์ให้กับ Filmax

Friends' blogs
[Add yuttipung's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.