1
2 3 4 5 6 7 8
9 10 11 12 13 14 15
16 17 18 19 20 21 22
23 24 25 26 27 28 29
30
Always Sunset on Third Street : ถนนแห่งความทรงจำ
ย้อนกลับไปในปี ค.ศ.1958 (ปีโชวะที่ 33) หลังผ่านช่วงเวลาของสงครามโลกครั้งที่ 2 มาได้สิบสามปี โตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่นยังคงเป็นเมืองเล็กๆ มีถนนเลนแคบที่รถราไม่ขวักไขว่ เต็มไปด้วยร้านรวงเล็กๆ และผู้คนซึ่งต่างมีเพื่อนบ้านที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ..แน่ล่ะว่ามันอาจไม่ใช่เป็นเมืองที่เจริญทางเศรษฐกิจ และความทันสมัยเหมือนปัจจุบัน หลายคนยังจมอยู่กับความโศกเศร้าของผู้คนจากการสูญเสียในสงครามกำลัง แต่มันก็กำลังจะหายไป สิ่งที่เข้ามาทดแทนคือความหวังในประเทศที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนอาจเรียกได้ว่าช่วงเวลาดังกล่าวเป็นอีกยุคทองของญี่ปุ่นเลยทีเดียว โดยเฉพาะความสุขของผู้คน มันเป็นสุขทางใจที่หาแทบไม่ได้ในวันที่โตเกียวกลายเป็นเมืองเต็มตัวอย่างทุกวันนี้ ถนนที่สามตามชื่อเรื่องนั้น อยู่ห่างไปจอโตเกียว ทาวเวอร์ ที่กำลังสร้างอยู่ไม่ไกลนัก ปัจจุบันที่ดินบริเวณนั้นราคาแพงมหาศาล แต่ในยุคนั้นมันเป็นสถานที่ของผู้คนชั้นแรงงาน ซึ่งไม่ได้มีรายได้มากนัก ตั้งแต่เจ้าของกิจการประกอบรถเล็กๆ โนริฟูมิ ซูซูกิ(ชินอิจิ ทสึสุมิ) เขามีภรรยาที่อารมณ์ดีอย่าง โทโมเอะ(ฮิโรโกะ ยากุชิมารู) ซึ่งต้องรับมือกับ อิปเป ลูกน้อยนิสัยเอาแต่ใจอยู่เสมอๆ ทางร้านกำลังได้สมาชิกมาเพิ่มอีกคนคือ มัตสึโกะ(มากิ โฮริกิตะ) สาวต่างจังหวัดที่เดินทางมาด้วยความหวังจะเข้าทำงานเป็นเลขาในบริษัทรถยนต์ชื่อดัง ฝั่งตรงข้ามเป็นร้านขายขนมของ ชากาวะ ริวโนสุเกะ(ฮิเดทากะ โยชิโอกะ) เพื่อนบ้านของซูซูกิตั้งแต่สมัยเด็ก ภายนอกเขาเป็นชายหนุ่มผมยาว ที่ไม่ค่อยเป็นมิตรกับใครนักทั้งบุคลิกและคำพูดคำจา เขายังคงหมกมุ่นกับการเป็นนักเขียนงานวรรณกรรมที่มักเอาตนเองไปเปรียบกับ เคนซาบุโร่ โอเอะ(ปัจจุบันเป็นหนึ่งในนักเขียนรางวัลโนเบลของญี่ปุ่น) แต่ตนเองก็ไม่เคยประสบความสำเร็จได้รับรางวัลอะไรเลยสักครั้ง จนต้องหันไปเขียนเรื่องสำหรับเด็กให้ได้เงินมาเลี้ยงชีพแทน สิ่งที่พอจะช่วยเติมเต็มชีวิตชีวาให้กับเขา ก็คือการไปร้านเหล้าของเจ้าของร้านสาวสวยอย่าง ฮิโรมิ(โคยูกิ) แม้เธอจะหาเรื่องที่ทำให้เขาลำบากใจ เมื่อขอร้องให้ช่วยเลี้ยง จุนโนสึเกะ(เคนตะ ซูกะ) เด็กน้อยที่ถูกพ่อและแม่ทิ้ง ซึ่งเธอได้เป็นภาระเลี้ยงดูจากญาติๆ นอกจากชีวิตของคนสองบ้านนี้ ผู้คนในถนนยังรวมไปถึง คุณป้าร้านขายบุหรี่ที่มักขี่จักรยานอย่างรีบเร่ง และชนผู้คนเป็นประจำ, คุณหมอใจดีที่อาจกลายเป็นยักษ์ในสายตาคนไข้, กลุ่มเด็กน้อยซึ่งต่างมาเล่นของเล่นใหม่ๆ และกลุ่มผู้ชายซึ่งหาความสำราญที่ร้านเหล้าหลังตรากตรำทำงานทั้งวัน เรื่องราวต่างๆ เหมือนจะเริ่มต้นด้วยปัญหาของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นความผิดหวังของสาวจากต่างจังหวัดที่ต้องมาทำงานเป็นช่างซ่อมรถในร้านซอมซ่อแทนการเป็นเลขา ซ้ำยังต้องมาทะเลาะกับเจ้าของร้าน-ท่านประธานที่เกิดอาการน๊อตหลุดเมื่อไม่ได้อย่างใจนึก, ชีวิตอมทุกข์ของนักเขียนไส้แห้ง ที่ยังต้องดวงตกมาดูแลเด็กที่ถูกทิ้งท่าทางอมทุกข์ตลอดเวลา, อดีตสาวกลางคืนที่พยายามสร้างเนื้อสร้างตัวใหม่ด้วยการเปิดร้านเหล้า อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านพ้นไป ชีวิตก็ผันแปรไปตามฤดูกาลที่เปลี่ยผัน เราได้พบว่าแต่ละผู้คนที่ยังต้องเผชิญปัญหาสารพัด ทุกชีวิตต่างก็มีทางออกของตน ร้านซ่อมรถเริ่มมีงานอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงความคล่องแคล่วที่มากขึ้นของมัตสึโกะ, ริวโนสุเกะผูกพันกับจุนโนสุเกะโดยไม่รู้ตัว แถมยังช่วยให้ได้ความสนิทสนมกับฮิโรมิมากขึ้น, เด็กน้อยอย่างจุนโนสุเกะที่มีนิสัยเป็นนักอ่านตัวยง ก็ได้ความเป็นคนช่างเขียนสร้างความรู้จักกับอิปเปได้ในเวลาอันรวดเร็ว และหลายต่อหลายคนที่เคยทะเลาะ-ผิดใจ แต่ก็ยังคงสนิทสนม พูดคุย ปรับทุกข์ ในฐานะเพื่อนบ้านร่วมถนนเดียวกัน เทคโนโลยีใหม่ๆ กำลังเข้ามาในชีวิตผู้คนเป็นอีกประเด็นที่ปรากฎในหนัง โดยเฉพาะโทรทัศน์ วันแรกที่ครอบครัวซูซูกิได้รับเจ้าเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนี้ เพื่อนบ้านต่างแห่แหนเข้ามาชื่นชม และลุ้นการเปิดชมมันเป็นครั้งแรก เพราะนั่นเป็นสิ่งประดิษฐ์แปลกใหม่ที่ทุกคนตื่นตะลึงกับความมหัศจรรย์ของเทคโนโลยี เป็นความบันเทิงที่พวกเขาหาไม่ได้จากชีวิตที่เหนื่อยยาก ฉากที่ทุกคนดูการแข่งขันมวยปล้ำของ ริคิโด้ซัง ผู้ใช้ท่าสับของคาราเต้ อย่างใจจดใจจ่อ ชวนให้นึกถึงสมัยที่ชาวไทยต่างเฝ้าติดหน้าจอ รอการแข่งขันชกมวยกับผู้ท้าชิง ของเขาทราย แกแล็กซี่ อย่างไรก็อย่างนั้น...น่าเสียดายที่ในวันนี้มันอาจเป็นเพียงสิ่งที่ทุกคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี รวมถึงอีกหลายนวัตกรรมซึ่งถูกสรรค์สร้างขึ้นมาบนโลกไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งคอมพิวเตอร์, อินเตอร์เนต, และโทรศัพท์มือถือ จนเราชาชินไปกับมันโดยปริยาย บางทีเทคโนโลยีก็นำมาซึ่งความสุข ความสะดวกสบายให้กับชีวิต แต่เมื่อมันมากเกินก็อาจกลืนกินชีวิตจิตใจผู้คนไปโดยเราไม่รู้ตัว แม้บทสรุปของหลายชีวิตจะไม่ได้สวยงามไปเสียทั้งหมด บางคนยังจมอยู่กับอดีตที่เจ็บปวด บ้างก็รอคอยความสุขที่ยังมองไม่เห็น เพราะเมื่อมีแง่งามก็ย่อมมีความเศร้าคลุกเคล้าอยู่ร่วมในนั้น แต่ทุกคนในถนนต่างมีความหวังกับชีวิต ด้วยความเชื่อที่เป็นหนึ่งเดียวกันว่า แล้วทุกๆ อย่างก็จะดีขึ้นเอง ซึ่งถือเป็นแก่นแกนของหนังทั้งเรื่อง สิ่งหนึ่งที่ปรากฎให้คนในเมืองแห่งนี้ได้มองเห็นความหวังและความภูมิใจที่กำลังรอพวกเขานั้น คือ หอโตเกียว ทาวเวอร์ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างได้เพียงครึ่งเดียว รอเวลาให้ชาวเมืองได้เชยชม เจ้าของร้านซูซูกิถึงกับบอกเด็กสาวที่เพิ่งทำงานเลยว่า พอสร้างเสร็จ มันจะกลายเป็นหอที่สูงที่สุด เช่นเดียวกับเศรษฐกิจ และชีวิตผู้คนของญี่ปุ่น Always Sunset on Third Street เป็นหนังที่เรียกร้องให้คนดูเกิดความประทับใจ และหวนรำลึกถึงภาพชีวิตในอดีต ประเภทที่เรียกกันว่า Nostalgia เช่นเดียวกับงานอย่าง American Graffiti(1973), Stand By Me(1986), หรือ Cinema Paradiso(1989) ซึ่งผู้กำกับ ทาคาชิ ยามาซากิ ก็สามารถทำได้อย่างพอเหมาะพอดี ตัวงานอาจมีเนื้อเรื่องที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มิหนำซ้ำยังมีฉากเร้าอารมณ์อยู่หลายฉาก แต่เมื่อหลายต่อหลายเรื่องประกอบเข้าด้วยกันเป็นงานชิ้นนี้ มันก็ไม่มากไม่น้อยจนน่าเบื่อ คนดูสามารถหัวเราะ และซาบซึ้งไปได้กับจังหวะการดำเนินเรื่องที่ไม่เชื่องช้า หรือเร่งเร้าจนเกินไป นอกจากยามาซากิ จะเลือกใช้นักแสดงที่ลงตัว งานสร้างที่ถึงพร้อม ความโดดเด่นที่ปฏิเสธไม่ได้ในหนังเรื่องนี้ก็คือการนำเทคนิคพิเศษด้านภาพมาปรับใช้กับหนังประเภทดราม่า โดยไม่ได้บดบังเรื่องราวและอารมณ์ต่างๆ แต่กลับช่วยเสริมให้ทุกอย่างดงามยิ่งขึ้นไปอีก ไมว่าจะเป็นการช่วยเนรมิตสิ่งต่างๆ ให้กลายเป็นภาพได้อย่างสมจริง ทั้งหอโตเกียว ทาวเวอร์, เครื่องบินเด็กเล่น และช่วยตบแต่งทำให้งานภาพออกมางดงาม สีที่ปรากฎทำให้นึกถึงสีของหนังญี่ปุ่นในอดีตได่อย่างดี หลายต่อหลายครั้งที่งานในลักษณะเดียวกันนี้น้อยเรื่องที่มักจะได้คำชื่นชมทางด้านศิลปะภาพยนตร์ ในแง่หนึ่งก็มองได้เหมือนกันว่างานในลักษณะนี้เป็นหนังที่สร้างให้ดีได้ยาก แต่สำหรับ Always Sunset on Third Street นั้นถือเป็นหนังคุณภาพได้อย่างไม่ต้องสงสัย ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง: เว็บไซต์ภาพยนตร์
Create Date : 25 เมษายน 2549
Last Update : 25 เมษายน 2549 15:20:32 น.
15 comments
Counter : 931 Pageviews.
โดย: grappa วันที่: 25 เมษายน 2549 เวลา:18:46:48 น.
โดย: yuttipung IP: 202.44.8.100 วันที่: 26 เมษายน 2549 เวลา:10:55:36 น.
โดย: เข็มขัดสั้น วันที่: 26 เมษายน 2549 เวลา:21:41:10 น.
โดย: ohoh IP: 203.155.206.110 วันที่: 27 เมษายน 2549 เวลา:13:06:12 น.
โดย: yuttipung IP: 124.120.159.110 วันที่: 27 เมษายน 2549 เวลา:15:21:30 น.
โดย: keano (jonykeano ) วันที่: 29 เมษายน 2549 เวลา:19:08:03 น.
โดย: yuttipung IP: 58.9.25.63 วันที่: 29 เมษายน 2549 เวลา:21:46:44 น.
โดย: A-leX IP: 203.121.171.114 วันที่: 2 พฤษภาคม 2549 เวลา:10:06:20 น.
โดย: คนขับช้า วันที่: 13 มีนาคม 2550 เวลา:23:35:25 น.
โดย: เจน IP: 203.113.71.168 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:18:07:39 น.
โดย: แก้ว IP: 202.176.68.248 วันที่: 1 สิงหาคม 2551 เวลา:13:15:55 น.
โดย: yuttipung วันที่: 22 สิงหาคม 2551 เวลา:12:12:04 น.
Location :
สมุทรปราการ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [? ]
เป็นคนไม่เป็นโล้เป็นพายคนหนึ่งที่ติดอินเตอรเน็ต จนได้งานพอประทังเลี้ยงชีพ Blog นี้มอบให้แก่หญิงสาวที่ให้กำลังใจสำหรับความฝันอันริบหรี่ของผมมาตลอด ปัจจุบันเรียนโทจบแล้ว ทำงานหลายที่ หลักๆ ตอนนี้เพิ่งเริ่มเป็น Webmaster นิตยสารแห่งหนึ่ง ส่วนงานพิเศษคือลงข่าว และข้อมูลหนัง ดูแลเว็บให้กับ Popcornmag กับ เครือข่ายคนดูหนัง และเขียนวิจารณ์ภาพยนตร์ให้กับ Filmax
คงหาโอกาสไปดู
พึ่งไปดู Hell มาค่ะ