Group Blog
 
<<
มกราคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
14 มกราคม 2549
 
All Blogs
 
University of Laugh หัวเราะกันไว้เถิดจะเกิดผล



ปีโชวะที่ 15 (ค.ศ.1940) บรรยากาศยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังคุกรุ่น ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายอักษะร่วมกับอิตาลี และเยอรมัน ต่อสู้กับฝ่ายพันธมิตรที่อย่างที่ทราบต่อมาว่าเป็นผู้ชนะศึกในครั้งนั้น สถานการณ์ที่ไม่รู้เหนือรู้ใต้ ข้าวยากหมากแพง ทางรัฐบาลก็ยิ่งเคร่งครัดกับการจำกัดเสรีภาพให้บ้านเมืองอยู่ในความสงบเรียบร้อยมากเท่านั้น ไม่ต่างกับไทยเราในยุคสมัยเดียวกันสักเท่าไหร่

แต่ถึงจะตึงเครียดขนาดไหน ภายในโลกของโรงละคร ผู้คนต่างหัวเราะราวกับลืมความเป็นจริงไปจนหมดสิ้น…แน่นอนว่าละครตลกกลายเป็นมหรสพที่ถูกเพ่งเล็งอย่างหนัก เพราะมันช่างสวนทางกับโลกภายนอกเสียเหลือเกิน แม้จะไม่ได้มีเจตนาปลุกปั่นสร้างความแตกแยกก็ตาม ณ เมืองโตเกียว ลึกเข้าไปที่ห้องไต่สวน ของแผนกเซ็นเซอร์ สำนักงานรักษาความสงบแห่งชาติ กรมตำรวจ ไม่รู้จะเป็นโชคร้ายหรือโชคดีของ มัตสุโอะ ซากิซากะ(โคจิ ยากูโซ) เจ้าหน้าที่ซึ่งเพิ่งทำงานในแผนกเซ็นเซอร์ เขากำลังเคร่งเครียดกับการตรวจสอบผลงานบทละครของหลากหลายคณะ หลังจากผ่านการสอบสวนบทละครเวทีของแต่ละคณะผ่านไปอย่างไม่ยากเย็น ในการบังคับให้แก้ประโยค หรือฉากไม่กี่ฉาก เขาก็ได้มาพบกับ ฮาจิเมะ ซึบากิ(โกโร่ อินาคากิ อดีตสมาชิกวงบอยแบนด์ชื่อดังอย่าง SMAP) นักเขียนบทจากคณะละครที่ชื่อว่า มหาวิทยาลัยแห่งเสียงหัวเราะ ซึ่งเขาพบว่าบทละครที่กำลังจะเปิดฉายเรื่อง จูลิโอกับโรเมียต นั้นยากที่จะยอมรับได้ในเนื้อหาสาระ ตั้งแต่ชื่อเรื่องที่ผวนมาจาก โรมิโอกับจูเลียต เหตุการณ์ท้องเรื่องที่เกิดในต่างประเทศ แม้จะเกิดในอิตาลี แต่ผู้ประพันธ์ดั้งเดิมที่ซึบากินำมาล้ออย่างเชคสเปียร์ก็เป็นฝ่ายอังกฤษ อีกทั้งตัวละครที่เป็นชาวต่างชาติ มีฉากรักที่ขัดต่อประเพณีอันดีงาม รวมไปถึงมุขตลกที่หาเหตุผลไม่ได้แม้แต่นิดเดียว



นั่นจึงนำไปสู่ที่มาของเรื่อง ซากิซากะบังคับซึบากิขนานใหญ่ ให้แก้บทตรงความต้องการชนิดยกเล่ม เปลี่ยนสถานที่ ชื่อตัวละคร ภูมิหลัง ฉากสำคัญ และมุขตลกที่ใส่ในเรื่อง ก่อนจะเปิดการแสดง นำไปสู่การขับเคี่ยวกันในห้องไต่สวนของทั้งคู่เป็นเวลา 7 วัน

หากฝ่ายเซ็นเซอร์มองว่าการกระทำของคณะละครดูแล้วหาสาระไม่ได้ อีกฝ่ายก็มองซากิซากะด้วยสายตาที่ไม่ต่างกันนัก…ทว่าเมื่อมาเจอกับซึบากิที่ราวกับเป็นด้านตรงข้าม แม้เขาต้องทนเหนื่อยกับบทมากกว่าใคร กลับผ่อนคลาย เปิดใจ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ซากิซากะชายผู้ไม่เคยหัวเราะเลยสักครั้งในชีวิต กำลังเผชิญกับความรู้สึกที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อน เช่นเดียวกับซึบากิที่พบว่าบทละครก็ทำให้เขาเอาจริงเอาจังไปกับการปรับแก้อย่างไม่เคยเป็นมาก่อนในการทำอาชีพนี้ ราวกับเป็นกระจกที่ต่างสะท้อนด้านตรงข้ามของกันและกัน

ผ่านไปในแต่ละวัน ซากิซากะเริ่มสนิทสนมจนมีหน้าที่ไม่ต่างกับคนแก้บท คำสั่งของเขากลายเป็นคำแนะนำให้เกิดมุขตลกมากมาย ขณะที่ซึบากิก็ได้ทำหน้าที่สนองรัฐบาลอย่างเพลิดเพลิน…การแก้บทที่คล้ายหายนะย่อมๆ ก็แปรเปลี่ยนเป็นความรื่นรมย์ที่ขาดหายไปจากชีวิตของคนสองคนได้โดยไม่รู้ตัว

ภายนอกบทบาทพวกเขาราวกับฝ่ายซ้ายกับขวา แต่ภายในโดยเนื้อแท้ก็มีโชคชะตาที่ผกผันไปตามสถานการณ์ของช่วงชีวิตที่ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ ยิ่งเจตนาเพื่อชาติแล้วก็มีให้เห็นไม่ด้อยไปกว่ากัน เพียงแต่ในวันที่พวกเขาเผชิญหน้า กลับถูกกำหนดให้เป็นด้านตรงข้ามกัน

University of Laugh โดดเด่นอย่างเห็นได้ชัดในหลายจุด สิ่งแรกคือความสามารถของ โคกิ มิตานิ ที่กล้าเล่าเรืองด้วยตัวละครหลักเพียง 2 คน ซึ่งถือเป็นของยากในการทำหนังสักเรื่อง โอกาสที่จะทำให้หนังออกมาน่าเบื่อ หรือดูเป็นละครเวทีขึ้นมานั้นมีอยู่สูงมาก(ตัวอย่างของหนังประเภทนี้เช่น My Dinner With Andre ของ หลุยส์ มาลล์) แถมยังนำเสนอประเด็นที่หนัก กินความใหญ่โตเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ และเสรีภาพของปัจเจกบุคคล แต่หนังกลับมาพร้อมมุขตลกจากการปะทะฝีปากอย่างเข้มข้นของสองดารานำ ที่ต่างแสดงฝีมือดำเนินบทพูดขนาดยาวเหยียดได้อย่างออกรส และความดีสุดท้ายที่ต้องยกให้กับ มาโมรุ โฮชิ ผู้กำกับ - ทีมผู้สร้างที่ถ่ายทำหนังในสถานที่แคบๆ เพียงห้องหนึ่งห้อง ให้กลายเป็นอาณาเขตที่แตกต่างกันไปในแต่ละฉากได้โดยเราแทบไม่เอะใจ…เหนือสิ่งอื่นใดมันประสบความสำเร็จในการสร้างเสียงหัวเราะไปพร้อมกับการนำเสนอเนื้อหาสาระได้อย่างน่าติดตาม…ไม่น่าแปลกใจอะไร หากมิตานิจะยืนยันว่านี่เป็นผลงานที่ดีที่สุดของเขา

ถึงที่สุดหนังก็ชี้ชัดว่า ถึงจะเป็นใครก็สามารถปฏิบัติหน้าที่สำคัญเพื่อประเทศชาติได้เช่นกัน ไมว่าจะล้มเหลว หรือสำเร็จเห็นชัดเป็นรูปธรรมหรือไม่ก็ตาม แต่มันก็บ่งบอกถึงวันข้างหน้าที่มีความหวัง

จูลิโอ กับโรเมียต อาจเป็นละครตลก แต่มันก็สร้างเสียงหัวเราะเป็นพลังใจให้กับผู้คน เหมือนกับที่ โรมิโอกับจูเลียต สร้างอารมณ์อันโศกเศร้า ที่ทำให้เรามองเห็นคุณค่าของความรักจากคนสองคน และความไร้สาระจากอัตตาของการแบ่งข้าง…แน่นอนว่า University of Laugh ก็แสดงให้เห็นเช่นนั้น

ตัวหนังอาจมีความชาตินิยมในตัวอยู่สูง ดูเป็นแบบฉบับอย่างหนึ่งของคนญี่ปุ่นที่ปลุกเร้าคนในประเทศต่อเนื่องยาวนาน ซึ่งเป็นสิ่งที่คนไทยเราอาจเข้าไม่ถึง และก่ออารมณ์คล้อยตามได้เทียบเท่า…แต่หากหันมามองความเป็นจริงของบ้านเราที่กำลังเผชิญปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศ ในอนาคตคงไม่ต้องหวังถึงขั้นจะมาหัวเราะออกมาเสียงดังๆ แค่เพียงเราหันหน้ายิ้มให้กัน พูดคุยกันอย่างปรองดอง ยอมรับฟังกันบ้างเหมือนที่ซากิซากะ และซึบากิเป็น…ไม่ต้องหวังก้าวหน้าใหญ่โตเป็นมหาอำนาจ แค่แผ่นดินสงบสุข ก็เป็นสิ่งประมาณค่าไม่ได้แล้ว



Create Date : 14 มกราคม 2549
Last Update : 14 มกราคม 2549 15:59:16 น. 9 comments
Counter : 1092 Pageviews.

 
จะหาหนังเรื่องนี้ดูได้จากไหนอะคะ?

ยังเข้าโรงอยู่หรือว่าต้องหาแผ่นดูแล้ว?


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 15 มกราคม 2549 เวลา:14:38:48 น.  

 
มันไม่ใช่หนังโรงครับ เป็นหนังแผ่นที่คงไม่มีเจ้าไหนซื้อมาแน่ๆ

แต่ถ้าสนใจผลงานของผู้กำกับคนนี้ แนะนำเรื่อง Welcome Back, Mr.McDonald หาซื้อได้ตามแผ่นลดราคา 19 บาท เป็นหนังพูดทั้งเรื่องที่มีบทพูดสนุกมากๆ ครับ (ตัองขออภัยที่ผมจำชื่อไทยไม่ได้ น่าจะไปดูตามร้าน Lion Record คุ้ยกระบะเอาครับ แหะ แหะ)


โดย: yuttipung IP: 202.44.8.98 วันที่: 15 มกราคม 2549 เวลา:15:10:19 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ

ถ้าเราโชคดีหาแผ่นเจอแล้วได้ดู จะมาคุยด้วยอีกทีนะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 16 มกราคม 2549 เวลา:9:32:13 น.  

 
ก่อนจะอ่านมาถึงย่อหน้าสุดท้าย
เปรียบเทียบในใจถึงเหตุการณ์ในบ้านเราเหมือนกันค่ะ
ความขัดแย้งนี่จริงๆ แล้วอาจเป็นแค่สิ่งสมมติก้อได้
ขึ้นอยู่กับว่าใครจะได้สวมบทบาทฝ่ายไหนมากกว่า

หนังกระบะนี่ดูถูกไม่ได้เลยนะคะ
หนังดีหายากมักจะหลบๆ อยู่ตามกระบะลดราคาแบบนี้ล่ะค่ะ
ว่าแล้วก้อจำชื่อเรื่องไว้ไปคุ้ยมั่ง อิอิ


โดย: กี๋พกแป้ง วันที่: 23 มกราคม 2549 เวลา:20:41:12 น.  

 
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=yuttipung&group=3

สวัสดีปีใหม่ครับ คุณกี๋ อ่านคำอวยพรได้ที่นี่


โดย: yuttipung IP: 61.91.122.72 วันที่: 23 มกราคม 2549 เวลา:20:56:43 น.  

 
เรื่องนี้ไม่ได้ดูอะท่าน


โดย: A-leX IP: 203.121.171.114 วันที่: 30 มกราคม 2549 เวลา:14:37:05 น.  

 
นำหน้าปกที่เหมือนกับของบ้านเรามาให้ดูครับจะได้สังเกตง่ายกับ Welcome Back, Mr.McDonald



โดย: yuttipung IP: 202.44.8.98 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:16:29:29 น.  

 
โคจิ ยากูโซ คนนี้
ใช่คนเดียวกับที่เล่นเป็นโนบุ ในเรื่องเกอิชารึป่าวคะคุณท้อป


โดย: กี๋พกแป้ง วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:15:47:26 น.  

 
ใช่แล้วครับ(ผมยังไม่ได้ดูนะแต่รู้มา) ยากูโซ ถือเป็นดาราดังของญี่ปุ่นเขาครับ เล่นหนังมาหลายเรื่องมาก ที่เด่นๆ และน่าจะผ่านตาบ้านเราคงเป็น Shall We Dance?, Doppleganger, และ Lorelei ที่เพิ่งเข้าโรง


โดย: yuttipung IP: 61.91.123.6 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:17:03:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

yuttipung
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เป็นคนไม่เป็นโล้เป็นพายคนหนึ่งที่ติดอินเตอรเน็ต จนได้งานพอประทังเลี้ยงชีพ Blog นี้มอบให้แก่หญิงสาวที่ให้กำลังใจสำหรับความฝันอันริบหรี่ของผมมาตลอด ปัจจุบันเรียนโทจบแล้ว ทำงานหลายที่ หลักๆ ตอนนี้เพิ่งเริ่มเป็น Webmaster นิตยสารแห่งหนึ่ง ส่วนงานพิเศษคือลงข่าว และข้อมูลหนัง ดูแลเว็บให้กับ Popcornmag กับ เครือข่ายคนดูหนัง และเขียนวิจารณ์ภาพยนตร์ให้กับ Filmax

Friends' blogs
[Add yuttipung's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.