สวะสัญจร ....... ...สวะสัญจร สวะสัญจร ไม่เคย ก่อความเดือดร้อน ให้กับใคร......
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
7 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 
หลังเดือนพฤษภา 53 ตอน 2

++ ผมยังตระเวนท่องอ่านโลกข้อมูลของอินเตอร์เนทไปเรื่อย อ่านและเสพสรรค์ทั้งสองด้าน ของเมืองไทย แต่อย่างที่บอก เมื่อใดที่รัฐบาลไหน กระทำกับผู้ชุมนุมแบบหั่นหัวใจ ผมจะไม่เห็นด้วย และแรงความคิดทั้งหมดของผมจะเหวี่ยงเข้าหา "มวลชน"

แม้ว่าลัทธิคอมมิวนิสต์จะจางหายไป แต่คนที่เคยศึกษามาแล้ว จนรู้สึกได้ว่า ถ้าอะไรที่มันถลำลึก จะนำมาซึ่งความเจ็บปวด และล้มเหลวในที่สุด ระยะหลัง ในช่วงชีวิตควอเตอร์ที่สองถึงสาม จึงมักจะผ่อน ๆ ห่าง ๆ แตะอย่างห่าง ๆ แต่ความอบอุ่นจะถูกส่งไปจากปลายนิ้วมืออย่างเต็มพลัง

โลกเรามันก็เป็นเช่น พุทธปรัชญา ก็ไม่เคยสอนให้ราเหลิงลมบน มีสองด้านเสมอ มีรุ่งเรือง ก็มีร่วงโรย มีพ่ายแพ้ ก็มีชนะ มีบวก ก็มีลบ

โลกการเมือง ก็คงคล้ายกัน แต่โลกของผู้ประท้วง ผู้ชุมนุม ก็ผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ กับผ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายตรงข้ามมาตลอด มองดิบ ๆ ไม่ต้องวิเคราะห์ ก็เห็นได้

วันนี้ เอาบทความจาก onopen.com มาฝาก โดยคุณใบตองแห้งครับ
สำหรับ คนชั้นกลาง เสรีนิยม ทุกท่าน ที่น่าจะหมายรวมตัวผมด้วยเช่นกัน

....................................credit : //www.onopen.com/baitong/10-06-04/5389

.........................
The Last White Hope
Fri, 04/06/2010 - 18:38 — ใบตองแห้ง
และแล้ว คนกรุง คนชั้นกลาง หมวยลี่ ผู้ดี เซเลบส์ ก็ได้ช็อปกระหน่ำฉ่ำใจแถมยังได้ช่วยชาติอีกต่างหาก ในมหกรรมช็อปแหลกแจกแถมหลากหลาย ที่จัดขึ้นเพื่อลบลืมคนตาย 88 ศพ บาดเจ็บ 1,885 คน (แล้วเอาช่อดอกไม้ไปให้กำลังใจซากตึกแทน)


นี่หรือคือสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า “เยียวยา” “ปรองดอง”


ป่วยการที่ฝ่ายค้านจะโชว์คลิปโชว์ภาพ มีควันหรือไม่มีควัน เพราะคนกรุงคนชั้นกลางกำลังมีความสุข “เอาความสุขของกูคืนมา” บางคนปฏิเสธที่จะรับฟังข้อมูลของ “พวกเผาบ้านเผาเมือง” ตั้งแต่ในมุ้ง บางคนร้ายกว่านั้น แกล้งทำเป็นกลางแล้วบอกว่าอย่ารื้อฟื้นสร้างความแตกแยก “ปรองดอง” กันบนกองศพดีกว่า


ผมไม่ดูการอภิปรายไม่ไว้วางใจเลยทั้งสองวัน เพราะป่วยการที่จะดู คนชั้นกลางไว้วางใจ “ระบอบอภิสิทธิ์” อยู่แล้ว เพราะ “ระบอบอภิสิทธิ์” นำ “ความสุขคืนมา” ด้วยอำนาจเผด็จการพลเรือนเต็มรูปภายใต้ พรก.ฉุกเฉิน คนชั้นกลางกำลังมีความสุข เพราะมีรัฐบาลถูกจริต อำมาตย์ กองทัพ ตุลาการ เป็นเกราะคุ้มครองป้องกัน และคนชั้นกลางก็จะเป็นเกราะคุ้มครองป้องกันอำนาจเหล่านี้


ฉะนั้นถ้ารัฐบาลอยากใช้ พรก.ฉุกเฉินไปอีกเป็นปี คนกรุงคนชั้นกลางก็จะมอบฉันทามติให้ใช้ต่อไปเรื่อยๆ สมมติกองทัพจะตั้ง “ฉก.สองตัว” ขึ้นในภาคเหนือภาคอีสาน คนกรุงคนชั้นกลางก็คงจะเรี่ยไรกันซื้อเสื้อเกราะให้ทหารไปปราบ “ผู้ก่อการร้ายเสื้อแดง”


คนชั้นกลางไม่เดือดร้อนที่’จารย์ยิ้มเพื่อนผม กับสมยศ พฤกษาเกษมสุข ถูกจับกุมคุมขังโดยไม่ตั้งข้อหา กรรมการสิทธิ องค์กรสิทธิมนุษยชนต่างๆ ที่เป็นปากเสียงของคนชั้นกลาง ไม่ยักต่อสู้ปกป้อง “สิทธิโจร” เหมือนที่โวยวายกันใน 3 จังหวัดภาคใต้ นปช.100 กว่าคนที่เป็นชาวบ้าน ถูกจับกุมคุมขัง ไม่มีใครไปดูแลปกป้องสิทธิของเขา สนใจเฉพาะแกนนำ 8 คนว่าต้องไม่ให้มันอยู่สบาย ต้องให้นอนคุกขี้ไก่


คนชั้นกลางอ้ารับคำชี้แจงของสุภาพบุรุษชายชาติทหาร ว่าไม่ได้สั่งฆ่าประชาชน ถ้าสั่งให้ยิงจริงต้องมีคนตายเป็นพัน จอมพลถนอมกับพลเอกสุจินดาฟังแล้วหัวร่อจนน้ำตาไหล ถนอมกับสุจินดาก็ไม่ได้สั่งว่าเห็นม็อบที่ไหนฆ่าแม่มให้หมด 14 ตุลากับพฤษภาทมิฬยังมีคนตายน้อยกว่านี้ แต่ทำไมถูกประณามเป็นทรราชย์ ก็เพราะสั่งการให้ใช้ทหารพร้อมอาวุธกระสุนจริงเข้าสลายการชุมนุม


นี่หนักกว่านะครับ เพราะติดป้าย “เขตใช้กระสุนจริง” พร้อมสั่งให้ยิงได้ทันทีถ้ามวลชนเข้าใกล้ ต่อให้ไม่มีอาวุธ แต่อ้างว่าให้ยิงขา ขณะที่มีสไนเปอร์ประจำทุกหน่วย มีภาพที่เล็งยิงไปยังผู้ชุมนุม แต่คนชั้นกลางต้องให้เห็นชัดเจนเหมือนในหนัง แบบว่ายิงเปรี้ยงแล้วแพนกล้องไปเห็นเสื้อแดงล้มลงชักแหง็กๆ หัวเป็นรูโบ๋


ในแง่ของผู้มีอำนาจสูงสุดฝ่ายบริหาร ไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องสั่งให้ “ฆ่ามัน” ถึงต้องรับผิดชอบ แต่คุณออกคำสั่งปลายเปิด ที่เล็งเห็นได้ว่าจะทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก คุณก็ต้องรับผิดชอบ


แต่เมื่อ “กระแสสังคม” (ซึ่งคนชั้นกลางเป็นตัวกำหนด) กำลังมีความสุขจากการใช้ “กระสุนจริง” ปราบปราม “พวกเผาบ้านเผาเมือง” กระแสสังคมจึงหลับตาข้างลืมตาข้างเพื่อปกป้อง


ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องแปลกใจ ถือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เมื่อเสื้อแดงไปเขย่า “โลกอันสุขสงบและพอเพียง” ของคนกรุงคนชั้นกลาง พวกเขาก็ออกมาปกป้องสนับสนุนระบอบอภิสิทธิ์ อย่างกว้างขวาง ไม่ใช่เฉพาะพันธมิตร ไม่เฉพาะพวก ultra ราชาชาตินิยม แต่เป็นคนชั้นกลางข้างมากหลากหลาย กระทั่ง “มวลชนเฟซบุค” คนรุ่นใหม่ในโลกไซเบอร์ที่มีการศึกษาสูง จบโทจบเอก พูดได้หลายภาษา กล้าๆ เขียนไปตอบโต้ CNN จนเป็นฮีโร่ (ก็กล้าได้ตามสบาย เพราะแดน ริเวอร์ ไม่มีอำนาจจับใครไปคุมขัง)


โห ขนาดไก่อูได้ขึ้นปก a day ฉบับหน้าเอาสไนเปอร์มาสัมภาษณ์เลยครับ


คำถามที่อยากถาม “คนชั้นกลางหัวเขียว” คือ “โลกทั้งใบของนายคนเดียว” จะยังอยู่ต่อไปได้อีกนานแค่ไหน จะหลบลืมไปได้นานแค่ไหน


ผมชอบใจและสะใจเล็กๆ ที่คนชั้นกลางบางราย อย่างสุกี้ สุโกศล ที่แม้จะปกป้องระบอบอภิสิทธิ์ แต่ก็ยอมรับว่า “ประเทศไทยไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว จะไม่กลับไปอีกแล้ว” ต้องเปลี่ยนประเทศไทย (แต่ก็ยอมรับอีกว่า คนมีการศึกษา คนที่ทำอะไรได้ 95% ไม่ทำอะไร)


ปฏิรูปใต้อุ้ง?


เป็นเรื่องน่ายินดีปนน่าขำ ที่คนชั้นกลางจำนวนหนึ่งตื่นตัวกลัวหายนะ ลุกขึ้นมาบอกว่าจะต้องช่วยกันเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ปฏิรูปประเทศไทย ทั้งคนหน้าใหม่ๆ และ NGO พันธมิตรหน้าเก่าๆ


ในจำนวนนี้ผมชื่นชมคุณสมเถา สุจริตกุล มากที่สุด ไม่ใคร่จะเห็นด้วยกับผู้ที่ตอบโต้คุณสมเถาอย่างร้อนแรง เพราะคุณสมเถาแสดงความเข้าใจและเห็นใจการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยของมวลชนเสื้อแดงอย่างจริงใจ แม้ไม่เห็นด้วยกับแกนนำและวิธีการ แต่ก็ยอมรับว่าการลุกตื่นขึ้นมาของคนเสื้อแดงได้ “เปลี่ยนเมืองไทยไปแล้วชั่วนิรันดร์”


ผมยังชื่นชมที่คุณสมเถาเขียนได้สละสลวย งดงามจากก้นบึ้งของหัวใจ ของศิลปินผู้มีความหวังในการร่วมกันสร้างสรรค์สังคมดีงาม เราควรขอบคุณคุณสมเถา ที่เปิดหัวใจให้กับมวลชนเสื้อแดงอย่างพี่น้องร่วมชาติ ท่ามกลางกระแสของคนชั้นกลางส่วนใหญ่ที่มีแต่ “สะใจ” “ฆ่ามัน”


ผมเพียงเห็นต่างกับคุณสมเถาอย่างเดียว คือที่บอกว่า “คุณอภิสิทธิ์เข้าใกล้ฝันเหล่านั้นในเชิงความคิดมากกว่าแกนนำจำนวนหนึ่งของคุณ หากเขาไม่ได้เป็นเช่นนั้น ถ้าเขามีกรอบความคิดเหมือนผู้นำเผด็จการทหารหลายคนที่เคยมีมาในอดีต ซากศพจากเหตุเมื่อสองสามวันก่อนคงมากมายเกินกว่าจะทำใจได้”


กระนั้นผมก็ยังเห็นว่าในบรรดาคนชั้นกลางที่สนับสนุน “ระบอบอภิสิทธิ์” คุณสมเถาคือคนระดับ A+ เมื่อเทียบกับพวกปทปรมะ ที่คิดว่าคนเสื้อแดงคือพวก “ล้มเจ้า” “ทาสทักษิณ” “ม็อบรับจ้าง” “bad hygiene”


อย่างน้อยผมก็ชื่นชอบการเขียนถึง “ภูเขา” ของคุณสมเถา มากกว่า “สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา” ของขุนนาง NGO ที่ออกมาไล่ๆ กัน


ตลกดีนะครับที่บุคคลชั้นนำแห่ออกมาประสานเสียงเรื่องการสร้างความเป็นธรรมในสังคม ไม่ว่าอานันท์ ปันยารชุน (ตัวแทนชนชั้นนำสายพิราบ) หมอประเวศ วะสี, ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม (คู่หูดูโอขุนนาง NGO)


น่าหัวร่อที่ทั้งอานันท์และหมอประเวศพูดถึง “ทางสายกลาง” หลังจากมีการรัฐประหาร ตุลาการภิวัตน์ ทำลายพรรคการเมืองและผู้นำทางการเมืองของคนชนบท แล้วก็ใช้อำนาจเผด็จการพลเรือนปราบปรามกวาดล้างพวกเขา คุณกลับมาพูดถึง “ทางสายกลาง” และ “อนาคตร่วมกัน”


ยังกะโฆษณาขายประกัน “เราคือพลังสร้างอนาคต”


“อนาคตร่วมกัน” ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินขั้นร้ายแรงเนี่ยนะ หมอประเวศยังเสนอตั้ง “คณะกรรมการอิสระและสมานฉันท์ (ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินขั้นร้ายแรง)” อีกต่างหาก


ปากว่าตาหยิบนะครับ ไม่เห็นมึใครเรียกร้องให้เลิก พรก.ฉุกเฉินโดยเร็ว แม้แต่พวกขาวลออ ที่เรียกร้องให้ตั้งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบข้อเท็จจริง ยังแกล้งๆ ลืมข้อเรียกร้องให้เลิก พรก.ฉุกเฉิน แล้วมันจะอิสระได้ไง


หมอประเวศพูดถึงปฏิรูปประเทศไทย ไพบูลย์เรียกว่าวาระประเทศไทย อานันท์เรียกว่าวาระประชาชน เร่งแก้ไขปัญหาความไม่สมดุลของการกระจายรายได้ ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงและโอกาส ฯลฯ


ทั้งหมดนี้ พวกท่านทั้งหลายหวังว่าจะทำให้สำเร็จได้ภายใต้ “ระบอบอภิสิทธิ์(ชน)”


ฝันไปเถอะครับ


คุณสมเถาเขียนด้วยทัศนะที่มองโลกในแง่ดีว่า อภิสิทธิ์เข้าใกล้ฝันเหล่านั้นมากกว่าแกนนำเสื้อแดง นั่นคือคุณสมเถายังมองอภิสิทธิ์ในแง่ตัวบุคคลมากกว่า “ระบอบ” ที่อภิสิทธิ์เป็นตัวแทนของระบอบอุปถัมภ์ ชนชั้นนำ รัฐราชการ ทหาร ตุลาการ อำมาตย์ ถามว่าคนเหล่านี้หรือที่จะผลักดันให้เกิดการปฏิรูปประเทศไทย วาระประเทศไทย ประชาธิปไตยสมบูรณ์ ฯลฯ


การมองภาพตัวบุคคลบนโพเดียมเป็นแค่ภาพลวงตา ด้วยคำพูด ด้วยอากัปกิริยา อภิสิทธิ์แสดงออกเหมือนผู้นำรุ่นใหม่ที่มีจิตใจประชาธิปไตย แต่ถามว่าพฤติกรรมในการขึ้นสู่อำนาจตั้งแต่ ม.7 มาถึงตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร มันแสดงออกถึงอะไร อภิสิทธิ์เมื่อปี 35 หรืออภิสิทธิ์เมื่อปี 51 กับอภิสิทธิ์วันนี้ไม่ใช่คนเดียวกันนะครับ อำนาจเปลี่ยนคนได้ไม่ว่าทักษิณหรือใครก็ตาม


แต่เอาเถอะ ตัวบุคคลยังไม่สำคัญเท่าระบอบ ต่อให้อภิสิทธิ์อยากปฏิรูป คนชั้นกลางวาดฝันว่าจะปฏิรูป โดยร่วมมือกับกองทัพ อำมาตย์ ชนชั้นนำ กลุ่มทุน (สองสูงแบบเจ้าสัวซีพีเอาไหม) สร้างความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ กระจายรายได้ กระจายโอกาส ถามว่าเป็นจริงไปได้หรือ


คุณไปบอกเจ้าสัวแบงก์กรุงเทพฯ ขอกำหนดส่วนต่างดอกเบี้ยเงินกู้เงินฝากก่อนได้ไหม คุณไปบอกกองทัพที่ได้งบประมาณเพิ่ม 2 เท่าใน 4 ปีหลังรัฐประหาร ลดกำลังพลลดงบซื้ออาวุธลงได้ไหม คุณไปบอกพลเอกเปรมเลิกความฝันอยากเห็นกองพลทหารม้าที่ 3 ก่อนตาย ได้ไหม คุณไปบอกตุลาการว่าขอขึ้นเงินเดือนข้าราชการส่วนอื่น ไม่ขึ้นให้ตุลาการที่สูงปรี๊ดอยู่แล้ว ได้ไหม


นี่แค่ยกตัวอย่างจิ๊บๆ ไม่ต้องพูดถึงการกระจายอำนาจ การตรวจสอบอำนาจ ที่เป็นหลักประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์


เพราะอันที่จริงคนชั้นกลางก็ไม่ต้องการประชาธิปไตยสมบูรณ์อยู่แล้ว เพียงต้องการ “ประชาธิปไตยอำนาจพิเศษ” เพื่อปกป้องโลกอันแสนสุขของตนที่ประนีประนอมอยู่กับระบอบอุปถัมภ์ กระนั้นก็ยังทะลึ่งคิดว่า “ประชาธิปไตยอำนาจพิเศษ” นี้แหละ จะสร้างความเป็นธรรมให้สังคมได้


ความอยุติธรรม


ผมอ่านข้อเขียนของอานันท์ หมอประเวศ ไพบูลย์ เหมือนกันอยู่อย่างคือพูดถึงความปรองดอง เยียวยา แต่ไม่มีใครพูดถึง “ความยุติธรรม”


ถามว่าทำไมต้องพูดกันจังเรื่องความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ การกระจายรายได้ เห็นว่าเสื้อแดงลุกฮือขึ้นมาเพราะจน อย่างนั้นหรือ โอเค อาจไม่ได้บอกว่ารับจ้างม็อบ อาจมองในแง่ดีขึ้นมาหน่อยว่าเพราะคนชนบทยากจน ฝากความหวังกับนโยบายประชานิยมของทักษิณ จึงรักทักษิณ สู้เพื่อทักษิณ


นั่นมันสี่ปีที่แล้วครับ ไม่ใช่ พ.ศ.นี้ สี่ปีที่แล้วคนชนบทรักทักษิณ คนจนคนชั้นล่างรักทักษิณ แต่สี่ปีผ่านไปมันมีอะไรเกิดขึ้นมากมาย


สี่ปีที่ผ่านไป จากความรักทักษิณ มันพัฒนาไปเป็นความรู้สึกว่าทักษิณไม่ได้รับความยุติธรรม ผู้นำที่เขาเลือกมาไม่ได้รับความยุติธรรม พรรคการเมืองที่เขาเลือกไม่ได้รับความยุติธรรม และพวกเขาเองก็ไม่ได้รับความยุติธรรม ถูกเลือกปฏิบัติ สองมาตรฐาน “ไม่มีเส้น”


เขาชนะเลือกตั้งแล้วถูกแย่งยึดอำนาจ ด้วยรัฐประหาร ด้วยตุลาการภิวัฒน์ สองครั้งซ้อน ทั้งล้มรัฐบาล ทั้งยุบพรรค และเมื่อออกมาต่อสู้บนท้องถนน ก็ถูกเลือกปฏิบัติจากชนชั้นนำ ชนชั้นกลาง และกองทัพ จนถูกปราบสองปีซ้อนอีกเช่นกัน


ถามว่าคนเรา ทั้งที่เห็นป้าย “เขตใช้กระสุนจริง” ยังไม่กลัวตาย มันเพียงเพราะหวังจะได้ประชานิยมหรือครับ มีใครมั่งยอมตายเพื่อ 30 บาท กองทุนหมู่บ้าน SML หรือเงิน 5 หมื่นที่ทักษิณสัญญาถ้าได้กลับมาเป็นรัฐบาล


คนชั้นกลางดูหมิ่นน้ำใจคนชนบทมากไป ที่เชื่อว่าพวกเขายอมตายเพราะรักทักษิณ หรือเพราะผลประโยชน์ ไม่ได้มองว่าความสัมพันธ์ระหว่างทักษิณกับมวลชนเสื้อแดงเปลี่ยนไปแล้ว มันไม่ใช่แค่รัก ไม่ใช่เพราะชอบนโยบาย แต่มันกลายเป็นความรู้สึกร่วมอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน ถูกกระทำเหมือนๆ กัน คับแค้นเหมือน ๆกัน


ความรักไม่ทำให้คนบ้าบิ่นไม่กลัวตายหรอกครับ มีแต่ความโกรธ เกลียด คับแค้นแน่นอก ที่เผชิญมาด้วยตนเอง จึงทำให้คนลุกขึ้นสู้พร้อมจะแลกชีวิต


ความอยุติธรรมและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ต่างหากที่ทำให้เสิ้อแดงพร้อมพลีชีพ กระทั่งพร้อมจะสู้ต่อไปทุกรูปแบบ ไม่ว่าใต้ดินบนดิน ท่านทั้งหลายพูดถึงความปรองดอง เยียวยา แต่ไม่พูดถึงความยุติธรรม แล้วจะปรองดองกันได้อย่างไร


ฉะนั้นก็เชิญปรองดองกันไปข้างเดียวเถอะครับ จะปฏิรูปประเทศไทยจะกระจายความเป็นธรรมอะไร ก็เชิญทำกันตามสบาย เพราะคนเสื้อแดงไม่ร่วมมือ คนชั้นกลาง “เสรีนิยม” อย่างผมก็ไม่ร่วมมือ เพราะผมไม่เชื่อการปฏิรูปโดย “ระบอบอภิสิทธิ์(ชน)” หรือ “ประชาธิปไตยอำนาจพิเศษ” ที่พูดอย่างนี้ไม่ใช่เชื่อว่า “ระบอบทักษิณ” จะปฏิรูปได้ แต่ผมเชื่อในการละลายขั้วอำนาจ-ทุกขั้ว ให้ลงมาอยู่ติดดิน มันจึงจะเกิด “ประชาธิปไตยสมบูรณ์” ที่ประชาชนมีอำนาจอย่างแท้จริง


อย่างไรก็ดี วันนี้โอกาสเป็นของพวกท่านแล้ว ที่จะร่วมมือกับ “ระบอบอภิสิทธิ์” ปรับโครงสร้าง ปฏิรูปประเทศไทย สร้างความเป็นธรรม หลังจากปราบเสื้อแดงได้สำเร็จ โดยคนเสื้อแดงหรือคนชั้นกลางเสรีนิยม คงจะได้แต่นั่งเอาเท้าแช่น้ำรอรับส่วนบุญ ถ้าพวกท่านทำสำเร็จ


แต่บอกก่อนนะครับ โอกาสนั้นคงไม่ยาวนานนัก ท่านต้องเร่งสร้างความเป็นธรรมขนานใหญ่เลยล่ะ ระหว่างส่งทหารลงไปตรึงพื้นที่สีแดงไม่ให้โงหัว แต่ถ้าเขาโงหัวได้เมื่อไหร่ โอกาสของพวกท่านก็หมด


ผมชอบใจที่สนธิ ลิ้มทองกุล เปรียบอภิสิทธิ์เป็น The Last White Hope มีคนท้วงว่าสนธิพูดผิด ชื่อหนังคือ The Great White Hope แต่ผมเชื่อว่าสนธิรู้และจงใจเหน็บ เพราะจริงๆ คือ Last


เพียงแต่ White ไม่น่าจะหมายเฉพาะประชาธิปัตย์ แต่หมายถึงคนชั้นกลาง ชนชั้นนำ และอำมาตย์ ที่มีอภิสิทธิ์เป็นความหวังสุดท้ายจริงๆ


หลังจากนั้น คนดำครองหมดทั้งวงการมวย นาสเกตบอล ฟุตบอล ทั้งอเมริกันและซอคเกอร์... สนธิรู้อยู่แก่ใจ


ใบตองแห้ง

4 มิ.ย.53

.......................
ขอบคุณที่อ่านและวิเคราะห์ อย่างเปิดใจ เปิดอคติตนเองครับ


Create Date : 07 มิถุนายน 2553
Last Update : 7 มิถุนายน 2553 23:33:24 น. 9 comments
Counter : 432 Pageviews.

 
งืมๆๆๆๆๆๆ

สงครามที่เพิ่งเริ่มต้น...และยังไม่เริ่มต้น
เราไม่มีทางรู้ว่า คลื่นใต้น้ำจะใหญ่โตทะลักทลายแค่ไหน
แต่ไม่ว่าจะเป็นคลื่นลูกขนาดใด มันก็สามารถจมเรือสำราญให้พลิกคว่ำได้ถ้าพัดพาให้เรือนั้นไปกระแทกหินโสโครกได้

ฉัตรยิ่งดูภาพการณ์ของรัฐบาล นับวันยิ่งเห็นความลำเอียง เอาแต่ใจ จัดการเบ็ดเสร็จไปเสียทุกเรื่องที่เห็นตรงกันข้ามกับตน และทำอย่างไม่สนว่าใครจะมองอย่างไรด้วย ตราบใดที่คนกรุงเทพฯ ยังเห็นดีเห็นงามกับรัฐ....ทำเหมือนกับว่า ไม่มีใครจะทำอะไรพวกเค้าได้อีกแล้ว

แน่นอนว่า...ฉัตรอยากเห็นบ้านเมืองสงบ อยากเห็นความปรองดองที่แท้จริง และจริงใจ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากรัฐไม่มีความจริงใจ....

ระเบิดเวลา ก็ยังคงซุกอยู่ใต้พรมอยู่ยังงั้นเอง...เห้อ


โดย: ณ ปลายฉัตร วันที่: 8 มิถุนายน 2553 เวลา:14:49:37 น.  

 
สวัสดีค่ะ
ช่วงนี้ฝนตกลงมาบ้างแล้ว
ภูมิอากาศกำลังทำหน้าที่ของมันตามกลไกล แม้จะเถลไถลไปบ้าง
ไม่ว่าวันนี้จะเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดของเราหรือไม่..
แต่เราก็ต้องมีความหวัง..และกำลังใจเสมอ
จริงมั้ยคะ


โดย: ณ ปลายฉัตร วันที่: 10 มิถุนายน 2553 เวลา:16:50:34 น.  

 
+++จริงครับ


โดย: yutcemsign วันที่: 12 มิถุนายน 2553 เวลา:22:27:41 น.  

 
ฉัตรเชียร์เยอมันอ่ะค่ะ ชอบนานแระ
แม้จะไม่ได้แชมป็ก้อยังชอบนะ ฮี่ๆๆๆ
แต่คงไม่ได้ตามดูทุกวัน ทุกแมตซ์ทุกรอบหรอกค่ะ
เอาเท่าที่ดุได้ ไม่ได้คาดหวัง และไม่ได้อะไรด้วย
แค่ชอบ...แค่มีทีมที่เราเชียร์ เท่าันั้นเองแหละ เอิ๊กๆๆ

ขอให้สนุกกับการดูบอลโลกนะคะ
ช่วงนี้รีแล็กซ์หน่อยนะคะ อิอิ


โดย: ณ ปลายฉัตร วันที่: 12 มิถุนายน 2553 เวลา:22:54:40 น.  

 
เพิ่งมาเยี่ยม ป่วยเปงหวัดสะงั้นค่ะ อิอิ
มีความสุข อย่าเจ็บ อย่าไข้นะคะ


โดย: ณ ปลายฉัตร วันที่: 16 มิถุนายน 2553 เวลา:12:49:23 น.  

 
ดีคร่า เห็นมั้ยๆ เยอรมันเข้ามาแล้วน๊า
คุณเชียร์ใครไม่เชียร์ มาเชียร์บราซิล เชือ่มะว่า บราซิลเปงทีมที่ฉัตรมะชอบเลยอ่ะ ส่วนเหตุผลก้อบร้าบอมากๆ ค่ืะ ...เพราะบราซิลคนชอบเยอะแล้ว ฮี่ๆๆๆ
เยอรมันได้แชมป็หรือป่าวไม่ใช่ปัญหา ขอแค่ได้เชียร์ก้อสุขแร๊ว ฮี่ๆๆๆ


โดย: ณ ปลายฉัตร วันที่: 30 มิถุนายน 2553 เวลา:20:13:32 น.  

 
ดีค่ะ ไม่ได้มาทักทายหลายวันเลย อิอิ
ก่อนอื่นต้องขอบคุณสำหรับพรวันเกิดค่ะ
วันนี้มาเชียร์เยอรมันสุดตัวค่ะ ส่วนใหญ่คนเชียร์สเปนเน๊อะ คิคิ

อย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอด้วยนะคะ ^ ^
ฝันดีมากมายคร่า ....


โดย: ณ ปลายฉัตร วันที่: 8 กรกฎาคม 2553 เวลา:0:16:15 น.  

 
ตะเอ๋ค่ะ
นอนหลับไปอ๊ายังคะ
ฉัตรมาส่งเข้านอน หลับฝันดีนะคะ ฮี่ๆๆ


โดย: ณ ปลายฉัตร วันที่: 15 กรกฎาคม 2553 เวลา:0:08:28 น.  

 
บล๊อกนี้ฉัตรจองเลยนะเนี้ย อิอิ

เม้นอยุ่คนเดียวเลย เอิ๊กๆๆๆ
สบายดีนะคะ วันนี้อากาศดี ฝนตก แต่ไม่รู้ว่ารถจาติดมั้ย ถ้าไม่ติดก้อไปไหนมะได้ ต้องเดินไปเหนื่อยนะนั่น อิอิ


โดย: ณ ปลายฉัตร วันที่: 16 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:53:13 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

yutcemsign
Location :
สิงห์บุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add yutcemsign's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.