ยังคงติดเกมและเล่นเฟสมากกว่า อาจไม่ค่อยมาตอบคอมเม้นท์นะคะ

ยาคูลท์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 30 คน [?]




ข้าพเจ้าเป็นสุข และเชื่อว่าใครก็ตามซึ่งมีรสนิยมในการอ่านหนังสือดี ย่อมสามารถทนต่อความเงียบเหงาในทุกแห่งได้ -- วาทะของท่านมหาตมะ คานธี


Book Archive by Group



หมายเหตุ: โซน Romance และ การ์ตูน ยังไม่ทำเพราะมีน้อย


Group Blog
 
 
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
7 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ยาคูลท์'s blog to your web]
Links
 

 
Shutter Island โดย Dennis LeHane

สำนักพิมพ์: Harper Perennial
พิมพ์: เดือนกันยายน 2009 (พิมพ์ครั้งแรก 2003), 400 หน้า

ปี 1954 เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์สหรัฐ..เท็ดดี้ แดเนี่ยลส์ (Teddy Daniels)..และคู่หูคนใหม่..ชัค อูล (Chuck Aule)..นั่งเฟอรี่ข้ามไปที่เกาะชัตเตอร์ ที่ตั้งของโรงพยาบาลแอชคลิฟฟ์สำหรับอาชญากรโรคจิต เพื่อสืบคดีคนหาย

ราเชล โซแลนโด (Rachael Solando) เป็นแม่ม่ายเสียสติที่ปลิดชีวิตลูกสามคนของตัวเอง เธอหายตัวไปจากห้องขังติดล็อค ผ่านจุดเฝ้ายาม ผ่านจุดชุมนุมของเจ้าหน้าที่พยาบาล และยามเฝ้าประตูตึกไปในตอนดึกโดยไม่มีใครสังเกตเห็น ไม่มีร่องรอยที่บริเวณรอบนอก สิ่งเดียวที่เหลือไว้คือกระดาษปริศนา

THE LAW OF 4

I AM 47
THEY WERE 80

+YOU ARE 3

WE ARE 4
BUT
WHO IS 67?


ขณะที่พายุเฮอริเคนครั้งใหญ่ปิดตายการเข้าออกของเกาะ ตัดช่องการสื่อสารทั้งหมด เท็ดดี้พบพิรุธหลายอย่างในคดีนี้ ยืนยันทฤษฎีเดิมของเขาว่าอาจมีการผ่าตัดทดลองลับกับคนไข้ และอาจมีคนไข้รายที่ 67 อย่างที่เรเชลทิ้งเบาะแสไว้เป็นรหัสตัวเลข

และเท็ดดี้เชื่อว่าคนไข้รายที่ 67 คือแอนดรูว์ แลดดิส (Andrew Laeddis) ฆาตกรโรคจิตที่วางเพลิงอพาร์ตเม้นท์ ฆ่าดอโรเลส ชานัล (Dolores Chanal) ภรรยาสุดที่รักซึ่งเท็ดดี้ยังฝันถึงเสมอด้วยความรักอาลัย เขาตั้งปฏิญาณว่าจะไม่ไปจากเกาะจนกว่าจะเจอแลดดิส

แต่เคยมีใครได้ไปจากเกาะนี้แน่หรือ?

* * * * * * * *


เรื่องเล่าผ่านตัวละครเอก เท็ดดี้มาสืบคดีคนหายในห้องปิดตาย..บนเกาะที่มีสภาพปิดตายอีกต่างหาก เขาพบเรื่องน่าสงสัยเต็มไปหมด เช่น ทุกคนดูไม่แตกตื่นกับการหาคนไข้ ขอดูเอกสารอะไรก็ไม่ได้ หมอชื่อชีฮานได้ออกจากเกาะหลังราเชลหายไป

เรื่องเริ่มซับซ้อนขึ้น เมื่อเท็ดดี้เปิดเผยกับคู่หูว่าเขาอยากมาเกาะนี้ตั้งนานแล้ว หลังอดีตคนไข้ชื่อ George Noyce บอกว่ามีการผ่าตัดทดลองกับคนไข้โรคจิต แต่โรงพยาบาลมีผู้หนุนหลังมากไป นักการเมืองคนหนึ่งเลยส่งเขามาสืบข่าวเป็นการลับ

นอกจากนี้ เท็ดดี้ยังมีแรงจูงใจส่วนตัวด้วย นั่นคือตามหาแลดดิส..ตัวการที่ทำให้ภรรยาเขาตายในกองเพลิง ตามข้อมูล แลดดิสถูกโอนมาโรงพยาบาลบนเกาะนี้ แล้วทุกอย่างก็หายไปแค่นั้น หาข้อมูลเพิ่มไม่ได้เลย

บรรยากาศในเรื่องน่าขนลุกมากขึ้น เมื่อเกิดพายุปิดตายเกาะ คนไข้ที่สัมภาษณ์รายนึงแกล้งทำเป็นป้ำเป๋อ แต่พอเผลอก็เขียนไว้ว่า "หนีไปซะ" มีกองหินที่ราเชลน่าจะทิ้งไว้เป็นปริศนาตัวเลขอีกชุด ฯลฯ
และสุดท้าย เท็ดดี้พบจอร์จ นอยซ์..ซึ่งควรจะอยู่นอกเกาะ..ในวอร์ดซีสำหรับคนไข้อาการรุนแรง

... อ่านถึงตรงนี้แล้วก็เริ่มนึกถึง The Island of Dr. Monroe ขึ้นมายังไงไม่รู้ โดยเฉพาะบรรยากาศที่เริ่มแรกก็ดูปกติแบบมีคลื่นใต้น้ำ แล้วเรื่องก็พลิกไปมาให้เราสับสนงงงวย จนสรุปว่าสิ่งที่ตาเห็นเริ่มเชื่อไม่ได้อีกต่อไป

และเชื่อไม่ได้สุดๆ ในกรณีของนิยายเรื่องนี้ คนแต่งไม่ได้โกงด้วย เพราะเขาใส่เบาะแสไว้ตลอดเรื่อง ขึ้นอยู่กับว่าคนอ่านช่างสังเกตแค่ไหน
(จขบ. อ่านแบบว่าไงว่าตามกัน เลยสนุกและเซอร์ไพรซ์สุดชีวิต ยิ่งกลับมาดูก็ยิ่งทึ่งกับเบาะแสที่ทิ้งไว้)

เล่มนี้จัดเป็นแนวหลอนที่จับเอาประเด็นของจิตใจมนุษย์มาเล่นได้ดีและน่าเศร้ามากค่ะ อ่านแล้วทึ่งคนแต่งว่าทำให้พล็อตเรื่องแนวฆาตกรรมกลายเป็นแนวเศร้าชวนสลดได้



* * * * Spoil นะจ้ะ * * * *

ปริศนา:
The Law of 4
แก้ด้วยการใส่ตัวเลขตามลำดับตัวอักษร แล้วเอาเลขมาบวกกัน
เช่น I am 47
I คือ Rachel >> R(18)+A(1)+C(3)+H(8)+E(5)+L(12) =47

67 หมายถึงคนไข้รายที่ 67 ไม่ใช่แค่ 66 คนตามที่พวกหมอบอก
ที่เหลือเป็นจำนวนคนที่เข้าไปหาเบาะแสในห้องของราเชล
แต่ยังติดตรงเลข 80 แฮะ ... ไม่เห็นเฉลยเลย


จุดที่ประทับใจ

- เรื่องแปลกคือ 'ความจริง' กลับอยู่ในความฝันของเท็ดดี้ ในขณะที่เหตุการณ์ในโลกความเป็นจริงกลับเอาแน่ไม่ได้

- Bad Sailor
ในความฝันหนึ่ง เท็ดดี้ฝันถึงลูกสาวของราเชล และเห็นป้ายสุสานชื่อตัวเองสลักคำว่า bad sailor เด็กหญิงถามว่าทำไม เท็ดดี้บอกว่าเพราะเขาไม่ชอบน้ำ
... มีอธิบายตอนหลังว่า bad sailor หมายถึงการที่เขาพลาดสัญญาณเตือนทุกอย่างในครอบครัว เขาเป็นกลาสีที่พาให้เรืออัปปาง

- ช่วงหน้า 222 ดร. คอว์ลีย์คุยกับเท็ดดี้ หมอเป็นห่วงสภาพจิตของเท็ดดี้ ซึ่งผ่านการรบมาแล้วสองสมรภูมิ ได้เหรียญกล้าหาญมากกว่าใคร แล้วพอหมดศึก ก็เกิดเรื่องกับครอบครัวเขา
"And then your wife was killed? How much violence, Marshal, do you think a man can carry before it breaks him?"
... ประโยคสุดท้ายโดนใจมาก


เนื้อเรื่องส่วนที่เหลือ (ไว้อ่านเอง ไม่แนะนำสำหรับคนอยากอ่านหนังสือ):

เท็ดดี้กับชัคแอบเข้าไปในวอร์ดซีสำหรับคนไข้อาการรุนแรง ชัคแยกไปหาประวัติของแลดดิส เท็ดดี้เจอจอร์จ นอยซ์..ซึ่งควรจะอยู่นอกเกาะ..ในสภาพถูกซ้อม หลังจากนั้น ชัคก็หายตัวไป

เท็ดดี้หลบไปตามสันทรายที่ปรากฎตอนน้ำลด เขาเจอถ้ำและผู้หญิงที่อ้างว่าชื่อราเชล (ก่อนหน้านี้ โรงพยาบาลพาเท็ดดี้ไปดู 'ราเชล' ที่เจอตัวแล้ว) ราเชลยืนยันว่ามีการใช้ยาเพื่อให้คนเสียสติ อาการที่เธอบอกคล้ายกับอาการที่ชัคเป็นในช่วงหลัง เพราะเขาเคยขอยาแก้ปวดหัวจากดร. ครอว์ลีย์

เท็ดดี้วางแผนหนีจากเกาะเพื่อออกไปเปิดโปงความจริงกับทางการ สิ่งที่เขากลัวคือโดนจับวางยาให้เหมือนคนบ้า ซึ่งคนนอกอาจเชื่อได้ไม่ยาก..ถ้าสมมติว่าชัค "เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุกลางพายุ" เป็นเหตุให้เท็ดดี้ที่ซึมเศร้ากับการจากไปของภรรยาอยู่แล้วกลายเป็นคนเสียสติเพราะทนรับไม่ไหว

เนื่องจากเรือโดนเฝ้าอย่างแน่นหนา เท็ดดี้บุกไปที่ประภาคาร..จุดที่เขาเชื่อว่าเป็นที่ทำการผ่าตัดลับ..เพื่อช่วยชัค แต่ดร. คอว์ลีย์รอเขาอยู่แล้ว พร้อมความจริงทั้งหมด

..นั่นคือ...
ทุกอย่างเป็นจินตนาการของคนไข้จิตเภท แอนดรูว์ แลดดิส
ไม่เคยมีคนไข้ชื่อราเชล โซแลนโด ไม่เคยมีเจ้าหน้าที่เท็ดดี้ แดเนี่ยลส์

รหัสตัวเลขที่เท็ดดี้พบช่วงหลัง คือ
13(M)+21(U)+25(Y)+18(R)+1(A)+5(E)+8(H)+15(O)+9(I)
ถอดได้ความว่า YOU ARE HIM

Andrew Laddis = Teddy Daniels
Rachel Solando = Doroles Chanal
ทั้งสองชื่อเป็นอะนาแกรม

แอนดรูว์ แลดดิสเป็นทหารผ่านศึกที่กลับมาเป็นเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์จริงในอดีต เขาพบรักแท้กับภรรยา..ดอโรเลส ชานัล..เหมือนที่เท็ดดี้ฝันถึงภรรยา แต่ดอโรเลสตัวจริงมีปัญหาทางจิต เธอเผาอพาร์ตเม้นท์ในบอสตันโดยบังเอิญ แพทย์แนะนำให้ทั้งคู่ย้ายไปเมืองที่สงบกว่านั้น
แอนดรูว์ห่างเหินจากภรรยาไปทุ่มเทให้งานและเหล้า มองข้ามสัญญาณเตือนทุกอย่าง แม้แต่สิ่งที่ลูกๆ สามคนเล่าว่าแม่แปลกไป

วันหนึ่ง เขากลับมาพบว่าดอโรเลสจับลูกสามคนกดน้ำตาย (คดีแบบเดียวกับราเชลในจินตนาการของเขา) เขาจึงยิงภรรยา และกลายเป็นคนเสียสติที่โรงพยาบาลรับมาตั้งแต่ปี 1952

ดร. คอว์ลีย์รับเฉพาะคนไข้อาการรุนแรงที่สุด แอนดรูว์คือคนไข้ที่เขาเสี่ยงด้วย ถ้าหลังการสร้างฉากและการเผชิญหน้าในประภาคารแล้ว เขาเลิกหนีความจริงและไม่กลับไปสร้างจินตนาการอีก ดร. คอว์ลีย์จะพิสูจน์ได้ว่าการรักษาด้วยวิธีผ่าตัดไม่จำเป็นเสมอไป

พวกเขาผ่านการจำลองเหตุการณ์นี้มาแล้วหลายรอบ หมอจึงรู้รายละเอียดทั้งหมดอยู่แล้ว ประภาคารเป็นฉากสุดท้าย เท็ดดี้กลับไปนอนและฝันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง และตื่นขึ้นมาในฐานะแอนดรูว์

ฉากสุดท้ายในเรื่อง เท็ดดี้เดินไปคุยกับชัค ดร. คอว์ลีย์กับเจ้าหน้าที่หลายคนอยู่ในสนาม ชัคมองพวกเขาแล้วส่ายหัว พวกนั้นเดินมาทางเท็ดดี้กับชัค เท็ดดี้คิดว่าเขาเห็นโลหะบางอย่างในกองผ้าขาวที่เจ้าหน้าที่ถืออยู่






Create Date : 07 ธันวาคม 2552
Last Update : 7 ธันวาคม 2552 6:22:57 น. 9 comments
Counter : 2273 Pageviews.

 
อยากอ่านค่ะ อุตส่าห์อดใจไม่อ่านสปอยล์ แต่ไม่รู้จะมีใครเอามาแปลมั้ย Y-Y


โดย: หมูย้อมสี IP: 112.142.49.212 วันที่: 7 ธันวาคม 2552 เวลา:9:37:35 น.  

 
ท่าทางจะเครียดมิใช่น้อย
แต่ก็น่าอ่านอยู่เหมือนกัน


โดย: Emotion-P วันที่: 7 ธันวาคม 2552 เวลา:10:26:52 น.  

 
ใช่เรื่องเดียวกะที่หนังกำลังจะเข้ารึเปล่าคะ


โดย: โปรดทำให้ฉันหยุดหัวเราะ IP: 118.175.74.65 วันที่: 7 ธันวาคม 2552 เวลา:14:21:01 น.  

 
โอ้..คุณยาคูลท์
นั่งอ่านตามไป มึนมากๆ
น่าสนใจมากๆค่ะ ซับซ้อนดี
แต่สงสัยจะไม่ใช่แนวเรา..


โดย: nikanda วันที่: 7 ธันวาคม 2552 เวลา:16:53:03 น.  

 
คุณหมูย้อมสี - ดูหนังก็ได้ค่ะ คิดว่าคงไม่มีใครหยิบมาแปลแล้วมั้ง เพราะพิมพ์ตั้งแต่ปี 2003 แล้ว

คุณ Emotion-P - เครียดค่ะ รับรองได้

คุณโปรดทำให้ฉันหยุดหัวเราะ - ใช่ค่ะ

คุณ nikanda - จริงๆ ก็ไม่ใช่แนวเราเหมือนกันค่ะ
แต่พออ่านจบแล้วก็โอเคนะ ผูกเรื่องหลอกคนอ่านดีจัง


โดย: ยาคูลท์ วันที่: 7 ธันวาคม 2552 เวลา:23:09:11 น.  

 
โฮ่ยยยย อยากอ่านมากกกกก
แนวนี้ชอบค่ะ กิกิ

ไปหาซื้อดีกว่า >_<


โดย: Clear Ice วันที่: 8 ธันวาคม 2552 เวลา:7:48:47 น.  

 
เครียด แต่ก็น่าอ่าน


โดย: กล้ายางสีขาว วันที่: 8 ธันวาคม 2552 เวลา:10:38:45 น.  

 
แนวนี้ค่อนข้างเครียดนะคะเนี่ย


โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 8 ธันวาคม 2552 เวลา:16:41:09 น.  

 
มาภาวนาให้มีแปลเร็วๆ อยากอ่านง่ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 9 ธันวาคม 2552 เวลา:12:46:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.